จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,262
จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,262
“…”
พาเฟรเนี่ยมจะเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง เห็นได้ชัดจากพฤติกรรมปกป้องเจ้าของโดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม กริดไม่เคยเชื่อว่าสิ่งนี้มีอารมณ์หรือความรู้สึก
การตัดสินใจและพฤติกรรมของพาเฟรเนี่ยมส่วนมากมักขึ้นอยู่กับคำสั่งเบื้องต้น จากนั้นก็จะปฏิบัติตามโดยอาศัยสัญชาตญาณประกอบการเล็กน้อย และเนื่องจากมีลักษณะการทำงานในเชิงกลไกตายตัว กริดจึงเข้าใจว่ามันเป็นเพียงเครื่องจักรชนิดหนึ่งมาตลอด
แต่ในวินาทีนี้ ความเชื่อดังกล่าวต้องแปรเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง
การประเคนกำปั้นใส่ราชาคนแคระพร้อมกับชูนิ้วกลางอย่างโอหัง บ่งบอกชัดเจนว่าสิ่งนี้มีอารมณ์ความรู้สึก
‘ในอดีต ระหว่างที่เรากำลังเผชิญหน้าศัตรูแข็งแกร่ง มีหลายครั้งที่ลืมควบคุมหัตถ์เทวะ…’
ถึงสิ่งนี้จะเคลื่อนไหวได้เองอยู่บ้าง แต่เราเข้าใจว่านั่นคือกลไกในการ ‘ปกป้องเจ้าของ’
ปัจจุบัน หัตถ์เทวะลอยกลับมาวนรอบตัวกริด ผู้กำลังส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
จากนั้น ฝ่ามือทั้งสี่ข้างเริ่มหมุนเร็วขึ้น แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ
คล้ายกับพวกมันต้องการออกจากที่นี่
“พ…พระมารดา…”
ราชาคนแคระ ผู้ถูกชกจนล้มหงาย กำลังหลั่งน้ำตาด้วยสีหน้าเศร้าโศก
แววตาเผยความตกใจ มงกุฎบนศีรษะหลุดกระเด็นจากแรงชก
“พ…พระมารดาลืมบุตรคนนี้ไปแล้วหรือ…”
เสียงพึมพำคำถามของราชาคนแคระดังปะปนในอากาศอย่างเจือจาง
แน่นอน ไม่มีคำตอบใดกลับมา
เพราะหัตถ์เทวะพูดไม่ได้
สายตาราชาคนแคระจ้องมาทางกริด ผู้กำลังเผยสีหน้าเคร่งเครียดเนื่องจากไม่ทราบว่าตนควรแก้ไขสถานการณ์อย่างไร
จากมุมมองของชายหนุ่มที่ต้องการสานสัมพันธ์กับเผ่าคนแคระ มันสัมผัสถึงความมุ่งร้ายและไม่พึงพอใจจากอีกฝ่ายได้ชัดเจน
“เจ้าคือกริดตามข่าวลือสินะ… ผู้สืบทอดของแพ็กม่า และช่างตีเหล็กที่เทพแห่งการตีเหล็กยอมรับ”
“ถูกต้อง และยังเป็นราชาโอเวอร์เกียร์ด้วย”
การแนะนำตัวดังกล่าว สื่อความนัยว่าตนก็เป็นราชาเช่นกัน ดังนั้น จึงควรมอบความเคารพให้กันบ้าง
อย่างไรก็ตาม ราชาคนแคระเพียงพ่นลม
“ข้าไม่สนใจตำแหน่งของเจ้า!”
ชาร์ลส์
คนแคระร่างท้วมผู้ตะคอกใส่กริด ชื่อเหนือศีรษะของมันถูกเขียนด้วยอักษรสีทองอร่าม
“ส่งมารดาของข้ามาเดี๋ยวนี้! นั่นคือหนทางเดียวที่เจ้าจะมีชีวิตรอดกลับไป!!”
ไม่เพียงแพ็กม่าจะทรยศมาริเบล แต่ยังกักขังดวงวิญญาณของเธอไว้ในแร่ตลอดกาล
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชายคนนั้นคือศัตรูอันดับหนึ่งของทาลิม่า
ยิ่งสำหรับชาร์ลส์ แพ็กม่ายังเป็นศัตรูผู้พรากมาดราไปจากตน
คนแคระนอกทาลิม่าอาจยกย่องในความยิ่งใหญ่ของผู้สืบทอดแพ็กม่า แต่สถานการณ์ภายในทาลิม่านั้นแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
พวกมันเกลียดชังผู้สืบทอดแพ็กม่ายิ่งกว่ามังกรเพลิงทราวก้าเสียอีก
โครม!
