จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,270



จอมอสูรลำดับ 12 สตริโอ้


ลำพังฝ่ามือข้างเดียว ก็สามารถย่างกรายผ่านทุ่งกว้างและภูเขาน้อยใหญ่มากมาย ไปพร้อมกับการทำลายอารยธรรมของมนุษย์นับไม่ถ้วน


…ตัวตนในนรกจะต้องยิ่งใหญ่เพียงใดกัน


นับเป็นภาพอันน่าทึ่งเมื่อคนทั่วโลกได้เห็น ‘บางส่วน’ ของ ‘บางตัวตน’ สามารถสร้างความพังพินาศจนมิอาจประเมินค่าความเสียหาย หลายฝ่ายต่างไม่อยากจินตนาการว่า หากเป็น ‘ทั้งหมด’ ของตัวตนดังกล่าว โลกกึ่งกลางจะต้องเผชิญความสิ้นหวังมากเพียงใด


กริดเองก็เช่นกัน


แม้จะเป็นเพียงฉากบางส่วนที่ได้เห็นจากทีวีในภายหลัง แต่ผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลกก็ยังเกิดความสั่นสะท้านในภาพความโหดร้าย


ดังนั้นคงไม่ต้องสาธยายให้ฟังว่า สตริโอ้จะน่าหวาดหวั่นเพียงใดในสายตาผู้เล่นทั่วไป


ครืนนนน…!


เสียงดังโครมครามคล้ายคลื่นยักษ์ซัดถล่มขุนเขาจนพังครืน


ลำพังลมหายใจของมัน ก็มากพอจะสร้างสนั่นหวั่นไหวไปทั่วเหมืองแร่เอลีต


‘ไอ้เจ้านี่…’


ดวงตาที่หมุนเป็นเกลียวราวกับวังวนวารี


กริดตระหนักได้ทันทีว่า วัตถุสีแดงสดขนาดมโหฬารตรงหน้าคือสิ่งใด


ดวงตาของสตริโอ้


ตัวตนทรงพลังจากโลกอื่น ผู้กำลังจ้องมองเข้ามายังโลกกึ่งกลางผ่านรอยแยกภายในเหมืองแร่เอลีต


‘เราจะเอาชนะมันได้จริงหรือ…’


นี่คือความคิดของกริดขณะย้อนนึกถึงภาพความพินาศของบ้านเมืองอันเกิดจากฝ่ามือสตริโอ้เพียงข้างเดียว


ภายในใจชายหนุ่มกำลังจินตนาการถึงฉากที่ตนต่อสู้กับสัตว์ประหลาดทรงพลังตัวดังกล่าว


จอมอสูรคือศัตรูตัวฉกาจของมวลมนุษย์ ส่วนอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะยืนต่อสู้ยืนหยัดเคียงข้างมนุษย์เสมอ


ฉะนั้น นี่คือการต่อสู้ที่มิอาจเลี่ยง


‘ตัวใหญ่ชะมัด…’


เมื่อลองพิจารณาจากขนาดของมือและดวงตาที่เล็กกว่าจักรกลเวทมนตร์ของลาร์ดวูล์ฟ กริดคาดว่าจอมอสูรสตริโอ้คงตัวเล็กกว่ามังกรอยู่เล็กน้อย


แต่เพียงเท่านั้นก็มากพอจะสร้างความพรั่นพรึงให้แก่เผ่าพันธุ์มนุษย์แสนอ่อนแอ


โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่า จอมอสูรส่วนใหญ่ที่กริดเคยพบ ล้วนมีขนาดร่างกายไม่ใหญ่ไปกว่ามนุษย์มากนัก


หากจอมอสูรตัวใหญ่เท่ามังกร…


‘แถมมันยังมีฉายา ‘เทพอสูร’ อาจเป็นตัวตนที่พิเศษมากภายในขุมนรก…’


ตามธรรมชาติของซาทิสฟาย จอมอสูรจะมีระดับต่ำกว่า ‘เทพ’ เล็กน้อย


จริงอยู่ จอมอสูรลำดับต้น ๆ อาจแข็งแกร่งกว่าเทพปลายแถว


แต่เทพยังมีอำนาจภายนอก


พลังของพวกมันอาจด้อยกว่าจอมอสูรลำดับต้นในการปะทะซึ่งหน้า แต่เทพสามารถปลุกปั้นนักรบจำนวนมากให้แข็งแกร่งและเปี่ยมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ จนเอาชนะกองทัพจอมอสูรได้ในสงครามขนาดใหญ่


