จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,267



ภาคเกษตรกรรมของเมืองทาลิม่าถูกควบคุมด้วยเครื่องจักรอย่างสมบูรณ์ ผนวกกับการนำภูติเทียมและโกเล็มมาช่วยอำนวยความสะดวกในหลายภาคส่วน เช่นไถหน้าดิน หว่านเมล็ด และเก็บเกี่ยวผลผลิต


คนแคระมิได้สร้างระบบเหล่านี้ขึ้นเพราะความเกียจคร้าน ค่อนข้างตรงกันข้าม การที่คนแคระตัดสินใจฝากปัญหาด้านปากท้องให้เครื่องจักรช่วยจัดการแทน ก็เพราะพวกตนจะได้ทุ่มสมาธิกับงานหลักได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ


สถานการณ์ปัจจุบันของอุตสาหกรรมตีเหล็กในทาลิม่าสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี


ถึงแม้จะมีวิทยาการด้านเครื่องจักรและภูติเทียมที่ล้ำหน้า จนสามารถผลิตไอเท็มได้มากถึงหลายร้อยขึ้นต่อสัปดาห์ แต่ช่างตีเหล็กคนแคระกลับยังยึดติดในการผลิตงานด้วยมือมานานนับร้อยปีโดยไม่แปรเปลี่ยน แสดงให้เห็นว่าพวกเขาใส่ใจกับคุณค่าของผลงานมากเพียงใด


สิ่งที่ช่วยตอกย้ำว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงก็คือ บรรดาผู้เล่นซึ่งเคยมาเยือนทาลิม่าล้วนพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า ชาวคนแคระที่นี่แทบไม่เคย ‘หยุดทำงาน’ ให้เห็น


คนแคระเป็นพวกข้างานโดยแท้จริง พวกมันจะใช้ทั่งเหล็กป็นโต๊ะกินข้าว และใช้เบ้าหล่อโลหะสำหรับบรรจุเครื่องดื่ม อาหารแต่ละมื้อจบลงอย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้กลับไปทำงานต่อโดยไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า


แต่วันนี้ ทุกคนกลับหยุดงาน


พวกมันละจากสิ่งที่เคยทำจนเป็นกิจวัตร และไปรวมตัวกันรอบร้านตีเหล็กของเพลล็อต


แคระทุกคนบ้าการตีเหล็กถึงขั้นที่ว่า งานเลี้ยงฉลองการเป็นอิสระของดวงวิญญาณราชินี ได้เริ่มต้นและจบลงภายในสามสิบนาทีเท่านั้น


งั่ม. งั่ม. อึก.


เครั้ง!


ถูกต้อง แม้แต่คนแคระก็ยังต้องพักกินข้าว


แต่กริดกลับกินเพียงขนมปังแช่น้ำ แถมยังซัดจนหมดเกลี้ยงภายในหนึ่งวินาที จากนั้นก็รีบกลับไปทุบค้อนลงบนทั่ง สานต่อจากงานเดิม


ทั้งเตาหลอมที่ไม่เคยดับแม้แต่วินาทีเดียวตลอดหลายวันที่ผ่านมา ทั้งการถลุงโลหะ การชุบแข็ง 

การทุบค้อน ทุกขั้นตอนล้วนเป็นไปอย่างประณีตและซับซ้อน ฝีมือและประสบการณ์อันเกิดจากการสั่งสมตลอดหลายปี กำลังถูกนำมาใช้เพื่อผลิตผลงานชิ้นใหม่


เป็นผลงานที่ดูคล้าย ‘ฝ่ามือง ของกริดมาก


หากมองผิวเผินจะเหมือนกับส่วนประกอบหนึ่งของโกเล็มร่างมนุษย์ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่


รูปทรงสุดท้ายของผลงาน ไม่มากไม่น้อยไปกว่าฝ่ามือมนุษย์เพียงหนึ่งข้าง


เคร้ง! เคร้ง! เครั้ง!