เสียงตะโกนของชาร์ลส์ถือเป็นสัญญาณ
หลังจากประตูห้องถูกเปิดกระแทก นักรบคนแคระจำนวนมากรีบกรูเข้ามาด้านใน
ชุดเกราะสีทองอร่าม ไม่ต่างจากกองทหารรักษาพระองค์ของจักรวรรดิ แต่จุดแตกต่างคือการใช้ขวานเป็นอาวุธ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับทหารของจักรวรรดิที่ใช้ดาบยาว ภาพลักษณ์ของนักรบคนแคระจะดูสง่างามน้อยกว่า แต่น่าเกรงขามและดุดันกว่ามาก มอบความรู้สึกคล้ายโจรป่ากลาย ๆ
‘เดาฝีมือไม่ถูกแฮะ…’
นักรบคนแคระมีจำนวนเพียงหยิบมือ
เนื่องจากคนแคระมีพรสวรรค์ไปในเชิงหัวศิลป์และงานฝีมือ นักรบคนแคระจึงมีสัดส่วนเพียงไม่ถึง 1% ของทั้งหมด และหน้าที่เดียวคือการปกป้องวังหลวงคนแคระ โดยมิได้สนใจสถานการณ์โลกภายนอก
‘ช่างเถอะ ไม่เห็นต้องกังวล’
กริดไม่มีเจตนาต่อสู้หรือเอาชีวิตใคร
เพราะเดิมที มันตั้งใจจะปลดปล่อยดวงวิญญาณของมาริเบลให้เป็นอิสระอยู่แล้ว
ในมุมมองของกริด ตนไม่มีความจำเป็นต้องเหนี่ยวรั้งราชินีเอาไว้ และภายในใจต้องการเรียนเทคนิคการสร้างอีโก้จากคนแคระมากกว่า เพื่อนำไปถ่ายทอดให้กับช่างตีเหล็กของโอเวอร์เกียร์
‘เรามิได้ไร้หัวใจขนาดนั้น…’
กริดเคยเข้าใจว่า อีโก้ภายในพาเฟรเนี่ยมเกิดจากเวทมนตร์ จึงใช้งานโดยไม่คิดมาก
แต่เมื่อทราบว่าเป็นดวงวิญญาณใครบางคน ชายหนุ่มจึงตัดใจจากพาเฟรเนี่ยม และวางแผนบรรจุอีโก้ลงในแร่ชนิดใหม่ด้วยดวงวิญญาณที่เกิดจากการผลิตไอเท็มตามธรรมชาติ
“ไม่ต้องห่วง ผมจะคืนให้”
กริดมอบคำตอบอย่างสุภาพ สายตาจ้องไปทางหัตถ์เทวะเป็นเชิงออกคำสั่ง
จากนั้น หัตถ์เทวะเริ่มลอยเข้าหาราชาคนแคระอย่างเชื่องช้าอีกหน
ชาร์ลส์รู้สึกตื้นตันใจ
“จ…เจ้าจะคืนมารดาให้เราจริงหรือ?”
“จุดประสงค์ของการมายังวังหลวงก็เพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณของเธอให้เป็นอิสระ ในเมื่อผมต้องการสานสัมพันธ์กับทาลิม่า นั่นคือราคาที่ต้องจ่าย”
“อ…โอ้…!”
ของเหลวสีใสเริ่มเอ่อล้นดวงตาชาร์ลส์
มันตื่นเต้นเมื่อตระหนักว่าดวงวิญญาณของมารดาซึ่งถูกจองจำไว้ในแร่ต้องสาป กำลังจะยุติความทุกข์ทรมานชั่วนิรันดร์
มันเหยียดแขนออกมาโอบกอดหัตถ์เทวะ
เปรี้ยง!
คราวนี้ หัตถ์เทวะชกใส่หน้าผากเต็มแรง
แน่นอน หัตถ์เทวะซึ่งได้รับสืบทอดค่าพละกำลังและความชำนาญมือจากกริด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแรงชกจะมหาศาลเพียงใด ชาร์ลส์ถึงกับแหงนหน้ามองฟ้าพลางเอนศีรษะไปด้านหลังเล็กน้อย นับเป็นภาพอันน่าตกตะลึง เมื่อพิจารณาว่าลำคอของคนแคระทั้งใหญ่และแข็งแรงกว่ามนุษย์ราวสองเท่า
“…”
“…”
วังหลวงคนแคระเงียบงันอีกครั้ง
คนแรกที่ตื่นจากภวังค์คือชาร์ลส์
มันตะคอกใส่กริดด้วยหน้าผากอันแดงก่ำ
“เจ้าหลอกข้า! ผู้สืบทอดแพ็กม่าช่างเจ้าเล่ห์และชั่วช้าไม่ต่างจากแพ็กม่าเลยสักนิด!!”
