จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,565
ชินยองวูคือมหาบุรุษของมวลมนุษย์
ต่อให้ไม่ต้องเปิดทีวีหรืออินเทอร์เน็ต โลกก็ยังเต็มไปด้วยชื่อของกริด
และนั่นคือเหตุผลที่ชายหนุ่มต้องแบ่งสภาพจิตใจครึ่งหนึ่งไปกับการรักษาความเยือกเย็น
จนถึงจุดที่ห้ามเสียสมาธิโดยเด็ดขาด
ต้องจดจ่ออยู่เสมอ เยือกเย็นอยู่เสมอ
เป็นงานที่ยากอย่างไม่น่าเชื่อ
ต้องไม่ลืมว่า ธรรมชาติของมนุษย์คือการแสดงความสะใจ โห่ร้องยินดี และเพลิดเพลินไปกับความสุข
ไม่ง่ายเลยที่จะฝืนธรรมชาติ
แต่กริดก็ทำได้มาตลอด
ในยามเผชิญความสุขอย่างท่วมท้นซึ่งบางคนอาจเข้าไม่ถึงตลอดชีวิต ชายหนุ่มเก็บงำอารมณ์โดยสมบูรณ์ ประหนึ่งไม้ใหญ่หรือหินยักษ์ท่ามกลางสึนามิ ความรู้สึกส่วนเกินถูกกดเอาไว้ในส่วนลึก หรือไม่ก็ถูกทำให้สลาย
เป็นหน้าที่ ซึ่งเกิดจากตำแหน่ง
ชะตากรรมของผู้คนมากมายกำลังถูกแบกไว้บนบ่า กริดจึงต้องสงวนท่าทีและรักษาความสุขุม
นั่นคือเหตุผลที่กริดเจียมตัวและพยายามไม่ล้ำเส้น ในยามที่ได้เผชิญหน้าภัยคุกคามซึ่งแข็งแกร่งกว่าตัวเอง
มันยอมก้มหัวเพราะกลัวว่าจะทำให้คนจำนวนมากเดือดร้อน หาใช่เพราะขลาดกลัว
ทว่า กริดคนนั้น
“ยะฮู้—!! เยสเยสเยสเยสเยสเยส!!”
มันมิอาจเก็บงำอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านถึงขีดสุด
“คึฮะฮ่า! ฮะฮะฮะ!!”
ทั้งสองระเบิดความสะใจเต็มคราบ ไม่มีใครกดความรู้สึกจากส่วนลึก
ไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ปวดหัว เพียงสนุกสนานไปกับช่วงเวลาตรงหน้าก็พอ
มีความสุขประหนึ่งเด็กเล็กที่พ่อแม่พาไปเที่ยวสวนสนุก
และหวังว่าเมื่อถึงวันที่ตนสร้างเรือบินด้วยละโมบสำเร็จ มันจะมีความสุขในระดับเดียวกัน
ชายหนุ่มกำลังอยู่บนศีรษะมังกรตัวโต ซึ่งบินด้วยความเร็วที่สามารถสร้างลมปะทะมหาศาล
เทพและมังกร
‘เขา’ กลายเป็นสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงสิ่งมีชีวิตสองชนิดซึ่งไม่เคยเจอกันมาก่อน
เขาของอิฟริต ที่สร้างโดยกริด
เป็นเพราะ ‘บังเหียน’ ที่แข็งและร้อนเล่มนี้ กริดจึงได้สัมผัสประสบการณ์และความเร็วขณะมังกรกำลังบิน เป็นโลกที่ชายหนุ่มไม่เคยจินตนาการถึงมาก่อน
อิฟริตกำลังนึกถึงภาพจำของกริดผ่าน ‘เขา’ เล่มนี้
