จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,263



“คึฮ่าฮ่า… ฮะฮ่าฮ่าฮ่า!”


เทพช้างสาร


อาจเป็นคำที่มนุษย์ไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก


แต่เมื่อสักสามร้อยปีก่อน ฉายาอันน่าเกรงขามของอันทริโน่ได้ขจรขจายไปทั่วทั้งทวีป


อันทริโน่ผู้เป็นเจ้าของพละกำลังมหาศาล เกิดมาพร้อมร่างกายอันบึกบึนเทียบเท่ามนุษย์เพศชายสี่คนรวมกัน ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า เป็นเพราะนักรบคนแคระรายนี้ยังมีลมหายใจ จึงไม่มีศัตรูหน้าไหนกล้ารุกรานทาลิม่า


อีกทั้ง อันทริโน่ยังเป็น ‘บุคคลนิรนาม’ ในอัตชีวประวัติช่วงบั้นปลายชีวิตมุลเลอร์ โดยอดีตอริยดาบเคยกล่าวเอาไว้ด้วยความอับอายว่า ‘ทุกการโจมตีของฉัน ล้วนถูกเขาทำลายจนหมด’


อย่างน้อย ในเชิงพลังทำลาย อันทริโน่มิได้ด้อยกว่าอดีตตำนานเลยสักนิด


ในสายตาอันทริโน่ผู้เคยมีประสบการณ์ข้ามผ่านความตายและยังรักษาความดกดำของเส้นผมไว้ได้ กริดไม่ต่างอะไรกับเด็กทารก อาจเหนือกว่าแพ็กม่า แต่ยังด้อยกว่าอดีตตำนานคนอื่นที่มันรู้จัก


‘ไม่สิ… ไม่ได้เหนือกว่าแพ็กม่า’


แม้แพ็กม่าอาจไร้เรี่ยวแรง แต่พลังทำลายอันเกิดจากท่วงท่ารำดาบนั้นมิอาจดูแคลนได้


ในทางกลับกัน ถึงกริดจะดูแข็งแรงบึกบึนกว่า แต่ท่าโจมตียังห่างชั้นอยู่หลายขุม


หรือก็คือ เหนือกว่าในด้านพละกำลัง แต่ประสิทธิภาพโดยรวมยังต่ำกว่าแพ็กม่า


อันทริโน่ระเบิดเสียงหัวเราะพลางชูกำปั้น ตามด้วยการพ่นถ้อยคำเหยียดหยัน


“ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว เจ้าพ่ายแพ้ในการดวลพลังกับข้า ทั้งที่ข้าเองก็ไม่สามารถเปิดหอหมื่นมารได้ ดังนั้น เจ้าไม่มีคุณสมบัติเข้าไปในหอหมื่นมารแน่นอน!”


“ไร้สาระ… ผมยังไม่ได้เอาจริง คุณไม่ควรตัดสินใครจากการปะทะแค่ครั้งเดียว”


ในเมื่อไร้มารยาทมา ก็ต้องไร้มารยาทกลับ


ถ้อยคำยั่วยุของกริดสร้างความประหลาดใจให้อันทริโน่ได้พอสมควร


“โฮ่… โอหังถึงเพียงนี้เชียว? ทั้งที่เป็นผู้สืบทอดแพ็กม่า แต่ยังกล้าสามหาวต่อหน้าข้า?”


“ผมเป็นผู้สืบทอดแพ็กม่าก็จริง แต่รับมาเพียงเทคนิคและวิชา ย่อมไม่เคยทราบว่า ระหว่างคุณและแพ็กม่าเคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง”


“…ถึงได้ฝีปากกล้าแบบนี้สินะ”


อันทริโน่ยักไหล่พลางหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาถือ


เป็นสิ่งที่กริดคุ้นเคย


สารานุกรมแร่


นี่คือระบบที่กริดได้รับโดยอัตโนมัติหลังจากการเป็นคลาสช่างตีเหล็ก


ผู้เล่นมิอาจแสดงสิ่งนี้ให้ใครเห็นได้ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่กับ NPC


ฉึบ.


