จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,326



อสูรอันดราส


พลังพิเศษของมันคือไฟ เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในการควบคุมไฟที่ทรงพลัง ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดอสูรอย่างไร้ข้อกังขา


แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ได้เป็นจอมอสูร


ไม่สิ กล่าวให้ชัดก็คือ อันดราสไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นจอมอสูร


เฮลกาโอและบีเลียล


ชื่อเหล่านี้คือสองจอมอสูรที่เก่งกาจด้านการใช้ไฟมากกว่าอันดราสหลายเท่านัก อันดราสจึงเป็นได้เพียงอสูรที่ไม่มีวันกลายเป็นจอมอสูร


อันดราสไม่มีเป้าหมายในชีวิต


มันร่อนเร่ไปเรื่อย ๆ พลางเคียดแค้นเทพยาธานที่มอบพลังไฟมาให้ตน


อยู่มาวันหนึ่ง มันอาละวาดและสร้างหายนะครั้งใหญ่ในนรก จนบาเอลต้องออกมาช่วยอันดราสที่ถูกจอมอสูรสามตนรุมทำร้าย


บาเอลตัดสินใจชุบเลี้ยงอันดราส แต่งตั้งให้มันเป็นสมุนคู่กายพร้อมกับมอบพลังใหม่อีกสองชนิด


พลังเหล็กและลม


เมื่อครอบครองพลังสามชนิด อันดราสรู้สึกราวกับได้เกิดใหม่


อาศัยการเปลี่ยนร่างกายให้เป็นเหล็ก รวมถึงใช้เวทเกี่ยวกับเหล็ก มันสามารถทำลายศัตรูที่ขวางหน้าได้อย่างง่ายดาย และถ้ายิ่งเสริมพลังไฟเข้าไปในเหล็ก อันดราสจะมอบความเจ็บปวดที่โหดร้ายยิ่งกว่าความตายให้แก่เหยื่อ


ผนวกเข้ากับพลังลม ความน่าเกรงขามของอันดราสจึงอยู่ในระดับเดียวกับจอมอสูร มีบ่อยครั้งที่มันสร้างพายุเพื่อปกคลุมสนามรบโดยไม่ต้องออกแรงโจมตีเอง


อันดราสไม่เคลือบแคลงเลยว่า มันสามารถช่วงชิงตำแหน่งจอมอสูรลำดับ 32 ที่ว่างลงได้


โดยหลังจากนั้น หากฝึกฝนฝีมือเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย อันดราสเชื่อว่าตนสามารถก้าวขึ้นไปปกครองนรกขุม 22 ที่กำลังว่างอยู่ได้เช่นกัน


มันมั่นใจว่าตนเก่งพอจะเขียนตำนานแบบเดียวกับเซปาร์ อสูรเร่ร่อนซึ่งเป็นเพียงอสูรชั้นต่ำ แต่ขัดเกลาวิชาดาบจนเคยไต่เต้าได้ถึงตำแหน่งจอมอสูรลำดับ 13 (ปัจจุบันอันดับตกลงมาแล้ว)


อย่างไรก็ตาม เหตุผลเดียวที่อันดราสยังจงรักภักดีต่อบาเอล เพราะมันเคารพในตัวบาเอลจากก้นบึ้งหัวใจ


สำหรับอันดราส เทพของตนคือบาเอล มิใช่ยาธาน มันต้องการรับใช้ข้างกายบาเอลตราบเท่าที่ชีวิตจะหาไม่


ความจงรักภักดีดังกล่าวทำให้อันดราสตัดสินใจไล่ล่ายูร่า ผู้ริอ่านบุกรุกนรกขุมที่หนึ่งและขัดขวางเจตนารมณ์ของบาเอล


““คึ่ก!””


ท่ามกลางเปลวเพลิงที่เกิดมาเพื่อปราบมาร อันดราสส่งเสียงคราง


มันยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีนัก ไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดเปลวเพลิงที่น่าจะเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ ถึงได้โผล่ขึ้นภายในนรก


““เป็นคนของสวรรค์ไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมถึงได้บุกเข้ามาที่นี่…””


กริดขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอันดราสเข้าใจผิดว่าตนคือเทพหรือไม่ก็เทวทูต


หากประเมินจากความสัมพันธ์ของเทพธิดาแห่งแสง รีเบคก้า และเทพมาร ยาธาน ไม่ใช่ว่าการบุกรุกนรกของเหล่าเทวทูตคือเหตุการณ์ปรกติอย่างนั้นหรือ?


