จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,566



“เจ้าบอกว่า ร่องรอยของมันปรากฏขึ้นครั้งแรกที่ทะเลแดง?”


“ใช่ ตอนที่จับสัญญาณได้ ลมหายใจของมันถูกสั่งสมเอาไว้เป็นจำนวนมากแล้ว แต่เรดาร์เพิ่งตรวจพบ”


“มันมาจากทิศตะวันออก… เป็นมังกรที่ซ่อนตัวอยู่บนทวีปตะวันออกมาตลอด”


ณ ห้องทำงานฮายาเตะ


บีบันมาสายกว่าใคร การประชุมเริ่มไปแล้วเล็กน้อย


สิ่งประดิษฐ์ซึ่งเต็มไปด้วยภาษาโบราณและสูตรบางอย่าง กำลังกะพริบระบุตำแหน่งของอิฟริต


“เนื่องจากอิฟริตเป็นลูกของทราวก้า จึงไม่มีทางเดาได้ว่าจะถูกกินตอนไหน เป็นเรื่อยปรกติที่จะหนีไปให้ไกล”


“แต่ในเมื่อมันกลับมาก็แปลว่า…”


แม้จะเป็นหอแห่งปัญญา แต่ก็ใช่ว่าจะตรวจจับสถานการณ์ของมังกรได้ทั้งหมด


การเฝ้าจับตามองเป็นไปได้ยาก เว้นแต่จะมีช่วงเวลาเคลื่อนไหวที่แน่นอนแบบมังกรจอมเขมือบไรเดอร์ส


เครื่องมือตรวจจับชนิดพิเศษ และเรดาห์ที่สร้างโดยพี่น้องฟรอนซาลล์ มิได้มีอำนาจครอบจักรวาล


“…มันได้ชิ้นส่วนพลังของบาเอลไป?”


“คำนึงจากสภาพแวดล้อม นั่นมีโอกาสเป็นไปได้มาก เราสามารถพูดได้ว่ามังกรคลั่งตัวที่สองอาจถือกำเนิด”


“หัวแถวล้มเหลว…”


“นั่นเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ คู่ต่อสู้ในคราวนี้เป็นถึงมังกรระดับสูงอย่างอิฟริต แถมยังเป็นมังกรเพลิง ชนะก็แปลกแล้ว… ต่อให้อิฟริตบาดเจ็บสาหัส แต่กริดที่ลงมือตามลำพังก็คงทำอะไรไม่ได้มาก”


“เป็นความผิดของฉันเอง… กริดต้องเดือดร้อนเพราะฉัน”


ใบหน้าอันซีดเซียวของเบ็ตตี้ ทวีความซีดยิ่งกว่าเก่า


ดูไม่ต่างอะไรกับศพ ศพที่กำลังนอนในโลง


แต่เธอก็เป็นศพจริงๆ หรืออย่างน้อยร่างกายใต้เสื้อคลุมก็ใช่ เกินกว่าครึ่งเป็นโครงกระดูกสีขาว


“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามัวโทษตัวเอง เราต้องรีบระบุปลายทางของอิฟริตให้ได้… บ้าน่า…”


ลาร์ดวูล์ฟเผยสีหน้าตกตะลึง


เสียงของมันสั่นเครือขณะลุกจากเก้าอี้


“อิฟริตมุ่งหน้าไปทางตะวันตก…”


“ตะวันตก?”


“เกาะคอร์ก… นั่นเป็นทิศทางของเกาะคอร์ก”


“จักรวรรดิโอเวอร์เกียร์!”


ปัจจุบัน อาณาจักรโอเวอร์เกียร์กลายเป็นจักรวรรดิไปแล้ว


มากกว่าสองในสามของทวีปตะวันตก คือดินแดนในความปกครองของจักรวรรดิโอเวอร์เกียร์


อย่างไรก็ดี สถานที่ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของจักรวรรดิ ล้วนกระจุกตัวอยู่ทางทิศตะวันตก เกาะคอร์กคือหนึ่งในนั้น


“อิฟริตคิดจะแก้แค้นหัวแถว…!”


