จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 765
จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 765
บนโลกนี้มีภาษาถิ่นอยู่มากมาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาติแผ่นดินใหญ่อย่างประเทศจีน ว่ากันว่ามีภาษาถิ่นมากมายหลายร้อยชนิด
“เปิดระบบภาษากลาง”
ทันทีที่ล็อกอินเข้าซาทิสฟาย กริดตัดสินใจปิดระบบแยกแยะภาษาถิ่น หันมาใช้ภาษาหลักสากลของซาทิสฟายแทน
เหตุผลคือ เขาได้ยินจางเฉินพูดสำเนียงเหยียนเปียนซึ่งถูกเครื่องแปลภาษาแปลงออกมาเป็นถ้อยคำเกาหลี
“ฉันเกลียดพวกเหยียนเปียน”
“อะไรนะ?”
กำแพงปราสาทไลอ้อนที่เก่าโทรมกำลังถูกสายลมแห้งแล้งพัดผ่านเป็นระยะ
จางเฉินปรากฏตัวขึ้นในเกมพร้อมกับตะโกนอย่างฉุนเฉียว
“กริด…ฉันไม่ปล่อยให้แกตายดีแน่!”
ผ่านมาแล้วสองปีกับอีกสามเดือนนับตั้งแต่จางเฉินเริ่มเล่นซาทิสฟาย
มันภาคภูมิใจในเครือข่ายข้อมูลมหาศาลของตนอย่างมาก สิ่งนี้ช่วยทำให้เลเวลของมันไล่ตามทันเหล่าแรงเกอร์รุ่นเก่าได้ไม่ยาก
จางเฉินเป็นสิบรุคกี้รุ่นที่สาม แต่มันสามารถอัพเลเวลแซงสิบรุคกี้รุ่นที่สองได้อย่างง่ายดาย
กริด? ครอเกล?
มันไม่เคยเชื่อ ว่าคนเหล่านี้จะแข็งแกร่งสมคำร่ำลือจริง
“สิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจนคือ ผู้เล่นเก่าที่ฉันได้เผชิญหน้าในงานแข่งนานาชาติปีนี้ พวกมันทุกคนล้วนกระจอกและฝีมืออ่อนหัด การที่แกเป็นราชาของพวกมันได้ ไม่ได้แปลว่าแกแข็งแกร่งเลยสักนิด”
สภาพสังคมของซาทิสฟายในยุคปัจจุบันเปรียบเสมือนผืนป่าที่ไร้ราชสีห์
เหล่าราชสีห์หายหัวไปไหนกันหมด?
ไม่มีใครทราบคำตอบของคำถามนี้
แต่ที่แน่ชัดก็คือ เหล่าหมาป่าและจิ้งจอกกำลังเริงร่าสุดขีด พวกมันออกมาผงาดพร้อมกับทำตัวอวดเบ่งไปทั่วป่า
จางเฉินเชื่อมั่นว่า ด้วยพรสวรรค์ตน มันสามารถขึ้นเป็นราชสีห์แทนเจ้าป่าชุดเดิมได้ไม่ยาก
“ฉันจะปกครองผืนป่านี้เอง”
มันจะคว้าแชมป์ PVP
จางเฉินไม่เคยเคลือบแคลงสงสัย
ความมั่นใจอันล้นปรี่เกิดจากความเร็วในการเก็บเลเวล ที่สามารถแซงสิบรุคกี้ทุกรุ่นขึ้นมาทัดเทียมกับแรงเกอร์ชุดแรกได้ในระยะเวลาอันสั้น
มันมั่นใจว่าตัวเองเจ๋งกว่ากริด
“จะเอาอันไหนเชือดแกดีนะ?”
จางเฉินแสยะยิ้มชั่วพร้อมกับอวดโอ่แปดศาสตราที่มันแสนภาคภูมิใจทีละชิ้น
อาวุธเหล่านี้ล้วนเป็นสุดยอดศาสตราที่ใช้งานโดยแรงเกอร์แถวหน้าของโลกในแต่ละสาขา
สีสันและออร่าที่งดงามย่อมหมายถึงระดับการเสริมแกร่งที่สูงส่ง
“โอ้ว…!”
