จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,562
[ท่านดื่มโพชันฟื้นฟูพลังชีวิตชั้นเยี่ยม]
[ท่านดื่มโพชันแฮจู]
[ท่านกินยาห้ามเลือด]
[ท่านกินยาระงับประสาท]
“อึก…”
ร่างกายท่อนล่างของเฒ่าดาบมารผู้กำลังฝืนพยุงตัว ถูกฉาบไปด้วยสีสันต่างๆ นานา เป็นสัญญาณของการกระหน่ำดื่มโพชัน ชวนให้นึกถึงเครื่องสำอางบนใบหน้าตัวตลก
เป็นการยากที่เฒ่าดาบมารจะเข้าใจสถานการณ์ได้ในเวลาอันสั้น
มังกรปรากฏกายกะทันหัน หุ่นยนต์หลายสิบตัวอาละวาด และจบลงด้วยการระเบิดซึ่งทำลายเมืองไปครึ่งหนึ่ง
เหตุการณ์รุนแรงเกินกว่าจะตอบสนองได้ทันท่วงที ไม่ใช่ข้อผิดพลาดส่วนบุคคล
‘นี่ไม่ใช่ที่ของเรา’
กริดและมังกร
สองตัวตนที่ก้าวข้ามขีดจำกัด แม้แต่ยังบันก็ไม่อยู่ในสายตา
ระดับของการปะทะสูงเกินไป ต่อให้ย้อนกลับไปยังจุดเกิดเหตุ ก็คงช่วยอะไรไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังยืนกรานที่จะกลับ
เพื่อช่วยผู้บาดเจ็บให้ได้อีกสักคนก็ยังดี
‘มีคนจำนวนมากกำลังรอความช่วยเหลือ…’
ชุดเกราะหนังที่เฒ่าดาบมารแสนจะภาคภูมิใจ ปัจจุบันพังยับเยินประหนึ่งเศษขยะ
ร่างกายซึ่งเต็มไปด้วยบาดแผลก็มีสภาพไม่ต่าง
แต่เฒ่าดาบมารก็ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว
ชาวเมืองที่โชคดีพอจะรอดชีวิตจากแรงระเบิดเมื่อครู่
เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่น่าจะกำลังบาดเจ็บสาหัส มันเช็ดตาเพื่อลบทัศนวิสัยที่เต็มไปด้วยเลือดพลางก้าวขาวิ่ง
ความทรงจำมากมายพรั่งพรูเข้ามาในสมอง
ความยากลำบาก บททดสอบ ความเอื้ออาทร ความสุข ความซาบซึ้ง ความรัก และความเศร้าที่มันเคยแบ่งปันกับชาวเมืองซึ่งใช้ชีวิตร่วมกันมานานกว่าสิบปี
เป็นความทรงจำที่ไม่มีวันหาได้จากโลกความจริง
เฒ่าดาบมารต้องการตอบแทนผู้คนบนผืนแผ่นดินนี้ แม้บางคนอาจหัวเราะเยาะ แต่ตัวมันรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
มันยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้ชาวบ้านซึ่งถูกหลอกและกดขี่มาทั้งชีวิตจากคนที่เรียกตัวเองว่าเทพ ต้องตายไปอย่างไร้ค่า
ครืด ครืด ครืด
ทะเลทรายอันแห้งแล้งคืออุปสรรคใหญ่สำหรับเฒ่าดาบมาร
มันใช้สองมือลากขาให้ก้าวไปข้างหน้า
ประหนึ่งกำลังถูกกระซิบข้างหูว่า มันต้องอยู่คนเดียวไปตลอดกาล หากในคราวนี้ช่วยชาวเมืองเอาไว้ไม่ได้
เฒ่าดาบมารเพิ่งตระหนักได้เมื่อสาย
ท้องของมันถูกทำลายไปกว่าครึ่ง
เลือดไหลไม่หยุด พลังชีวิตลดเร็วกว่าอัตราการฟื้นฟู ยาห้ามเลือดทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
“ฮะฮะ”
มันกัดฟันหัวเราะ ประหนึ่งบาดแผลมิได้เลวร้ายอะไรนัก ภาพที่เห็นเป็นเพียงการอำเล่น
จนกระทั่ง ใบหน้าของเฒ่าดาบมารจมลงในผืนทราย
หมับ!