ฟังจากประโยคเมื่อครู่ ดูเหมือนสวรรค์กับนรกจะแอบร่วมมือกันอย่างลับ ๆ …


‘ยิ่งได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเทพ ความน่าสะอิดสะเอียนก็ยิ่งเพิ่มขึ้น’


กระทั่งเฮ็กเซเทีย เทพที่โปรดปรานกริดและมนุษย์อย่างมากในปัจจุบัน ก็ยังเคยคิดทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์มาก่อน


ได้ทราบเช่นนี้ กริดเตือนตัวเองว่า ห้ามประมาทเทพทุกตนนอกจากเฮ็กเซเทีย


แน่นอน อันดับแรกก็ต้องจัดการกับตัวปัญหาตรงหน้าเสียก่อน


‘หมอนี่อันตราย’


มิใช่ว่าศัตรูอันตรายเพราะตนถูกผลข้างเคียงของนรก


ต่อให้ไม่มีผลข้างเคียง อีกฝ่ายก็ยังแข็งแกร่งมากอยู่ดี พลังของอันดราสคล้ายคลึงกับจอมอสูรลำดับ 22 เฟย์ริส ผู้เคยรุกรานโลกมนุษย์อย่างมาก


โซ่เหล็กร้อนที่คอยฟาดฟัน และแรงลมที่คอยตรึงร่างกาย การโจมตีผสานด้วยพลังสองชนิดพร้อมกันทำให้รับมือได้ยาก อีกทั้ง อันดราสยังใช้งานได้เชี่ยวชาญและพลิกแพลง


‘ต้องรีบจบการต่อสู้’


ในขณะที่เขตแดนพายุเพลิงเทพยังแสดงผลอยู่ เราต้องใช้ปราณดาบอนันต์เพื่อปลดปล่อยทักษะทั้งหมดที่มี…


วางแผนเสร็จ กริดเปิดใช้งานพลังบีเลียลเพื่อทำให้ค่าเรี่ยวแรงไม่ลดลง


[ทักษะติดตัว ‘ราชินีแห่งไฟ’ ทำงาน ค่าเรี่ยวแรงของท่านจะไม่ลดลงขณะที่พลังนี้แสดงผล ]


จากนั้น


“สะพรั่งร่ายรำทำลายล้างสยบสังหาร”


หนึ่งในวิชาดาบผสานห้าชนิดรูปแบบใหม่


หมาป่าเหล็กหลายสิบตัวที่ตะกุยเท้าใส่กริดโดยมีโซ่ร้อนลากจูง ล้วนถูกทำลายทิ้งในพริบตา


กลีบดอกไม้สีฟ้าครามปรากฏขึ้นรอบตัวกริด ก่อนจะพุ่งกระหน่ำใส่อีกฝ่ายราวกับเส้นอสนีบาต


ท่ามกลางเขตแดนพายุเพลิงเทพ พลังของวิชาดาบที่ตัดโซ่ทุกเส้นจนขาดในพริบตา ได้ปฏิเสธกฎเหล็กของเกมออนไลน์ในเรื่องที่ว่า ‘ท่าโจมตีหมู่จะไม่มีทางรุนแรง’ อย่างสิ้นเชิง


““แค่ก!!””


พลังแห่งเหล็กไม่เพียงจะเชื่อมต่อกับพลังเวทของอันดราส แต่ยังรวมถึงร่างกาย เป็นเหตุผลว่าทำไมอันดราสจึงสามารถเปลี่ยนร่างกายให้เป็นเหล็กอย่างสมบูรณ์


ทุกครั้งที่หมาป่าเหล็กถูกฟัน อันดราสจะเผชิญความเจ็บปวดประหนึ่งร่างกายถูกคมดาบกรีด


““คึ่ก… อดทนไว้””


อันดราสมองออก


ไม่ว่าชายตรงหน้าจะเป็นเทพ เทวทูต หรือมนุษย์ แต่บุรุษผมดำกำลังดิ้นรนอย่างหนักไม่แพ้ตน ถึงขั้นต้องใช้พลังบีเลียลเพื่อคงสภาพค่าเรี่ยวแรงเอาไว้


ของเพียงตนอดทนอีกสักนิด มันเชื่อว่าศัตรูก็จะล้มลงไปเอง


อย่างไรก็ตาม ตัวอันดราสเองก็อยู่ในสภาพไม่สู้ดีนัก เวลาของมันเหลืออีกไม่มาก เพราะเอฟเฟคแรกสุดของเขตแดนพายุเพลิงเทพ หรืออีกชื่อหนึ่งคือเพลิงศักดิ์สิทธิ์ จะสร้างความเสียหายต่อสิ่งมีชีวิตประเภทมารอย่างต่อเนื่อง


ร่างของอันดราสไม่ต่างอะไรกับแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟ


““แล้ว… แอ็กนัสไปไหน?””


คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร


อันดราสป้องกันอีกหนึ่งห้าวิชาดาบผสานได้อย่างเต็มกลืน รอดพ้นจากการเจ็บหนักหวุดหวิด


ตัวมันที่สูญเสียแขนไปหนึ่งข้าง เพ่งมองเข้าไปในพายุเปลวเพลิงด้วยสายตาตื่นตระหนก


แอ็กนัส มนุษย์ผู้มาเยือนที่นี่พร้อมกับตน


แอ็กนัสอาจเป็นเพียงมนุษย์ แต่ก็ทำพันธสัญญากับบาเอลและครอบครองพลังที่ยิ่งใหญ่ มีฝีมือมากพอจะช่วยสนับสนุนอันดราสแน่นอน


แล้วทำไมถึงยังไม่โผล่หัวออกมาอีก? เหตุใด ‘คนตาย’ ใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้น ถึงไม่ทะลวงผ่านพายุเพลิงเทพและขัดขวางชายผมดำจากการใช้พลัง?


““เจ้ามัวทำอะไรอยู่…? ทำไมถึงไม่รีบมาช่วยข้าเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของนายท่าน!””


ขณะอันดราสตะโกน


> ฝ่ายหนึ่งต่อสู้ด้วยหน้าที่และความศรัทธา


เสียงของใครบางคนดังจากท้องฟ้าเบื้องบน


เสียงดังกล่าวทะลวงผ่านการรบกวนของเขตแดนพายุเพลิงเทพ เข้ามาดังกังวานภายในโสตประสาทของอันดราสโดยตรง และไม่เพียงอันดราส แต่ยังรวมไปถึงกริด


> อีกฝ่ายหนึ่งต่อสู้ด้วยความเชื่อมั่นและพลังใจ


อันดราสพลันคุกเข่า


มันเงยหน้าขึ้นมองฟ้าพร้อมกับตะโกนจนเส้นเลือดต้นคอปูดโปน


““ท่านบาเอล!””


บนใบหน้าที่ฉาบด้วยแผ่นเหล็กของอันดราส ดวงตาของมันกำลังเผยความศรัทธา


ขณะเดียวกัน ฝั่งกริดพลันสิ้นหวังสุดขีด


‘บาเอล…!’


กริดเคยเจอบาเอลมาแล้ว


ณ โลกมนุษย์ที่พลังของจอมอสูรลดทอนลงหลายส่วน ชายหนุ่มบังเอิญเผชิญหน้ากับหนึ่งในอีโก้อันมากมายของบาเอล


ผลลัพธ์การต่อสู้อาจเป็นชัยชนะของกริด แต่ประสบการณ์ดังกล่าวได้สลักความกลัวลงในจิตใจกริดไม่น้อย


อีโก้ของบาเอลแข็งแกร่งอย่างมากแม้จะได้รับผลข้างเคียง ชายหนุ่มจึงไม่อยากจินตนาการว่า อีกฝ่ายจะมีพลังมหาศาลเพียงใดหากอยู่ในสภาพสมบูรณ์


ถ้อยคำของบาเอลยังคงดำเนินต่อ


> อันดราสเอ๋ย… อสูรต้องปฏิเสธความสง่างาม เหยียบย่ำความเคารพ เล่นตลกกับความเชื่อ และเหยียดหยันผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ


““…!!””


ใบหน้าของอันดราสที่ถูกฉาบด้วยแผ่นเหล็ก เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเทา


มันตระหนักได้ว่า เทพกำลังตำหนิตน


> เพื่อตอบแทนความใจดีของข้า… เจ้าไล่ล่ามนุษย์จนตัวเองเพลี่ยงพล้ำ ถูกหักหลังโดยพวกพ้องที่เคยเชื่อใจ จากนั้นก็คุกเข่าลงในวินาทีที่ได้ยินเสียงของข้า ขอร้องให้ข้าช่วยชีวิต… จากที่กล่าวมา เจ้ายังเป็นอสูรอยู่จริงหรือ?


““…!!””


ทันใดนั้น สายฟ้าสีดำพลันผ่าลงมายังเบื้องล่าง


เขตแดนพายุเพลิงเทพถูกผ่าครึ่งและสลายไปในพริบตา


ตามปรกติแล้ว โลกจินตภาพจะดำรงอยู่ได้ด้วยพลังใจของกริด แต่เมื่อครู่กลับถูกทำลายอย่างง่ายดายด้วยพลังจากภายนอก


“อะ…!”


