จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,567
เพล้ง…!
เสียงมายาดังขึ้นภายในใจชายหนุ่ม
ประหนึ่งเสียงเศษแก้วแตกกระจัดกระจาย เป็นผลพวงมาจากผลลัพธ์ไม่คาดฝัน
“ฮึก…!”
สีหน้าของกริดซึ่งบิดเบี้ยวสุดขีด เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง
หัวใจแตกละเอียดเป็นเศษเล็กเศษน้อย
เป็นความเจ็บปวดในปริมาณเทียบเท่าความสุขที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
> เทพโอเวอร์เกียร์ การดำรงอยู่ที่ทำให้อายุเป็นเพียงตัวเลข… ข้าเกิดความรู้สึกประหลาดกับเจ้า
เสียงของอิฟริตยังกังวานในโสตประสาทกริด อีกฝ่ายคือตัวตนที่เพิ่งแบ่งปันความอบอุ่นร่วมกัน ความทรงจำจึงแจ่มแจ้งชัดเจน
> แต่ไม่ต้องกังวล มันคงเป็นภาวะบ้าคลั่งชั่วคราวซึ่งเกิดจากชิ้นส่วนพลังของบาเอล
สิ่งมีชีวิตเข้าใจผิด คิดว่าความรู้สึกใหม่ภายในใจคือเชื้อโรค
เป็นข้อพิสูจน์ถึงการใช้ชีวิตตามลำพังอย่างโดดเดี่ยวมาตลอดอายุขัย
> ติดต่อกัน… ในอนาคต…
เป็นตัวตนที่ไตร่ตรองถ้อยคำแสนธรรมดาอย่างตั้งใจ
เส้นโค้งเว้ารอบดวงตา คงเกิดจากการยิ้มที่เจ้าตัวทำไปตามอารมณ์
> แปลกมาก… หัวใจของข้าเต้นแรกทุกครั้งที่เจ้าพูด นึกแล้วเชียว ข้ากำลังถูกภาวะบ้าคลั่งของบาเอลเล่นงาน ต้องรีบไปก่อนที่อาการจะแย่ลง จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย อิฟริตก็ยังมิอาจแยกแยะความแตกต่างระหว่างความชอบ กับเชื้อโรคแห่งความบ้าคลั่ง?
ไม่มีทาง มังกรคือสิ่งมีชีวิตที่เฉลียวฉลาด เรียนรู้เร็วและยากจะหลงลืม
อิฟริตคงรู้ แต่ยืนกรานจะไม่ยอมรับ
‘คงเป็นความกลัว’
กลัวว่าหากยอมรับ นั่นจะเป็นการสลักความเสียใจลึกลงในก้นบึ้งของเรา
> หนึ่งร้อยปีสั้นเกินไป เจ้าไม่ควรรอในสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไร
กลัวว่าตัวเองจะหลีกเลี่ยงความตายที่วางแผนไว้แล้ว จึงปฏิเสธความรู้สึกใหม่ซึ่งเริ่มก่อตัว และรีบไปจากกริด
และไม่รับปากว่าจะได้พบกันอีก
‘อิฟริตจะจดจำเราในภาพใด…’
กริดนึกทบทวน
“วันนี้อิฟริตได้รับความช่วยเหลือจากฉัน จึงเกิดเป็นความซาบซึ้ง”
เราโอ้อวด
ราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่อีกฝ่ายจะชอบเรา เป็นคำพูดที่เกิดจากความโลภเล็กๆ
เราตื่นเต้นที่ได้เห็นโอกาสผูกมิตรกับมังกร ยืมพลังจากมังกร จึงฉวยโอกาสการพูดอ้อมค้อมให้อีกฝ่ายตอบแทนบุญคุณ
ต่ำทรามที่สุด
ความเกลียดชังเริ่มก่อตัวในใจ
‘เราควรเป็นฝ่ายขอบคุณ’
สมองชายหนุ่มเริ่มวิงเวียน
กริด เป็นนายเองไม่ใช่หรือ ที่ถูกช่วยเอาไว้?
