จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,612
หากแสงสว่างมีอยู่ทุกคนแห่ง ความมืดย่อมไม่หลงเหลือจุดยืน
การที่ความมืดยังดำรงอยู่ แปลว่าแสงเลือนหายไปในบางจุด
และเหตุผลที่แสงหายไป เพราะที่นั่นยังขาดความศรัทธา
‘ไอ้พวกนอกรีต…’
คลื่นแสงที่สร้างจากดาบศักดิ์สิทธิ์สิบแปดเล่ม
ฉากดังกล่าวทั้งงดงามและศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าใครได้เห็นเป็นต้องเกิดความศรัทธาจากก้นบึ้ง
ทว่า เหล่ามนุษย์กลับเอาแต่หลับตาและหันหลังให้แสงสว่าง
เซราทุลมองเห็นอย่างชัดเจน ว่ามนุษย์กว่า 87,598 คนซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นแสงสว่าง เอาแต่ปิดตาสนิทด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
ฉากดังกล่าวทำให้มันเดือดดาลสุดขีด
ถึงตนจะเป็นเทพผู้ถือกำเนิดจากการความปรารถนาอันแรงกล้าของผู้คน เป็นเอกเทพผู้ไม่มีสิ่งใดข้องเกี่ยวกับเทพธิดารีเบคก้า
แต่ต้องไม่ลืมว่า รีเบคก้าคือผู้สร้างโลก
เซราทุลศรัทธาในตัวรีเบคก้า
จึงมิอาจทนดูภาพที่เหล่ามนุษย์ผู้ถือกำเนิดจากความเมตตาของรีเบคก้า ปฏิเสธและแสดงท่าทีรังเกียจแสงสว่าง
เบือนหน้าหนีเพราะสว่างเกินไป?
เป็นการดูหมิ่นอย่างร้ายแรง เป็นบาปมหันต์
เปรี้ยง!
หลังจากคลื่นแสงถูกกริดฟันขาดเป็นสองส่วน พวกมันกระจายตัวไปทุกทิศตามเจตจำนงของเซราทุล
นำทางโดยบรรดาดาบศักดิ์สิทธิ์
ดาบศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบแปดเล่มพุ่งถล่มฝูงชนจนเกิดระเบิดแสงสว่างเป็นระยะ
แต่ก็เหมือนทุกที ผู้ที่คอยปกป้องมนุษย์คือกริด
ชายหนุ่มเปิดใช้งาน ‘ถ้อยคำนักคุณธรรม’ เพื่อสร้างสายฝนยุทธภัณฑ์ ปิดกั้นเส้นทางโจมตีของดาบศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบแปดอย่างแม่นยำ
ศาสตรานับพันปะทะกับดาบศักดิ์สิทธิ์จนเกิดระเบิด ชุดเกราะและโล่นับพันคอยลดทอนแรงกระแทกจากแสงสว่าง
แม้ในท้ายที่สุด อนุภาคแสงที่กระจัดกระจายจะหลุดเข้าไปทำร้ายผู้คน แต่ก็ถูกสกัดกั้นไว้ด้วยกำแพงสายฟ้าของโนเอะที่กางปกคลุมทั้งเมือง
“โนเอะปกป้องทาสของนายท่านสำเร็จ!”
ด้วยความช่วยเหลือจากสภาลำดับสี่ เบ็ตตี้ โนเอะผู้สามารถดึงพลังของศิลาอัสนีมาใช้ได้มากกว่าเดิม กำลังเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
เมื่อตระหนักว่าตนปกป้องผู้คนสำเร็จ เป็นธรรมดาที่จะดีอกดีใจ
ขณะเดียวกัน ความหวาดกลัวภายในจิตใจผู้คน ถูกเปลี่ยนให้เป็นปราณอสูรเพื่อช่วยขยายร่างกายโนเอะ
โนเอะอ้าปากกว้างพร้อมกับพุ่งเข้าหาเซราทุล
ในฐานะที่เคยเล่นซนกับแฮชลิ่งอยู่พักใหญ่
จะให้หวาดกลัวเทพก็คงจะใช่เรื่อง
โนเอะหวังกลืนเซราทุลเข้าไปในคำเดียว เพื่อโอนถ่ายค่าสถานะบางส่วนไปให้กริด
แต่ความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป สุดท้ายกลายเป็นโทษ
“แอ๊พ!”