จากคำแนะนำของเพลล็อต ซึ่งเน้นย้ำว่ากริดควรใส่ใจและให้เวลากับการสร้างไอเท็มทุกชิ้นชายหนุ่มจึงผลิตหัตถ์ทวะได้เพียงวันละสองข้าง โดยถ้าไม่มีคำแนะนำดังกล่าว กริดคงก้มหน้าก้มตาผลิตหัตถ์เทวะออกมาเป็นจำนวนมากไปแล้ว


จากบรรดาไอเท็มหลากหลายชนิด ไม่มีสิ่งใดยากไปกว่าการสร้างไอเท็มเลียนแบบฝ่ามือมนุษย์—อวัยวะที่เต็มไปด้วยข้อต่อและความซับซ้อนเชิงกลไก—ให้ออกมาสมจริงมากที่สุด


และเป็นเหตุผลที่กริดไม่สามารถสร้างหัตถ์เทวะได้ด้วย ‘ปุ่มสร้างอัตโนมัติ’ จากระบบเกม


“ค*ย!”


กริด ผู้จมอยู่กับความเงียบมันมาสักพัก ตัดสินใจพ่นถ้อยคำสุดหยาบคายจากปาก


หลังจากเคยห่างหายไปเป็นเวลานาน ในที่สุด ผรุสวาสอันคุ้นเคยก็หวนกลับมาอีกครั้ง


ไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะโมโห เพราะหลังจากทุ่มเทแรงกายแรงใจสร้างหัตถ์เทวะอย่างต่อเนื่องตลอด 5 วันเต็ม ไอเท็มอีโก้กลับไม่ปรากฏขึ้นแม้แต่ชิ้นเดียวจากทั้ง 10 ชิ้น หากเป็นกริดคนเก่าคงหัวเสียจนขว้างค้อนกระแทกพื้นสุดแรง


แต่สุดท้าย มันก็มิได้ทำ เพราะในใจตระหนักถึงคุณค่าของค้อนตีเหล็กเป็นอย่างดี


จิตวิญญาณของ ‘ช่างตีเหล็ก’ ได้สลักลึกลงในใจกริดจนยากจะลบเลือน


“ไม่โชคร้ายไปหน่อยหรือ.. ถ้าเป็นคนปรกติ อย่างน้อยก็ต้องสำเร็จสักชิ้นไม่ใช่รึไง!”


รายละเอียดทักษะ <เทคนิคการผลิตไอเท็มอีโก้ขั้นสูง> เขียนอธิบายไว้อย่างชัดเจนว่า ‘มีโอกาสปานกลางที่ผลงานจะสร้างไอเท็มอีโก้’


โดยทั่วไปแล้ว ‘โอกาสปานกลาง’ ภายในซาทิสฟายจะหมายถึง 10 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์



แน่นอน ในบางครั้งอาจโชคร้ายเป็นพิเศษ จนโอกาสสำเร็จไม่มีถึง 10% แต่ก็ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ค่าเฉลี่ยของความน่าจะเป็นก็ยังสูงถึง 20%


แต่กริดกลับแย่กว่านั้นมาก


ทั้งสิบครั้ง ล้มเหลวรวด


ความเหน็ดเหนื่อยตลอดห้าวันที่ผ่านมากลายเป็นสิ่งสูญเปล่าโดยสมบูรณ์


ถูกต้อง เปล่าประโยชน์สิ้นดี


‘ถ้าเป็นความล้มเหลวในการสร้างอาวุธหรือชุดเกราะ เราคงไม่เสียใจและท้อแท้ขนาดนี้’


สำหรับอาวุธและชุดเกราะ การไม่มีอีโก้ถือเป็นเรื่องเสียหายไม่มากนัก เพราะไอเท็มยังสามารถนำไปใช้งานได้ตามปรกติ เฉกเช่นชุดเกราะของกริดที่ปราศจากอีโก้ในปัจจุบัน


แต่กับหัตถ์เทวะแล้วไม่ใช่ การไม่มีอีโก้นั้นหมายถึง พวกมันจะเป็นได้เพียงของตกแต่งบ้านไร้

ประโยชน์


‘SA กรุ๊ปหัวค*ย...’