แต่เรากลับไม่ยอมรับ
ลุ่มหลงไปกับผลงานของตัวเอง อวดอ้างว่าเป็นผู้มีพระคุณ
พูดถึงผลงาน มันก็แค่การเลียนแบบเขาของอิฟริตขึ้นมาแบบห่วยๆ
ก็แค่ช่วยยื้อเวลาในจังหวะที่อีกฝ่ายใกล้ตายไว้เล็กน้อย
“กริด…”
สภาหอคอยต่างพากันผงะ
พวกมันตกใจที่เห็นกริดร้องไห้สะอื้น
“แฮ่ม…”
แม้แต่บีบันที่ขึ้นชื่อด้านการไม่อ่านบรรยากาศ ก็ยังกระแอมแห้ง
ความตายของมังกร
ไม่มีใครกล้าตำหนิกริด ผู้กำลังเสียใจหลังจากได้ยินข่าวที่มนุษยชาติควรดีใจ
เพราะทุกคนได้เห็น
ภาพที่กำปั้นกริดสัมผัสกับเขาเล็กๆ ของอิฟริต
ใบหน้าอันยิ้มแย้มของกริดขณะพูดคุยกับอิฟริต
สำหรับสภาหอคอยซึ่งมังกรเป็นภัยคุกคามต่อมวลมนุษย์ เรื่องนี้อาจเข้าใจได้ยาก แต่พวกมันก็เห็นเต็มสองตาว่าอิฟริตผูกมิตรกับกริด
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจ
เพราะกริดและอิฟริตเพิ่งได้พบกันเพียงชั่วเวลาสั้นๆ
แต่ในบางครั้ง ชั่วเวลาแสนสั้นที่มีค่ามหาศาล ก็สามารถส่องสว่างตราบชั่วนิรันดร์ได้เช่นกัน
สภาหอคอยซึ่งมีอายุยืนยาว ล้วนทราบข้อเท็จจริงนี้ดีกว่าใคร
“ปลดปล่อยมันออกมา”
แปะ แปะ
มือเล็กๆ ของเบ็ตตี้ตบก้นกริดแผ่วเบา
บางที เธอคงต้องการตบหลัง แต่ด้วยส่วนสูงคงทำได้เพียงเท่านี้
กริดสารภาพกับสภาหอคอยที่เฝ้ามองจากด้านข้างอย่างเงียบงัน
“เทพตกสวรรค์เคยกล่าวว่า ร่างกายอิฟริตมีสภาพไม่ต่างจากเถ้าถ่านที่ใกล้ดับมอด”
แต่กริดมิได้เก็บมาใส่ใจ
เกิดจากการไม่เชื่อคำพูดสามซาเป็นทุนเดิม แถมสุขภาพของอิฟริตก็ยังดีดูมาก
…ก็แค่ข้ออ้างห่วยๆ
อย่างน้อย ตนก็ควรถามอิฟริตสักคำ
อาการเป็นยังไงบ้าง?
แค่นี้มันยากตรงไหน?
แต่สุดท้าย เราก็ไม่ได้ถาม
อาจกล่าวได้ว่า เรามิได้ใส่ใจอีกฝ่ายมากนัก
กริดเพียงปรารถนาในอำนาจที่อิฟริตจะนำพา หาใช่ความเป็นไปของอิฟริต
ไม่มีการถามไถ่ถึงอดีต
เอาแต่พูดเรื่องอนาคตอยู่ฝ่ายเดียว
เอาแต่พูดถึงการสานสัมพันธ์
โดยไม่ได้สำเหนียกเลยว่า นั่นเป็นไปไม่ได้จากจุดยืนและสถานการณ์ของอิฟริต
“ฉันจะ… นำกลับมา”
กริดดึงสมุดเล่มเก่าออกจากช่องสัมภาระ
<หนังสือชำรุดของดันทาเลียน>
เป็นมรดกจากนักปราชญ์แห่งนรก
หนังสือซึ่งสามารถบันดาลปาฏิหาริย์ได้หนึ่งครั้ง
<กระแสเวลาถอยกลับ>
ใช้ได้เพียงครั้งเดียว
ทำการย้อนเวลากลับในอดีตแบบสุ่ม น้อยที่สุดห้าวินาที และนานที่สุดสามนาที แต่จะทำการลบความรู้ทั้งหมดที่ <หนังสือชำรุดของดันทาเลียน> เคยมอบให้ ในกรณีนี้ คุณสมบัติ <เพิ่มเลเวลทุกทักษะ> ก็จะถูกลบออกไปด้วย
กริดคิดมาตลอด
หากในอนาคต ตนต้องสูญเสียบุคคลสำคัญ หนังสือเล่มนี้จะถูกใช้งานโดยไม่ลังเล
‘ได้โปรด’
ขอให้โชคเข้าข้างด้วย
ขณะกริดเตรียมพลิกข้อมือเปิดหนังสือ
“หยุดแค่นั้น”
ลาร์ดวูล์ฟห้ามเอาไว้
ดวงตากลมโตของคนยักษ์จ้องหน้ากริด
“ตอนนี้เจ้ากำลังเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ได้โปรดคิดให้รอบคอบ… พวกเราจำเป็นต้องคืนชีพอิฟริตจริงหรือ? มังกรตัวนั้นมีค่าพอให้เราเสียสละครั้งใหญ่เชียวหรือ?”
