จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,614
“ไม่ใช่ว่าพวกเราจะกลายเป็นเหนือมนุษย์กันเร็วๆ นี้แล้วหรือ?”
แวนเนอร์กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
มันโค่นอสูรในนรกมานานกว่าครึ่งปีแล้ว นับเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา
เส้นเลือดที่ปูดขึ้นบนกล้ามเนื้อ ดูแข็งและทนทานราวกับเหล็กเส้น ทุกครั้งที่เส้นเลือดพองขึ้นบนศีรษะที่ไร้ผม รอยสักจะกระเพื่อมจนทำให้เกิดภาพลักษณ์คุกคามสุดขีด ในบางแง่มุมอาจดูเหมือนอสูรยิ่งกว่าอสูรเสียอีก
นี่คืออิทธิพลของทักษะ <เกราะเหล็กคลั่ง> ที่ได้รับจากคลาสระดับห้า
สุดยอดทักษะที่ผู้เล่นสายแทงค์ ไม่สิ ผู้เล่นคลาสนักรบทุกคนล้วนปรารถนา
เกราะเหล็กคลั่งคือทักษะติดตัวที่จะเพิ่มพลังป้องกันและโจมตีอย่างมาก รวมถึงช่วยลดระยะหน่วงของทักษะบางชนิดลง แลกมากับการสูญเสียพลังชีวิตอย่างต่อเนื่อง
แต่สำหรับคลาสตัวแทงค์ระดับห้าที่มีค่าความถึกทนสูง ทักษะดังกล่าวสามารถเปิดใช้งานได้ตลอดเวลาโดยแทบไม่ส่งผลเสีย
“อย่าทำหน้าจริงจังแบบนั้น ฉันนึกว่านายเป็นมอนสเตอร์ เกือบฆ่าทิ้งไปแล้ว”
ข้อเสียเดียวของ ‘เกราะเหล็กคลั่ง’ คือรูปลักษณ์ภายนอก
ขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์เดิมของตัวละคร เนื่องจากมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น บรรยากาศรอบตัวอาจเปลี่ยนไป ดังเช่นแวนเนอร์ในปัจจุบัน
แน่นอน แวนเนอร์ชื่นชอบรูปลักษณ์นี้และไม่ได้มองเป็นข้อเสีย ออกจะตรงกันข้ามด้วยซ้ำ
มันเชื่อว่าผู้ชายหัวล้าน กล้ามโต สักลาย และเคราดก คือลูกผู้ชายที่สง่างาม
หลักฐานยืนยันก็คือ แวนเนอร์จงใจตกแต่งตัวละครด้วยรอยสักและเคราเมื่อครั้งเริ่มสร้างตัวละคร
“หืม เสียงอะไร? เสียงของพวกนู๊บ? ได้ยินไม่ชัดเลย ยังกับเสียงแมลงหวี่ตอมขี้”
แวนเนอร์อาจเฝ้าฝันอยากเป็นชายชาตรีมาดเท่ แต่เมื่ออยู่ในกลุ่มผองเพื่อน มันมักทำตัวเป็นเด็ก ชอบจิกกัดป็อนที่ยังเลื่อนเป็นคลาสระดับห้าไม่ได้เพราะต้องตายเกือบทุกครั้งในศึกระหว่างจอมอสูรหลักเดียว
เรกัสพูดแทนป็อนที่มิอาจหาคำมาโต้เถียง
“ถ้าจะมีใครในหมู่พวกเรากลายเป็นเหนือมนุษย์ คนแรกคือยูร่า”
“อา… ใช่”
ตำนานถือกำเนิดจาก ‘ความสำเร็จ’ และ ‘ชื่อเสียง’
หากกริดและกิลด์โอเวอร์เกียร์ล่าบาเอลและชำระล้างนรกสำเร็จ สมาชิกที่มีผลงานโดดเด่นอาจยกระดับตัวเองจนกลายเป็นตำนาน
ในทางกลับกัน เหนือมนุษย์คือตัวตนที่ก้าวไปถึงจุดสูงสุดของวิชาต่อสู้