ขณะที่ตนถูกขังอยู่ภายในบาเรียเวทมนตร์ของสามซา อิฟริตส่งกริดออกไปด้านนอก และยังไม่ลืมว่าชายหนุ่มบรรจงสร้างเขาขึ้นมาด้วยความตั้งใจมากเพียงใด และสู้กับมีร์อย่างเอาจริงเอาจังเพียงใด
เป็นมวลความรู้สึกอันเข้มข้นซึ่งเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งที่เอ่อล้น เกินกว่าจะให้เรียกว่าเหตุการณ์เล็กๆ ในชีวิต
เป็นภาพจำที่ยิ่งใหญ่
เทพแรกเกิดสามารถจำลองเขาของมังกรขึ้นมาใหม่ แม้จะมิได้เหมือนของเดิมจนสมบูรณ์แบบ แต่เท่านี้ก็มากพอ
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดมา ที่อิฟริตซึ่งเคยเห็นการดำรงอยู่มากมายไม่ว่าจะยิ่งใหญ่หรือมดปลวก รู้สึกใจสั่นและซาบซ่าน
อย่างไรก็ดี น่าเสียดายที่กริดไม่สามารถอ่านสีหน้าของมังกร
เป็นสถานการณ์เฉกเช่นที่มดอ่านสีหน้าของมนุษย์ไม่ออก
พรึบ!
ความเร็วในการบินของอิฟริต ใกล้เคียงกับความเร็วของชุนโป
ทุกการกระพือปีก ทิวทัศน์รอบตัวพลันผันเปลี่ยน เป็นความเร็วที่สามซาพ่ายแพ้อย่างราบคาบ
ทว่า การไล่ตามพวกมันไม่ใช่เรื่องง่าย
ในท้ายที่สุด อิฟริตมิอาจไล่ตามตามสามซาที่เปิดใช้งานเวทมนตร์เพื่อหนีกลับอาณาจักรฮวาน
อาณาจักรฮวานเป็นถิ่นของมหาเทพฮานึล
กระทั่งซือโหยวก็อยู่ที่นั่น
เป็นหนึ่งในเขตห้วงห้ามที่มังกรมิอาจแสดงอิสระ
> โล่งอกไปที
อิฟริตค่อนข้างพึงพอใจเมื่อเห็นสามซาหนี
กริดก็เช่นกัน
หลังจากอิฟริตหยุดบิน ลมที่พัดตามหลังก่อตัวเป็นพายุ
หลังจากมองกลับไปยังทิศทางที่ตนผ่านมา กริดสงบจิตใจ
“ต้องทำลายชิ้นส่วนพลังของบาเอล”
ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
กริดไม่มีความคิดที่จะเป็นผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล
> ควรจะเป็นเช่นนั้น
อิฟริตพยักหน้าและเริ่มกระพือปีกอีกครั้ง
ทั้งสองเดินทางไกลกว่าสิบกิโลเมตรในพริบตา กลับมายังตำแหน่งเดิมซึ่งมีไข่มุกสีดำเป็นจุดศูนย์กลาง
กริดยากจะทำใจให้สงบ
ฟ้าว—
ดินแดนซึ่งมีเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่
กริดกวาดสายตาไปทั่วที่โล่งกว้างด้วยสายตาขื่นขม ไม่พบแม้แต่สิ่งมีชีวิตใด มดสักตัวก็ไม่มี
อิฟริตกล่าว
> สำหรับสัตว์ร้ายที่ไม่รู้ผิดชอบ สิบปีหรือร้อยปีผ่านไปไวในพริบตา ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะรู้สึกเสียใจกับความตายของมนุษย์
สัตว์ร้ายที่ไม่รู้ผิดชอบ
วลีที่กริดใช้นิยามมังกร
มันยังคงเก็บไปคิด?