สมกับที่เป็นคนยักษ์
ลาร์ดวูล์ฟมองเห็นแก่นแท้ของหนังสือดันทาเลียนได้ในทันที
“ความรู้สึกผิดคืออารมณ์ที่สำคัญของมนุษย์ เพราะมันช่วยให้ไม่ก่อความผิดพลาดซ้ำสอง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นความรู้สึกที่ไม่ควรปล่อยให้มันครอบงำจิตใจ… ลองสูดลมหายใจเข้าช้าๆ และไตร่ตรอง เจ้าคิดจะคืนชีพอิฟริตเพราะเหตุใด? เพราะอิฟริตมีค่า หรือเพราะเจ้ารู้สึกผิด?”
“…”
กริดไม่ตอบสนองในทันที
ข้อเท็จจริงดังกล่าวทำให้สมองของมันปั่นป่วนมากยิ่งขึ้น
จริงอยู่ที่กริดเสียใจกับการตายของอิฟริตมาก และผิดหวังที่ตัวเองแสดงด้านแย่ๆ ให้อีกฝ่ายเห็น แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มก็มีสติพอที่จะไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนเปิดหนังสือดันทาเลียน
ต้องชั่งน้ำหนักคุณค่าของชีวิตอิฟริต กับชีวิตของคนสำคัญรอบตัว ซึ่งอาจถูกหนังสือเล่มนี้ช่วยไว้ในอนาคตให้ดี
แน่นอน ผลลัพธ์ย่อมออกมาเป็นบุคคลสำคัญรอบตัวมากกว่าอิฟริต
ข้อเท็จจริงดังกล่าวยิ่งทำให้กริดทวีความรู้สึกผิด
ทันใดนั้นเอง
“เปล่าประโยชน์ที่จะคืนชีพให้อิฟริต”
ฮายาเตะก้าวออกมา
มันแตกต่างจากลาร์ดวูล์ฟ
โดยการชี้ให้เห็นถึงรายละเอียดซึ่งมีเพียงนักล่ามังกรเท่านั้นที่เข้าใจ
“ถึงเจ้าจะคืนชีพให้หล่อน แต่ชะตากรรมก็คงไม่แปรเปลี่ยน ในท้ายที่สุด หล่อนจะไปหาทราวก้าอยู่ดี มังกรเพลิงคือสิ่งมีชีวิตแบบนี้ ไม่มีทางเปลี่ยนความคิดหากตัดสินใจแน่วแน่ไปแล้ว”
“ไม่มีทางโน้มน้าวได้เลย?”
“เปล่าประโยชน์ ในตอนที่ข้าเห็นหล่อน อิฟริตเปรียบดังเทียนไขที่ใกล้ดับเต็มที ต่อให้ชะตากรรมเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีที่สุด แต่นั่นก็แค่การยืดความตายออกไปได้ไม่กี่วัน”
สีหน้าฮายาเตะเริ่มดำมืด
“ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นก็คือ ทราวก้าจะสัมผัสถึงการย้อนกลับของกระแสเวลา และเมื่อรับรู้ว่าตนเคยถูกอิฟริตโจมตี ทราวก้าจะชิงโจมตีอีกฝ่ายก่อนที่ตัวเองจะถูกโจมตีในอนาคต”
“…!”