เหตุผลที่อิฟริตสั่งสมลมหายใจ ไม่ใช่เพราะคิดทำสงครามแย่งชิงรัง


ต้องไม่ลืมว่า รังมังกรเดียวที่อิฟริตปรารถนา คือรังของทราวก้า


ต่อให้ครอบครองชิ้นส่วนพลังของบาเอล แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะท้าทายทราวก้า


“ดูเหมือนว่าจะแค้นฝังลึกมาก… ในกระบวนการแย่งชิงชิ้นส่วนพลังของบาเอล หัวแถวคงสร้างความลำบากให้มันไม่น้อย”


“จักรวรรดิโอเวอร์เกียร์มีจำนวนประชากรมนุษย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ หากตกเป็นเป้าหมายของอิฟริตจริงๆ ล่ะก็ เกรงว่ามนุษย์กว่าครึ่งจะถูกกวาดล้าง”


ท่ามกลางความเอะอะวุ่นวาย


“ข้าก็จะออกไปด้วย”


ฮายาเตะลุกขึ้นยืน


***


“สุดยอด…”


เป็นความรู้สึกเหมือนกับได้แหวกผ่านท้องฟ้าจริงๆ


กริดส่งเสียงสนุกสนานและตื่นเต้นตลอดเส้นทางการบินของอิฟริต


นั่นเพราะมันได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่คุ้นเคยภายในเวลาไม่นาน


เกาะคอร์กปรากฏขึ้นบนเส้นขอบฟ้า


การเดินทางข้ามทวีปซึ่งเป็นเรื่องยาก กลับสิ้นสุดลงภายในพริบตา


‘การขี่จรวดมิสไซล์จะให้ความรู้สึกแบบนี้ไหม?’


ขณะครุ่นคิด เส้นผมสีดำของกริดปลิวกระเซิงไปด้านหลังทั้งหมด แถมยังถูกย้อมด้วยสีขาวราวกับทาไว้ด้วยน้ำมัน ดูเข้ากันดีกับภาพลักษณ์อันแข็งแกร่งและน่าเกรงขาม


> ถึงแล้ว อยู่ไกลขนาดนี้ มนุษย์ด้านล่างคงไม่แตกตื่น


“เป็นห่วงพวกเขาหรือ…”


> คิดแบบนั้นหรือ? ข้าแค่หยุดเพราะไม่อยากทำให้เจ้าต้องลำบาก สิ่งนี้คือความห่วงใยในภาษามนุษย์?


ฉึบ


ดวงตาขนาดมหึมาของอิฟริตซึ่งลืมขึ้นหลังจากปิดลงไปครู่หนึ่ง ส่วนขอบกำลังถูกวาดเป็นเส้นโค้ง


> เทพโอเวอร์เกียร์ การดำรงอยู่ที่ทำให้อายุเป็นเพียงตัวเลข… ข้าเกิดความรู้สึกประหลาดกับเจ้า แต่ไม่ต้องกังวล มันคงเป็นภาวะบ้าคลั่งชั่วคราวซึ่งเกิดจากชิ้นส่วนพลังของบาเอล


“นั่นไม่ใช่ภาวะบ้าคลั่ง”


กริดหวนนึกถึงวันที่เคยอยู่ตามลำพัง


ในตอนนั้น มันมักตั้งคำถามกับเจตนาดีของผู้อื่น


และจะเกิดความหวาดระแวงทุกครั้งที่มีใครชื่นชอบ


เป็นความไม่คุ้นเคย


เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงหวาดกลัวและปฏิเสธ


“สำหรับสิ่งมีชีวิตสมบูรณ์แบบอย่างอิฟริตที่ต้องใช้ชีวิตตามลำพังมาตลอด คงเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจกับมัน… วันนี้อิฟริตได้รับความช่วยเหลือจากฉัน จึงเกิดเป็นความซาบซึ้ง… อิฟริตคงชื่นชอบความรู้สึกดังกล่าวไม่มากก็น้อย แต่ไม่ต้องห่วง นั่นคือเรื่องปรกติ ไม่ใช่ภาวะบ้าคลั่ง”


> หืม…


“เป็นความรู้สึกที่จะพัฒนาขึ้นหากในอนาคตเรายังติดต่อกัน… สักวัน อิฟริตจะเข้าใจมันอย่างชัดเจน”


กริดเสนอไมตรีระยะยาว


นั่นเพราะชายหนุ่มไม่อยากพลาดโอกาสสานสัมพันธ์ซึ่งเกิดขึ้นจากวาสนา อีกทั้ง อิฟริตยังเป็นมังกรที่น่าสงสาร


กริดหวังว่าในอนาคตจะได้ร่วมมือกันอีก


> ติดต่อกัน… ในอนาคต…


อนาคตคือสิ่งที่มังกรทุกล้วนครอบครอง


แต่ไม่ใช่กับอิฟริต


เขาของมันเป็นเพียงของเลียนแบบจากกริด


อิฟริตสูญเสียชีวิตอันเป็นนิรันดร์ไปแล้ว


แต่มันมิได้กล่าวออกมา


นั่นไม่จำเป็น


ฉึบ!