กริดค่อนข้างกระอักกระอ่วน แต่สุดท้ายก็พูดในสิ่งที่คิด
“ในบางครั้งเมื่อมีแมลงเข้าบ้าน บางตัวก็มีประโยชน์กับสุนัข บางตัวก็มีประโยชน์กับสภาพแวดล้อม โดยที่พวกมันไม่เป็นอันตรายมนุษย์แม้แต่น้อย ทว่า ก็ยังมีหลายคนที่ไม่ทราบ หรือบางคนอาจเกิดจากความตื่นตกใจ จึงเผลอฆ่าพวกมันโดยไม่ตั้งใจ… ฉันคิดว่าพวกเขาคงเสียใจอยู่ครู่หนึ่ง”
> แล้วข้าควรเป็นเช่นนั้นไหม
“ถ้าสูงส่งกว่ามนุษย์ ก็ควรทำไม่ใช่หรือ”
> เจ้ามองมนุษย์ในแง่ดีเกินไป
“…?”
> พวกเขาฆ่าแมลงโดยไม่ตั้งใจจริงหรือ? ไม่ทราบจริงหรือว่าพวกมันมีประโยชน์กับบ้าน? รู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่ได้ฆ่าเพราะมัน ‘ง่าย’ ?
“…”
มันจินตนาการภาพยองฮีคีบแมงมุมไร้ชีวิตออกจากห้องน้ำด้วยทิชชู่
ยองฮีทราบดีว่าแมงมุมไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์
แต่การนำออกไปปล่อยนอกบ้านแบบยังมีชีวิต ฟังดู ‘เหนื่อย’ และ ‘ยาก’ กว่าการฆ่าทิ้งและโยนลงถังขยะ
มันจินตนาการถึงชอลซูฆ่าตะขาบขายาวในบ้านด้วยไม้ตีแมลงวัน
ชอลซูทราบดี ตะขาบขายาวไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
แต่ชอลซูหวาดกลัวรูปลักษณ์ของตะขาบขายาว และรังเกียจที่จะจับออกไปปล่อย เป็นการง่ายกว่าที่จะฆ่าทิ้ง
และคนอย่างยองฮีกับชอลซูก็มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก
> หากมนุษย์เผลอทำร้ายแมลงโดยไม่ทราบว่าพวกมันมีประโยชน์ เจ้าคิดว่าจะมีสักกี่คนที่เสียใจต่อการตายของพวกมัน
“…”
> โลกก็เป็นเช่นนี้… ฉันใดที่แมลงไม่เข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ และมองว่าเป็นภัยพิบัติ มนุษย์ก็มองมังกรเป็นภัยพิบัติฉันนั้น ต่อให้มังกรตัวดังกล่าวไม่เคยทำร้ายมนุษย์มาก่อนก็ตาม… เถียงเรื่องนี้ไปก็ไม่จบสิ้น
“…แล้วถ้าเปลี่ยนการเปรียบเทียบจากแมลงเป็นสัตว์?”
> ข้าคงอธิบายไม่ถูก เพราะในสายตามังกร มนุษย์มีค่าเทียบเท่าแมลง… อย่าทำให้ยากนักเลย เลิกคาดหวังให้มังกรเข้าใจมนุษย์เสียดีกว่า
“แต่อิฟริตก็ยังเข้าใจฉันไม่ใช่หรือ พวกเรายังคุยกันได้ตามปรกติ”
> แล้วเจ้าเป็นมนุษย์หรือ
“…!”
กริดเย็นไปถึงสันหลัง
คำถามอันซื่อตรงของอิฟริต
คำถามง่ายๆ ซึ่งปราศจากเจตนาร้ายแอบแฝง
ใช่แล้ว
ข้อเท็จจริงซึ่งตัวกริดเองก็หลงลืมไปชั่วขณะ สำหรับโลกใบนี้ ตนคือเทพ ไม่ใช่มนุษย์
ถึงแม้จะเคยเป็น แต่นั่นก็แค่อดีต
การพยายามแก้ต่างให้มนุษย์ของกริด ดูน่าฉงนในสายตาอิฟริตพอสมควร
> ข้าคิดว่าเจ้าไม่ควรเสียเวลากับเกมถามตอบ
อิฟริตเร่งเร้า
ชิ้นส่วนพลังของบาเอลซึ่งแผ่อิทธิพลเย้ายวนตลอด สร้างความระคายเคืองต่อจิตใจอย่างมาก
กริดไม่มัวรีรอ
ชิ้ง!
