จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,327
แพ็กม่า - โลกจดจำว่าชายคนนี้คือช่างตีเหล็กที่ยอดเยี่ยม ผลงานของมันเป็นอมตะและควรค่าแก่การยกย่องไปตราบนานเท่านาน
แพ็กม่า - ในบางครั้งก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเลว แต่ให้คนคิดเช่นนั้นก็ไม่ผิด เพราะแพ็กม่าเคยหักหลังเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในโลกเพื่อประโยชน์ของมนุษย์ส่วนรวม
แพ็กม่า - ในวินาทีที่โลกเผชิญวิกฤติ มันมองเห็นด้านลับของเทพ แต่ด้วยความที่ต้องอยู่ตัวคนเดียว จึงต้องต่อสู้ตามลำพังโดยไม่มีใครให้พึ่งพา
แพ็กม่า - ท้ายที่สุด มันลงเอยด้วยการทำพันธสัญญากับจอมอสูรโดยใช้ดวงวิญญาณของตนเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน แพ็กม่ายอมกระทำเรื่องต่ำทรามอย่างการขุดหลุมศพอดีตวีรบุรุษ และอ้างว่านั่นคือวิธีเดียวที่จะช่วยโลก
(อาาาาา… โอววววว…)
กริด - ชายหนุ่มผู้สืบทอดวิชาของแพ็กม่าและได้เกิดใหม่ จึงรู้สึกขอบคุณแพ็กม่าจากก้นบึ้งหัวใจ
กริด - ทุกครั้งที่ได้ทราบถึงความยิ่งใหญ่ของแพ็กม่า เขาจะทวีความเคารพนับถือในตัวอีกฝ่าย
กริด – ชายหนุ่มผิดหวังในตัวแพ็กม่าเมื่อทราบเรื่องที่มันเคยทำกับบราฮัม
กริด – หลังจากได้เผชิญหน้ากับอัศวินความตายของอดีตตำนานบนหมู่เกาะเบเฮ็น ชายหนุ่มยิ่งทวีความเกลียดชังในตัวแพ็กม่ามากขึ้นจากเดิม
> จงดูเขาเป็นเยี่ยงอย่าง แตกต่างจากเจ้าที่พยายามพึ่งพาข้าในวาระสุดท้าย ชายคนนี้เอาชนะขีดจำกัดได้ด้วยพลังใจของตัวเอง… หวังว่าสักวันเจ้าจะทำแบบนั้นได้บ้างนะ คึฮ่าฮ่า! คึฮะฮะฮ่า!!
(อาาาาาา… โอวววววว….)
แพ็กม่า – ชายผู้ต้องต่อสู้ตามลำพังบนหมู่เกาะเบเฮ็นตลอดหลายวันหลายคืน เพื่อรับมือกับกองทัพอสูรที่ถาโถมเข้าใส่ประหนึ่งสึนามิ จนกระทั่งหมดแรงและล้มลง
กริด – ยิ่งเวลาผ่านไป ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจหัวอกแพ็กม่าผู้ต่อสู้เพื่อมวลมนุษย์และคนอ่อนแอ ทั้งที่ตัวเองเกิดมาในชาติตระกูลสูงส่งอย่างยังบัน (ครึ่งเทพ) อย่างไรก็ตาม กริดยังคงไม่เสื่อมคลายความเกลียดชังในตัวแพ็กม่า ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเป็นยังบัน แต่เพราะแพ็กม่าใช้วิธีสุดโต่งเกินไปในการทำเพื่อคนส่วนรวม มักอ้างความชอบทำในการสังหารหรือสังเวยใครบางคนอย่างโหดร้ายเสมอ
แพ็กม่า – มันขับไล่กองทัพนรกและปกป้องโลกไว้ได้สำเร็จ นั่นยิ่งทำให้แพ็กม่าเชื่อว่า เส้นทางที่ตนเลือกเดินไม่ใช่สิ่งที่ผิด ไม่สิ กล่าวให้ชัดก็คือ แพ็กม่าหลอกตัวเองให้เชื่อเช่นนั้น