กริดเย็นวาบไปถึงสันหลัง
เป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับมังกรโบราณ
ประสาทสัมผัสของทราวก้า จะเฉียบแหลมถึงขนาดหยั่งรู้การถดถอยของกระแสเวลาเชียวหรือ?
แม้จะยังไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่กริดก็เชื่อเกินครึ่ง
ไม่ใช่ว่าตนเคยเห็นอิฟริตในร่างบาดเจ็บ สำแดงอิทธิฤทธิ์ของมังกรให้ประจักษ์แล้วหรือ?
ดังนั้น คงจะแปลกกว่าหากสิ่งมีชีวิตยอดพีระมิดของห่วงโซ่อาหารโลก จะไม่ตระหนักถึงเวทมนตร์ลับของจอมอสูร
“อิฟริต… หล่อนทราบดีว่าตัวเองกำลังจะตาย”
“พวกเรารีบร้อนออกมาก็เพราะตรวจพบการสั่งสมลมหายใจจำนวนมากจากอิฟริต ลมหายใจมังกรคือการปลดปล่อยพลังเวทปริมาณมหาศาล ทุกครั้งที่มังกรพ่นลมหายใจจะต้องโคจรพลังเวทเข้าไปในหัวใจก่อนเสมอ แต่ภายในหัวใจอิฟริตกลับมีกระแสเวทมนตร์ไหลเวียนมากถึงเก้าเส้น หากจะระเบิดออกมาตอนไหนก็ไม่แปลก หล่อนคงวางแผนแลกชีวิตกับทราวก้ามาตั้งแต่แรกแล้ว”
“…เพื่อแก้แค้น ใช่ไหม?”
มังกรที่หนีไปซ่อนตัวในทวีปตะวันออก มักเป็นมังกรที่พ่ายแพ้และบาดเจ็บจากการต่อสู้แย่งชิงดินแดน
ยิ่งไปกว่านั้น อิฟริตสูญเสียพลังเกือบทั้งหมดเนื่องจากถูกตัดเขา
และดูเหมือนว่า ตัวการที่ทำให้หล่อนเป็นเช่นนั้นคือทราวก้า
“อาจเป็นได้ทั้งการแก้แค้น หรือทำไปเพื่ออนาคตของลูก หรือยังคงหมกมุ่นอยู่กับการแย่งชิงรัง พวกเราไม่มีทางทราบแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด มังกรคือสิ่งมีชีวิตที่ยากจะเข้าใจ”
“ลูก? อิฟริตมีลูกด้วยหรือ?”
“ใช่ มีการบันทึกเรื่องนี้ไว้ในประวัติศาสตร์ หากคำนวณจากช่วงเวลาที่อิฟริตให้กำเนิดทายาท ตอนนี้ลูกของหล่อนคงเป็นมังกรโตเต็มวัยแล้ว… แต่นั่นก็แค่การคาดเดา ว่ากันตามตรง อัตราการอยู่รอดของมังกรเพลิงนั้นต่ำกว่ามังกรประเภทอื่นมาก”
“เป็นเพราะทราวก้า?”
“ถูกต้อง มันสั่งสมพลังมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นด้วยการกินสายเลือดตัวเอง”
หัวค*ยจริงๆ …
กริดซึ่งทำหน้านิ่งตลอดเวลาขณะสนทนากับสภาหอคอย เกือบหลุดสบถคำหยาบคายที่รุนแรง
ชายหนุ่มให้เกียรติสภาหอคอยเสมอ ไม่ว่าจะกำลังเดือดดาลเพียงใด หากเป็นไปได้ก็จะงดเว้นคำหยาบคายทุกประเภท
และในช่วงแรก มันถูกอารมณ์ครอบงำมากเกินไป
เอาแต่จมอยู่กับความสะเทือนใจ ซึ่งมีสาเหตุจากความตายอย่างกะทันหันของอิฟริต จำเป็นต้องทำหัวให้โล่งโดยด่วน
“ในเมื่อทราวก้าบาดเจ็บหนักเช่นนี้… เราก็ไม่ควรนิ่งเฉย”
“นั่นเท่ากับฆ่าตัวตาย”
“…”
อิฟริตซึ่งถูกในสภาพจวนเจียนตาย กลับรับมือสามซาตามลำพังได้นานกว่าครึ่งชั่วโมง