“…”
กริดมิได้ถือสา
เพราะถ้าตนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับชาร์ลส์ ก็คงพ่นในสิ่งเดียวกันออกมา
“เจ้าทำผิดกฎร้ายแรง! ข้อหาไม่ยอมปลดปล่อยให้ดวงวิญญาณของอดีตราชินีให้เป็นอิสระ! เจ้าทำตัวเหมือนกับแพ็กม่า เหยียบย่ำความรู้สึกของบุตรชายที่ปรารถนาจะให้มารดาได้พักผ่อน! ทหาร! จงนำตัวไปกักขังและดำเนินคดีภายใต้กฎหมายอันศักดิ์สิทธิ์ของทาลิม่า!”
ลงเอยด้วย นี่มิใช่สถานการณ์ที่สามารถยุติได้ด้วยการพูดคุย
อย่างไรก็ตาม หากเปลี่ยนกริดเป็นชาร์ลส์ ชายหนุ่มเชื่อว่า ตนก็คงเข้าใจผิดไม่ต่างกัน
‘ถ้าเป็นแบบนี้…’
การพูดคุยที่ดีที่สุด… คือการไม่พูดคุย
แน่นอน กริดไม่ยอมจำนน
มันวางแผนสะสางปัญหาด้านอื่นให้เรียบร้อยเสียก่อน จึงค่อยเป็นฝ่ายคุมเกมการสนทนา
กริด ผู้ตัดสินใจแน่วแน่ ทำการชักอาวุธ
ฉึบ.
ดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมฯ สีดำสนิทพลันดูดกลืนแสงแพรวพราวจากทองคำรอบวังหลวงทาลิม่า
ถึงจะเป็นนักรบ แต่คนแคระก็คือคนแคระ
ด้วยพรสวรรค์ทางด้านหัวศิลป์ นักรบคนแคระย่อมตระหนักถึงความงดงามของอาวุธในมือกริด จึงพากันเผยแววตาตกตะลึง
แต่ก็เพียงไม่นาน
เมื่อหวนนึกถึงหน้าที่ของตน พวกมันต่างยกขวานขึ้นและย่างกรายเข้าหากริด
ชายหนุ่มเริ่มปรับลมหายใจ
‘ต้องสยบพวกเขาโดยไม่ทำให้ใครเจ็บหนัก’
กริดไม่ปรารถนาจะเป็นศัตรูกับคนแคระ
กลุ่มนักรบคนแคระสมควรถูกกำราบ แต่ต้องไม่มีใครเสียชีวิต
‘ต้องหยั่งเชิงเลเวลดูก่อน’
มันเริ่มทำตามแผน
การต่อสู้แบบหนึ่งต่อร้อย
คงเป็นปัญหาแน่ หากถูกโจมตีก่อนจนเสียท่า
เคร้ง!
การโจมตีของกริดกระทบกับขวานคนแคระจนเกิดเสียงกังวาน ด้วยรูปทรงจันทร์เสี้ยวขนาดมหึมา ขวานของนักรบคนแคระมีประสิทธิภาพอย่างมากในการป้องกัน
‘ตอบสนองเร็วมาก… นึกว่าจะอืดอาด แต่กลับว่องไวผิดคาด’
กริด ผู้ชื่นชมฝีมือของนักรบคนแคระ อาศัยแรงสะท้อนเพื่อตวัดดาบฟันไปด้านหลัง
ทันใดนั้น
ฉึก!
“อั่ก!”
นักรบคนแคระ ผู้ปรี่เข้าโจมตีกริดจากด้านหลัง ถูกปลายดาบแทงใส่เอวอย่างไม่คาดฝัน
[สร้างความเสียหาย 13,300 หน่วย]
‘พลังป้องกันสูงเอาเรื่อง’
ชายหนุ่มค่อนข้างประหลาดใจเมื่อพบว่าพลังชีวิตของนักรบคนแคระแทบไม่ลดลงเลย
สมกับเป็นทาลิม่า
จากการประเมินอย่างคร่าว กริดพบว่าชุดเกราะของนักรบคนแคระมีระดับค่อนข้างสูง อย่างน้อยก็เป็นเกรดยูนีค ขณะเดียวกันก็พบว่า การจะปราบนักรบคนแคระด้วยการฟันธรรมดาแทบจะเป็นไปไม่ได้
“หน่วง”
“…!”