โนเอะมิอาจเข้าใกล้เซราทุล
พลังเทพไร้สีที่แผ่ออกจากร่างกายเซราทุล ทำหน้าที่คล้ายกับบาเรียทางธรรมชาติ
แตกต่างจากเทพทั่วไปที่ปราศจากความศักดิ์สิทธิ์ เซราทุลไม่ใช่ศัตรูที่สัตว์อสูรอย่างโนเอะ จะเผชิญหน้าด้วยความกล้าหาญเพียงอย่างเดียว
แม้บาเรียล่องหนจะมองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้ แต่มันก็สร้างปรากฏการณ์ที่แข็งแกร่ง
“แง่ง… โนเอะไม่ยอม!”
โนเอะที่ร่างกายโชกเลือด พึมพำเสียงต่ำหลังจากกริดส่งเจตจำนงเพื่อเรียกตัวกลับ
โนเอะทราบดี
เทพตนนี้แข็งแกร่งมาก
ระดับตัวตนสูงกว่าศัตรูทั้งหมดที่กริดเคยเผชิญหน้ามา
แต่โนเอะไม่อยากหนี
มันทราบดี สาเหตุที่กริดไม่อัญเชิญแรนดี้และโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ออกมา เพราะทั้งสามไม่มีประโยชน์ในสถานการณ์ปัจจุบัน
ดังนั้น โนเอะจึงไม่อยากทำตามคำสั่งกริด ไม่อยากหันหลังหนีศัตรู
มันไม่อยากเห็นกริดต่อสู้ตามลำพัง และตายไปตามลำพัง
ความตายของเทพมีบทลงโทษรุนแรงเพียงใด โนเอะเข้าใจแจ่มแจ้ง
อย่างน้อย มันขอร่วมสู้จนถึงที่สุด
หลังจากแข็งแกร่งขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากคุณย่าเบ็ตตี้ โนเอะสาบานต่อหน้าคุณย่าว่า ตนจะปกป้องกริดอย่างสุดความสามารถ
คุณย่าเบ็ตตี้ลูบหัวและตอบว่า เธอภูมิในใจตัวโนเอะมาก และชมว่าโนเอะเป็นเม็มฟิสที่พิเศษกว่าใคร
“…มดปลวก”
เสียงหนึ่งดังแว่ว
ทันใดนั้น ศีรษะของโนเอะผู้ต่อต้านการยกเลิกอัญเชิญของกริด ถูกบางสิ่งคว้าไว้แน่น
เสียงเมื่อครู่ ดังขึ้นหลังจากที่ภาพการมองเห็นของโนเอะ กลายเป็นสีดำโดยสมบูรณ์
โนเอะเพิ่งตระหนักได้เมื่อสาย ว่าตนถูกเซราทุลจับตัวไว้
อย่างไรก็ดี โนเอะพบโอกาสในวิกฤติ
แม้ความเจ็บปวดจะกำลังแล่นไปทั่วร่าง เพราะผิวหนังเริ่มฉีกขาดด้วยอิทธิพลจากบาเรียทางธรรมชาติรอบตัวเซราทุล แต่ปากของโนเอะยังคงขยับเขยื้อน
มันดีใจที่อีกฝ่ายช่วยร่นระยะห่างให้สั้นลง
“…แง่งงงงงงง!!”
ทักษะการ ‘ข่วน’ และ ‘ปล่อยกระแสไฟฟ้า’ ของโนเอะสามารถสำแดงผลในพริบตา
เวลาร่ายไม่ถึง 0.1 วินาที และระยะหน่วงไม่ถึง 0.1 วินาทีเช่นกัน
นี่คือความยอดเยี่ยมของสัตว์อสูรอันดับหนึ่งแห่งขุมนรก
เม็มฟิสเป็นสัตว์ที่ดุร้าย จนแม้แต่จอมอสูรก็ยังยากจะรับมือ เป็นธรรมดาที่ทักษะพื้นฐานจะไม่มีเวลาร่ายและระยะหน่วง
แต่ก็เปล่าประโยชน์
การโจมตีของโนเอะ ไม่แม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนให้กับบาเรียทางธรรมชาติของเซราทุล
ความเร็วในการเหวี่ยงกรงเล็บและปลดปล่อยไฟฟ้าของโนเอะ เชื่องช้าอย่างมากในสายตาเทพสงคราม
ปึด!
เส้นเลือดปูดขึ้นบนหลังมือเซราทุลข้างที่บีบศีรษะโนเอะแน่น
แม้โนเอะจะตัวใหญ่ขึ้นมาก แต่แนวคิดเชิงมวลและปริมาตรใช้ไม่ได้กับเทพสวรรค์
มือของเซราทุลอาจเล็กกว่าหัวโนเอะราวสิบเท่า แต่ก็สามารถบีบให้สมองระเบิดได้ในพริบตา
ไม่สิ มันทำได้แค่คิด
“…!”