ในฐานะทักษะใหม่ที่เพิ่งเรียน ตามปรกติแล้วจะมีบัฟช่วยเพิ่มเอฟเฟคความสำเร็จในช่วงต้นแต่ผลลัพธ์ที่กริดได้กลับออกมาตรงกันข้าม


‘อย่างน้อยก็ควรอิงค่าเฉลี่ยไม่ใช่รึไง!’


ราชินีมาริเบล สตรีผู้มีบุตรชายงี่ง่าและเจ้าคิดเจ้าแค้นถึงขั้นพยายามลงมีอวางยาพิษหมายฆ่าแขกพิเศษของมารดา


หลังจากปลดปล่อยดวงวิญญาณที่ทุกข์ทรมานนานของเธอให้เป็นอิสระได้เพียงห้าวัน ชายหนุ่มกลับเกิดความคิดถึงขึ้นมาจับใจ


แน่นอน กริดมิได้นึกเสียดายในการกระทำของตน สองสิ่งดังกล่าวถือเป็นคนละเรื่อง


หากอีโก้ถูกแบ่งออกเป็นเกรด อีโก้ของราชินีมาริเบลจะมีเกรดราวอีปีกเท่านั้น เพราะไม่มีคุณสมบัติใดพิเศษนอกจากการ ‘เชื่อฟังคำสั่งเจ้านายโดยไม่ขัดขืน’ ดวงวิญญาณของเธอแทบจะเหลือเพียงสัญชาตญาณหลังจากถูกแบ่งหลายครั้งหลายหน มิอาจปฏิบัติตามคำสั่งชับซ้อนต้องคอยกำชับทุกขั้นตอน ส่งผลให้กริดควบคุมหัตถ์เทวะพร้อมกันได้เพียงสี่ข้าง


ดังนั้น อีโก้ใหม่ที่เกิดจากเทคนิคของคนแคระย่อมต้องมีประสิทธิภาพสูงกว่าดวงวิญญาณของ

อดีตราชินี เพียงแต่ว่า โชคยังไม่เข้าข้างกริดสักเท่าไร


“เฮ่อ...”


ชายหนุ่มถอนหายใจยาว


สร้างหัตถ์เทวะอีโก้ล้มเหลวสิบครั้งรวด...


ผลลัพธ์อันเลวร้ายส่งผลให้กริดเกิดความท้อแท้เกินบรรยาย ภายในใจต้องการล็อกเอาต์ออกไปพักผ่อนสักสองสามวัน


จริงอยู่ หากเป็นความล้มเหลวครั้งที่ 100 การทำใจยอมรับก็คงไม่ลำบากอะไรนัก แต่มันมักผ่านไปได้ยากในช่วงแรกเสมอ



‘ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เราควรพิจารณาการใส่ภูติเทียมเพื่อกำหนดคำสั่งพื้นฐานแทนการคาดหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับอีโก้’


กริดมิอาจสลัดความ มันนั่งลงพร้อมกับใช้สองมือลูบใบหน้า


คนแคระโดยรอบต่างพากันถอนหายใจด้วยความสงสาร


แม้แต่ช่างตีเหล็กที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ช่างตีเหล็กผู้สร้างแร่ชนิดใหม่ที่มีประสิทธิภาพไร้ขีดจำกัดช่างตีเหล็กผู้มีฝีมือสุดวิจิตรประณีตยิ่งกว่าใคร ก็ยังต้องประสบความผิดหวังรุนแรงราวกับสวรรค์จงใจกลั่นแกล้ง...


ดวงตาคนแคระเริ่มสั่นเทาเมื่อตระหนักถึงความห่างชั้นระหว่างตนกับกริด แต่ขณะเดียวกันพวกมันก็เข้าใจความผิดหวังอันแสนเจ็บปวดของชายหนุ่ม


“เขาไม่โชคร้ายไปหน่อยหรือ...”


“ถูกต้อง แม้แต่ข้าก็ยังไม่เคยล้มเหลวสิบครั้งติดต่อกัน...”


ดังที่เคยกล่าวไป เทคนิคการผลิตอีโก้ที่กริดได้รับจากเพลล็อตเป็นเพียงส่วนเสริม ยิ่งเทคนิคตีเหล็กพื้นฐานกริดมีระดับสูงเท่าไร เทคนิคการผลิตอีโก้ก็ยิ่งแปรผันตามคุณภาพตาม


ฝีมือการตีเหล็กที่แม้กระทั่งเทพยังยอมรับ...