ต้องฝึกฝนอย่างหนักในทุกวัน ต่อสู้และโค่นศัตรูที่เหนือกว่าอย่างสม่ำเสมอ ใช้ความแข็งแกร่งของตนสร้างอิทธิพลต่อภาพรวมของโลก
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกริด
และชาวโอเวอร์เกียร์ล้วนประจักษ์ด้วยตาตัวเอง
ฝีมือการต่อสู้ของนักล่าอสูรยูร่า ผู้วาดลวดลายในนรกโดยไม่หยุดพักมาตลอดครึ่งปี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับตั้งแต่สองเดือนก่อน พัฒนาการของยูร่าจะก้าวกระโดดทุกครั้งที่โค่นจอมอสูรสำเร็จ
‘แสงทำลายล้าง’ ที่เธอยิงออกมา ขนาดของมันใหญ่กว่าเมื่อครึ่งปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเริ่มชำนาญการใช้งานราชาภูต ซึ่งมีชื่อประหลาดว่าภูตแห่งความว่างเปล่า ขีดจำกัดร่างกายและวิชาดาบของยูร่ามีประสิทธิภาพสูงขึ้นทันที
กุญแจสำคัญที่ช่วยให้คณะสำรวจนรกคว้าชัยในศึกปะทะกับจอมอสูรหลักเดียวอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่มีผลงานโดดเด่นไม่ใช่แค่ลอร์ดแห่งเผ่าพันธุ์ แต่ยังรวมถึงความสามารถอันน่าทึ่งของยูร่า
“หยุดพูดจาไร้สาระกันก่อน พวกมันกำลังจะมาอีกแล้ว”
พักหลัง ลอร์ดแห่งเผ่าพันธุ์เริ่มยอมรับในตัวยูร่า ไม่มีใครปฏิเสธหรือเพิกเฉยต่อคำสั่ง
เมื่อถึงจุดที่ดราโกเนี่ยนลอร์ด บันส์เดล ยอมเรียกยูร่าว่ากัปตัน ชาวโอเวอร์เกียร์ต่างพากันประทับใจ จิสึกะเดินมาตบไหล่พร้อมกับใช้ใบหน้าซุกไซ้อกยูร่าด้วยความยินดี
“…”
ลอร์ดแห่งเผ่าพันธุ์ซึ่งยืนขนาบข้างยูร่าซ้ายขวา กวาดตาไปยังเส้นขอบฟ้าเบื้องหน้า
ท้องฟ้าอันบิดเบี้ยวและผืนดินที่สั่นสะเทือน
กึ่งกลางในแนวนอนเป็นเส้นขอบฟ้าขรุขระประหนึ่งวาดโดยเด็กทารก
ฝุ่นละอองคละคลุ้ง บรรยากาศคล้ายเมฆใกล้ก่อตัว
เป็นผลพวงมาจากการกรีธาทัพของอสูรนับหมื่นตน
ปรากฏการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นซ้ำไปมาหลายหนตลอดสองเดือนหลัง
ยูร่าทราบสาเหตุและต้นตอเป็นอย่างดี
มาร์บาส หนึ่งในขั้วอำนาจหลักของนรก
อสูรที่ต้องสงสัยว่าล่วงรู้ความจริงของนรก และพยายามฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิม
ในฐานะผู้วางตัวอยู่ตรงกลางระหว่างอาโมแรคและบาเอล มาร์บาสมีอำนาจบงการอสูรโดยไม่เกี่ยงสังกัด
แต่ปัจจุบัน อำนาจดังกล่าวกลับตกอยู่ในมือบาเอล
ดูเหมือนว่า บาเอลจะฆ่ามาร์บาสและช่วงชิงพลังไป
“เราจะทำศึกกันห้าชั่วโมง”
“ดีกว่าคราวที่แล้วแฮะ…”
“คนที่มีเนตรบาร์บาทอส คอยสอดส่องการโจมตีจากจอมอสูร”
“ฉันคิดมาสักพักแล้ว ถ้าไม่มีบาร์บาทอส พวกเราคงจบเห่กันตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้วใช่ไหม?”