ดาบหนักกูเซลทะลวงผ่านชิ้นส่วนพลังอย่างง่ายดาย
นี่คือจุดสิ้นสุดของมัน
ไข่มุกที่เฒ่าดาบมารมิอาจทำลายได้แม้จะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มี แตกกระจายกลายเป็นนับพันเศษ
> เทพโอเวอร์เกียร์…
เสียงอันน่าขยะแขยงดังแว่วข้างหู
[ท่านสำเร็จภารกิจหัวแถว <ทำลายชิ้นส่วนพลัง>]
หน้าต่างแจ้งเตือนซึ่งเคยค้างอยู่ที่ข้อความ ‘ระบบกำลังวิเคราะห์สถานการณ์…’ เกิดการเปลี่ยนแปลง
[จงกลับไปยังหอแห่งปัญญาเพื่อรับรางวัล]
[…!]
[…!!]
[ระบบกำลังวิเคราะห์สถานการณ์…]
‘พวกมันหนีทำไม?’
กริดไม่เข้าใจว่าทำไมสามซาถึงรีบถอย
ทั้งที่สามซามิได้เกรงกลัวอิฟริตซึ่งได้เขาคืนมาและฟื้นพลังบางส่วน แต่กลับหวาดหวั่นเมื่อเห็นกริดขี่อิฟริต
ชายหนุ่มไม่ทราบว่าพฤติกรรมดังกล่าวหมายถึงสิ่งใด ความเกี่ยวข้องเดียวที่ได้ยินคือการพูดติดตลกของอิฟริต
มันต้องการให้ใครสักคนช่วยอธิบาย แต่ระบบกลับเอาแต่เงียบ
> ยังมีอะไรต้องทำที่นี่ไหม
“คงไม่แล้ว ฉันต้องกลับทวีปตะวันตก”
> ขึ้นมา
อิฟริตลดคอลงมาอีกครั้ง
กริดก้าวขึ้นโดยปราศจากความลังเล
ครั้งแรกอาจติดขัด แต่ครั้งที่สองเริ่มชำนาญ
อิฟริตหัวเราะ
> เจ้าเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ
“…?”
เป็นคนบอกให้ขี่เองไม่ใช่หรือ แล้วฉันทำผิดตรงไหน?
ขณะกริดเอียงคอสงสัย
พรึบ!
อิฟริตกระพือปีกแผ่วเบา ออกจากทวีปตะวันออกและบินข้ามทะเลแดงในพริบตา
…?
“น…นี่มันหมายความว่ายังไง…”
ณ วันนี้
มีการพบเห็นมังกรสีแดงจากทั่วทุกมุมทวีป
แม้จะโผล่ขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องด้วยขนาดอันมหึมา จึงยากจะมีใครลืมเลือนฉากดังกล่าว
กล่าวกันว่ามีใครบางคนยืนอยู่เหนือศีรษะมังกร และลือกันว่าคนคนนั้นคือเทพโอเวอร์เกียร์
***
“เป็นความผิดของข้าเอง”
“…”
“ทุกอย่างจะราบรื่นไหมนะ…”
“…”
“ถ้าเขาล้มเหลวล่ะ…”
“…”
หอแห่งปัญญา
บีบันเริ่มถึงขีดจำกัดความอดทน
หลังจากทำความสะอาดโถงเสร็จ มันกำลังขัดเงาพื้น แต่ถูกเบ็ตตี้ก่อกวนเป็นระยะ
แก่นของการขัดเงาพื้น ก็เพื่อความแวววาว
หลังจากฉาบด้วยขี้ผึ้ง ต้องออกแรงถูอย่างประณีตจึงจะเกิดประกายวิ้งวับ
แต่เบ็ตตี้กลับเอาแต่ย่ำลงบนขี้ผึ้ง ทำลายความเงางามโดยสิ้นเชิง กลายเป็นคราบเปื้อนเปรอะแทนที่จะดูสวย
“ข้าไม่ได้หัวโบราณเหมือนท่านย่า ในเมื่อกริดออกเดินทางไปแล้ว มัวกังวลอยู่ที่นี่จะได้อะไรขึ้นมา? หากมีเวลาว่างขนาดนั้น ทำไมท่านถึงไม่ตามไปช่วยเขาเสียเลยล่ะ?”