มีการประเมินไว้ว่า คนแคระระดับช่างฝีมือต้องสั่งสมประสบการณ์นานนับร้อยปีกว่าจะไปอยู่จุดเดียวกับกริด


แต่ถึงอย่างนั้น ค่าเฉลี่ยการผลิตไอเท็มอีโก้ของคนแคระกลับสูงถึง 3 ใน 10 ชิ้น การพลาด10 ชิ้นรวดจะเกิดขึ้นเพียงหนสองหรือหนในรอบหลายสิบปี


สำหรับเรื่องนี้ กริดได้ลิ้มรสมันในห้าวัน


“อ๊ะ! อย่าดันเข้ามาสิ!”


“ใครกัน?”


คนแคระบางส่วนที่ถูกแหวกทางต่งส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ ก่อนที่พวกมันจะหันไปเห็นคนแคระผมดำรายหนึ่ง ผู้กำลังผลักประตูร้านตีเหล็กของเพลล็อตเข้าไป


บุคคลเหนือมนุษย์


นักรบอันดับหนึ่งของคนแคระ อันทริโน่


“ข้าได้ยินข่าวมาแล้ว น่าเสียดายไม่น้อย... ออกไปเปลี่ยนบรรยากาศสักหน่อยไหม?”


“เปลี่ยนบรรยากาศ?”


“แวะไปเที่ยวเหมืองเอลีต หรือไม่ก็เรียนเทคนิควิศวกรรมเวทมนตร์ ข้าพาเจ้าเข้าไปได้”


“ไม่เป็นไรแน่หรือ...”


“อย่างที่เคยบอกไป การเยี่ยมเหมืองไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก ยากแค่การขออนุญาตจากแผนกวิศวกรรมเวทมนตร์ แต่โชคดีที่พวกเขายินดีต้อนรับเจ้าด้วยความเต็มใจ”


สาเหตุที่ต้องใช้เวลานานถึง 5 วันในการเยี่ยมชมแผนกวิศวกรรมเวทมนตร์ เพราะหัวหน้าแผนกมักละเลยจดหมายคำสั่งษัตริย์บ่อยครั้ง โดยมักหมกตัวภายในห้องทำงานโดยไม่ออกมาสูดอากาศด้านนอก บ้างนาน 10 วัน บ้างนานนับเดือนก็เคยมี ดังนั้น จดหมายของชาร์ลส์จึงเพิ่งถูกตรวจสอบเมื่อไม่นานแม้จะผ่านมาห้าวัน


“อา...”


กริดยังคงไม่ลุกขึ้นยืน


เมื่อได้เห็นท่าทีตอบสนองดังกล่าว อันทริโน่ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่นานก็เข้าใจพฤติกรรมของกริด


“ขอบคุณมาก แต่สำหรับผม ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับทำเรื่องพวกนั้น ผมจะไม่ออกไปไหนจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ”


“ขออวยพรให้เจ้าสำเร็จในครั้งถัดไป”


กึก.


อันทริโน่นั่งลงตรงมุมหนึ่งของร้านตีเหล็กเพลล็อต ตามด้วยการหยิบขวานขึ้นมาและลับคมด้วยหินขัด


เป็นทักษะการลับคมอาวุธสุดแสนประณีต กริดไม่เคยเห็นอัศวินคนใดทำได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้มาก่อน ไม่แม้กระทั่งช่างตีเหล็กเผ่ามนุษย์


สมแล้วที่เป็นคนแคระซึ่งโด่งดังในด้านนี้


‘เฮ่อ... อีกสักครั้งก็แล้วกัน’


กริดมักให้คุณค่ากับสายสัมพันธ์เสมอ ดังนั้น หลังจากได้เพื่อนรายใหม่ ชายหนุ่มจะพยายามรักษามิตรภาพไว้อย่างสุดฝีมือ


ต้องขอบคุณอันทริโน่ ความหงุดหงิดในใจกริดเริ่มบรรเทา มันทำการรวบรวมหัตถ์เทวะทั้ง10 ข้างที่ถือเป็นผลงานล้มเหลว เตรียมเทกลับเข้าไปในเตาหลอม เพื่อถลุงเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตหัตถ์เทวะชุดถัดไป


แต่ทันใดนั้น ด้านนอกร้านตีเหล็กเพลล็อตพลันเกิดความวุ่นวายกะทันทัน


“ด...ดี๋ยวก่อน! หยุดก่อน!”