เซราทุลรีบถอยหลังหนึ่งก้าว ปล่อยมือข้างที่จับหัวโนเอะ และใช้อีกข้างจับคว้าบางสิ่งในอากาศ
ท่าทางคล้ายกำลังป้องกันใบดาบอันคมกริบ
ในเวลาเดียวกัน บาเรียพลังเทพไร้สีรอบตัวเซราทุล หลั่งไหลมารวมกันในฝ่ามือเซราทุลข้างที่เคยจับโนเอะ ก่อตัวกลายเป็นดาบล่องหน
แม้โนเอะจะได้รับอิสระมาสักพัก แต่เส้นขนบนศีรษะกลับยังคงยุบเป็นรอยมือเซราทุล
กล่าวคือ กระแสเวลาของเซราทุล ไหลไปเร็วกว่าโนเอะมาก
ก่อนที่เส้นขนบนศีรษะโนเอะจะฟูกลับทรงเดิม เซราทุลสับดาบล่องหนในมือด้วยความเกรี้ยวกราด
ปราณดาบอันทรงพลัง ผ่าผืนโลกออกเป็นสองซีกในพริบตา
เป็นรอยแยกขนาดมหึมาที่ใหญ่จนชวนให้นึกถึง ‘ห้วงนรก’
ผืนแผ่นดินที่มิอาจทนต่อแรงปะทะ ปริแตกเป็นลายใยแมงมุมหลายพันหลายหมื่นชั้น อาคารบ้านเรือนมีชะตากรรมต้องพังถล่ม
หากเทพธรณีคาริออนไม่ช่วยฟื้นฟูไว้ได้ทันท่วงที เกรงว่าเมืองเบ็คส์คงต้องถูกลบออกจากแผนที่
‘เจ้านั่น…!’
เซราทุลถอยหลังหนึ่งก้าว สายตากวาดมองรอบผืนดินที่ถูกซ่อมแซมในพริบตา
ท่วงท่าการเดินบนอากาศช่างสง่างามเหนือพรรณนา
แต่สีหน้าของเซราทุลขัดแย้งกับมาดโดยสิ้นเชิง
มันกำลังถูกครอบงำด้วยอารมณ์ เฉกเช่นมนุษย์ที่มันพร่ำดูแคลน
เป็นเรื่องเข้าใจได้
นั่นเพราะดาบล่องหนของกริด ยังคงจู่โจมใส่เซราทุลโดยไม่หยุดพัก
ด้วยรูปร่างอันแปลกประหลาด ดาบของกริดไม่เพียงจะฟันผ่านอากาศ แต่ยังมีกลไกทำให้กระแสอากาศที่ไหลผ่านไป ช่วยผลักกริดจากด้านหลังจนความเร็วเพิ่มขึ้น
เซราทุลมองออกทันที
แต่ถึงอย่างนั้น มันต้องถอยหลังถึงสองก้าวจึงจะหลบพ้น
เซราทุลโกรธจัดจนหน้าแดงก่ำ ดาบล่องหนในมือ ถูกห่อหุ้มด้วยพลังเทพไร้สีในปริมาณที่หนาแน่นกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน มันได้ยินคำอ้อนวอนบางอย่างจากเทพธรณีคาริออน
แต่เซราทุลมิได้แยแส
เพียงหมายฟันร่างกริดที่กำลังจะบุกเข้ามา ให้ขาดเป็นสองท่อนในพริบตา
ด้วยการโจมตีนี้ อีกฝ่ายไม่มีทางหลบพ้น หรือต่อให้รับการโจมตีไว้ได้ กริดก็จะถูกทำลายไปพร้อมกับดาบ
เซราทุลไม่เคยแยแสว่าโลกจะถูกทำลายหรือไม่
เพราะในท้ายที่สุด ขณะต่อสู้บนโลกกึ่งกลาง มันสูญเสียบารมีเทพไปหลายส่วน
ด้วยอำนาจในปัจจุบัน เซราทุลไม่มีพลังพอจะทำลายโลกทั้งใบ อย่างมากก็หายไปแค่บางส่วน
มนุษย์อาจมีที่อยู่อาศัยน้อยลงก็จริง แต่นั่นสำคัญกับตนด้วยหรือ?