แต่ท้ายที่สุด มันมิอาจเก็บซ่อนความสำนึกผิดจนต้องหลั่งน้ำตาแห่งความโศกเศร้าอย่างโดดเดี่ยว
ย้อนกลับไปในยามที่โลกวุ่นวาย แพ็กม่าเคยรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ สิ่งนั้นก่อตัวเป็นความไม่เชื่อใจและกลายเป็นบ่อเกิดของการสังหารเพื่อนสนิทที่เป็นเผ่าอสูร
กริด – เมื่อได้เห็นร่างของบราฮัมถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีในก้อนน้ำแข็ง ชายหนุ่มสัมผัสถึงความห่วงใยและสำนึกผิดจากก้นบึ้งของแพ็กม่าได้ชัดเจนกว่าใคร และนั่นทำให้เขาเริ่มเห็นใจอีกฝ่าย
แพ็กม่า – หลังจากเสียชีวิต วิญญาณของมันถูกส่งลงนรกโดยปราศจากการขัดขืน แพ็กม่ายอมรับความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานที่ตนต้องชดใช้
กริด – ส่วนชายหนุ่ม…
> แพ็กม่าเอ๋ย เจ้าเลือกเดินทางผิด! ชายคนนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว! คึคึก! คึฮ่าฮ่า!! จงหวนโหยให้ยิ่งกว่านี้! แผดความเศร้าออกมา! จงจมอยู่กับความโศกเศร้าและเจ็บปวดไปตลอดกาล!
มีความสุขขนาดนั้นเลยหรือไง?
สีหน้าท่าทางของบาเอลเปี่ยมด้วยความยินดีปรีดาขณะใช้มือจับวิญญาณโหยหวนดวงหนึ่ง
วิญญาณดวงหนึ่ง ไม่ใช่ใครนอกจากแพ็กม่าที่กำลังดิ้นรนเพื่อไม่ให้ตัวเองหมดสติ จะได้ไม่ลืมบาปของที่ตนเคยก่อไว้แม้แต่วินาทีเดียว
ความพยายามในการครองสติของแพ็กม่าได้ก่อให้เกิดความเจ็บปวดที่ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตาย
> คึฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! คุฮะฮ่าฮ่าฮ่า!
ได้เห็นดวงวิญญาณแพ็กม่าที่พยายามคงสภาพ บาเอลอดหัวเราะอย่างมีความสุขไม่ได้
หากแพ็กม่าปล่อยให้สติหลุดลอย มันจะหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงและเข้าสู่การพักผ่อนอันเป็นนิรันดร แต่แพ็กม่ากลับทำในสิ่งตรงกันข้าม เลือกเจ็บแทนที่จะจบ ภาพเช่นนี้ทำให้บาเอลมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
เป็นอีกครั้งที่บาเอลตระหนักถึงสัจธรรมที่มันเคยค้นพบ
การทำให้คนดีทุกข์ทรมาน คือเรื่องที่น่าสนุกเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด
> เจ้ามันโง่… เป็นไอ้โง่ของแท้! แต่นั่นก็ทำให้ข้ามีความสุขมากเช่นกัน!!
(อาาาาา… โอว…..)
ยิ่งวิญญาณแสดงอาการเจ็บปวดมากเพียงใด เสียงหัวเราะของบาเอลก็ยิ่งกังวาน
“แกกำลังหัวเราะเยาะใคร?”