ตัวอย่างที่ชัดเจนคือบาเอล โดยแม้จะเป็นถึงบุตรแห่งเทพมาร ยาธาน แต่บาเอลก็ยังไม่กล้าสถาปนาตนเองด้วยคำว่า ‘เทพ’ นำหน้า


แล้วทำไมสตริโอ้ถึงมีฉายาว่าเทพอสูร?


ทั้งที่อันดับของมันค่อนข้างต่ำ


แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด


‘…มันมาทำอะไรที่นี่!’


ความสำคัญอันดับหนึ่งในปัจจุบันมิใช่ปูมหลังหรือวีรกรรมในอดีตของสตริโอ้ หากแต่เป็นสถานการณ์รอบตัวกริด


ฉึบ.


ชายหนุ่มพยุงตัวยืนอย่างใจเย็น พลางจ้องดวงตาจอมอสูรด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


อันทริโน่แสร้งพูดรักษาหน้าอีกฝ่าย


“อะแฮ่ม… ต้องขอโทษด้วย เมื่อครู่ข้าเผลอมองไปทางอื่น พวกเราคุยกันถึงไหนแล้ว”


คล้ายกับต้องการบอกเป็นนัยว่า ข้ามองไม่เห็นท่าล้มก้นจ้ำเบ้าของเจ้า และมิได้ยินเสียงอุทานอันน่าอับอายเมื่อครู่แต่อย่างใด


ถือเป็นมารยาทการสนทนาที่น่ายกย่อง


กริดรู้สึกเขินอายปนขอบคุณ ตามด้วยการกระแอมแห้งหนึ่งหนและจ้องไปยังดวงตาสีแดงโดยไม่ปิดบังเจตนา


อย่างไรก็ตาม ดวงตาสีแดงมีขนาดใหญ่มาก จนชายหนุ่มไม่มั่นใจว่า เจ้าของดวงตากำลังเพ่งมองสิ่งใดเป็นพิเศษ


มันอาจมองเห็นตน หรือมองไม่เห็นก็ได้


“…ดวงตาของจอมอสูรลำดับ 12 ใช่ไหม”


“ถูกต้อง หลังจากที่มือของมันสร้างปัญหาให้พวกเรามานาน เมื่อได้เห็นดวงตาอยู่ตรงหน้า ข้านึกอยากจะใช้ขวานสับให้รู้แล้วรู้รอด”


“ถ้าเป็นผมคงทำไปแล้ว”


“คิดว่าข้าไม่อยากหรือ?”


อันทริโน่ชักขวานออกมาถือ


อันที่จริง มันเป็นพวกใช้มือมากกว่าปากเสมอ และไม่ใช่คนพูดเก่งอะไรนัก แต่เพื่อเป็นการให้เกียรติกริด จึงอาสามาเป็นไกด์พาเที่ยวชมเมืองด้วยตัวเอง


นักรบอันดับหนึ่งแห่งทาลิม่า


เมื่อเสาหลักของอาณาจักรแสดงความเคารพต่อกริด แถมยังให้การต้อนรับเป็นอย่างดี สถานะของชายหนุ่มก็ยิ่งสูงขึ้นในสายตาเหล่าคนแคระ


ฟ้าว!


ขวานพุ่งออกจากมือของอันทริโน่พร้อมกับหมุนรอบตัวเองในลักษณะเดียวกับกงจักร


ทั้งความเร็วและความแม่นยำล้วนไร้ที่ติ


กระทั่งกริดผู้มีพลังป้องกันมหาศาล ก็ยังรู้สึกถูกคุกคามเพียงแค่ได้มอง


โครม!


แต่ดวงตาของสตริโอ้กลับไม่เป็นอันตรายใด


คล้ายกับมีบาเรียล่องหนคอยขวางกั้นระหว่างโลกกึ่งกลางและขุมนรกเอาไว้


ฟุ่บ!