อันทริโน่พลิกเปิดสารานุกรมแร่ เผยให้เห็นความรู้เชิงแร่ธาตุที่มันสั่งสมมาตลอดชีวิต เป็นจำนวนที่มากกว่ากริดราวสองเท่าเห็นจะได้


ถึงแม้จะเป็นนักรบ แต่กลับสั่งสมความรู้เกี่ยวกับแร่ได้มหาศาลเพียงนี้เชียว…


‘มีคลาสรองเป็นช่างตีเหล็กหรือนักขุดแร่?’


กริดเชื่อว่า คลาสรองมิใช่สิทธิพิเศษสำหรับผู้เล่นแต่อย่างใด


ถูกต้อง


แม้แต่แพ็กม่าก็ยังเป็นได้ทั้งช่างตีเหล็กและผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล


ชายหนุ่มเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า ทางฝั่ง NPC เองก็สามารถมีคลาสรองได้เหมือนผู้เล่น


และนั่นคือความจริง


[ท่านได้รับความรู้เกี่ยวกับแร่ชนิดใหม่]


[ท่านได้รับความรู้เกี่ยวกับแร่ชนิดใหม่]


[ท่านได้รับความรู้เกี่ยวกับแร่ชนิดใหม่]


[ท่านได้รับ…]


[ท่านได้…]




…โชคหล่นจากฟ้า?


เพียงชำเลืองสารานุกรมแร่ของอันทริโน่ กริดก็ได้รับความรู้เกี่ยวกับแร่เพิ่มจากเดิมเป็นเท่าตัว


แต่ไหนแต่ไร หนังสือสารานุกรมของกริดจะเป็นหน้าเปล่าเกือบครึ่งเล่ม ทว่า ปัจจุบันได้ถูกเติมเต็มจนขาดอีกเพียง 10% เท่านั้น


โดยที่อันทริโน่มิได้ระแคะระคายเลยสักนิด


“ช่างตีเหล็กในตำนานอย่างเจ้า คงมีข้อมูลเกี่ยวกับแร่มากกว่าข้าสินะ… รู้จัก ‘เรกิสสโตน’ อยู่แล้วใช่ไหม?”


ไม่ได้รู้ตัวเลยหรือ ว่าเราแอบช่วงชิงความรู้ที่เขาสั่งสมมาทั้งชีวิต…


เมื่อถูกอันทริโน่ชมเชยเกินความจริง กริดเริ่มรู้สึกละอายใจเล็กน้อย


แต่มันมิได้แสดงออก เพียงเรียกอ่านข้อมูลของเรกิสสโตนจากสารานุกรมตัวเอง


<เรกิสสโตน>


หินที่หนักที่สุดในโลก


มนุษย์เพศชายแข็งแรงส่วนใหญ่ สามารถยกเรกิสสโตนได้ไม่เกินขนาดเท่าหนึ่งเล็บมือ


‘แร่ขยะ…’


มีดีแค่ความหนัก


แต่ในบางครั้ง น้ำหนักก็เชื่อมโยงไปถึงความแข็งของผิวโลหะ หรือก็คือ แร่ชนิดนี้จะมีความหนาแน่นสูงมาก


หากขนาดเท่าเล็บมือยังหนักถึง 60~80 กิโลกรัม การสร้างอะไรสักอย่างด้วยเรกิสสโตนคงpkdลำบากเหนือพรรณนา เพราะการทุบค้อนแต่ละครั้งแทบไม่ทำให้แร่เปลี่ยนรูป


‘แม้แต่เราก็คงใช้เวลาถลุงหลายเดือน…’


สำหรับช่างตีเหล็กช่างฝีมือ พวกเขาคงใช้เวลานานนับสิบปี


ขณะกริดครุ่นคิด เสียงของอันทริโน่ได้ปลุกให้ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์


“ประตูของหอหมื่นมารทำจากเรกิสสโตน”


“…”


“เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมถึงเปิดได้ยาก”


“อา…”


แน่นอน


แม้บานประตูจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก เพียงคนแคระผ่านเข้าไปได้สักหนึ่งคน แต่ก็คงหนักถึงหลายพันตัน การฝืนเปิดด้วยพลังทางกายภาพจึงแทบไม่มีโอกาสสำเร็จ