“บาร์บาทอสอยู่ฝ่ายเราชัดๆ”
ชาวโอเวอร์เกียร์แบ่งออกเป็นสองกลุ่มทันที
เพื่อเตรียมรับมือกับศึกอันยาวนาน
เป็นกลยุทธ์สำหรับผลัดกันสู้เพื่อบริหารค่าเรี่ยวแรง
เฟคเกอร์ที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเงา และจิสึกะที่ถอยไปนั่งด้านหลัง คือสองคนที่สร้างความสมดุลระหว่างทั้งสองทีม
ซู่ว—
ยูร่าหุ้มชุดเกราะและอาวุธด้วยภูตแห่งความว่างเปล่า เปล่งแสงสีส้มคล้ายพลังเทพของกริด
หากเธอแอบอ้างว่าเป็นอัครสาวกของเทพโอเวอร์เกียร์ ก็คงมีคนไม่น้อยที่หลงเชื่อ
ทีมสำรวจนรกทั้งหมดหันมามองแผ่นหลังหญิงสาวเป็นตาเดียว
ด้วยความเชื่อมั่นและหวังพึ่งพา
บุคคลที่ถูกคาดหมายให้กลายเป็นเหนือมนุษย์
ตัวตนที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์
ตัวตนซึ่งมีประสาทสัมผัสเฉียบคมคล้ายอริยดาบ แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมนับว่าสารพัดประโยชน์มากกว่า
มิใช่เพียงเพื่อชำระล้างนรก แต่ยังเพื่อต่อกรกับสวรรค์ในวันข้างหน้า
ไม่มีใครอยากให้กริดแบกรับทุกสิ่งตามลำพังไปตลอด
หากต้องการทำประโยชน์ต่อกริดแม้เล็กเพียงเล็กน้อย คุณสมบัติขั้นต่ำคือการเป็นเหนือมนุษย์
และผู้ที่จะพิสูจน์ศักยภาพดังกล่าวคือยูร่า
ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในนรกเมื่อไม่นับกริด
“ลุยกันเลย”
ยูร่าก้าวออกไปเป็นคนแรก ตามด้วยเหล่าลอร์ดแห่งเผ่าพันธุ์และชาวโอเวอร์เกียร์
ฉากของสัตว์อสูรนับหมื่นตัวที่ได้รับบัฟจากบาเอลจนมีรูปลักษณ์และบรรยากาศน่าสะพรึง มิได้สร้างความหวั่นใจให้คณะสำรวจมากนัก
ตรงกันข้าม ใบหน้าของชาวโอเวอร์เกียร์ต่างเปี่ยมไปด้วยความสุข
การบุกโจมตีของมอนสเตอร์กลุ่มตรงหน้า แข็งแกร่งไม่แพ้มีบาเอลคอยนำทัพด้วยตัวเอง และนั่นหมายถึงค่า EXP ที่จะได้รับอย่างสมน้ำสมเนื้อ
เปรียบดังสปริงบอร์ด ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนทะยานขึ้นฟ้าเหมือนกับตลอดสองเดือนที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน นรกจะเข้าสู่ภาวะสมดุล
เมื่อที่นี่มีอสูรมารวมตัวกันมาก จุดอื่นของนรกก็จะบางตา
ผู้เล่นที่ลงมาเก็บเลเวลในนรก สามารถรอดพ้นจากวิกฤติและมีโอกาสได้ตั้งตัว
เฉกเช่นภัยพิบัติ การโจมตีของจอมอสูรจะเกิดขึ้นโดยไม่มีลางบอกเหตุ
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้เล่นทั่วไปก็ยังยอมเสี่ยงลงมาเก็บเลเวลในนรก
มิใช่ด้วยเหตุผลที่น่ายกย่องอย่าง ‘ต้องการชำระล้างนรก’ แต่เป็นเพราะมีชาวโอเวอร์เกียร์คอยสร้างความอุ่นใจ
“โฮ่… ถัดจากยูร่า เหนือมนุษย์คนต่อไปต้องเป็นเฟคเกอร์แน่”
กี่ครั้งแล้วที่พวกมันถูกสังหารท่ามกลางกองทัพสัตว์อสูร?