ขวานที่กำลังร่วงหล่น ลอยกลับมายังฝ่ามือของอันทริโน่อย่างว่องไวแต่นุ่มนวล


เป็นภาพที่ทำให้กริดรู้สึกทึ่ง


ขวานถูกดูดกลับราวกับมีเชือกผูกอยู่


เวทมนตร์สุญญากาศ?


ผิดแล้ว


ที่นี่คือทาลิม่า


นั่นจึงมิใช่เวทมนตร์ หากแต่เป็นไอเท็มอีโก้


‘…ขวานเล่มนี้คุกคามเราได้ตั้งแต่แรกพบ’


กริดตัดสินใจเปิดใช้งานเนตรแพ็กม่าเพื่อตรวจสอบรายละเอียดขวานในมืออันทริโน่


ไอเท็มเกรดเลเจนดารี มาพร้อมอีโก้ขั้นสูง


ผู้สร้างคือราชินีมาริเบล


ขวานซึ่งถูกผลิตขึ้นขณะที่เธอกำลังอยู่บนจุดสูงสุดของฝีมือ เมื่อถูกนำมาใช้งานโดยยอดนักรบอย่างอันทริโน่ ผลงานชิ้นนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานเล่าขานของทาลิม่า


‘นึกแล้วเชียว…’


กริดยิ่งทวีความมั่นใจ


ยอดนักรบและยอดศาสตราคือของคู่กัน


ยอดกลับไปในอดีตของซาทิสฟาย หรือแม้กระทั่งอดีตของโลกความจริง ยอดนักรบในประวัติศาสตร์ล้วนโด่งดังขึ้นมาพร้อมกับสุดยอดศาสตราเสมอ


มนุษย์ทำสงครามชิงชัยด้วยอาวุธ จึงย่อมปรารถนาจะครอบครองยุทโธปกรณ์ที่เหนือกว่าข้าศึก ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใดก็ตาม


แล้วเหตุใด พอเป็นวงการเกม ความโอเวอร์เกียร์จึงถูกมองในแง่ลบทุกครั้ง?


กริดตั้งคำถามในใจ เกี่ยวกับค่านิยมอันผิดเพี้ยนซึ่งครอบงำคนทั่วโลกมานานหลายปี


“…โลกทั้งสองใบถูกตัดขาดออกจากกันโดยสมบูรณ์?”


อันทริโน่พยักหน้ารับ


“ถูกต้อง นั่นคือความรู้พื้นฐานของทุกคน”


โลกกึ่งกลางกับขุมนรกมิได้เชื่อมต่อกัน


และในความเป็นจริง ไม่ควรมีตัวตนใดสามารถผ่านไปมาระหว่างทั้งสองโลกได้อย่างอิสระ


แต่แล้ววันหนึ่ง มือของสตริโอ้กลับปรากฏขึ้นภายในเหมืองเอลีตอย่างเป็นปริศนา


เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนที่วิหารยาธานจะประกอบพิธีกรรมอัญเชิญเหล่าจอมอสูรด้วยซ้ำ


กริดที่เพิ่งนึกขึ้นได้ หันไปซักถามอีกฝ่าย


“แล้วทำไมมือของสตริโอ้ถึงโผล่ออกมายังโลกกึ่งกลางได้เอง?”


อันทริโน่ยักไหล่พลางใช้เท้าขีดเส้นบนพื้น


“ข้าเองก็ไม่ทราบ แต่หลังจากมั่นใจว่ามือของมันยืดออกมาไกลถึงแค่ตรงนี้ พวกเราก็หยุดค้นหาคำตอบทันที”


“…”


ทั้งที่มือของจอมอสูรโผล่ขึ้นมาบนโลก แต่คนแคระกลับไม่คิดแยแส…


เมื่อเห็นสีหน้าสุดฉงนของกริด อันทริโน่หัวเราะในลำคอ


“เป็นเพราะพวกเราไม่คิดจะใช้งานเหมืองแห่งนี้อยู่แล้ว …และเหนือสิ่งอื่นใด เจ้าเองก็คงทราบ คนแคระอย่างพวกเราไม่ค่อยใส่ใจเรื่องเล็กน้อยสักเท่าไร”


“ทั้งที่อวัยวะของจอมอสูรปรากฏขึ้นในเมือง แต่คุณบอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย…”


“อะแฮ่ม… หากคำนึงถึงเรื่องที่พวกเรามีมังกรเพลิงทราวก้าเป็นเพื่อนบ้าน ฝ่ามือของจอมอสูรก็มิใช่ภัยคุกคามที่น่ากลัวอะไร”


กำลังจะบอกว่า การมีอยู่ของทราวก้าทำให้คนแคระเกิดความสบายใจ?