ผู้ชมส่งเสียงฮือฮาทุกครั้งเมื่อได้เห็นจางเฉินสลับอาวุธแต่ละชนิดออกมากวัดแกว่ง
“มีอาวุธเยอะแยะก็เท่านั้น อีกเดี๋ยวแกจะไม่มีสิทธิ์ใช้งานพวกมัน”
กริดประกาศกร้าวพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง
ถ้อยคำดังกล่าวยั่วยุจางเฉินได้อย่างดี
“ก็แค่ราชาของพวกสุนัขโง่เขลา! กล้าดียังไงถึงอวดเบ่งท้าทายราชสีห์อย่างฉัน? เดี๋ยวจะแสดงให้แกเห็นเอง…ว่าโลกที่แกเคยปกครองมันกระจอกแค่ไหน!”
จางเฉินตะเบ็งเสียงด้วยใบหน้าแดงก่ำ
มันคำรามกึกก้องราวกับอสูรคลั่ง
ขวานยักษ์ในมือกวัดแกว่งโจมตีใส่กริด
ชายหนุ่มยิ้มจืดชีดอย่างผิดหวัง
‘นี่น่ะหรืออันดับหนึ่งของรุ่นใหม่…’
กริดเป็นกษัตริย์ของอาณาจักร
เขาย่อมครอบครองข้อมูลที่ผู้เล่นทั่วไปเข้าไม่ถึง กริดทราบถึงตัวตนของจางเฉินเป็นอย่างดี
เด็กอัจฉริยะที่มีพัฒนาการก้าวกระโดดอย่างน่าทึ่ง ถึงขั้นแซงหน้าสิบรุคกี้รุ่นเก่าได้ในระยะเวลาอันสั้น
‘เคยคิดว่าจะเก่งกว่านี้…’
แต่ในความเป็นจริง จางเฉินเป็นเพียงก้อนเนื้อแห่งความโอหัง
เมื่อได้ยินมันหมิ่นเกียรติของแรงเกอร์รุ่นแรก กริดมีหน้าที่ต้องสำแดงพลังเพื่อให้เด็กโลกแคบคนนี้ได้ประจักษ์
กริดไม่ต้องการให้พวกพ้องที่เริ่มเติบโตมาด้วยกันต้องถูกเด็กอมมือดูแคลน
บุคคลที่พยายามอย่างหนัก ไม่มีใครสมควรถูกเหยียดเย้ยหยัน
ซู่ว—!
ฝ่ามือสีทองจำนวนสี่ข้างปรากฏขึ้นเบื้องหลังกริด
พวกมันกำลังถือมโยลเนียร์ ไอเท็มที่สามารถสร้างอาการผิดปรกติต่อเนื่องจนเกินคำว่าสมดุลไปไกล
จางเฉินพลันแววตาเป็นประกายเมื่อได้เห็นหัตถ์เทวะอันโด่งดัง
“คุคุคุ!! คุฮ่าฮ่า!! ต้องอย่างนั้น!! แกกำลังกลัวฉันอยู่สินะ! ถึงได้เอาจริงตั้งแต่เริ่ม!”
ในอดีต กริดมักไม่ค่อยนำหัตถ์เทวะออกมาใช้ในการแข่ง PVP มากนัก
นอกจากการดวลกับครอเกลในนัดชิงชนะเลิศของปีที่แล้ว ไม่มีครั้งใดเลยที่กริดอัญเชิญหัตถ์เทวะออกตั้งแต่ต้น
จางเฉินกำลังทระนงตนว่ากริดหวาดกลัวมัน กริดต้องประเมินมันให้อยู่ระดับเดียวกับครอเกลแน่!
ผู้ชมต่างพากันตื่นเต้นกับภาพที่เห็น
“กริดรีบใช้หัตถ์เทวะขนาดนี้เชียว?”
“จางเฉินคงเก่งมาก…”
“สมกับเป็นอันดับหนึ่งของสิบรุคกี้รุ่นที่สาม!”
ในรอบแรก จางเฉินสามารถเอาชนะบูบัต หนึ่งในตัวตนอันโด่งดังของผู้เล่นยุคแรก ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
เมื่อเห็นกริดเอาจริงตั้งแต่เริ่มในการเผชิญหน้ากับรุคกี้ปีศาจ ผู้คนจึ่งยกย่องในตัวจากเฉินมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบรรยากาศภายในประเทศจีน
“ดาราดังของโลกปรากฏตัวขึ้นในประเทศเราแล้ว!”