จนถึงตอนนี้ เส้นขนบนหัวโนเอะก็ยังไม่ฟูขึ้น
โลกที่โนเอะเห็นยังคงมืดมิด
‘เทพสงครามเซราทุล… จับหัวและปิดตาเราไว้’
กระแสความคิดของโนเอะยังคงค้างคาอยู่ในจุดดังกล่าว
ไม่สิ มันยังไหลไปตามปรกติ เพียงแต่กระแสเวลาของเซราทุลถูกซอยย่อยเป็นหลายส่วนจนดูผิดเพี้ยน
โลกภายนอกยังคงเป็นปรกติ
กระแสเวลาไหลไปตามครรลอง ความคิดของโนเอะและคนทั่วไป แล่นด้วยความเร็วทัดเทียมกัน
ณ กึ่งกลางโลกที่ยังเป็นปรกติ
ฉึบ!
เซราทุลผู้ดำรงอยู่บนกระแสเวลาพิเศษ แกว่งดาบของมันอีกครั้ง
ดาบล่องหนขนาดมหึมา ฟันทำลายมวลอากาศโดยรอบจนไม่เหลือซาก
มันจ้องเล่นงานจุดแข็งด้านความเร็วของกริด ด้วยจิตสังหารอันท่วมท้นของเทพสงคราม
…!
ผืนธรณีส่งเสียงกรีดร้องอย่างเงียบงัน
เมื่อมิอาจทนต่อแรงปะทะ พื้นโลกถูกทำลายอย่างราบคาบอีกครั้ง
ในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า ฝุ่นผงรอบเมืองจะคละคลุ้งฟุ้งกระจายเต็มท้องฟ้า โลกจะถูกปกคลุมด้วยฝุ่นเหลืองไปอีกหลายวัน
เทพธรณีคาริออนไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น
เมื่อตระหนักถึงหน้าที่ของตน และตระหนักถึง ‘ขีดจำกัดด้านเวลาของเทพสงคราม’ คาริออนกัดฟันทนต่อความเจ็บปวด เค้นบารมีเทพเพื่อสมานผืนโลกที่แตกสลายกลับเข้าด้วยกันอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน เส้นขนบนหัวโนเอะเริ่มฟูขึ้น
เซราทุลเริ่มเข้าใจสถานการณ์เมื่อสาย
‘พวกมังกรเสียสติไปแล้ว…?’
ย้อนกลับไปในตอนที่กริดซึ่งเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตี หลบการโจมตีแรกของเซราทุลพ้น มันจำใจยอมรับแม้จะไม่อยาก
การจะมีพลังระดับนี้ได้ ความสำเร็จที่ผ่านมาย่อมไม่ธรรมดา…
เซราทุลเปิดใจยอมรับในตัวกริด ทั้งที่พยายามปฏิเสธมาตลอด
แต่หลังจากกริดหลบการโจมตีที่สองพ้น เรื่องราวแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ดวงตาเซราทุล เอาแต่จดจ่ออยู่กับเกราะแขนและเกราะกางเกงของกริด
ชุดเกราะที่คล้ายกับจำลองจากเกล็ดมังกร
เซราทุลทราบดี วัสดุที่ใช้สร้างพวกมันคือเกล็ดมังกร เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีประสิทธิภาพน่าทึ่ง
แต่ไม่คิดว่าจะยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้
ทนรับปราณดาบที่สามารถทำลายโลกได้?
ในทำนองเดียวกัน เซราทุลนึกประหลาดใจกับวงจรเวทมนตร์ที่ไหลเวียนรอบถุงมือ
พลังเวทไหลเวียนได้รวดเร็วจนน่าตกตะลึง ประหนึ่งวงจรเวทในหัวใจมังกรก็มิปาน
สำหรับปรากฏการณ์เช่นนี้ หากไม่เกิดจากฝีมือหัวใจมังกรโดยตรง ก็ต้องเกิดจากเจตจำนงที่มังกรเหลือทิ้งไว้
เห็นได้ชัดว่าถุงมือเกล็ดมังกรซึ่งบางครั้งก็เป็นสีเทา บางครั้งก็สีแดง มีพรมังกรปกคลุมอย่างหนาแน่น
หรืออย่างน้อย แขนทั้งสองข้างของกริดก็มีความคงทนและพละกำลังระดับเดียวกับมังกร
ไม่สิ ยิ่งกว่านั้นอีก เพราะถูกเสริมด้วยร่างกายที่สั่งสมบารมีเทพของกริด
เซราทุลเพิ่งตระหนักได้
“เป็นฝีมือของมังกรเสียสติตัวไหนกัน…”
ยอมเสียสละตัวเองเพื่อมอบพลังให้กริด?
ทำไปทำไม?
เหตุใดกริดถึงเป็นที่รักมากขนาดนี้?