กริดผู้เงียบงันมานาน ตัดสินใจเปล่งเสียงเป็นหนแรก
เมื่อบาเอลเห็นว่ากริดจ้องตน เสียงหัวเราะของมันหยุดลงราวกับเมื่อครู่เป็นเพียงภาพมายา
ดวงตาสีเข้มที่มิอาจจำแนกระหว่างตาดำและรูม่านตา พลันส่องแสงและจ้องไปยังใบหน้าของคนขลาดที่เงียบงันมานานเพราะความหวาดกลัว
บาเอลคิดว่าตนสามารถข่มกริดได้ด้วยการจ้องมองเพียงอย่างเดียว
แต่มันคิดผิด
สาเหตุที่กริดเงียบมานานมิใช่เพราะหวาดกลัว แต่เป็นเพราะตกอยู่ในภาวะหมดสติเนื่องจากถูกทำลายโลกจินตภาพอย่างฉับพลัน
“คนชั่วช้าอย่างแกกล้าดียังไง…”
[ราชาโอเวอร์เกียร์ กริด กำลังเขียนมหากาพย์บทที่เก้า]
“…กล้าดียังไงถึงได้หัวเราะเยาะวีรบุรุษ”
[แพ็กม่า]
[ช่างตีเหล็กผู้สร้างตำนานที่ไม่มีวันเลือนหาย]
[คนทั่วโลกต่างพูดถึงและชื่นชมผลงานของเขา]
> วีรบุรุษ? ผู้ที่เพิกเฉยศีลธรรมและเชื่อใจมนุษย์จนเกินพอดี มีค่ามากพอจะเป็นวีรบุรุษเชียวหรือ?
[บางคนตำหนิเขา บางคนวิจารณ์เขา]
[แต่บางคน…]
“แม้ว่าระหว่างทางจะเกิดข้อผิดพลาดไปบ้าง แต่ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือ… เขาปกป้องโลกไว้ได้”
[ราชาโอเวอร์เกียร์ กริด ยกย่องเขาในฐานะวีรบุรุษ]
[แพ็กม่าอาจเคยสังเวยคนบริสุทธิ์ไปมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือคนที่ปกป้องโลกสำเร็จ]
“แพ็กม่า…”
กริดส่งเสียงเรียกดวงวิญญาณของแพ็กม่าอย่างแผ่วเบา
ชายหนุ่มถอดมงกุฎและความอัปยศของทาลิม่าออก สางเส้นผมที่เปียกโชกด้วยเหงื่อและเลือดให้เรียบร้อย จากนั้นก็โค้งศีรษะให้ดวงวิญญาณแพ็กม่าอย่างนอบน้อม
“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา”
(……)
> …?!
ดวงตาบาเอลพลันเบิกโพลง
เสียงโหยหวนที่ควรจะแผดการกรีดร้องของแพ็กม่า กลับหยุดลงชั่วขณะ
ขณะบาเอลมองไปมาระหว่างกริดและดวงวิญญาณด้วยสีหน้าตกตะลึง ชายหนุ่มมอบคำมั่นสัญญา
“ช่วยอดทนก่อน… ผมสัญญา… ว่าสักวันจะมอบโอกาสให้คุณได้กล่าวขอโทษบราฮัมด้วยตัวเอง”
(…ม…มังกร)
[แพ็กม่าในอดีต ผู้ต้องคอยปกป้องโลกอย่างเดียวดายโดยไม่มีใครเคียงข้าง]
[ช่างตรงข้ามกับกริดในปัจจุบัน ผู้ที่สามารถต่อสู้ร่วมกับพวกพ้องมากมาย]
[สิ่งที่ให้กำเนิดกริดทุกวันนี้ กำลังจะกลายเป็นอดีตที่แสนสำคัญของกริด]
> เจ้าทำได้ยังไง!?
บาเอลถึงกับตะลึงเมื่อเห็นพลังใจที่เข้มข้นแผ่ออกจากดวงวิญญาณของแพ็กม่า ซึ่งควรจะทำได้เพียงดิ้นรนครองสติและร้องโหยหวนไปวัน ๆ
[ท่านได้รับวิชาดาบแพ็กม่า ‘มังกร’]
[วิชาดาบชนิดนี้ถูกจำแนกอยู่ในหมวดย่อย ‘วิชาดาบกริด’ หากใช้งานได้อย่างชำนาญ ท่านสามารถพัฒนาให้กลายเป็นหนึ่งในวิชาดาบกริดที่แท้จริงได้]
กริดอ้าแขนรับพลังใจของแพ็กม่าโดยไม่ขัดขืน
[ราชาโอเวอร์เกียร์ กริด เสร็จสิ้นการเขียนมหากาพย์บทที่เก้า!]
