จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,324



แก้มสีแดงและดวงตาอันลุ่มลึก กำลังเปี่ยมไปด้วยความเย้ายวน


ผิวพรรณสีม่วงแวววาว เผยเนื้อหนังเกินความจำเป็น


โคนหางที่เชื่อมติดกับสะโพก กำลังโยกส่ายอย่างมีเสน่ห์


บรรยากาศอบอวลไปด้วยตัณหาราคะจนไม่รู้ว่าควรจ้องไปที่ตรงไหนก่อน


กริดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ขณะยืนจ้องซัคคิวบิ จากนั้นก็ต้องขมวดคิ้ว


“ตายแล้ว~ พี่ชายคนนี้หล่อจังเลย~”


เป็นบทพูดสุดเห่ยที่ชวนให้นึกถึงหนังเกรดบี


ท่ามกลางการเต้นอันเย้ายวนของซัคคิวบิ กริดรู้สึกผิดหวัง


‘เสียดายใบหน้าสวย ๆ ของพวกหล่อน…’


ซัคคิวบิคือเผ่าพันธุ์ที่ดำรงชีวิตด้วยใบหน้าและร่างกาย


พวกหล่อนต้องล่อลวงมนุษย์เพื่อดูดกลืนพลังชีวิต นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ซัคคิวบิภาคภูมิใจในรูปโฉมอันงดงามของตนมาก


ทว่า พิจารณาจากเสื้อผ้าที่ชิ้นน้อยชิ้นและกิริยาท่าทางอันไม่น่ามอง กริดอดนำไปเปรียบเทียบกับโสเภณีราคาถูกไม่ได้ และนั่นทำให้ชายหนุ่มเริ่มลังเล


‘การพาซัคคิวบิไปไหนมาไหนด้วยกัน ไม่น่าจะใช่เรื่องที่ดี…’


ภาพลักษณ์ที่สั่งสมมานาน คงถูกทำลายจนป่นปี้


‘เราถูกโหวตจากเด็กชั้นประถม มัธยมต้น และมัธยมปลายของเกาหลี ให้เป็นบุคคลที่น่าเคารพนับถือมากที่สุดในประเทศ ถ้าต้องพาพวกหล่อนไปไหนมาไหนด้วยกัน…’


เมื่อเห็นกริดเริ่มกังวล ยูร่าอธิบาย


“จากบรรดามอนสเตอร์เลเวลต่ำกว่า 420 ทั้งหมด ไม่มีชนิดใดแข็งแกร่งและอรรถประโยชน์เท่าซัคคิวบิอีกแล้ว”


ถ้อยคำดังกล่าวเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ


กริดเชื่อในตัวยูร่าโดยไม่เคลือบแคลง เพราะคงไม่มีใครรู้จักระบบนิเวศน์ของนรกได้ดีเท่าเธออีก


เพียงแต่


“ถ้าต้องพาพวกหล่อนไปไหนมาไหน… ฉันจะไม่ดูเหมือนแรปเปอร์อเมริกันเอาหรือ?”


“นายกำลังเหยียดพวกเขานะ… ถ้ากังวลเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายของซัคคิวบิ เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง พวกหล่อนสามารถสวมเสื้อผ้าปรกติได้”


“สวมเสื้อผ้าปรกติ?”


“ไม่ใช่ไอเท็มประเภทชุดเกราะที่มีค่าสถานะ แต่เป็นชุดคอสตูมเพื่อความสวยงาม”


“อา…”


ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ว่า เนี๊ยวมงเคยให้เนกไทหูกระต่ายเป็นของขวัญโนเอะ


ขณะกริดบรรเทาความลังเล คำถามใหม่ผุดขึ้นในใจ


“แล้วถ้าซัคคิวบิสวมเสื้อผ้า ความสามารถในการยั่วยวนจะไม่ลดลงหรือ? ที่ต้องใส่น้อยชิ้นก็เพื่อยั่วยวนมนุษย์ไม่ใช่รึไง?”


“พลังยั่วยวนของซัคคิวบิมีแหล่งกำเนิดจากเสียง ภาพลักษณ์ภายนอกเป็นเพียงเครื่องมือดึงดูดเหยื่อกลุ่มใหญ่ให้เข้ามาใกล้ ไม่ว่าจะมนุษย์หรือมอนสเตอร์”


“อา…”


เป็นเหตุผลว่าทำไม ยูร่าจึงกำชับให้กริดปิดกั้นการได้ยิน


ชายหนุ่มพยักหน้าด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย ความกังวลเล็ก ๆ ถูกขจัดออกจากจิตใจ


ในทางกลับกัน กลุ่มซัคคิวบิพยายามยั่วยวนกริด


“พี่ชายตรงนั้นนะ เสื่อมสมรรถภาพแล้วรึเปล่าน้า~”


“ทั้งที่เห็นพวกเราแล้ว แต่ทำไมถึงไม่ออกอาการอะไรเลย?”