“ราชาโอเวอร์เกียร์ ได้โปรดทบทวนดูก่อน!”


“…?”


คนแคระที่บ้างกำลังเกาะหน้าต่างข้างบ้านเพลล็อต บ้างเกาะหน้าต่างเหนือประตู เริ่มส่งเสียงเอะอะโวยวายเข้ามาด้านใน


ทบทวน?

เหล่าคนแคระรีบประกาศความต้องการ


“อย่าทิ้งพวกมัน! ได้โปรดขายต่อให้ข้า!”


“หือ...?”


ขยะที่เป็นไม่ได้แม้แต่อุปกรณ์สวมใส่...


คนแคระต่างพยักหน้าหงึกหงักขณะกริดชี้นิ้วไปยังหัตถ์เทวะทั้งสิบข้างซึ่งปราศจากอีโก้


ชายหนุ่มมองเป็นเรื่องเหลวไหล


“ซื้อไปอะไร... ตกแต่งบ้านหรือ”


“แน่นอนอยู่แล้ว! ผลงานเหล่านี้ถือเป็นแบบจำลองเสมือนจริงของมือช่างตีเหล็กที่แม้แต่เทพเฮ็กเซเทียก็ยังให้การยอมรับ! ข้าจะเอาไปแขวนกลางร้านและกราบไหว้เยี่ยงสิ่งศักดิ์สิทธิ์!”


“ข้าจะสวดมนต์ต่อหน้ามันทุกวัน! จะทำเป็นสมบัติประจำตระกูลให้ลูกหลานสืบทอด! ได้โปรดขายให้ข้าด้วย!”


ในสายตาคนแคระ กริดและแพ็กม่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง


เมื่อครั้งแพ็กม่เดินทางมายังทาลิม่า มันยังไม่ใช่ช่างตีเหล็กในตำนาน แต่กริดมาเยือนในฐานะตำนานที่พรสวรรค์เบ่งบานระดับหนึ่งแล้ว


เหล่าคนแคระเก่าแก่อาจไม่แยแสแพ็กม่า แถมยังดูแคลนเป็นอย่างมาก แต่ทุกคนกลับหลงใหลเสน่ห์ที่เอ่อล้นจากผลงานกริด


เหนือสิ่งอื่นใด นี่คือชิ้นงานที่เลียนแบบฝ่ามือของกริดได้อย่างสมจริง


ไม่จำเป็นต้องช่างเหล็ก แม้แต่นักสะสมตัวยงทั่วโลกก็ล้วนปรารถนาจะครอบครอง


มีใครบ้างไม่ต้องการแบบจำลองสามมิติอันประณีตและซับซ้อนของฝ่ามือช่างตีเหล็กในตำนานผู้มากความสามารถ? วาดตามองไปทั่วทั้งโลก งานศิลป์ซึ่งมีคุณค่มากพอจะเทียบเคียงสิ่งนี้ได้ อาจมีจำนวนไม่ถึงหนึ่งนับนิ้วด้วยซ้ำ


‘แบบนี้นี่เอง...’


ต้องขอบคุณคนแคระ ความหดหู่ที่กำลังกัดกินจิตใจกริดถูกขจัดเป็นปลิดทิ้ง ขณะเดียวกันก็ได้ตระหนักว่า ความยากลำบากตลอดห้าวันที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องสูญเปล่าเสียทีเดียว


“เสนอราคามาเลย”


ชายหนุ่มเปิดประมูล


แต่ทันใดนั้น กริดผู้กำลังคาดหวังราคาที่สมเหตุสมผลในใจ พลันตกตะลึงกับคำตอบที่ได้รับ


“ขอแลกกับภูติเทียมหนึ่งตน!”