ใครบางคนคว้าแขนเฒ่าดาบมารและพยุงขึ้น
“ยิ่งนิสัยคนเราแย่แค่ไหน ก็ยิ่งตายยากเท่านั้น ดูเหมือนว่านิสัยของนายจะแย่กว่าฉันอีกนะ”
เป็นสุ้มเสียงอันเย้ยหยัน
ดวงตาอันพร่ามัวของเฒ่าดาบมารมองเห็นหมวกไม้ไผ่
“ยอมรับแล้วสินะว่านายนิสัยแย่ที่สุดในโลก”
“ตอนนี้สำคัญด้วยหรือ”
“สำคัญสิ”
“ก็ได้… ครั้งนี้จะยอมรับก็แล้วกัน”
ฮวางกิลดงส่ายหน้าพลางโปะยาสมานแผลลงบนท้องเฒ่าดาบมาร กลิ่นของยาหอมหวานเป็นอย่างมาก มันคือยาวิเศษที่ผลิตขึ้นจากการตำสมุนไพรหายาก
เฒ่าดาบมารพยายามหมุนร่างซึ่งยังเคลื่อนไหวไม่สะดวก
“ช่วยฉันทำไม? ทำไมถึงลงทุนใช้ยาราคาแพงกับฉันที่สามารถคืนชีพได้”
“นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือ ความตายถือเป็นความเสียหายใหญ่หลวง”
เงาจำนวนมากถูกสร้างขึ้นด้านหลังฮวางกิลดงผู้ตอบคำถามหน้านิ่ง
ฮวัลบินดัง
กลุ่มคนคุณธรรมที่คอยปกป้องผู้คนบนทวีปตะวันออก
ฮวัลบินดังหลายร้อยคนที่ถูกฮวางกิลดงเรียกตัว กำลังแบกชาวเมืองจำนวนมากไว้บนหลัง
ในบรรดาคนเหล่านั้น
“คุณลุง!!”
เด็กชายที่เฒ่าดาบมารเคยร่วมมือกับแอ็กนัสเพื่อช่วยเหลือ ก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
เมื่อครั้งเกิดระเบิด เฒ่าดาบมารไม่มีความสามารถมากพอที่จะปกป้องเด็กชาย
มันโทษตัวเองเป็นการใหญ่เมื่อคิดว่าเด็กคนดังกล่าวคงไม่รอดแล้ว แต่ในความเป็นจริง อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่
“เจ้าหนู…”
เฒ่าดาบมารสวมกอดเด็กชายที่วิ่งเข้ามาหา ก่อนจะเงยหน้ามองฮวางกิลดงด้วยดวงตาเปียกชุ่ม
ฮวางกิลดงดึงหมวกไม้ไผ่ลงต่ำจนมองไม่เห็นใบหน้า
“อย่าได้ลืมเสียล่ะ ทุกคนต้องเผชิญหายนะก็เพราะนาย เฒ่าดาบมาร”
“…ฉันจะจำใส่ใจไว้”
แอ็กนัสลอบเข้าเมืองมาพร้อมกับกลุ่มอสูร
กล่าวคือ แม้เฒ่าดาบมารจะไม่ลงมือ แต่แอ็กนัสก็ต้องตายด้วยน้ำมือฮวางกิลดงอยู่ดี
หรืออีกนัยหนึ่ง สถานการณ์ที่มังกรอาละวาดเผาเมืองจะไม่แปรเปลี่ยน
แต่เฒ่าดาบมารกลับไม่ปฏิเสธ
เป็นความจริงที่ว่า มันมิอาจระงับโทสะของตนจนทำให้เกิดศึกกลางเมือง และเมื่อแอ็กนัสตายกลางเมือง คนในเมืองย่อมต้องเดือดร้อน
ฮวางกิลดงเจาะจงพูดเพื่อให้เฒ่าดาบมารสำนึก
“ที่เหลือปล่อยให้ลูกน้องจัดการ พวกเราจะไปช่วยเทพโอเวอร์เกียร์”
“…!”