[โลกจินตภาพของท่านถูกทำลาย ]


[จิตใจของท่านแตกสลาย ท่านได้รับอาการผิดปรกติ ‘หมดสติ’ ]


[ค่าสถานะทุกชนิดของท่านจะลดลงอย่างมากและไม่สามารถขยับตัว ]


‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…?!’


โลกจินตภาพคืออาวุธที่ทรงพลัง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นจุดอ่อน เพราะมันสามารถทำให้จิตใจแตกสลายและอยู่ในสภาพไร้การป้องกันตัวไปพักใหญ่


อันที่จริง การเปิดเผยโลกจินตภาพต่อหน้าผู้อื่น ย่อมมาพร้อมความเสี่ยงที่ต้องแบกรับ


บาเอลไม่แยแสกริดที่ตกอยู่ในสภาพท่อนไม้


> อันดราสเอ๋ย เหตุผลที่เทพยาธานสิ้นหวังกับเจ้า และมอบพลังไร้ประโยชน์ให้เจ้า เพราะพระองค์เล็งเห็นว่าเจ้าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นจอมอสูร


เสียงหัวเราะอันเย้ยหยันของบาเอล กำลังดังกังวานไปทั่วนรกขุมที่ 29


> ข้าเคยช่วยเจ้าไว้ เพราะต้องการให้เจ้าได้ลิ้มรสความสิ้นหวังแบบเดียวกันอีกครั้ง คึฮ่าฮ่า!


อสูรคือต้นกำเนิดความชั่วร้ายทั้งปวง


พวกมันปฏิเสธเทพธิดา ไม่ต้องใช้เหตุผลเพื่อก่อกรรมทำความเลว เรียกได้ว่าชั่วช้าโดยกำเนิด


บาเอลเองก็เป็นหนึ่งในนั้น


พฤติกรรมและการตัดสินใจของมันล้วนมีจุดประสงค์เพื่อความล่มสลาย ขัดขวางความสำเร็จ และมอบความสิ้นหวังให้ผู้คน


> หึหึ… อันดราสเอ๋ย เจ้าคือปีศาจผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรมและสูญสิ้นความชั่วช้า น้ำตาเลือดของเจ้าช่างหอมหวานยิ่งกว่าเลือดของเทวทูตตนใดที่ข้าเคยพบ… สิ่งนี้ทำให้ข้ามีความสุขมาก


““บาเอล! บาเอลลลลล!!””


กริดไม่เคยทราบความสัมพันธ์ระหว่างบาเอลและอันดราสมาก่อน แต่สถานการณ์ตรงหน้าก็ช่วยให้ชายหนุ่มเข้าใจได้ไม่ยาก กระทั่งคนโง่ก็ยังมองออกว่าเกิดอะไรขึ้น


บาเอลตอบแทนความศรัทธาของอันดราสด้วยถ้อยคำเหยียดหยัน


โซ่ของอันดราสที่เคยถูกกริดทำลายทิ้ง เริ่มกลับมารวมตัวอีกครั้งและกลายเป็นดาบเล่มยักษ์


แต่คราวนี้ เป้าหมายคือบาเอล มิใช่กริด


““ข้าจะฆ่าเจ้า! ไม่ยกโทษให้เด็ดขาด!!””


อันดราสสร้างสายลมกระโชกพร้อมกับบินขึ้นไปบนฟ้า


ด้วยใบหน้าที่เผยออกมาครึ่งหนึ่งบนท้องฟ้าสีดำ บาเอลฉีกยิ้มกว้าง


ทันใดนั้น สายฟ้าดำสนิทผ่าลงมายังกึ่งกลางหน้าผากอันดราส


ดาบที่มิอาจสัมผัสร่างกายบาเอล สูญเสียความดุดันและสลายไปในที่สุด


ร่างของอันดราสดิ่งกระแทกพื้นประหนึ่งตุ๊กตาชำรุด


““…””


ดวงตาของอันดราสที่เปี่ยมด้วยความโศกเศร้าและโทสะ แปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า