เป็นความท้าทายอันแตกต่างจากเมื่อครั้งเปิดประตูห้องทำงานลาร์ดวูล์ฟ ซึ่งสร้างจากเหล็กแสงจันทร์


แม้ภายในใจเริ่มกังวล แต่สีหน้าภายนอกของกริดกลับยังนิ่งเฉย


“คุณเปิดไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าผมจะเปิดไม่ได้”


อันทริโน่ส่ายหน้าเหนื่อยหน่าย พลางหันไปซักถามกษัตริย์ชาร์ลส์


“ฝ่าบาท กระหม่อมขอนำตัวคนเขลาไปยังหอหมื่นมารได้หรือไม่”


เพื่อจะปลดปล่อยดวงวิญญาณของอดีตราชินีให้เป็นอิสระ กริดยืนกรานจะเข้าไปด้วยตัวเอง


เมื่อพิจารณาจากอุปนิสัยส่วนตัวของมาริเบล ข้ออ้างดังกล่าวฟังดูสมเหตุสมผล


กษัตริย์ชาร์ลส์ยืนกรานปฏิเสธ


ไม่ผิดไปจากที่คาดสักเท่าไร


“ในเมื่อเป็นเรื่องที่ข้าทำด้วยตัวเองได้ เหตุใดถึงต้องให้คนนอกจัดการ?”


“กระหม่อมเกรงว่า หากชายคนนี้ไม่เผชิญความอับอายเสียบ้าง ก็คงไม่มีวันรู้สำนึก”


“งั้นหรอกหรือ…”


ชาร์ลส์เริ่มคล้อยตาม


คำว่า ‘อับอาย’ ซื้อใจมันได้มากทีเดียว


แสยะ.


กษัตริย์ชาร์ลส์ฉีกยิ้มกว้าง พลางตะโกน


“ตกลง! แต่ก่อนอื่น จงไปเรียกพลเมืองของทาลิม่าทุกคนให้มารวมตัวหน้าหอหมื่นมารในทันที! ไม่อนุญาตให้ใครปฏิเสธ!”


“ขอรับ!”


กลุ่มนักรบคนแคระทำท่าโค้งคำนับ ก่อนจะเดินออกจากห้องและแยกย้ายไปคนละทิศละทาง


อันทริโน่ ผู้อ่านเจตนาของราชาออก ทำเพียงส่ายหน้าเล็กน้อย ส่วนเพลล็อตใช้มือปาดเหงื่อบนหน้าผาก


‘ไม่ใช่ว่าเราไม่เข้าใจหัวอกฝ่าบาท แต่ว่า…’


ด้วยฐานะของผู้ปกครอง หากมีอุปนิสัยเอาแต่ใจเช่นนี้ คงได้นำทางเหล่าผู้ติดตามไปเผชิญหายนะเข้าสักวันแน่


การใช้อำนาจบังคับชาวเมืองทุกคนเพียงเพื่อสนองความแค้นส่วนตัว คือสิ่งที่ผู้นำเผ่าพันธุ์พึงกระทำแล้วจริงหรือ?


ชาร์ลส์เป็นคนจิตใจจับแคบ อดีตราชินีเคยตำหนิในเรื่องนี้อยู่หลายหน


ในเวลานั้น เธอหวังว่าทายาทของตน ผู้มีอายุยังไม่ถึงหนึ่งร้อยปี จะเติบโตขึ้นและปรับปรุงนิสัยได้ในอนาคต


แน่นอน คุณสมบัติสำคัญของราชาคนแคระคือการผ่านประสบการณ์ ‘ก้าวข้ามความตาย’ ส่งผลให้จากบรรดาทายาทจำนวน 11 คนของมาริเบล มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่คู่ควรกับตำแหน่ง


“ไปที่หอหมื่นมารกันเถอะ”


ชาร์ลส์เดินนำกริด


***


‘เป็นอย่างที่คิด…’


ทางเข้าของหอหมื่นมารตั้งอยู่ลึกเข้าไปในเขตวังหลวง สภาพแวดล้อมไม่ผิดไปจากความคาดหมายของกริดมากนัก


ขนาดของบานประตูไม่ใหญ่มาก เพียงให้คนแคระหนึ่งคนเดินผ่าน แต่สำหรับกริดต้องโน้มตัวลงเล็กน้อย


“เริ่มได้!”