เหล่านักรบพลันมองเห็นกริดเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขาม จึงรีบถอยออกห่างพลางฝืนเอาชนะความหวาดกลัว
หลังจากสร้างพื้นที่ว่างรอบตัวสำเร็จ กริดทำการปลดปล่อยคลื่นดาบสีดำ
“คลื่น”
ซ่าาา!
“อ๊ากก!”
นักรบคนแคระจำนวนมากถูกคลื่นดาบซัดจนกระเด็น ปากขยับส่งเสียงร้องโหยหวน แต่ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส
‘ตึงมือชะมัด…’
ถึงจะเป็นแค่ท่ารำดาบหนึ่งชนิด แต่ศัตรูระดับทหารองครักษ์กลับไม่เป็นอะไรเลย…
แม้แต่องครักษ์หลวงของจักรวรรดิซาฮารันก็ยังอาเจียนเป็นเลือด สภาพร่อแร่ปางตายราวกับถูกรุมกระทืบนานหลายนาที
แต่ในทางกลับกัน นักรบคนแคระมิได้หลั่งเลือดแม้แต่หยดเดียวทั้งที่ถูกโจมตีเข้าอย่างจัง
ด้วยร่างกายอันแข็งแกร่งจากชาติกำเนิด รวมไปถึงชุดเกราะแสนโอเวอร์เกียร์ ส่งผลให้หน่วยองครักษ์หลวงของคนแคระมีความถึกทนจนเหนือความคาดหมายของกริด
โครม!
‘พลังโจมตีก็เช่นกัน…’
กริดโยกตัวหลบขวานที่สับลงจากด้านบนได้อย่างไม่ยากเย็น พลางกล่าวคำชมเชยและชำเลืองสายตามองคมขวานที่ฝังอยู่ในดิน
ทาลิม่า
แม้จะเป็นอาณาจักรเล็กที่มีขนาดเพียงหนึ่งเมืองมนุษย์ แต่พวกมันสามารถอยู่รอดบนทวีปได้จากความแข็งแกร่งด้านพรสวรรค์เผ่าพันธุ์
“หลีกทาง! หลีก!!”
นักรบกลุ่มใหม่ปรากฏตัว
คงเพราะตระหนักถึงความวุ่นวายอันไม่ปรกติด้านใน จึงรีบกรูเข้ามาสมทบ
ในกลุ่มดังกล่าวมีใครบางคนโดดเด่นสะดุดตา
อันทริโน่
นักรบคนแคระผู้มัดหนวดเครา ไม่เหมือนกับนักรบคนแคระทั่วไป มันสวมชุดเกราะสีแดงสด
แต่เหตุผลสำคัญที่ทำให้อันทริโน่โดดเด่นกว่าคนอื่นอย่างชัดเจน คือตัวหนังสือสีทองอร่ามเหนือศีรษะ
“ผู้สืบทอดแพ็กม่าสินะ… ในสายตาข้าคนนี้ เจ้าก็แค่ผีเสื้อตัวหนึ่ง!”
เป็นการบอกใบ้ทางอ้อมว่า มันรู้จักท่ารำดาบอันชดช้อยของแพ็กม่าเป็นอย่างดี
แรงคุกคามจากอันทริโน่ ผู้เหยียดหยันท่ารำดาบเสียเต็มประดา สร้างความลำบากใจให้กริดได้มากพอสมควร
เมื่อเห็นอีกฝ่ายบุกเข้ามาพร้อมกับควงขวานสองเล่มที่มีขนาดใหญ่กว่าศีรษะตน กริดตัดสินใจโจมตีแลกกลับไป
เคร้ง!
“…!”
รูม่านตาชายหนุ่มเริ่มสั่นระริก
กล้ามเนื้อแขนข้างที่ถือดาบอัสนีฯ พลันกระตุกพร้อมกับเกิดอาการชา
หรือก็คือ กริดพ่ายแพ้ในเชิงพละกำลัง
ท่อนแขนซึ่งมิอาจป้องกันการโจมตีได้อย่างสมบูรณ์แบบ เริ่มเข้าสู่อาการอัมพาตชั่วคราว
“ไม่เลว เจ๋งกว่าแพ็กม่าที่ผอมกะหร่อง!”
แม้จะเอ่ยปากชื่นชมกริดที่สามารถรับการโจมตีไว้ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณนักรบ อันทริโน่ทำการเหวี่ยงขวานอีกข้างใส่แขนที่กำลังชา
ทันใดนั้น
เคร้งงง!!