ตรรกะบ้าบอสิ้นดี


หมอนี่เป็นคนเดียวกับนักรบป่าเถื่อนที่หวังสับเราให้ขาดเป็นสองท่อนเมื่อวันก่อนจริงหรือ…


กริดส่ายหน้าพลางสลัดความคิด


ประโยคถัดไปของอันทริโน่ค่อนข้างน่าสนใจ


“พวกเราเชื่อมาตลอดว่าสตริโอ้ไม่มีทางออกมาอาละวาดบนโลกกึ่งกลางได้ …จนกระทั่งมันยอมตัดมือของตัวเอง”


“สตริโอ้ตัดมือตัวเอง? ไม่ใช่ว่าอวัยวะถูกแยกส่วนมาตั้งแต่แรกแล้วหรือ”


อันทริโน่ใช้ปลายเท้าแตะลงบนเส้นที่ตนวาด


“ผิดแล้ว ตอนแรกพวกเราเห็นท่อนแขนด้วย แต่ต้นแขนของมันใหญ่เกินกว่าจะลอดผ่านช่องว่างออกมา”


“…”


“หลังจากคนของวิหารยาธานประกอบพิธีกรรมอัญเชิญ ข้าเห็นจอมอสูรตนอื่นปรากฏกายจากช่องว่างเดียวกับมือของสตริโอ้ คล้ายกับมันยอมตัดมือตัวเองทิ้งเพื่อให้จอมอสูรตนอื่นผ่านออกมาได้… เป็นการตัดสินใจที่น่าทึ่งมาก”


‘นั่นสินะ…’


จากความพินาศที่มันสร้าง สตริโอ้คงเกลียดชังโลกมนุษย์มากจนยอมตัดมือของตัวเอง


‘หมายความว่า เราคงต้องสู้กับมันในอนาคต’


ต้องรีบแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว


ไม่ใช่แค่นั้น ลำพังผู้เล่นเพียงคนเดียวคงทำอะไรไม่ได้มากนัก หากต้องการล้มจอมอสูรที่แข็งแกร่งอย่างสตริโอ้ จำเป็นต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากอาณาจักรโอเวอร์เกียร์อย่างเต็มกำลัง


กริดหันไปถามหยั่งเชิงอันทริโน่


“ผมขอขุดเพชรอีเธอร์ตอนนี้เลยได้ไหม”


“แน่นอน เจ้าคือผู้มีพระคุณของคนแคระ ต้องการแร่มากแค่ไหนก็นำกลับไปได้เลย”


อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการขุดเพชรอีเธอร์มิใช่เรื่องง่าย นอกจากผิวแร่จะมีความแข็งสูง เนื้อแร่ส่วนใหญ่ยังฝังลึกลงไป จำเป็นต้องใช้เวลาและกำลังคนมหาศาล


แม้แต่นักขุดแร่มากฝีมือก็ยังขุดได้เพียงวันละสามถึงสี่ก้อน


ยิ่งถ้าเป็นช่างตีเหล็กที่ทักษะด้านการขุดแร่ต่ำ อาจใช้เวลานานและได้ผลลัพธ์น้อยกว่าปรกติหลายเท่า


“ข้าจะเรียกนักขุดแร่คนอื่นมาช่วย แต่ไม่แน่ใจว่ายังว่างอยู่กี่คน…”


เป็นที่ทราบกันดี คนแคระส่วนมากฝักใฝ่อาชีพช่างตีเหล็กตั้งแต่เกิด สายงานด้านอื่นจึงมีจำนวนเพียงหยิบมือ และไม่ใช่ข้อยกเว้นสำหรับนักขุดแร่


เหนือสิ่งอื่นใด รอบทาลิม่าคือภูเขาไฟ ย่อมมีเหมืองแร่แห่งอื่นกระจายตัวอยู่มาก นักขุดแร่จึงเป็นอาชีพที่ขาดแคลนสถานหนัก