จอมอสูรลำดับสิบห้าซึ่งฉวยโอกาสลอบโจมตีคณะสำรวจ ถูกกองทัพเงาของเฟคเกอร์กระหน่ำแทงใส่ลำคอจากทุกทิศ
หลังจากชะงักไปชั่วขณะ มันถูกยูร่าและเหล่าลอร์ดแห่งเผ่าพันธุ์ล้อมกรอบจนแผนลอบโจมตีกลายเป็นหมัน หนำซ้ำยังต้องสู้อย่างโดดเดี่ยว
จอมอสูรตนใหม่ ผู้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนจอมอสูรที่ตายไปในมหาสงคราม
หากไม่มีลิฟต์นรก
หรือหากไม่มีนักล่าอสูรยูร่า พวกมันคงสั่งสมความแข็งแกร่งและความน่าเกรงขาม ได้เร็วกว่าที่ชาวโอเวอร์เกียร์พัฒนาตัวเอง
แต่ในปัจจุบัน ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม
เป็นเพราะทุกคนตั้งใจก้มหน้าทำงานของตัวเอง
เพื่อให้กริดสร้างไอเท็มอย่างสบายใจ ไม่เสียสมาธิไปกับเรื่องไร้สาระ เราต้องทำงานให้หนักกว่าเดิม…
[เทพสงครามเซราทุล เสด็จเยือนโลกกึ่งกลาง]
“…!”
“อะไรกัน…”
ข้อความโลกปรากฏขึ้นหลังจากผู้เล่นในเบ็คส์ มองเห็นเซราทุลเต็มสองตา
เนื้อหาอันน่าตกตะลึงของข้อความประกาศ ทำให้ใบหน้าของชาวโอเวอร์เกียร์ที่กำลังฮึกเหิม กลายเป็นขาวซีดทันที
เทพสงครามเซราทุล
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเกลียดชังกริดเพียงใด ทุกคนคิดตรงกันทันที
การลงมือของเทพสงครามในครั้งนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงมาก แม้หลายเดือนก่อนจะเคยพลาดท่าไปหนึ่งหน
บางคนตอบสนองรุนแรงเป็นพิเศษ โดยเฉพาะดาเมี่ยนและคนที่เคยประจักษ์ความแข็งแกร่งของเซราทุลกับตาตัวเอง
ด้วยข้อความโลกเพียงบรรทัดเดียว กะจิตกะใจที่จะปราบกองทัพอสูรพลันดับมอด สถานการณ์ตรงหน้าถูกมองเป็นเพียงประเด็นรอง หลายคนหาทางรีบกลับไปยังโลกกึ่งกลาง
แต่เพียงไม่กี่วินาทีถัดมา
[เทพโอเวอร์เกียร์กริด พิชิตเทพสงครามเซราทุล]
“…?”
“???”