ฉึบ.


กษัตริย์ชาร์ลส่งเสียงตะโกนสั่ง


เมื่อเห็นคนแคระจำนวนมากมารวมตัวหน้าหอหมื่นมารอย่างพร้อมเพรียง ชาร์ลส์รอคอยเวลาที่ผู้สืบทอดแพ็กม่าจะเผชิญความอับอายด้วยใจจดจ่อ


“ในเมื่อผู้สืบทอดแพ็กม่า ศัตรูของพวกเราชาวคนแคระ ลั่นวาจาว่าจะเปิดประตูหอหมื่นมารด้วยตัวเอง ข้าจึงเชิญทุกคนมาเป็นสักขีพยานอย่างพร้อมเพรียง!”


“โห่—! ฮู่ว—!”


เสียงตะโกนโห่ดังกดดันกริดจากทุกสารทิศ


นอกจากกลุ่มคนแคระที่ได้พบกริดโดยตรง คนแคระส่วนใหญ่เกลียดชังผู้สืบทอดแพ็กม่าเป็นทุนเดิม


‘แพ็กม่าเฮงซวย…’


กริดทั้งชื่นชมและเคารพ แต่บาปกรรมที่แพ็กม่าเคยก่อไว้ในอดีต ได้ตามหลอกหลอนและรังควานชีวิตตนแล้วหลายหน


ชายหนุ่มส่ายหน้าเอือมระอา พลางทาบมือลงบนบานประตูหอหมื่นมาร


ทันใดนั้น มันสัมผัสได้ถึงมวลน้ำหนักมหาศาล


กริดมั่นใจมาก ประตูบานนี้ไม่มีทางขยับเขยื้อนแน่นอน ต่อให้ตนทุ่มเทเรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อผลักเข้าไป


“ฟู่ว.”


ขณะกริดถอนหายใจยาว กษัตริย์ชาร์ลส์และคนแคระจำนวนมากต่างส่งเสียงหัวเราะ


พวกมันชอบใจที่ได้เห็นผู้สืบทอดของศัตรู เผยสีหน้าหวาดหวั่นต่อประตูหอหมื่นมาร


“ช่างไม่เจียมตัวเลยสักนิด! เป็นแค่ผู้สืบทอดแพ็กม่า เหตุไฉนถึงกล้าเปิดประตูหอหมื่นมารโดยไม่มีสายเลือดราชวงศ์!”


“โง่เหมือนแพ็กม่าไม่มีผิด!”


“เร็วเข้า ข้าอยากเห็นสีหน้าสิ้นหวังของเจ้า!”


คนแคระกำลังตั้งตารอผลลัพธ์


ท่ามกลางสายตาไม่เป็นมิตรรอบตัว กริดเริ่มเปิดใช้งานพลังอักขระ


‘อักขระแห่งความตะกละ’


จากนั้น มันเหยียดแขนออกไปหนึ่งข้าง


ขณะชายหนุ่มเตรียมปลดปล่อยเศษเสี้ยวพลังของจอมอสูรซาลอส ฝ่ามือกลับชะงักกะทันหัน


ฟุ่บ!


หัตถ์เทวะทั้งสี่ข้าง ลอยมาหยุดตรงหน้ากริดทั้งฝั่งซ้ายและขวา


ชายหนุ่มชำเลืองมองและพบว่า ฝ่ามือทุกข้างกำลังโบกบ่ายไปมาเป็นเชิงห้าม ราวกับไม่ต้องการให้ตนเข้าไปในหอหมื่นมาร


กษัตริย์ชาร์ลส์โพล่งขึ้นอย่างเดือดดาล


“หน้าด้านสิ้นดี! คิดจะใช้พระมารดาช่วยหลีกเลี่ยงความอับอายใช่ไหม!!”


ไอ้หมอนี่อายุกี่ขวบ?