“ก่อนอื่น…”


กริดเมินเฉยคำยั่วยวน เพียงครุ่นคิดในบางเรื่อง


‘พื้นฐานของการจับสัตว์…’


ต้องลดพลังชีวิตของเป้าหมายให้ถึงจำนวนหนึ่งเสียก่อน


จะเป็นการดีที่สุด ถ้าสามารถลดพลังชีวิตเป้าหมายให้ถึงระดับใกล้ตาย นั่นจะช่วยให้โอกาสจับสำเร็จเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก


ไม่มีทางที่ผู้เล่นระดับกริดจะไม่รู้เรื่องพื้นฐานแบบนี้


‘คงต้องลองสู้ดูก่อน จะได้ประเมินความแข็งแกร่งถูก’


กริดชักดาบอัสนีฯ พร้อมกับก้าวไปข้างหน้า


ยูร่าเห็นเช่นนั้นจึงรีบถอยหลัง


“ไม่ช่วยหรือ?”


อสูรผิวแดง ‘แกลนท์’ แสดงความกังวล


ที่นี่คือนรก ระบบนิเวศน์ซึ่งแตกต่างจากโลกกึ่งกลางโดยสิ้นเชิง


มนุษย์มิอาจแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมาได้ แม้กระทั่งการหายใจยังทำได้ติดขัด


และในทางกลับกัน ซัคคิวบินั้นแข็งแกร่งมาก


แต่ยูร่ากลับปล่อยให้กริดสู้ตามลำพัง?


‘เธอมันปีศาจ…’


ขณะแกลนท์กำลังฉีกยิ้มพลางคิดว่า ยูร่าจงใจปล่อยให้กริดเข้าไปตาย


“หน่วง”


“…!”


ระหว่างที่ซัคคิวบิพยายามเข้าใกล้กริดเพื่อเต้นยั่วยวน


“…!”


แม้แต่แกลนท์ซึ่งกำลังยืนยิ้ม ก็ยังมิอาจรอดพ้นจากแรงกดดันมหาศาลที่ถาโถมเข้าใส่ฉับพลัน


ร่างกายของมันแข็งทื่อโดยหมดสิทธิ์ตั้งตัว


‘อะไรกัน?’


ดวงตาแกลนท์พลันสั่นเทาอย่างบ้าคลั่ง เหตุเพราะพลังลึกลับได้สะกดการเคลื่อนไหวของร่างกายไว้โดยสมบูรณ์


จากบรรดาจอมอสูรมากมาย มีจอมอสูรเพียงสิบตนที่สามารถสร้าง ‘อาการ’ เช่นนี้แก่สิ่งมีชีวิตอายุหลักพันปีอย่างมันได้


แกลนท์ที่พยายามระงับอาการสั่นเทาของฝ่ามือ จ้องไปทางกริด ผู้กำลังชี้ปลายดาบเข้าหามอนสเตอร์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


‘ม…หมอนี่เป็นใครกัน?’


มนุษย์มีระดับตัวตนสูงส่งถึงเพียงนี้ได้ด้วยหรือ?


กระทั่งอเล็กซ์ที่เหล่าจอมอสูรต่างหวาดกลัว ก็ยังมีระดับตัวตนไม่เท่าชายตรงหน้า


ขณะภายในใจแกลนท์เต็มไปด้วยคำถาม


“คลื่น”


กริดโน้มตัวไปข้างหน้าพลางขยับขาหนึ่งก้าว เป็นการย่นระยะห่างระหว่างอสูร พร้อมกับปลดปล่อยปราณดาบเข้าโจมตี


ร่างของซัคคิวบิที่มิอาจขยับเขยื้อน ถูกฉีกกระชากอย่างโหดเหี้ยมจนน้ำพุโลหิตสาดกระเซ็น


ฉากตรงหน้าเงียบสงบจนชวนให้ขนหัวลุก


เพียงไม่นาน ซัคคิวบิส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ส่วนบุรุษผู้มิได้แยแสคราบเลือดที่เปื้อนเปรอะบนใบหน้า ทำการตวัดดาบใส่ซัคคิวบิที่อยู่ในสภาพปางตาย