เฒ่าดาบมารเผยสีหน้าตกตะลึง
ฮวางกิลดงคือคนที่มักเลี่ยงการขึ้นชกโดยไม่มั่นใจว่าจะชนะแน่นอน
โดยอ้างว่าในชีวิตยังมีอีกหลายสิ่งให้ต้องทำ และนั่นทำให้เฒ่าดาบมารมองว่าอีกฝ่ายเป็นพวกขี้ขลาด
แต่วันนี้ มันเพิ่งตระหนักว่าฮวางกิลดงไม่ใช่พวกขี้ขลาด
ไม่เพียงจะช่วยเหลือชาวเมืองท่ามกลางสถานการณ์สุ่มเสี่ยง แต่ยังเป็นคนออกปากว่าจะช่วยกริด
‘เราเข้าใจเขาผิดมาตลอด’
แม้จะมีข้อบกพร่องในด้านนิสัย แต่เขาก็เป็นคนดี ก็เลยคบกันได้นาน…
ขณะพยุงตัวขึ้นมานั่ง เฒ่าดาบมารฉุกคิดบางสิ่ง
“เทพโอเวอร์เกียร์มีโอกาสชนะไหม”
“น่าจะยาก… ตามปรกติแล้ว พลังของเทพจะแตกต่างกันไปตามความศรัทธา ยากที่จะกะเกณฑ์ได้แม่นยำ ในทางกลับกัน มังกรจากทิศตะวันตกก็แข็งแกร่งเป็นทุนเดิม แถมยังเป็นมังกรเพลิง… โอกาสที่เทพโอเวอร์เกียร์จะคว้าชัยมีน้อยมาก”
“แล้วทำไมนายถึงคิดจะช่วย”
“เพราะเขาคือเทพโอเวอร์เกียร์ ชายผู้มีคุณค่ามากพอที่จะให้ทางนี้ยอมเสี่ยง… แม้ว่าฉันอาจต้องเสียสละตัวเอง”
“…”
ใช่แล้ว
ฮวางกิลดงเตรียมใจที่จะตาย
เพราะมันเชื่อว่า กริดสามารถสร้างประโยชน์แก่ผู้คนได้มากมายในอนาคต เป็นการยอมรับทางอ้อมว่ากริดแข็งแกร่งกว่าตน
นับจากเหตุการณ์เทพเต่าดำจวบจนปัจจุบัน
ฮวางกิลดงคอยจับตามองกริดอย่างใกล้ชิดผ่านเครือข่ายข่าวของฮวัลบินดัง
“…เห็นด้วย”
เฒ่าดาบมารชกกำปั้นเข้าหากันด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้
ฮวางกิลดง
ตำนานแห่งทวีปตะวันออกผู้คอยช่วยเหลือชาวเมืองมาช้านาน กำลังนำชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงเพื่อผู้เล่นหนึ่งคน
เฒ่าดาบมารรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก
ยิ่งเกิดความประทับใจเมื่อคำนึงว่า โลกซาทิสฟายเคยถูกกลุ่ม NPC พิเศษปกครองอย่างกดขี่มาตลอด
‘เคยมีใครบางคนกล่าวไว้ว่า การจะเปลี่ยนโลกไม่ต้องใช้คนมากนัก’
กริดกำลังพิสูจน์ว่าถ้อยคำดังกล่าวมิใช่เรื่องเท็จ เพราะมันพยายามเปลี่ยนแปลงโลกตามลำพัง
เป็นชายผู้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม จนเฒ่าดาบมารนึกชื่นชมในใจอยู่หลายครั้ง
“รีบไปกันเถอะ”
ฮวางกิลดงและเฒ่าดาบมารเลิกต่อบทสนทนา
ประหนึ่งว่าไม่ต้องการเผาผลาญเวลาอีกแม้เพียงวินาทีเดียว พวกมันเร่งฝีเท้าจนกลับไปถึงซากเมืองที่ถูกระเบิด
และนั่นทำให้พบเหตุการณ์ประหลาด
เป็นความรู้สึกซึ่งยากจะบรรยาย ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแม้ในยามก่อนเมืองระเบิด
กะเกณฑ์ไม่ได้
ตัวตนซึ่งเปี่ยมไปด้วยพลังต่อสู้มหาศาล กำลังเรียงรายภายในจุดเกิดเหตุ
“มีร์…?”
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาผิดจังหวะ”
ฮวางกิลดงให้ความสนใจกับบาเรียด้านหลังมีร์ มิใช่ตัวมีร์
บาเรียอันเกิดจากพลังเทพ
“สามซาลงมาเองแบบนี้… คิดจะล่ามังกรสินะ”
“ล่ามังกร…? ภายในบาเรียนั่น มังกรกับสามซากำลังสู้กัน?”