ความประหลาดใจทวีคูณขึ้นจากเดิม
ชาวโอเวอร์เกียร์ที่สติหลุดไปครึ่งหนึ่ง ฟันอสูรตรงหน้าด้วยสายตาเหม่อลอย
การที่พวกมันยังคงฟันอสูรได้ง่ายดายแม้จิตใจจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทุกคนจัดการกับอสูรไปมากเพียงใด
คนแรกที่ทำลายความเงียบคือเรกัส ชายผู้ขึ้นชื่อด้านการมองโลกในแง่ดี
“ดูเหมือนว่า มิสยูร่าจะได้เป็นเหนือมนุษย์เร็วกว่าที่พวกเราคิด”
เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์จะตามหลังกริดราวสามถึงสี่ก้าวอยู่เสมอ
หากกริดทำลายกำแพงเหนือมนุษย์ได้แล้ว นั่นแปลว่าโอกาสที่พวกมันจะได้เป็นเหนือมนุษย์ก็ใกล้เข้ามาทุกที
***
หลังจากสร้างความสบายใจแก่ประชาชนชาวเบ็คส์
กริดกลับไรน์ฮาร์ททันทีด้วยม้วนคาถาพากลับ
แม้ร่างกายที่บาดเจ็บจะยังไม่ฟื้นตัว แต่ปัจจุบัน ทั่วโลกได้ทราบข่าวคราวความพ่ายแพ้ของเทพสงครามแล้ว
ไม่มีชื่อใดร้อนแรงไปกว่ากริดในเวลานี้
“ฝ่าบาท! สุดยอดมาก! เจ๋งเป้ง! ทรงพระเจริญ!!”
แน่นอน ลอเอลเองก็ทราบข่าว จึงรีบโผกอดกริดพลางแหกปากฟูมฟาย โนเอะเห็นดังนั้นจึงหัวเราะชอบใจ พร้อมกับเสริมว่าตนมีบทบาทสำคัญมากในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ชนะเทพสงครามได้… สุดยอด! ตอนนี้ฝ่าบาทมีระดับทัดเทียมตนสัมบูรณ์แล้วใช่ไหม?”
หลังจากได้ยินเรื่องราวโดยละเอียด ลอเอลกะพริบตาถี่ ดวงตาอันสดใสเปี่ยมไปด้วยความหวัง ราวกับต้องการจะพูดว่า ‘พวกเราไปโค่นบาเอลกันเถอะ!’
กริดยิ้มขื่นขม
“ยังไม่ถึงขั้นตัวตนสัมบูรณ์… ตรงกันข้าม ศึกนี้ทำให้ฉันเห็นข้อบกพร่องของตัวเอง”
กริดยอมสังเวยประกันชีวิตอมตะเพื่อไล่เซราทุลกลับไป
อมตะสิบวินาที
ถึงจะเป็นชัยชนะที่ได้มาเพราะมีบัฟอมตะนานกว่า แต่ก็พูดได้เต็มปากว่า กริดดวลตัวต่อตัวชนะเทพสงคราม
นรก หรือสวรรค์
ผลลัพธ์จะแตกต่างโดยสิ้นเชิง หากกริดต้องบุกไปสู้ในรังศัตรู
ในอนาคต กริดจะได้สู้กับบาเอลหรือเทพสวรรค์แบบตัวต่อตัวหรือไม่?