[หลังจากเรื่องราวที่ไม่มีใครเคยได้ทราบถูกเปิดเผย ตำนานของแพ็กม่าจะถูกพูดถึงมากขึ้น]
[ไอเท็มทุกชิ้นที่สร้างโดยแพ็กม่า จะเพิ่มเกรดขึ้นจากเดิม]
[แสงแห่งความหวัง กำลังสว่างไสวท่ามกลางดวงวิญญาณที่เคยเผชิญเพียงความโศกเศร้าและเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผู้มอบแสงสว่างดังกล่าวคือราชาโอเวอร์เกียร์ กริด]
[ตำนานบทสุดท้ายของแพ็กม่า ถูกสลักลงบนหนึ่งในมหากาพย์ของราชาโอเวอร์เกียร์กริด]
> นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…?
ขณะจ้องกริด ดวงตาของบาเอลเริ่มเปี่ยมด้วยความฉงน
ดวงวิญญาณของแพ็กม่ามีพลังใจมากขึ้น และกริดก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด
มันเริ่มตระหนักว่า พลังอสูรและความร้อนระอุภายในนรก มิอาจสะกดพลังของกริดได้อีกต่อไป
“ยูร่า”
“อื้อ”
ฉากการพบกันครั้งแรกระหว่างแพ็กม่าและกริด ยูร่าจะบันทึกความทรงจำอันล้ำค่านี้ตลอดไป
หญิงสาวเปลี่ยนปืนพกให้กลายเป็นไรเฟิล
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเตรียมต่อสู้ กริดรีบส่ายหน้า
“เธอหนีไป”
“…”
“ฉันคงหนีไม่รอดแล้ว… เธอรอดสักคนก็ยังดี”
ทั้งสองต่างทราบดี ตอนนี้บาเอลมุ่งความสนใจมายังกริดเพียงคนเดียว สีหน้าของมันเริ่มเปี่ยมโทสะหลังจากเห็นดวงวิญญาณของแพ็กม่าหยุดกรีดร้อง
ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า กริดจะไม่ได้ออกไปแบบมีชีวิต
แต่ยูร่าก็ไม่คิดหนีไปตามลำพัง
“ฉันไม่หนีเด็ดขาด… ใครจะไปรู้ หากพวกเราช่วยกันสู้ อาจพบทางรอดทั้งคู่ก็ได้”
ไม่ใช่เพราะความดื้อรั้นหรือความโรแมนติก
เหตุผลที่ยูร่าไม่ปล่อยให้กริดตายตามลำพัง เพราะเธอเชื่อว่าตนมีศักยภาพมากพอที่จะสร้างโอกาสหลบหนี ขณะเดียวกันก็ต้องการพิสูจน์ให้ชายหนุ่มเห็นว่า ตนคือคนที่อีกฝ่ายสามารถพึ่งพาได้
กริดฉีกยิ้มกว้าง
“นั่นสินะ…”
ไม่เหมือนสมัยอดีต กริดไม่คิดจะแบกรับทุกสิ่งไว้ตามลำพังอีกต่อไป
ชายหนุ่มเคยเผชิญเหตุการณ์มากมายที่คอยตอกย้ำว่า คนคนเดียวไม่สามารถก้าวข้ามได้ทุกสิ่ง
แม้กระทั่งแกรนมาสเตอร์ซึ่งเป็นร่างจุติของเจ็ดมารที่เก่งกาจ ก็ยังหวังพึ่งพากริดในการแก้แค้น
ในเมื่อศัตรูตรงหน้าคือมหาบาเอล จอมอสูรลำดับหนึ่งแห่งขุมนรก ไม่มีเหตุผลที่ชายหนุ่มต้องปฏิเสธโอกาสในการรอดชีวิตที่อีกฝ่ายหยิบยื่น
“แต่ว่า… สามนาที… ฉันขยับร่างกายได้อีกแค่สามนาทีเท่านั้น”