ยิ่งเมื่อพิจารณาว่า ทุกคนต้องคอยตอบสนองความต้องการของช่างตีเหล็กซึ่งมีจำนวนมากกว่าพวกตนหลายเท่า


ถึงขั้นมีคำกล่าวที่ว่า ต่อให้นักขุดแร่ทาลิม่าสามารถแยกร่างได้คนละสิบ ก็ไม่แน่ว่าจะเพียงพอต่อความต้องการของช่างตีเหล็ก


สรุปก็คือ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะชักชวนใครสักคนมาช่วยงานที่เหมืองเอลีตซึ่งอยู่ห่างไกล


แต่อันทริโน่ก็ยังเชื่อในสถานะของตนและกริด คงมีนักขุดแร่จำนวนหนึ่งยอมละทิ้งงานเดิมเพื่อตอบแทนกริด หรือไม่ก็เพราะเห็นแก่หน้าตน


‘คงต้องรบกวนพวกเจ้าหน่อยแล้ว…’


ขณะอันทริโน่เตรียมอัญเชิญภูตเทียมนามว่า <ดูราส> ผลงานชิ้นเอกของแผนกวิจัย เพื่อให้สิ่งนี้ช่วยส่งข้อความไปหาเหล่านักขุดแร่


แคร้ง!


กริดควักจอบสองหัว ตามด้วยการออกแรงตอกปลายแหลมเข้าไปในผนังแร่


ได้เห็นเช่นนั้น อันทริโน่เริ่มจินตนาการถึงใบหน้าอันผิดหวังของกริด


ทว่า.


แคร้ง! แคร้ง! แคร้ง!


“…?!”


จอบสองหัวของชายหนุ่มกระหน่ำเจาะทะลวงผนังโดยไม่หยุดพัก จนกระทั่งผิวของเพชรอีเธอร์ซึ่งเคยฝังลึกอยู่ข้างใน เริ่มเผยให้เห็นเนื้อแร่ทีละนิด


ฉากตรงหน้าทำให้อันทริโน่เกิดความทึ่ง


“จ…เจ้าทำได้ยังไง… อย่าบอกนะว่าสืบทอดเทคนิคของกิสมาด้วย!?”


ช่างตีเหล็กในตำนานและนักขุดแร่ในตำนาน


หากทั้งสองสิ่งบังเอิญมาอยู่ในร่างเดียวกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อนาคตของบุคคลดังกล่าวจะสดใสและโรยด้วยกลีบกุหลาบมากเพียงใด


ถือเป็นคลาสรองในอุดมคติของช่างตีเหล็ก


สามารถตระเวนขุดแร่ได้ทุกชนิดบนโลกโดยไม่ต้องหวังพึ่งพาผู้อื่น จากนั้นก็นำแร่หายากไปสร้างเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเดิม


‘…คงเป็นเหตุผลสำคัญที่เทพเฮ็กเซเทียให้การยอมรับชายคนนี้’


ขณะอันทริโน่กำลังยืนชื่นชม กริดรีบโบกมือพลางปฏิเสธทันควัน


“เปล่า… เพราะความโอเวอร์เกียร์ต่างหาก”


* เพิ่มความเร็วและอัตราความสำเร็จในการขุดแร่ 300%


* เพิ่มโอกาสดรอปแร่คุณภาพสูงสุด 200%


* ลดค่าเรี่ยวแรงที่สูญเสียระหว่างขุด


นั่นคือออปชันหลักของจอบสองหัวในมือกริด


สุดยอดจอบสองหัวเกรดเลเจนดารีที่เกิดจากการวิจัยและค้นคว้าจอบสองหัวให้พีคซอร์ดชิ้นแล้วชิ้นเล่า


“โอเวอร์… เกียร์…”


อันทริโน่เริ่มเข้าใจความหมายของวลี ‘โอเวอร์เกียร์’ จากการเปรียบเปรยทางอ้อม พลางเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าภายในใจ