“ร่ายรำ”


วิชาดาบที่ว่องไวราวกับแสงอสนีบาต


การโจมตีหลายสิบเส้นพุ่งประชิดเป้าหมายภายในพริบตา


ซัคคิวบิที่ร่างกายถูกปราณดาบรายล้อมจนดูคล้ายใยแมงมุม กลอกตาขึ้นอย่างหมดสภาพ


ร่องของหล่อนถูกหั่นกลายเป็นเศษเนื้อ ก่อนจะแปรสภาพเป็นละอองสีเทา


ในวินาทีนี้ แกลนท์มั่นใจแล้วว่า


‘มนุษย์คนนี้คือตำนาน’


สามารถสำแดงฝีมือได้โดดเด่นแม้จะได้รับผลข้างเคียงจากนรก


และเหนือสิ่งอื่นใด ความแข็งแกร่งทัดเทียมจอมอสูรลำดับต้น ๆ เลยทีเดียว


นอกจากตำนาน คงไม่มีทางเป็นอื่นไปได้อีก


‘จะเป็นตำนานด้านไหนกัน…’


แกลนท์มีนิสัยหวาดระแวง


แตกต่างจากอสูรตนอื่น มันระงับความดุร้ายและรอคอยโอกาสลงมือที่เหมาะสม ส่งผลให้มิได้เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอสูรที่บุกโจมตีหมู่เกาะเบเฮ็นเมื่อหลายร้อยปีก่อน


แกลนท์มองว่า ไม่มีความจำเป็นที่อสูรต้องยึดครองโลก เพราะสภาพแวดล้อมของดินแดนดังกล่าวยากแก่การดำรงชีวิต มิอาจเคลื่อนไหวร่างกายได้ดั่งใจเหมือนในนรก


ส่งผลให้แกลนท์ไม่เคยเห็นวิชาดาบแพ็กม่า จึงไม่ทราบว่ากริดเป็นตำนานประเภทใด


นอกจากนั้น วิชาดาบกริดยังแตกต่างจากวิชาดาบแพ็กม่าพอสมควร เป็นวิชาที่ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นพร้อมกับเสริมเวทมนตร์เข้าไป


ระหว่างนี้ กริดกำลังตื่นตระหนก


‘…แค่นี้ก็ตายแล้ว?’


ปัจจุบัน ค่าสถานะทุกชนิดของกริดลดลงราว 20% อีกทั้งยังไม่มีการบัฟ


เนื่องจากซัคคิวบิมีเลเวลสูงถึง 415 ชายหนุ่มจึงเชื่อว่า หากต้องการฆ่าหล่อนให้ตาย ตนจำเป็นต้องโจมตีด้วย ‘วิชาดาบผสานหนึ่งชนิด’ อย่างน้อยสองครั้ง


แต่ในความเป็นจริง ซัคคิวบิตายไปก่อนที่การโจมตีของร่ายรำจะจบลงเสียอีก


‘นั่นสินะ… ร่ายรำถูกอัปเกรดขึ้นมาก’


หากโจมตีเข้าเป้าทุกดอก ร่ายรำในปัจจุบันจะมีพลังทำลายสูงกว่า ‘สังหาร’ เสียอีก


กริดหันไปโจมตีซัคคิวบิอีกตนที่ยังคงยืนตัวแข็งทื่อ ด้วยความ ‘ระมัดระวัง’


“กรี๊ดดดดด!”


ซัคคิวบิตายไปอีกหนึ่ง


‘พวกหล่อนมีพลังที่หลากหลายก็จริง แต่แลกมากับร่างกายที่อ่อนแอ?’


ชายหนุ่มตัดสินใจไม่บุ่มบ่าม


ขณะเดียวกัน ซัคคิวบิอีกที่เริ่มหลุดจากผลของหน่วง รีบหันหลังวิ่งหนีด้วยความเร็วสูง


ชายหนุ่มไล่ตามพร้อมกับโจมตีธรรมดา


[คริติคอล!]


[สมญานาม ‘ตายในการโจมตีเดียว’ แสดงผล!]


[เป้าหมายเสียชีวิต!]


“กรี๊ดดดดด!”


‘แม่ง…’


กริดที่เริ่มหัวเสีย ไล่ตามซัคคิวบิอีกตนและโจมตีธรรมดา


[คริติคอล!]