พลังราชินีแห่งไฟกำลังติดระยะหน่วง และค่าเรี่ยวแรงก็ใกล้จะหมดลงอีกครั้ง
เหนือสิ่งอื่นใด การฝืนใช้เขตแดนพายุเพลิงเทพต่อหน้าบาเอลคงไม่ฉลาดนัก หากโลกจินตภาพถูกทำลายซ้ำสอง กริดไม่มั่นใจว่าจิตของตนจะทนรับความเจ็บปวดไหว
แต่อย่างน้อย ชายหนุ่มยังพอจะเหลือลูกเล่นให้งัดออกมาใช้งาน
ขณะกริดกัดฟันกรอดด้วยร่างกายสั่นเทา ยูร่าที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าว
“สามนาทีเหลือเฟือ… สยบขุมนรก”
นรกขุมที่ 29 ถูกระงับผลข้างเคียงด้วยพลังของนักล่าอสูร
มวลปราณอสูรในบรรยากาศพลันสลายไปประหนึ่งภาพลวงตา
ขณะเดียวกัน พลังเวทที่ราวกับไร้ขีดจำกัดของบาเอลก็ดูจะบรรเทาลงเช่นกัน
แน่นอน ทั้งคู่อาจคิดไปเอง แต่ถ้าเป็นจริงก็คงดีไม่น้อย
ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร กริดกับยูร่าก็คิดจะสู้ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี
“ประกายอสนี”
รองเท้ามังกรครามส่องแสงพร้อมกับห่อหุ้มด้วยประจุสายฟ้าเข้มข้น ส่งร่างกริดทะยานขึ้นฟ้าด้วยความเร็วสูงพร้อมกับเข้าสู่สถานะ ‘เทพอสนี’
“นภา”
ท่ารำดาบสุดโกงที่จะปลดปล่อย ‘วิชาดาบทุกชนิด’ โดยแยกระยะหน่วงจากทักษะปรกติ
กริดเคยพิสูจน์ถึงความสุดยอดของท่านี้มาแล้วนักต่อนัก ข้อเสียเดียวก็คือ วิชา ‘นภา’ ไม่สามารถผสานร่วมกับวิชาดาบปรกติได้
ชายหนุ่มกระหน่ำโจมตีโดยมิได้ใส่ใจค่าเรี่ยวแรงมากนัก เพราะทักษะติดตัว ‘สายฟ้าจุติ’ จะช่วยทำให้ค่าเรี่ยวแรงไม่ลดลงขณะอยู่ในสถานะบิน ส่งผลให้ปลดปล่อยทุกสิ่งได้โดยไม่ต้องกังวล
ทุกครั้งที่ ‘นภา’ เปลี่ยนชนิดวิชาดาบ กริดจะใช้ชุนโปเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งและโจมตีใส่บาเอลจากหลากหลายวิถี แต่ทั้งหมดกลับถูกม่านบาเรียของบาเอลดูดซับความเสียหายไว้อย่างสมบูรณ์
‘คลื่น’ ถูกสลายด้วยบาเรียหนึ่งชั้น ส่วนทำลายล้างและสังหารถูกสลายด้วยบาเรียสามชั้น
กระทั่งร่ายรำจากมุมอับก็ยังไม่ทะลุผ่านม่านบาเรียที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อบังวิถีอย่างแม่นยำ ส่งผลให้การโจมตีแทบไม่เกิดประโยชน์มากนัก
“แฮ่ก… แฮ่ก…”
ม่านบาเรียซึ่งขยับได้เองชวนให้ชายหนุ่มนึกถึง ‘มาลาคัส’ ที่เคยสู้ด้วยในอดีต
แต่แน่นอน บาเรียของบาเอลเคลื่อนที่ได้เร็วกว่ามาก แถมยังแข็งแรงกว่าหลายสิบเท่า
‘เจ้านั่นรู้จุดอ่อนของเรา?’