หัตถ์เทวะลอยมาหยุดขวาน
อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังโจมตีอันหนักหน่วง หัตถ์เทวะต้องชะงักไปหลายวินาที
แน่นอน อันทริโน่ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย
มันเหยียดขาที่สั้นกว่ามนุษย์เล็กน้อย ถีบใส่ท้องกริดจนล้มหงาย ตามด้วยการสับขวานคู่ลงไปพร้อมกัน
ขณะกริดเตรียมเอาตัวรอดด้วยเคลื่อนที่อิสระ
“หยุด!!”
เป็นเสียงพอลเล็ต เจ้าของทรงผมคล้ายสิงโต
มันย่างกรายเข้าสู่สนามรบเพื่อปกป้องกริด สายตาชำเลืองไปทางอันทริโน่และตะโกนคุยกับกษัตริย์ชาร์ลส์
“ห้ามเสียมารยาทกับแขกพิเศษเด็ดขาด! ข้าเป็นคนนำทางกริดมายังวังหลวงเอง เขาสัญญาแล้วว่าจะปลดปล่อยดวงวิญญาณของอดีตราชินีให้เป็นอิสระ!”
“แต่เจ้านั่นสั่งให้พระมารดาชกข้า!”
“หากดวงตาไม่มืดบอด ไม่ว่าใครก็ทราบว่านั่นคือเจตนาขององค์ราชินี… ฮึ่! เรื่องนั้นช่างมันก่อน ได้โปรดมองมาที่ข้า และอนุญาตให้กริดเข้าไปในหอหมื่นมารด้วยเถิด”
พรสวรรค์การผลิตไอเท็มของราชวงศ์คนแคระนั้นยากจะหาใครเปรียบ โดยเฉพาะการสื่อสารกับไอเท็มที่ตนสร้าง หรือก็คือ พวกมันผลิตไอเท็มอีโก้ออกมานับไม่ถ้วน และแต่ละชิ้นจะมีอุปนิสัยหลากหลายเหมือนกับมนุษย์
ในบางครั้ง อีโก้ชั่วร้ายได้ถือกำเนิด
หอหมื่นมารคือสถานที่สำหรับผนึกความล้มเหลวเหล่านั้น
และยังเป็นสถานที่สำหรับปลดปล่อยดวงวิญญาณขององค์ราชินีให้เป็นอิสระ
อันทริโน่พ่นลมหายใจ
“ถึงเรื่องที่ท่านเพลล็อตพูดจะเป็นความจริง แต่ชายคนนี้ก็คงไม่สามารถเข้าไปในหอหมื่นมารได้อยู่ดี ท่านลืมไปแล้วหรือ… ประตูของหอหมื่นมารมีน้ำหนักมากที่สุดในโลก แม้แต่ข้าคนนี้ก็มิอาจเปิดออก เช่นนั้นแล้ว ชายผู้พ่ายแพ้ในการประลองพละกำลังกับข้า จะมีคุณสมบัติเข้าไปด้านในได้อย่างไร”
การจะเข้าไปในหอหมื่นมาร จำเป็นต้องผ่านบททดสอบหนึ่งเสียก่อน
หากใครปรารถนาจะเข้าไป มันผู้นั้นต้องเปิดประตูด้วยตัวเอง
ราชวงศ์คนแคระสามารถเปิดออกอย่างง่ายดายด้วยความช่วยเหลือทางสายเลือด แต่สำหรับคนนอก พวกมันต้องพิสูจน์แรงกายและพลังใจอันยากจะหาใครเปรียบ
เป็นการคัดครองว่า ผู้มาเยือนแข็งแกร่งพอที่จะไม่ถูกวิญญาณมารด้านในครอบงำ
“ท่านอันทริโน่กล่าวได้ถูกต้อง ชายคนนี้ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าไปข้างใน ดังนั้น วิธีเดียวในการปลดปล่อยดวงวิญญาณของพระมารดาก็คือ ส่งมอบแร่ดังกล่าวมาให้ข้า”
“ด่วนตัดสินใจเกินไปแล้ว ทำไมถึงไม่ลองพิสูจน์ให้แน่ชัดเสียก่อน ว่าผมมีคุณสมบัติพอจะเข้าไปข้างในหรือไม่?”
กริด ผู้ยืนฟังอย่างเงียบงันมาสักพัก ก้าวเท้าออกมาด้านหน้า
ในเมื่อหัตถ์เทวะปฏิเสธกษัตริย์ชาร์ลส์ มันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเปิดประตูหอหมื่นมารด้วยตัวเอง
แน่นอน ชายหนุ่มเตรียมงัดพลังจอมอสูรจากอักขระออกมาใช้
คราวนี้ถึงคิวของ <หัตถ์พิสดาร·ซาลอส>
ขอบคุณครับ
ReplyDelete