นักรบ


คลาสที่เปล่าประโยชน์ในทาลิม่า—ดินแดนปลอดสงครามเนื่องจากอยู่ใกล้กับรังมังกรเพลิง


แต่ในทางกลับกัน นักขุดแร่นั้นไม่ใช่


นักขุดแร่คือคลาสที่จำเป็นและมักขาดแคลนอยู่เสมอ ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพสำคัญในทาลิม่า


อันทริโน่ปรารถนาในสิ่งที่มันเคยใฝ่ฝันมานาน


“แม้แต่ข้าเองก็... สามารถเป็นนักขุดแร่ได้เหมือนกันใช่ไหม…”


“หือ? แน่นอนอยู่แล้ว”


และในวันนี้


หลังจากกริดลงมือผลิตจอบสองหัวอันใหม่ภายในเหมืองเอลีต นักรบอันดับหนึ่งแห่งทาลิม่าก็กลายมาเป็นมีผู้ช่วยขุดเพชรอีเธอร์ให้ชายหนุ่ม


ในฐานะ NPC พิเศษ อันทริโน่ย่อมมีค่าสถานะสูงในทุกด้าน รวมไปถึงค่าเรี่ยวแรง ส่งผลให้กริดสามารถรวบรวมเพชรอีเธอร์ได้ตามเป้าภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งวัน


โฮก…


สตริโอ้ค่อย ๆ ลดเสียหายใจลงโดยไม่มีใครทราบเหตุผล ก่อนที่ดวงตาของสัตว์ร้ายจะหายไปจากความมืดมิดโดยสมบูรณ์


มันคงอับอายที่ถูกมองเป็นเพียงตัวประกอบนอกสายตากระมัง…


‘การเพิกเฉยจะใช้ได้ดีกับพวกที่ชอบเรียกร้องความสนใจ’


หลังจากข่มสติตนเองมิให้หันไปตะโกนเย้ยหยันจอมอสูร กริดกล่าวคำอำลากับอันทริโน่


“ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน จะรีบปรึกษากับเพื่อนถึงวิธีทะลวงผ่านข่ายเวทมนตร์ของมังกรเพลิง จากนั้นจะย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้ง”


“หึหึ… เจ้าคงมีเพื่อนเป็นมหาจอมเวทในตำนานสินะ แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย… อย่าได้คาดหวังสูงเกินไปนัก ยามผิดหวังจะได้ไม่เสียใจมาก จงใช้ชีวิตโดยการเตรียมใจเผชิญกับผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้เสมอ”


คำแนะนำจากบุคคลมากประสบการณ์


ทาลิม่าตัดขาดจากโลกภายนอกมานาน


ไม่ใช่เรื่องแปลกที่อันทริโน่จะถอดใจ และมองว่าการแลกเปลี่ยนกับโลกภายนอกคงไม่มีวันเกิดขึ้นได้ หากมังกรเพลิงทราวก้ากลับมาอาศัยที่รัง


เป็นสภาพจิตใจของชาวเมืองคนแคระที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นเวลานาน


“…ผมจะกลับมาพร้อมข่าวดี”


“หึหึ… ระหว่างนั้น ข้าคงต้องฝึกฝนตัวเองให้เป็นนักขุดแร่ที่ยอดเยี่ยม แล้วจะเก็บรวบรวมแร่ที่เจ้าต้องการไว้ให้”


มังกรเพลิงทราวก้าอาจกลับมาในวันพรุ่งนี้


ไม่มีทางทราบว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไร


แม้จะผ่านไปร้อยพันปี แต่มันอาจไม่ได้พบกริดอีกเลยก็เป็นได้


อันทริโน่เพียงตกปากรับคำไปตามมารยาท


เพราะชาวทาลิม่าไม่ควรคาดหวังมากนัก


“ข้าจะไม่ลืมสัญญาในวันนี้… ไว้พบกันใหม่”


เขาอยากเป็นนักขุดแร่ขนาดนั้นเลยหรือ?


แม้กริดจะไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่ก็รู้สึกขอบคุณในความปรารถนาดีของอีกฝ่าย


ชิ้ง—!


เมื่อสิ้นแสงสว่างของม้วนคาถา ร่างของชายหนุ่มได้อันตรธานหายไปจากทาลิม่าโดยสมบูรณ์


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,676
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. กำเนิดนักขุดแร่ในตำนานมั้ยนิ555555555

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00