บาเอลโจมตีเป็นวงกว้างด้วยการแผ่พลังอสูรจนเต็มท้องฟ้า กริดที่มิอาจทนอาศัยได้นาน ต้องรีบร่อนลงพื้นอย่างจำยอม
เมื่อเท้าแตะพื้น ทักษะติดตัวของสายฟ้าจุติจึงหยุดแสดงผล ทำให้ค่าเรี่ยวแรงกลับมาลดลงอีกครั้ง
กริดตัดสินใจใช้ทักษะ ‘จิตวิญญาณเสือขาวที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง’ พร้อมกับสร้างบาเรียศิลาด้วยการปรับเปลี่ยนภูมิประเทศ เพื่อต้อนรับการโหมกระหน่ำของสายฟ้าอสูรจากเบื้องบน
“ผนึกจิตมาร กระสุนชำระแค้น แสงแห่งการทำลายล้าง”
ยูร่าใช้บัฟพิเศษของนักล่าอสูรพร้อมกับเหนี่ยวไกปืนไรเฟิล
แสงสีเขียวหยกแหวกผ่านความมืดและทะลวงโล่ของบาเอลเข้าไปตัดขั้วหัวใจ
ภาพเช่นนี้มิใช่เรื่องแปลก นักล่าอสูรย่อมต้องเป็นคู่ปรับของอสูรอยู่แล้ว
สามารถสร้างความเสียหายระดับนี้ใส่หนึ่งในบอสใหญ่ของเกม…
กริดชมเชยด้วยสีหน้าสุดทึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาดำมืดอีกครั้ง
หลอดพลังชีวิตของบาเอลแทบไม่เปลี่ยนแปลงทั้งที่ถูกโจมตีด้วยทักษะสำหรับปราบมารโดยเฉพาะ
บาเอลไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้อง เพียงสร้างหอกยักษ์โดยควบแน่นสายฟ้าอสูรเข้าด้วยกัน
เมื่อมหาบาเอลซัดหอกสีดำทะมึนลงมายังเบื้องล่าง กริดเสียแขนไปหนึ่งข้างพร้อมกับการแตกสลายของบาเรียศิลา
[ท่านถูกโจมตีอย่างหนัก]
[ตำนานจะไม่ตายโดยง่าย]
‘บัดซบ ทำถึงขนาดนี้แล้วยังหลบไม่พ้น…’
ชายหนุ่มได้เข้าสู่โลกแห่งเหนือมนุษย์ที่แท้จริงแล้ว เพียงแต่สมรรถภาพร่างกายไม่สูงพอจะหลบการโจมตีที่ราวกับเกิดขึ้นในพริบตา
> ยังอ่อนหัดนัก… ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเล่นลูกไม้อะไรกับดวงวิญญาณแพ็กม่า แต่ฝีมือของเจ้าในตอนนี้น่าสมเพชเกินกว่าที่ข้าจะเสียเวลาเล่นด้วย… พอแค่นี้แหละ…
น้ำเสียงแฝงความเบื่อหน่ายชัดเจน
บาเอลยกมือขึ้น จากนั้น ฝ่ามือและท่อนแขนของมันขยายใหญ่จนมีขนาดเทียบเท่ามือของสตริโอ้
แต่ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น มือของบาเอลใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเต็มท้องฟ้า คล้ายกับเตรียมตะปบกริดและยูร่าให้แหลกไปพร้อมกันในคราวเดียว
‘ถ้าใช้วังวน… อาจจะทนรับได้สักครั้ง’
ทว่า สะท้อนกลับแล้วได้อะไร?