“น้ำเสียงของเจ้าฟังดูฉุนเฉียวนะ เป็นห่วงกริดเหมือนกันสินะ ถึงได้ประชดประชันข้าเช่นนี้”
“ข้าแค่นึกว่าท่านอาจเบื่อชีวิตเพราะอยู่บนโลกมานานเกินไป… นอกจากนั้น ข้ายังมีหน้าที่ต้องทำความสะอาด ไปไหนไม่ได้หรอก”
“สมควรแล้ว คนทำผิดก็ต้องทำความสะอาด”
“เห็นด้วย! ใช่เลย ท่านย่าต้องมาทำความสะอาดแทนข้าในคราวหน้า! ฟรอนซาลล์ต้องยอมฟังแน่ ผู้ทำพันธสัญญาที่มัวนิ่งเฉยจนทำให้เกิดปัญหา สมควรแล้วที่ต้องถูกลงโทษด้วยการขัดพื้น!”
“…ข้าจะไปช่วยกริด”
“ไม่ต้องไปหรอก กริดไม่ใช่คนโง่ ถ้าเกิดปัญหา เขาก็คงหาทางหนีออกมาได้เอง”
ขณะบีบันเงยหน้ามองแผ่นหลังเบ็ตตี้ซึ่งหายตัวไปจากอีกฟากของโถงทางเดิน
[มังกรเพลิงปรากฏตัว ระดับสูงสุด]
[เป็นอิฟริต ตรวจพบอิฟริตใกล้กับทะเลแดง]
[มีการสั่งสมลมหายใจไว้เป็นจำนวนมาก มีแนวโน้มที่จะทำสงคราม]
[สภาหอคอยทุกคนจงมารวมตัวกันที่ห้องทำงานของท่านฮายาเตะทันที]
ลำโพงเวทมนตร์ที่ถูกติดไว้ทั่วหอคอยดังขึ้น
จนกระทั่งถึงเมื่อครู่ โถงทางเดินที่บีบันกำลังขัดเงาคือชั้นบนสุด
ชั้นของห้องทำงานฮายาเตะ
บีบันตรากตรำทำความสะอาดพื้นในชั้นนี้อย่างยากลำบากมาเป็นเวลานาน
“สงครามชิงดินแดน?”
“รังมังกรเพลิงที่ดีที่สุดในตอนนี้เป็นของทราวก้าใช่ไหม?”
“ไม่ว่าอิฟริตจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็คงไม่มีทางเอาชนะทราวก้าได้”
“อย่าเพิ่งปักใจเชื่อ เราไม่มีทางอ่านความคิดมังกรออก”
“ทาลิม่ากำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเราต้องเร่งมือถ้าไม่อยากเห็นคนแคระสูญพันธุ์”
“…”
กึก กึก กึก กึก!
เป็นเสียงฝีเท้าของสภาหอคอยซึ่งเร่งฝีเท้าวิ่งอย่างสุดกำลัง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นั่นทำให้พื้นห้องโถงมีสภาพเละเทะ
การทำงานหนักตลอดครึ่งวันของบีบันกลายเป็นเรื่องสูญเปล่า
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059 ★ ★ จบบริบูรณ์ ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
Comments
Post a Comment