อิฟริตยื่นคอยาวอีกครั้ง


เป็นภาษากายที่บอกให้กริดลง


กริดซึ่งไถลลงมาจากลำคออย่างนุ่มนวล สยายปีกมังกรของตนบ้าง


ชายหนุ่มลอยตัวให้ไปอยู่ระดับเดียวกับสายตาอิฟริต เพื่อต้องการสบตาขณะคุยกัน


แน่นอน การทำเช่นนี้อาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง แต่ก็เป็นความพยายามที่จะเรียกความชื่นชอบจากอีกฝ่าย


> ช่างเป็นปีกที่กระจ้อยร่อย


อิฟริตพ่นลม


กริดไม่โต้แย้ง


ในยามที่สยายปีกต่อหน้าอิฟริต มันรู้สึกราวกับตัวเองเป็นเพียงแมลงวัน


“…”


กริดยกกำปั้นขึ้น


อิฟริตก้มหน้าเล็กน้อย ดัน ‘เขา’ มาข้างหน้า


เป็นการใช้เขาซึ่งมีขนาดเล็กจนไม่สอดคล้องกับร่างกายใหญ่โต ทักทายตอบกริด


กึก


กำปั้นของกริดและเขาอิฟริตสัมผัสกัน


“…?”


ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันร้อนรุ่มภายในร่างกาย


อิฟริตอธิบาย


> ข้าฝังร่องรอยพลังเวทบางส่วนไว้ในตัวเจ้า ในอนาคต มังกรจำนวนมากจะเกรงกลัวเจ้า ยกเว้นเพียงบางตัว


ทันใดนั้น


[…!]


[…!!]


ข้อความระบบที่ค้างไว้สักพักราวกับเซิร์ฟเวอร์รวน กลับมาทำงานอีกครั้ง


[ท่านคือผู้เล่นคนแรกที่บรรลุความสำเร็จซึ่งไม่เคยมีอยู่ในตำนานหรือเทวตำนานใด]


[ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของท่านได้ให้กำเนิดสมญานามเพียงหนึ่งเดียวบนโลก <ดราก้อนไนท์>]


<ดราก้อนไนท์>

เกรด: หนึ่งเดียว

สิ่งมีชีวิตที่สื่อใจกับมังกร

มังกรระดับกลางและล่างจะไม่เป็นศัตรูกับท่าน

ตรงกันข้าม พวกมันจะเคารพท่าน และคอยแพร่กระจาย <เรื่องเล่าขานของอิฟริต>

เรื่องเล่าขาดดังกล่าวเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่ท่านขึ้นขี่อิฟริตและขับไล่สามซา

★ท่านสามารถใช้มังกรบางตัวเป็น <พาหนะ>

★ได้รับโบนัสมากมายขณะขี่มังกร

★ค่าสถานะเพิ่มขึ้นขณะขี่มังกร

ค่าสถานะจะเพิ่มขึ้นตามมังกรที่ขี่

★เปิดใช้งานทักษะ <ลมหายใจมังกร> ขณะขี่มังกร

พลังของลมหายใจจะขึ้นอยู่กับมังกรที่ขี่

★★ไม่นับรวมแฮชลิ่ง★★


‘หนึ่งเดียว…!’


เกรดของสมญานามที่กริดไม่เคยเห็น


แต่ก็พอจะเดาได้ว่า อย่างน้อยก็เทียบเท่าหรือเหนือกว่ามิธ


ต้องไม่ลืมว่า ซือโหยวยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เอกเทพ’ และค่อนข้างชัดเจนว่าซือโหยวคือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก


และคุณสมบัติของสมญานาม <ดราก้อนไนท์> ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของเกรด ‘หนึ่งเดียว’


ไม่เป็นศัตรูกับมังกรส่วนใหญ่


สามารถขี่มังกร


ได้รับโบนัสมากมายขณะขี่


ค่าสถานะทุกชนิดเพิ่มขึ้นขณะขี่


นอกจากนั้นยังสามารถใช้ลมหายใจมังกร


นี่มัน… ไม่ต่างอะไรกับนิยามของคำว่า ‘ไร้เทียมทาน’


กริดซึ่งกำลังสั่นเทา ขมวดคิ้วกะทันหัน


‘ทำไมถึงต้องเน้นย้ำคุณสมบัติสุดท้ายนัก’


สี่ดาว สองหน้า สองหลัง


เป็นการแจ้งข่าวว่า ‘เอ็งยังขี่เนเฟลิน่าไม่ได้นะ’ ที่ดูออกนอกหน้าเกินไปสักหน่อย ราวกับเป็นการจงใจเยาะเย้ย