กริดเหลือพลังชีวิตจมก้นหลอด คงรำดาบได้อีกแค่ครั้งเดียว
วังวนอาจช่วยสะท้อนการโจมตีกลับ แต่ไม่ทำให้รอดชีวิต
‘สังหารกับทำลายล้างก็เปล่าประโยชน์…’
จากความคิดของชายหนุ่ม ตนพึ่งพาได้เพียงมายา
หากใช้ชุนโป คงช่วยพายูร่าหนีไปได้ไกลหลายเมตร นอกเหนือจากนั้นก็ต้องสวดภาวนา
ขณะช่วงเวลาความเป็นความตาย กริดพลันนึกถึงวิชาดาบมังกรที่แพ็กม่าเพิ่งมอบให้
มันยังไม่ได้อ่านรายละเอียด กล่าวให้ถูกคือ ยังไม่มีเวลาอ่านนับตั้งแต่ได้รับมา จึงไม่ทราบเอฟเฟคและพลังที่แน่ชัดของวิชาดาบมังกร
แต่กริดฉุกคิดด้วยสัญชาตญาณว่า หากระบบเกมมอบวิชาดาบมังกรมาให้ในช่วงเวลายากลำบาก บางทีอาจเป็นคำบอกใบ้สำหรับผ่านพ้นวิกฤติ
…ซาทิสฟายมักเป็นเช่นนี้เสมอ
“วิชาดาบแพ็กม่า”
แพ็กม่า
กริดเอ่ยนามที่เคยเรียกหลายสิบหลายร้อยครั้งต่อวันเมื่อในอดีต
แต่การเปล่งเสียงครั้งนี้กลับพิเศษและเต็มไปด้วยความรู้สึกท่วมท้น
“มังกร”
ร่างของกริดพุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง คล้ายกับการทะยานขึ้นสู่สวรรค์ของมังกร
ฉากที่มังกรครามแห่งตะวันออกพุ่งทะลวงหน้าอกฮานึลเมื่อหลายร้อยปีก่อน กำลังถูกฉายซ้ำอีกครั้งภายในขุมนรกลำดับ 29
> อะไรกัน…
ร่างกายบาเอลซวนเซเล็กน้อย หน้าอกของมันถูกทะลวงจนเกิดรูโหว่
กริดทะลุผ่านไปด้านหลังและพุ่งขึ้นฟ้าโดยพายูร่าตามติดมาด้วย
ได้เห็นฉากตรงหน้า หญิงสาวไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือ รีบเปิดเกตสำหรับกลับสู่โลกมนุษย์
ทว่า กริดแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงสำหรับขยับร่างกาย กระทั่งปลายนิ้วก็ยังกระดิกได้ลำบาก
วิชาดาบมังกรสิ้นเปลืองทรัพยากรไม่แพ้วิชาดาบผสาน ผนวกกับบาดแผลที่แขนมีเลือดไหลไม่หยุด นั่นยิ่งทำให้ค่าเรี่ยวแรงลดลงเร็วกว่าปรกติ
“ยองวู!”
“เธอเข้าไปก่อน”
ฝ่ามือของบาเอลพุ่งลงจากฟ้ากระทบกับศีรษะกริด
ชายหนุ่มผลักยูร่าเข้าไปในเกตด้วยร่างกายที่ค่อย ๆ กลายเป็นละอองแสงสีเทา
สายตาสุดท้ายของกริดเหลือบไปจ้องดวงวิญญาณแพ็กม่า
‘ช่วยรอก่อน…’
แล้วผมจะกลับมาทำตามสัญญา
หลุมขนาดยักษ์เกิดขึ้น ณ ใจกลางนรกขุมที่ 29
เป็นร่องรอยที่สร้างขึ้นโดยจอมอสูรลำดับหนึ่ง บาเอล เพียงเพื่อสังหารมนุษย์หนึ่งคน
Comments
Post a Comment