สำหรับบาเอลอาจเป็นไปได้ เพราะฝ่ายอสูรมิได้กลมเกลียวกันนัก แต่กับเทพสวรรค์คงหมดสิทธิ์
พวกมันมีศูนย์กลางรวมใจเป็นรีเบคก้า
แถมยังมีกองทัพเทวทูต
กริดต้องเผชิญหน้ากับศัตรูจำนวนมากอย่างมิอาจเลี่ยง
และถ้าเป็นสมรภูมิสวรรค์ คงมีตัวตนอีกมากที่แข็งแกร่งกว่าเซราทุลบนโลก
ตัวต่อตัวยังไม่แน่ว่าจะชนะ ถ้าถูกรุมคงหมดสิทธิ์…
‘คราวนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเซราทุลไม่ได้มาคนเดียว…’
กริดเย็นไปทั้งแผ่นหลังเมื่อจินตนาการภาพเซราทุลบุกโลกพร้อมไลฟาเอล
ระดับความยากในการต่อสู้ระหว่างหนึ่งต่อหนึ่ง และหนึ่งต่อสอง แตกต่างราวฟ้ากับเหว โดยเฉพาะกับศัตรูที่มีฝีมือใกล้เคียงกัน
ลำพังการฆ่าให้ได้สักคนก่อนบัฟอมตะหมดก็ว่ายากแล้ว แต่ถึงจะทำได้ กริดคงถูกอีกคนฆ่าทิ้งอยู่ดี
จริงอยู่ ในสถานการณ์ดังกล่าว กริดสามารถอัญเชิญอัครสาวกออกมาช่วยสู้ได้ แต่ชายหนุ่มตัดสินใจว่าจะไม่เสี่ยง จนกว่าตนจะรับมือกับพลังทำลายล้างของ ‘ตัวตนสัมบูรณ์’ ได้ดีกว่านี้
‘…ต้องเร่งมือผลิตเซตเกราะมังกรให้ครบ’
จริงอยู่ นั่นอาจไม่ใช่คำตอบ
ฮายาเตะเคยกล่าวไว้ว่า
ศึกระหว่างตัวตนสัมบูรณ์มักตัดสินกันในพริบตา
เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงแม้แต่น้อย
ดังนั้น ถึงจะสวมเซตเกราะมังกร ก็ใช่ว่าจะ ‘แทงค์’ การโจมตีของตัวตนสัมบูรณ์ไหว
‘…แต่ลองดูก็ไม่เสียหาย’
โอกาสป้องกันสัมบูรณ์ 40% กับ 100% ประสิทธิภาพแตกต่างราวฟ้ากับเหว
นั่นคือสิ่งที่กริดคาดหวังในยามสวมใส่เซตเกราะมังกรเต็มพิกัด
“…?”
กริดที่ดำดิ่งในห้วงความคิด เอนหลังพิงเก้าอี้
ดวงตาของลอเอลผู้พยายามไม่ส่งเสียงรบกวน ค่อยๆ เบิกกว้าง
ทิวทัศน์รอบตัวเริ่มแปรเปลี่ยน
แสงสีขาวพรั่งพรูออกจากหัวใจกริด ลอยลงบนพื้นและเปลี่ยนเป็นเหล็กกล้า
ท่ามกลางโลกที่ขยายขนาด เหล็กกล้าปริมาณมหาศาลเริ่มกองสุมประหนึ่งภูเขา
หุบเขาเหล็กกล้า
โลกจินตภาพของเทพโอเวอร์เกียร์
ณ ช่องว่างระหว่างหุบเขาที่สูงเสียดฟ้า กริดซึ่งกำลังนั่ง สัมผัสถึงความร้อนที่พวยพุ่งจากหน้าอก
หัวใจฟีนิกซ์แดงทำการสูบฉีดลาวาร้อนเข้าไปในหัวใจกริด
ปุดปุดปุดปุด—
ภูเขาเหล็กกล้าเริ่มหลอมละลายเพราะความร้อน ไหลลงมาด้านล่างประหนึ่งน้ำตกโลหะ
แต่ภูเขามิได้ลดขนาดลง
เพราะเหล็กกล้ายังคงพรั่งพรูออกจากหัวใจกริดราวกับไม่มีวันหมด
น้ำตกโลหะตอบสนองต่อเจตจำนงของกริด หลอมรวมเป็นชุดเกราะห่อหุ้มร่างกายชายหนุ่มนับสิบนับร้อยชั้น
ทุกครั้งที่ชุดเกราะซ้อนทับ ภาพจะพร่ามัวจนยากจะมองเห็น
แต่ลอเอลผู้กำลังยืนจ้องในระยะไม่ห่าง สัมผัสได้อย่างชัดเจน
ฝ่าบาทกำลังสวมชุดเกราะนับร้อย…
กระทั่งโลกจินตภาพก็ยังเป็นพลังแห่งไอเท็ม…
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059 ★ ★ จบบริบูรณ์ ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
Comments
Post a Comment