“น่าจะ”
“สามซามีโอกาสชนะไหม”
“แน่นอน แตกต่างจากเทพโอเวอร์เกียร์ซึ่งเพิ่งถือกำเนิด สามซาคือเทพโบราณ แถมที่นี่ยังเป็นดินแดนของฮานึล โอกาสชนะมีมากกว่าแพ้”
“เยี่ยมเลย ขณะที่สามซาต่อสู้กับมังกร พวกเราต้องช่วยเทพโอเวอร์เกียร์ออกมาให้ได้”
มีร์คือยังบันที่แข็งแกร่งที่สุด
แถมยังพัฒนาฝีมือตลอดเวลาจากนิสัยชอบ ‘ฝึกหนักในทุกวัน’
ค่อนข้างแน่ชัดว่า สักวันหนึ่ง มีร์จะสั่งสมบารมีเทพจนกลายเป็นเทพแท้จริง และแข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่หลายเท่า
อย่างไรก็ดี นั่นคือเรื่องราวในอนาคต
เฒ่าดาบมารมองว่ามีร์ในปัจจุบัน ยังไม่น่าจะเก่งไปกว่ามังกร
ทว่า ฮวางกิลดงแสดงท่าทีลังเล
“ฉันสงสัยว่า เราจะช่วยเขาได้จริงหรือ”
“ทำไม?”
“มีร์แข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มีโอกาสสูงที่มีร์จะยื้อเราไว้ได้จนกระทั่งสามซาล่ามังกรสำเร็จ และเมื่อถึงตอนนั้น พวกเราจบเห่แน่”
คำพูดของฮวางกิลดงค่อยๆ เงียบลง
เฒ่าดาบมารเองก็มิได้กล่าวคำใด
ฉากการต่อสู้อันน่าตื่นเต้นกำลังปรากฏในสายตาของคนทั้งสอง
มีร์ผู้สามารถ ‘บุก’ ‘หลอกล่อ’ และ ‘ถอย’ ได้ในการเคลื่อนไหวเดียวนั้นน่าทึ่งมาก
ในจังหวะสุดท้ายก่อนจะถอย มีร์กระหน่ำฟันเส้นดาบหลายสิบใส่กริด จนเกิดเป็นหมอกทึบสีดำฟุ้งกระจายรอบร่างกายอีกฝ่าย
ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากการที่ เลือดของกริดซึ่งสาดกระเซ็นไปทั่ว ถูกประกายสายฟ้าแผดเผาจนดำเกรียม
“น่าสะพรึงชะมัด”
ฮวางกิลดงถอนหายใจยาว
ในช่วงแรกที่ตระหนักได้ มันพบว่าสถานการณ์กำลังเลวร้าย เนื่องจากร่างกายกริดเต็มไปด้วยบาดแผล
สิ่งที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ กริดไม่ขยับแม้แต่ก้าวเดียว
ปักหลักยืนหยัดอย่างมั่นคง เหวี่ยงดาบด้วย ‘มือข้างเดียว’ ขณะเผชิญหน้ากับมีร์
เป็นท่าทีคล้ายกับ ‘ปรมาจารย์’ สู้กับ ‘ศิษย์’
ถ้าตามลำตัวไม่ได้กำลังโชกเลือดล่ะนะ
หากต่อสู้โดยปราศจากสัตว์เลี้ยงนานาชนิดและบาดแผล กริดจะดูเหมือนกับปรมาจารย์ตัวจริง
ซู่ว!
เวทโลหิตจากแวมไพร์ทายาทถูกยิงออกมา
มีร์ซึ่งใช้ดาบสลายเวทโลหิตทิ้งอย่างง่ายดาย เอียงคอหลบการโจมตีทีเผลอจากโครงกระดูกหนึ่ง
ขณะใบดาบของโครงกระดูกหนึ่งพุ่งผ่านไหล่ มีร์เหยียดแขนไปคว้าท้ายทอยและจับทุ่มโดยไม่หันหน้ามอง
แต่การทำเช่นนั้นมีราคาที่ต้องจ่าย มีร์สูญเสียความเร็วไปชั่วขณะจากผลของอักขระโบราณที่ถูกประทับบนหลังมือ
เวทมืดของโครงกระดูกสองทำให้มีร์ต้องรีบเคลื่อนไหว ขณะเดียวกัน มีร์อ่านออกว่าแรนดี้เตรียมฉวยโอกาสจากช่องว่างที่เกิดขึ้น
ในจังหวะที่แรนดี้ใช้มือซ้ายยกฝักดาบและขยับมือขวาเตรียมชักฟัน มีร์ตวัดดาบหนักมังกรครามเพื่อตัดแขนทั้งสองข้างของเธอก่อนที่จะได้มีโอกาสรำดาบ
ฟุ่บ!