[สมญานาม ‘ตายในการโจมตีเดียว’ แสดงผล!]


[เป้าหมายเสียชีวิต!]


“…”


เนื่องด้วยอัตราคริติคอลที่สูงเกินไป หากโจมตีแบบเดิมก็คงได้ผลลัพธ์แบบเดิม ๆ


เมื่อกริดเริ่มจนปัญญา มันตัดสินใจเก็บดาบอัสนีฯ และหยิบจอบสองหัวออกมาแทน


“อี๋ย! ไปให้พัน! อย่าเข้ามานะ!”


ดาบคือเครื่องมือสำหรับฟัน ส่วนจอบคือเครื่องมือสำหรับเฉาะ บาดแผลและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นย่อมต่างกันคนละขั้ว


เมื่อเหล่าซัคคิวบิเริ่มจินตนาการภาพเครื่องมืออัปลักษณ์เฉาะเข้าไปในกะโหลกศีรษะของตน พวกหล่อนรีบวิ่งแตกฮือออกไปทุกทิศทางอย่างโกลาหล


ซัคคิวบิตนที่มีปีก เริ่มกางปีกและบินขึ้นไปด้านบนด้วยความเร็วสูง


ซัคคิวบิโดดเด่นด้านการบินและเวทมนตร์ยั่วยวน จึงไม่แปลกจะหากเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่สามารถเอาตัวรอดได้เก่งกาจ


แต่ปัญหาคือ กริดเองก็บินได้


ชายหนุ่มที่ต้านทานการยั่วยวน รีบบินตามขึ้นไปด้วยร่างกายที่ห่อหุ้มด้วยสายฟ้า


“กรี๊ดดด!”


ซัคคิวบิโชคร้ายตนหนึ่งถูกจอบสองหัวเฉาะกลางหลังจนส่งเสียงกรีดร้อง


เลือดสีแดงเด้มสาดกระเด็นเต็มท้องฟ้า


แกลนท์กางม่านเวทมนตร์เพื่อสกัดฝนเลือดที่โปรยปราย พลางพึมพำกับตัวเอง


“หมายความว่ายังไง… เขาเป็นตำนานที่ไม่เคยมีมาก่อนหรือ…”


มนุษย์นามว่ากริด กำลังไล่เข่นฆ่าอสูรในนรกด้วยจอบสองหัว


กระทั่งนักล่าอสูร อเล็กซ์ ก็ยังไม่โหดเหี้ยมเช่นนี้แม้จะเกลียดชังอสูรมากก็ตาม นั่นเพราะตำนานมักมีแนวโน้มที่จะ ‘เป็นคนดี’ แต่กับกริด ชายหนุ่มทั้งป่าเถื่อนและพิสดารจนแม้แต่อสูรก็ยังมองว่าไม่ปรกติ ราวกับเกิดมาเพื่อสร้างโศกนาฏกรรมโดยเฉพาะ


เป็นภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากตำนานคนอื่นโดยสิ้นเชิง


แน่นอน นี่เป็นเพียงการเข้าใจผิด


กริดมิได้คิดร้ายต่อซัคคิวบิ ออกจะตรงกันข้าม


การดึงจอบสองหัวออกมาใช้ ก็เพราะว่าเขาไม่ต้องการเอาชีวิตพวกหล่อน


‘เริ่มเหนื่อยแฮะ’


กริดถอดถุงมือว่องไวของอเล็กซ์ รวมถึงชุดเกราะและเครื่องประดับที่เพิ่มพลังโจมตี


จนในที่สุดก็สามารถทำให้ซัคคิวบิตนหนึ่งปางตายได้โดยที่ไม่ต้องฆ่า


กริดร่อนลงพื้นพร้อมกับซัคคิวบิที่ร่างกายเต็มไปด้วยแผลจากจอบ จากนั้นก็เปิดใช้งานพลังอักขระแห่งความตะกละ


“พลังเฮลกาโอ”


บนหน้าผากของกริด เปลวไฟลุกโชนขึ้นจนดูเหมือนเขาอัคคีสองกิ่ง


“เฮือก?!”