‘…ต้องเป็นภาพหลอนแน่ๆ’


อ่านแล้วค่อนข้างน่าหงุดหงิด แต่กริดก็พยายามควบคุมอารมณ์มิให้ล้นทะลัก


SA กรุปคือหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของโลก แม้จะเป็นพวกสันดานเสียก็ตาม


ต่อให้พยายามกลั่นผู้เล่นหนึ่งคนมากเพียงใด ก็คงไม่ล้ำเส้นถึงขนาด ‘เยาะเย้ย’ ออกนอกหน้าเช่นนี้


“ฉันจะทะนุถนอมร่องรอยของอิฟริตเป็นอย่างดี”


> …


“…อิฟริต?”


> แปลกมาก… หัวใจของข้าเต้นแรกทุกครั้งที่เจ้าพูด นึกแล้วเชียว ข้ากำลังถูกภาวะบ้าคลั่งของบาเอลเล่นงาน ต้องรีบไปก่อนที่อาการจะแย่ลง


“ฮะฮะ… จะกลับไปพักผ่อนที่รังใช่ไหม?”


> …ใช่


อิฟริตไม่มีรังให้กลับ


มันสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างให้กับทราวก้าไปนานแล้ว


แต่ก็เช่นเคย ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบาย


“ไว้พบกันใหม่ในหนึ่งร้อยปีข้างหน้า”


เป็นการหยั่งเชิง อ้างอิงจากไรเดอร์สที่จะตื่นขึ้นในทุกหนึ่งร้อยปี


และหนึ่งร้อยปีถือเป็นเวลาที่นานมากสำหรับกริด


ต่อให้นับตามเวลาจริง ก็ยังมากถึงสามสิบสามปี


ขณะกริดกำลังผิดหวัง อิฟริตบอกเล่าข่าวร้ายยิ่งกว่าเก่า


> หนึ่งร้อยปีสั้นเกินไป เจ้าไม่ควรรอในสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไร


“อย่างนั้นหรือ…”


ดูเหมือนว่า การฟื้นฟูเขาให้กลับคืนสภาพเดิม จะต้องใช้เวลานานยิ่งกว่านั้น


กริดพยายามทำความเข้าใจ ความผิดหวังและเสียใจถูกขจัดอย่างยากลำบาก


การได้พานพบอิฟริตโดยบังเอิญ สายสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน


ไม่มีกฎตายตัวว่าจะต้องได้กลับมาพบกันอีก


กริดบอกลาอย่างสุภาพ


“ถ้าอย่างนั้น… ลาก่อน”


อิฟริตหันหลังโดยไม่กล่าวคำใด เพียงกระพือปีกหนึ่งครั้งและหายไปโดยทิ้งพายุเอาไว้


ฟ้าว—!


สายลมกำลังโหยหวน


ราวกับเสียงร่ำไห้ที่บ่งบอกถึงจุดจบของอิฟริต


แต่กริดมิได้เอะใจ


แม้กระทั่งเหล่าสภาคอหอยที่แอบสอดแนมจากระยะไกล ก็ยังไม่ทันเอะใจ


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น


มนุษย์ไม่เข้าใจธรรมชาติของมังกร จึงมิอาจและไม่กล้าคาดเดาสิ่งใด


นั่นคือเหตุผลที่มังกรทุกตัวเป็นพวกไม่ปรกติในสายตามนุษย์


“กริด… นี่เจ้า…?”


“หือ…?”


กริดหันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ


สภาหอคอยทั้งหมด รวมถึงฮายาเตะและบีบัน มาถึงจุดเกิดเหตุไม่นานหลังจากอิฟริตจากไป


แถมทุกคนยังอยู่บนไหล่ของจักรกลเวทมนตร์


“พวกนายกำลังจะไปออกรบที่ไหน?”


ขณะถาม กริดทำหน้าฉงน


“เจ้าเป็นเพื่อนกับ… มังกร?”


เบ็ตตี้ถามกลับด้วยเสียงทุ้มต่ำ


สภาหอคอยคนอื่นมิได้กล่าวคำใด เอาแต่อ้าปากค้างเจือความสับสน


กระทั่งฮายาเตะที่มักทำตัวสูงส่งประหนึ่งขุนนางที่แท้จริงตลอดเวลา ก็ยังมิอาจรักษาสีหน้าเยือกเย็น


“อ…อ่า ใช่… ก็คงอย่างนั้น… ละมั้ง…”


“ได้ยังไง? ข้าบอกให้เจ้าทำลายชิ้นส่วนพลังของบาเอล ทำไมถึงลงเอยด้วยการเป็นเพื่อนกับมังกร?”