บาเอลมีความสุขมากที่ได้เห็นอันดราสตายไปตามลำพังโดยไม่มีใครให้พึ่งพา


เหตุการณ์ตรงหน้ามิใช่ ‘อีเวนต์’ ของกริด แต่เป็นของยูร่า


บาเอลจะไม่โผล่ออกมา หากยูร่าไม่กลายเป็นศัตรูกับอันดราส <ข้ารับใช้คลั่งของบาเอล>


เงื่อนไขการเกิดเหตุการณ์นี้ก็คือ เมื่ออันดราสเสียท่า บาเอลจะปรากฏกาย


แต่ผู้ที่ทำให้อันดราสเสียท่ากลับเป็นกริด มิใช่นักล่าอสูรอย่างที่ควรจะเป็น


ข้อความระบบปรากฏขึ้นตรงมุมสายตาชายหนุ่ม


[ท่านได้ประจักษ์ต้นตอความชั่วร้ายทั้งมวล ]


[ท่านเริ่มสงสัยว่า ความบาดหมางและภาวะอดอยากที่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ อาจมีอสูรคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ]


[เพื่อมนุษยชาติ หน้าที่ของท่านคือการกำจัดบาเอล ]


[อาโมแรค จอมอสูรแห่งความขัดแย้ง กำลังรอท่านอยู่ ณ ที่ใดสักแห่งในนรก ]


“…”


ความสัมพันธ์ระหว่างอาโมแรคและยูร่ามิได้เกิดขึ้นเพียงผิวเผิน


ในอดีต อาโมแรคเคยยื่นข้อเสนอให้ยูร่าเปลี่ยนเป็นเผ่าอสูร แต่เธอตอบปฏิเสธ ส่งผลให้กลายเป็นนักล่าอสูรในภายหลัง


นับแต่นั้น ยูร่าก็มองว่าอาโมแรคเป็นศัตรูมาตลอด


ดวงตาบาเอลชำเลืองมาทางยูร่า


> เจ้ายังไม่สุกงอม… ความสนุกระหว่างข้ากับเจ้าคงต้องเลื่อนออกไปก่อน


‘อีเวนต์’ ควรจบลงเพียงเท่านี้ เพราะบาเอลมิได้สนใจยูร่ามากนัก


ในฐานะผู้ที่สังหารนักล่าอสูรอเล็กซ์มากับมือ บาเอลย่อมไม่ใส่ใจยูร่าซึ่งยังห่างไกลจากอเล็กซ์ในยุคสมัยรุ่งโรจน์


มันตั้งใจจะปล่อยให้ยูร่าเติบโตและก้าวข้ามอเล็กซ์เสียก่อน


> หึหึ…


ตามปรกติ ‘อีเวนต์’ จะจบลงเมื่อบาเอลถอนตัว


แต่บาเอลกลับยังไม่ไปไหน เลือกที่จะอยู่นานกว่ากำหนดเล็กน้อย เพราะมันเริ่มสนใจในตัวกริดที่กำลังยืนหมดสติ


หลังจากตรวจสอบสักพัก จอมอสูรลำดับหนึ่งพลันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างกึกก้อง


> ทั้งที่มีสิทธิ์กลายเป็นเทพ แต่เจ้ากลับเลือกเดินบนเส้นทางของมนุษย์… คึฮ่าฮ่าฮ่า!! ยังเป็นคนที่น่าสนใจเหมือนเคย


บาเอลสะบัดนิ้วประหนึ่งนิ้วกำลังเปื้อนเลือด


ทันใดนั้น วิญญาณโหยหวนดวงหนึ่งปรากฏขึ้นใกล้กับใบหน้าบนท้องฟ้า


มุมปากบาเอลยกขึ้นเมื่อมันใช้มือจับดวงวิญญาณ


> จงดูเขาเป็นเยี่ยงอย่าง แตกต่างจากเจ้าที่พยายามพึ่งพาข้าในวาระสุดท้าย ชายคนนี้เอาชนะขีดจำกัดได้ด้วยพลังใจของตัวเอง… หวังว่าสักวันเจ้าจะทำแบบนั้นได้บ้างนะ คึฮ่าฮ่า! คึฮะฮะฮ่า!!


เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งของบาเอล ผสานเข้ากับเสียงโหยหวนของดวงวิญญาณจนกริดพลันขนลุก


ในวินาทีนี้ ชายหนุ่มตระหนักได้อย่างชัดเจน


ไม่ว่าพฤติกรรมของเหล่าเทพจะน่าสงสัยสักเพียงใด แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องที่ต้องนำมาใส่ใจ


เพราะศัตรูอันดับหนึ่งของมนุษยชาติในตอนนี้


เป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากบาเอล


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,781
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. เทพแค่ไม่ใยดีกับมนุษย์ในวาระสุดท้าย เพราะมันเชื่อว่า ช่วยไปก็ไม่ได้อะไร แต่จอมอสูรคือศัตรูตัวจริง (จากหลายๆเรื่อง)

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00