แกลนท์และซัคคิวบิพลันหน้าซีดพร้อมกัน


พวกมันสัมผัสถึงกลิ่นอายของเฮลกาโอ เจ้าแห่งเพลิงโลกันตร์ ได้จากร่างของกริด


‘เขามีพลังของเฮลกาโอได้ยังไง…’


“ปกครอง”


เขาอัคคีเริ่มขยายขนาดและความแหลม


ซัคคิวบิเงยหน้าตามสัญชาตญาณ จ้องเข้าไปในดวงตาอันดุร้ายของกริด


พลังลึกลับเริ่มแผ่ออกจากตัวชายหนุ่ม ตรงเข้าไปในร่างกายของซัคคิวบิ


ทันใดนั้น


[พลัง ‘ปกครอง’ ทำงาน ]


[ท่านมอบพลังชีวิตของตนให้เป็นอาหารของ ‘ซัคคิวบัสนรก’ ]


[ท่านปกครอง ‘ซัคคิวบัสนรก’ สำเร็จ!]


หน้าต่างข้อความระบบแสดงขึ้น


และไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มากถึงสี่


[ท่านปกครอง ‘ซัคคิวบัสนรก’ สำเร็จ!]


[ท่านปกครอง ‘ซัคคิวบัสนรก’ สำเร็จ!]


[ท่านปกครอง ‘ซัคคิวบัสนรก’ สำเร็จ!]


“…?”


กริดที่ประหลาดใจ เงยหน้าขึ้นและมองไปรอบตัว


ซัคคิวบิกลุ่มใหม่ที่บินมาจากด้านบน พวกหล่อนยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีนัก เพียงตามกลิ่นของมนุษย์มาและหวังรุมทึ้งประหนึ่งไฮยีน่า แต่สามตัวแรกที่บินนำมาก่อน กลับถูกพลังปกครองของกริดครอบงำทั้งที่หลอดพลังชีวิตยังเต็มเปี่ยม


ลงเอยด้วย พวกหล่อนร่อนลงมาหากริดอย่างว่านอนสอนง่าย


‘หรือว่า… จริง ๆ แล้วเราไม่ต้องลดพลังชีวิต?’


จริงอยู่ พลังปกครองของจอมอสูรย่อมแตกต่างจากทักษะจับสัตว์ทั่วไป แต่กริดคิดไม่ถึงว่าจะแตกต่างกันถึงเพียงนี้


“อึก…”


ชายหนุ่มรู้สึกผิดสถานหนัก เมื่อหันไปเห็นใบหน้าบวมปูดของซัคคิวบิที่เริ่มร้องไห้เพราะเจ็บแผล


แปะ แปะ แปะ


แกลนท์ปรบมือพร้อมกับกล่าวอย่างเทิดทูน


“ข้าไม่เคยคิดมาก่อน ว่าสักวันจะได้เรียนรู้บางสิ่งจากมนุษย์… ความโฉดชั่วของเจ้าในวันนี้ช่างเลวระยำยิ่งกว่าจอมอสูรหลายเท่านัก เทพยาธานต้องรักเจ้ามากแน่! นับแต่นี้ไป ข้าจะอุทิศกายใจเพื่อศึกษาเจ้าเป็นต้นแบบ”


[ความสัมพันธ์กับอสูรพันปี ‘แกลนท์’ เพิ่มขึ้น 20 หน่วย]


“ยองวู… นายสุดยอดมาก แม้แต่ฉันก็ยังเพิ่มค่าความสัมพันธ์กับแกลนท์ไม่สำเร็จ”


“…”


แน่นอน นั่นคือคำชม แต่กริดกลับมิได้รู้สึกดีนัก


ชายหนุ่มที่เริ่มเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้ ตัดสินใจทิ้งตัวนั่งลง


ตามด้วยการโบกมือเรียกซัคคิวบิที่ยืนห่างออกไป


“คำสั่งแรก เข้ามานี่”


“ค่ะ เจ้านาย”


“จะทำอะไรกับเธอก็ได้สินะ… หึหึหึ…”


กลุ่มซัคคิวบิเดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางยั่วยวน แต่กริดมิได้ออกอาการใด เนื่องจากพวกหล่อนไม่กล้าปลดปล่อยพลังหยินใส่เจ้านาย


“หือ?”


ดวงตากริดพลันลุกวาวเมื่อลองตรวจสอบหน้าต่างสถานะของซัคคิวบิ


ชายหนุ่มตกตะลึงกับทักษะ ‘ยั่วยวน’


<ยั่วยวน>

ยั่วยวนเหยื่อและทำให้เป็นพวก สูงสุดไม่เกินแปดเป้าหมาย


“สี่ตัว… สามสิบสองเป้าหมาย…”


ดูเหมือนว่า กริดจะมีสัตว์เลี้ยงได้มากกว่าเนี๊ยวมงอีกกระมัง


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,777
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00