ในทำนองเดียวกัน ต่อให้สภาหอคอยทุกคนร่วมมือกับกริด แต่การฆ่าทราวก้าในสภาพบาดเจ็บหนักก็คงยังเป็นไปไม่ได้
กริดจำเป็นต้องสลักไว้ในส่วนลึกสุดของจิตใจ
มังกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งมังกรโบราณ คือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรเป็นศัตรูด้วย
นั่นคือกฎที่ไม่แปรเปลี่ยนของซาทิสฟายจวบจนปัจจุบัน
“เมื่อจิตใจสงบ ลองทบทวนดูให้ดี หากไม่นับความเศร้าของเจ้า สถานการณ์ปัจจุบันมิได้เลวร้ายอะไรนัก ต้องขอบคุณการเสียสละของอิฟริต ทราวก้าจึงต้องจำศีลเป็นเวลานาน”
“อิฟริตตายไปโดยไม่เหลือแม้แต่ซาก นั่นเป็นเรื่องดีที่สุด เพราะหากทราวก้าได้กินศพของอิฟริต ไม่เพียงมันจะฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บโดยสมบูรณ์ แต่ยังจะแข็งแกร่งขึ้นจากเดิมอีกมาก”
เฉกเช่นวัฏจักรการกินทุกหนึ่งร้อยปีของไรเดอร์ส มังกรตัวอื่นก็จะมีวงจรการกินอาหารที่ตายตัวไม่ต่างกัน
จากบรรดาทั้งหมด ทราวก้าเน้นไปที่การล่ามังกรเพลิง การเสียสละของอิฟริตจึงส่งผลให้ ภัยธรรมชาติซึ่งจะเกิดขึ้นขณะมังกรเพลิงสองตัวปะทะกัน หายไปจากโลกเป็นเวลาหลายร้อยปี
แม้จะเป็นทางอ้อม แต่อิฟริตได้ช่วยมนุษย์เอาไว้
“นอกจากนั้น โชคดีที่ทาลิม่าไม่ได้รับอันตราย คงเป็นเพราะมังกรมีนิสัยชอบสร้างรังให้ทนทานเป็นพิเศษ แม้แต่แรงระเบิดซึ่งสามารถสั่นคลอนทั้งผืนทวีป ก็มิอาจทำลายรังของทราวก้าได้”
กริดโล่งใจทันที
มันเคยกังวลว่าทาลิม่าอาจถูกทำลาย และมรดกของคนแคระจะสูญหายไป
เมื่อจิตใจชายหนุ่มสงบลง ความคิดด้านบวกเริ่มหลั่งไหลเข้ามา
‘นอกจากนั้นยังไม่มีมหากาพย์ นี่ก็เป็นโชคดีเช่นกัน’
หากมหากาพย์เกี่ยวกับตนและอิฟริตถูกเปิดเผย เกรงว่ากริดคงได้ตกเป็นเป้าหมายถัดไปของทราวก้า
บางที นี่อาจเป็นความช่วยเหลือจากระบบ
ระบบอาจตระหนักว่า ผู้เล่นคนหนึ่งจะได้รับความเสียหายมากเกินไป หากมหากาพย์ดังกล่าวถูกเขียนขึ้น
‘อาจไม่ใช่กับ SA กรุป แต่ดูเหมือนว่าระบบจะอยู่ข้างเรา…’
หลังจากครุ่นคิดเรื่องไร้สาระ กริดตามสภาหอคอยกลับไปยังหอแห่งปัญญา
ถึงเวลารับรางวัลจากเบ็ตตี้แล้ว
และด้วยความอบอุ่นจากอิฟริตที่สลักลงในส่วนลึกของหัวใจ กริดวาดภาพอนาคตของตนอย่างชัดเจน
***
ในเวลาเดียวกัน ณ สำนักงานใหญ่ SA กรุป
ทีมดูแลเซิร์ฟเวอร์กำลังปั่นป่วนสุดขีด
เนื่องจากตัวอักษร ‘ㅠ’ ถูกแสดงไว้ตรงช่องสถานะของมอร์เฟียส
“หัวหน้าคะ… หรือว่าเขากำลังร้องไห้?”
“…”
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059 ★ ★ จบบริบูรณ์ ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
โอ้ยยยมอเฟียสลู๊กกกก โอ๋ๆน้าาาา่
ReplyDelete