ท่ามกลางความริษยาและคำถามที่ไม่มีคำตอบ เซราทุลเริ่มสัมผัสถึงวิกฤติ
เทพสงครามผู้ลงมายังโลกกึ่งกลางโดยแบกรับผลข้างเคียง ในใจกำลังปั่นป่วนสุดขีด
ประสาทสัมผัส ร่างกาย และสติของเซราทุลถูกพันธนาการไว้หลายระดับ
แต่ในทางกลับกัน กริดที่ย่างกรายเข้าหาอย่างเงียบงัน กำลังสุขุมเยือกเย็นสุดขีด
กริ๊ง—
เสียงกระดิ่งที่ดังกังวานคือเครื่องพิสูจน์
เจ้านี่ยังไม่ได้เอาจริง…
เซราทุลเข้าใจได้ถูกต้อง
นี่คือครั้งแรกที่กริดงัดท่ารำดาบผสานหกชนิดออกมาใช้
จริงอยู่ ในการโจมตีทั้งสองครั้งของเซราทุล กริดได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายจุด มีทั้งกระดูกไหปลาร้าแตก ลำคอและหน้าอกเกิดแผลฉกรรจ์ เอวถูกฟันไปกว่าครึ่ง
แต่มือทั้งสองข้างยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์
จิตวิญญาณการต่อสู้ของกริด ผู้เปิดใช้งานพลังอักขระและบัฟเต็มสูบ ยังคงร้อนแรงไม่แปรเปลี่ยน
ร่างกายที่เคลื่อนไหวได้เชื่องช้ากว่าปรกติแม้จะพึ่งพาชุนโป
ท่ามกลางโลกที่กระแสเวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า ชายหนุ่มนึกทบทวนคำแนะนำของฮายาเตะ
พลังทำลายอันท่วมท้น
‘ห้ามเปิดโอกาสให้ฟื้นฟูเด็ดขาด’
การโจมตีอันแผ่วเบาแต่เน้นจำนวน คือพฤติกรรมที่เปล่าประโยชน์
ห้ามคิดถึงสิ่งใดนอกจาก ‘สังหารในดาบเดียว’
ในเมื่อโจทย์เป็นเช่นนั้น
“สยบมังกรทำลายล้างคลื่นร่ายรำสังหาร!”
นี่คือคำตอบเดียว
[คุณสมบัติ <กลิ่นอายอริยดาบ> ถูกเปิดใช้งาน]
[คุณสมบัติ <สุดยอดวิชาต่อสู้> แสดงผล]
“คึ่ก…!”
ฟ้าว—!
เสียงสายลมพัดกระโชก
ผู้คนหลายหมื่นบนพื้นดินที่กำลังสั่นสะเทือน พร้อมใจกันแหงนมองท้องฟ้าโดยไม่มีเหตุผล เช่นเดียวกับโนเอะผู้มีสีหน้าสับสน
กลุ่มก้อนพลังเทพสีส้มซึ่งดูคล้ายใกล้ดับมอด กำลังพุ่งลงมายังด้านล่างประหนึ่งดาวตก
ไม่ใช่ใครนอกจากกริด
เลือดที่สาดกระเซ็นของเทพจักรพรรดิ ฉาบผืนนภาให้กลายเป็นสีแดงฉาน
“น…นายท่าน…!”
“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท!!”
ศัตรูหนนี้แข็งแกร่งเกินไป
อีกฝ่ายเป็นถึงเทพสงคราม
ต่อให้พระองค์พ่ายแพ้ ใครจะกล้าตำหนิติเตียนพระองค์?
โนเอะและผู้คนต่างเร่งความเร็วสุดฝีเท้า มุ่งหน้าไปยังจุดตกของกริด
ในเวลาเดียวกัน
แสงสว่างสีส้มแผ่ปกคลุมท้องฟ้าสูงอันเงียบสงบ
ที่นั่นเต็มไปด้วยแสงหลากสีของกระบวนท่ารำดาบ มีทั้งแดง เทา และโปร่งใส
ดูราวกับมังกรเสียสติกำลังกวัดแกว่งเขายาวและขย้ำเขี้ยวใส่ศัตรูอย่างบ้าคลั่ง
ภาพตกค้างของกริด
ร่องรอยการต่อสู้ของเทพโอเวอร์เกียร์ ผู้เผชิญหน้ากับเทพสงครามตามลำพังในกระแสเวลาที่คนทั่วไปมองไม่เห็น
[เทพโอเวอร์เกียร์กริด พิชิตเทพสงครามเซราทุลผู้เสด็จเยือนโลก]
ข้อความโลกที่ปรากฏขึ้นตามหลัง แจ้งผลลัพธ์ที่แท้จริงให้ทุกคนทราบ
นี่แหละชัยชนะและความภูมิใจของโลก 55ตายซะเถอะเซราทุล!!!
ReplyDelete