นิสัยเด็กกว่าลอร์ดเสียอีก…


กริดส่ายหน้า ตะโกนสั่งหัตถ์เทวะ


“ถอยไปก่อน”


“…”


หัตถ์เทวะชะงักการเคลื่อนไหว แต่ยังลอยค้างในจุดเดิมราวกับยังต้องการโน้มน้าวกริด ทว่า เมื่อเห็นสายตาอันแน่วแน่ของชายหนุ่ม มันจำต้องถอยกลับอย่างไม่มีทางเลือก


กริดเริ่มปลดปล่อยพลังอักขระ


‘ผู้ไม่รู้จักความพ่ายแพ้’


<ผู้ไม่รู้จักความพ่ายแพ้>


ได้รับพลังเหนือขีดจำกัดร่างกาย


ท่านจะชนะในการประลองพละกำลังทุกชนิด


หากการกระทำถัดไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้กล้ามเนื้อ ท่านจะได้รับผลเชิงบวกโดยไม่มีเงื่อนไข


อย่างไรก็ตาม พลังนี้ไม่สามารถเอาชนะจอมอสูรตั้งแต่ลำดับ 3 ขึ้นไป มังกร และเทพ


ระยะหน่วง : 12 ชั่วโมง


ทรัพยากร : ไม่มี


กึก.


ฝ่ามือที่ใหญ่และหนาของกริด วางทาบลงบนประตูทางเข้าหอหมื่นมาร


น้ำหนักของเรกิสสโตนเริ่มสะท้อนกลับมายังปลายนิ้วทั้งห้า


ในวินาทีนี้ มันสัมผัสได้ถึงแรงต้านทานปริมาณมหาศาล


ขณะใช้มือเลื่อนผลักบานประตู กริดรู้สึกราวกับตนกำลังออกแรงดันโลกทั้งใบ


“ฮะฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่เจียมตัวเลยสักนิด!!”


“โห่—! ฮู่ว—!!”


ท่ามกลางเสียงโห่ร้องและถ้อยคำถากถาง


ครืน. ครืนนนนนนน!!


ประตูหอหมื่นมารด้านหน้ากริดถูกเปิดออก


“…!”


“…!”


“…!”


คนแคระทั้งหมด รวมถึงกษัตริย์ชาร์ลส์ เทพช้างสาร·อันทริโน่ และเพลล็อตหัวสิงโต ต่างพากันอ้าปากกว้าง ดวงตาเบิกโพลงจนเกือบถลนออกจากเบ้า


กริดเผยยิ้มมุมปาก ชำเลืองไปทางพวกมัน


“ก็ไม่เท่าไร…”


ใจจริง มันอยากเสริมไปว่า ‘กระจอกชะมัด’ แต่ก็ต้องสงวนกิริยาเอาไว้ เนื่องจากยังปรารถนาจะสานสัมพันธ์กับเผ่าคนแคระ


เพื่อเป็นการตอบโต้ถ้อยคำเหยียดหยันก่อนหน้าทั้งหมด ชายหนุ่มหันไปพูดกับชาร์ลส์


“หากไม่มีสายเลือดราชวงศ์ คุณก็คงเป็นพวกไร้ความสามารถที่มิอาจเปิดประตูบานนี้ได้ด้วยฝีมือตัวเอง ไม่แปลกใจเลยสักนิด ว่าทำไมอดีตราชินีถึงปฏิเสธที่จะเข้าใกล้…”


นับตั้งแต่หอหมื่นมารถือกำเนิด เคยมีบุคคลภายนอกเปิดสำเร็จสักครั้งหรือยัง?


คำตอบคือยัง


หอหมื่นมารจึงเป็นอภิสิทธิ์ของราชวงศ์คนแคระมาโดยตลอด เป็นสิ่งที่ทำให้พวกมันยกตัวเองอยู่สูงเหนือผู้อื่น


แต่ในวินาทีนี้ กริดได้ทำลายความผยองดังกล่าวจนสิ้นซาก


ชายหนุ่มลดทอนคุณค่าและความพิเศษของพวกมันลงหลายระดับ


แถมยังต่อหน้าธารกำนัลจำนวนมหาศาล


แววตาของเหล่าคนแคระเริ่มแปรเปลี่ยน


โดยเฉพาะอันทริโน่ มันกำลังฉีกยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ มิได้เผยความเจ็บใจหรือเสียหน้าแต่อย่างใด


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,662
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00