“หนึ่งตน? เจ้าอย่าได้ฟังเสียงของพวกหัวขโมยเด็ดขาด! ข้าขอแลกเปลี่ยนด้วยภูติเทียมสามตน! กว่าจะได้พวกมันครบสามตน ข้าต้องใช้เวลานานถึง 124 ปี! สมน้ำสมเนื้อกับผลงานแสนล้ำค่าของเจ้าแล้ว!”


“ข้าขอแลกด้วยโกเล็มเหล็กห้าตน!”


“…”


กริดเคยได้ฟังมาจากคนแคระเคย์


การสร้างภูติเทียมต้องใช้เงินทุนและความอดทนเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้น อัตราการล้มเหลวก็ยังสูงถึง 70% เคย์จึงยืนกรานกับกริดอย่างหนักแน่นว่า ไม่มีทางที่คนแคระเพียงคนหรือสองคนจะผลิตภูติเทียมออกมาเป็นจำนวนมากได้


แต่รอบตัวกริดกำลังคนแคระนับพันรายล้อม


อารมณ์ดำดิ่งของขายหนุ่มซึ่งคล้ายกับกำลังตกนรกทั้งเป็นเมื่อครู่ ได้แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเปี่ยมสุข ประหนึ่งกำลังแหวกว่ายไปบนเมฆสีทองท่ามกลางสรวงสวรรค์


‘มันต้องแบบนี้!’


เมื่ออารมณ์ดี ก็ได้เวลากลับไปทำงาน


กริดก้มหน้าถลุงแร่โดยปล่อยให้คนแคระตกลงเรื่องราคากันเอง


ความกระหายของชายหนุ่มโชติช่วงดุจดัจเปลวไฟอันร้อนแรงในเตาหลอม ทุกการอากัปกิริยาการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบจนคนแคระช่างฝีมือสามารถใช้เป็นตำราอ้างอิงศาสตร์การตีเหล็กได้


เครั้ง! เครั้ง! เคร้ง!


ราวกับเวลาภายในทาลิม่าหยุดเดินชั่วคราว


คนแคระยืนจ้องกริดทำงานอย่างตั้งใจโดยไม่มีใครกระดุกกระดิกหรือส่งเสียง หากปราศจากเสียงค้อนกระทบเหล็ก ทาลิม่าจะไม่ต่างอะไรกับเมืองร้างไปชั่วขณะ


จนกระทั่งกริดเสร็จงาน


“งดงามมาก...”


แสงจันทร์สีน้ำเงินด้านนอกกำลังพราวพายอย่างอบอุ่นอ่อนโยน


รอยยิ้มพึงพอใจเริ่มปรากฏใบหน้าอันทริโน่ คนแคระผู้กำลังนั่งจ้องกริดโดยไม่ขยับตัวมานานประหนึ่งนักบวชบำเพ็ญเพียร


[ การสร้างไอเท็มเสร็จสิ้น! ]


[ วิญญาณอันเข้มข้นถือกำเนิดภายในไอเท็ม! ]


> เจ้านาย ข้าประทับใจในความแน่วแน่อันไม่สั่นคลอนของท่าน ขอสัญญาว่า ไม่ว่าท่านจะมอบบททดสอบใดในอนาคต ข้าจะไม่ต้แย้งหรือปฏิเสธโดยเด็ดขาด ศัตรูของท่านจะถูกสังหารในพริบตา รอบกายท่านจะปลอดภัยยิ่งกว่าสถานที่ใดในโลก


“…!”

ใบหน้ากริด ผู้ได้ผลลัพธ์ที่ตนปรารถนามาตลอดหลายวัน เริ่มเผยความอิ่มเอมใจเป็นล้นพ้น


แต่เพียงไม่นาน ชายหนุ่มรีบหุบยิ้ม

มันสังหรณ์ใจว่า คนดวงบัดซบแบบตน ไม่มีทางเผชิญเรื่องดีอย่างราบนได้แน่ จึงไม่ควรวางใจจนกว่าจะได้เห็นผลลัพธ์ทั้งหมดเสียก่อ 


______________

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,674

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00