กริดยิงเส้นดาบเข้าใส่
ขณะทุบค้อน ชายหนุ่มมองหาช่องว่างที่จะลงมือตลอดเวลา และโอกาสดังกล่าวถูกสร้างขึ้นโดยโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์และแรนดี้
น่าเสียดายที่ไม่เกิดความเสียหายมากนัก
มีร์ซึ่งชำเลืองเห็นความเคลื่อนไหวของคลื่นพลังงานสีส้ม ตัดสินใจฉากหลบและนำพาตัวเองให้รอดพ้นจากวิกฤติ
ปึด!
สายคาดเอวของมีร์ถูกผ่าครึ่ง
เมื่ออุปกรณ์ที่คอยเหนี่ยวรั้งโดโปสีน้ำเงินหลุดร่วง ชายเสื้อของมันพลันพัดกระพือจากแรงลมของคลื่นดาบ
“…?”
ฮวางกิลดงที่กำลังเร่งฝีเท้าสุดชีวิต เกิดคำถามในใจขึ้นมากะทันหัน
มีร์คือผู้ครอบครองดาบหนักมังกรคราม
ดาบมังกรครามคือสุดยอดอาวุธล้ำค่า กล่าวกันว่าทรงพลังที่สุดในบรรดาสี่ศาสตราแห่งเทพ
แต่มันกลับเลี่ยงที่จะปะทะการโจมตีกับกริดซึ่งๆ หน้า
พฤติกรรมนี้แฝงไว้หลายความหมาย
‘อย่าบอกนะว่า ดาบของเทพโอเวอร์เกียร์ ทรงพลังกว่าดาบมังกรคราม?’
สายตาฮวางกิลดงจดจ้องดาบหนักกูเซลทันที
เทวภัณฑ์ซึ่งมีอำนาจเหนือกว่ามังกรคราม
เมื่อพอจะคาดเดาตัวตนที่แท้จริงของดาบออก ฮวางกิลดงสั่นสะท้านทันที
‘ศาสตรามังกร…!’
บึ้ม!!
เกิดเสียงดังกังวานต่อเนื่อง
ทันทีที่อักขระโบราณหลังมือหายไป มีร์ทำการเร่งความเร็วอีกครั้งจนเกิดเสียงระเบิด
ร่างของมีร์ซึ่งคลาดไปจากสายตาฮวางกิลดง โผล่ขึ้นอีกครั้งในตำแหน่งประชิดตัวกริดด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาที
ฉูด!!
โลหิตพวยพุ่งจากทั่วร่างชายหนุ่ม
คล้ายกับขณะที่มีร์หายตัว กริดถูกฟันเพิ่มอีกนับสิบแผล เรียกได้ว่าเป็นความเร็วที่เกินกว่าจินตนาการไปไกล
ทว่า
ฉูด!
เลือดสดไหลจากแผ่นอกมีร์เช่นกัน
เป็นปริมาณที่มากกว่าทุกแผลของกริดรวมกัน
ประสาทสัมผัสเทียม
อนุภาคของละอองด้ายเงินที่ผสานเข้ากับมานาโดยมีหัตถ์เทวะเป็นตัวเชื่อม ช่วยให้กริดระบุตำแหน่งของมีร์ได้ชั่วขณะ
“แมลงหวี่ที่เอาแต่บินวนเวียนไปมา สักวันก็ต้องถูกจับได้”
กริดกล่าวเสียงแผ่ว สีหน้าท่าทีของชายหนุ่มยังคงสงบนิ่ง ตรงข้ามกับความตึงเครียดของสถานการณ์
เคร้ง! เคร้ง! แคร้ง!!
ในเวลาเดียวกัน เสียงค้อนทุบกำลังดังระรัว ไม่เข้ากับบรรยากาศเลยสักนิด
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059 ★ ★ จบบริบูรณ์ ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
Comments
Post a Comment