“เรื่องนั้น… คือ… ฉันขอโทษ…”


กริดอดไม่ได้ที่จะขอโทษ


สภาหอคอยคือกลุ่มคนที่อุทิศทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของตนเพื่อปกป้องโลกจากมังกร


ต่อหน้าคนเหล่านี้ การสารภาพว่าเป็นเพื่อนกับมังกร สำหรับกริด มันน่ากระอักกระอ่วนไม่น้อย


“ไม่ต้องขอโทษ เจ้าทำได้ดีมาก ขอบใจนะ”


เบ็ตตี้ส่ายศีรษะ


จากนั้นก็ลอยเข้าหากริดและโผกอด


“ข้าภูมิใจในตัวเจ้า”


อันที่จริง ฉากตรงหน้าดูคล้ายกับเธอถูกกอดมากกว่า


เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ สำหรับเบ็ตตี้เจ้าของส่วนสูงเกิน 1.4 เมตรเพียงเล็กน้อย


[ค่าความสัมพันธ์กับสภาหอคอยลำดับสี่ เบ็ตตี้ เพิ่มถึงขีดจำกัด]


“หือ…”


ฝ่ายที่ประหลาดใจยิ่งกว่าคือสภาหอคอย


แม้แต่คนที่ใช้ชีวิตร่วมกับเบ็ตตี้มานานนับร้อยปี ก็แทบไม่เคยเห็นเธอมอบความห่วงใยให้ใคร


“…ทำไมถึง เพิ่งมาบอกเอาป่านนี้”


เป็นอีกครั้งที่บีบันพ่นถ้อยคำเหลวไหล


“เรื่องที่นายเป็นเพื่อนกับอิฟริต… ทำไมถึงไม่รีบบอกก่อนล่ะโว้ย!!”


สองขาของบีบันซึ่งแหกปากตะโกน สั่นเทาแผ่วเบา


เป็นผลพวงจากความโล่งใจที่พรั่งพรูราวกับคลื่นสมุทร


อันที่จริง จนกระทั่งเมื่อครู่ มันเตรียมใจทำสงครามกับอิฟริตด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี


ต่อให้ตัวตนของหอแห่งปัญญาถูกเปิดเผยก็ไม่สน พวกมันคิดจะแลกชีวิตเพื่อปกป้องกริดและจักรวรรดิ


คงเป็นความรับผิดชอบและความรู้สึกผิด ที่พวกตนผลักกริดให้ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก


แต่ตรงข้ามกับความกังวล ทุกสิ่งคลี่คลายอย่างราบรื่น


มีทั้งความยินดีและผิดหวังปะปนกันไป


“จะให้หาโอกาสบอกตอนไหน…”


กริดบ่นอุบอิบ ยังไม่ค่อยเข้าใจสาเหตุที่บีบันโวยวาย


บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น


เมื่อเหล่าสภาหอคอยกลับมายิ้มได้ ฮายาเตะกล่าว


“กลับไปหอคอยด้วยกันสิ ข้าอยากฟังเรื่องราวของเจ้า”


“ตกลง”


กริดบินตามเหล่าสภาหอคอยไปบนท้องฟ้า


ทันใดนั้นเอง


———!!!


โลกพลันสะเทือน


วังวนกระแสน้ำก่อตัวขึ้นหลายจุดกลางทะเล เกาะคอร์กทั้งเกาะโยกคลอนประหนึ่งเรือใบ


ยังไม่จบเพียงเท่านั้น


ราวกับว่าผืนทวีปทั้งแผ่นกำลังสั่นไหว


เปลือกโลกกำลังเคลื่อนตัว


พลังงานลึกลับปริมาณมหาศาลกำลังเปลี่ยนโครงสร้างทั้งหมดของทวีป


ลาร์ดวูล์ฟซึ่งฉุกคิดบางสิ่งและรีบตรวจสอบเรดาห์ สีหน้าพลันดำมืด


“สัญญาณของอิฟริต… หายไปแล้ว…”


“…?”


“ดูเหมือนว่าทราวก้าจะบาดเจ็บหนักเช่นกัน”


“…”


ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างกริด


มันยังไม่ลืมการแสดงสีหน้าครั้งสุดท้ายของอิฟริต


ดวงตากลมโตที่วาดเป็นเส้นโค้งให้ตน


ชายหนุ่มเชื่อว่านั่นคือการยิ้ม


______________

ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ


Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00