“เป็นอัจฉริยะที่แตกต่างจากเฮ่าโดยสิ้นเชิง หมอนั่นเอาแต่คุกเข่ายอมแพ้กริด”
“เพิ่งจะลงแข่งครั้งแรกก็ทำให้กริดหวาดกลัวได้เชียวหรือ?”
“จางเฉินเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น แรงเกอร์อายุน้อยของประเทศเรากำลังซุ่มพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง พวกเขาเหล่านั้นจะยึดครองความยิ่งใหญ่ในอนาคตได้แน่!”
ชาวจีนบางส่วมักยกย่องประเทศตัวเองจนออกนอกหน้า ราวกับเป็นประเทศยิ่งใหญ่คับฟ้าอันดับหนึ่งของโลกก็มิปาน
หลายคนมอมเมาไปกับความคลั่งชาติจนฝันเห็นอนาคตแสนหวาน
ในสักวันหนึ่ง กลุ่มแรงเกอร์ชาวจีนจะปกครองโลกซาทิสฟายโดยสมบูรณ์ ไม่มีใครที่เคลือบแคลงสงสัยในข้อนี้
พลเมือง 1.5 พันล้านคนกำลังตื่นเต้นดีใจไปกับบรรยากาศอันดุเดือด
“ฉันเนี่ยนะกลัว?”
กริดเริ่มมอบความสิ้นหวังให้แก่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ทุกคน
“แกมันก็แค่มดปลวก…ฉันไม่จำเป็นต้องลงมือให้แปดเปื้อน”
ชายหนุ่มเริ่มชูดาบยาวสีแดงขึ้นเหนือศีรษะ
“อัญเชิญยารุกต์”
ซู่วว—!
ดาบยารุกต์ส่งเสียงคำรามพร้อมกับแผ่ประกายแสงสีแดงทับทิมออกไปทั่วสนามแข่ง
ฟุ่บ—!
ดาบยารุกต์บินลอยหลุดมือกริดขึ้นไปบนอากาศ แสงสีแดงสว่างสดใสเริ่มซีดและมืดลงอย่างรวดเร็ว
จากนั้น บนใบดาบยารุกต์ปรากฏอักขระโบราณสีทองอร่ามส่องสว่าง
‘อะไรกัน?’
ทั้งจางเฉินและผู้ชมต่างทึ่งกับภาพอันงดงามตรงหน้า
ซู่ววว—!
ดาบยารุกต์หยุดค้างกึ่งกลางอากาศ
ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเป็นเวลานาน
แสงสว่างเจิดจ้าเริ่มซาลงจนดำมืด บรรยากาศรอบข้างพลันเงียบสงัด
“…”
ทุกสิ่งหยุดนิ่งราวกับกาลเวลาถูกแช่แข็ง แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น
ชิ้ง—!
ความเงียบสงัดถูกทำลายลงเมื่อก้อนดวงวิญญาณสีแดงทับทิมลอยล่องออกจากใบดาบยารุกต์
สิ่งนี้คือดวงวิญญาณของ ‘ยารุกต์’
อสูรดาบยารุกต์
คู่ปรับตลอดกาลเพียงหนึ่งเดียวของจอมอสูรเซปาร์
นักดาบอันดับหนึ่งแห่งขุมนรก
นี่คือวินาทีที่ดวงวิญญาณของยารุกต์ซึ่งมีสมญานามเรียกขานติดตัวมากมาย ได้ปรากฏสู่สายตาผู้คนทั่วโลกเป็นครั้งแรก
“นั่นมันอะไรกัน…?”
จางเฉินก้าวถอยหลังพร้อมกับตั้งท่าป้องกัน สัญชาตญาณของมันร้องเตือนว่า ห้ามให้ดวงวิญญาณสีแดงนั่นเสร็จสิ้นกระบวนการเด็ดขาด
แต่กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป
ดวงวิญญาณยารุกต์ระเบิดออกกทุกทิศทางพร้อมกับให้กำเนิดร่างเนื้อ
ชายชราผมขาวกำลังคุกเข่าคำนับกริด
กึ่งกลางหน้าผากมีเขาแหลมยาวงอกเงย รอบเขาลุกท่วมด้วยเพลิงสีแดงทับทิมอันงดงามและอ่อนโยน
ดวงตาเฉียบแหลมคมกริบราวกับสามารถมองทะลุทุกสิ่ง นัยน์ตาดำลุ่มลึกประหนึ่งห้วงหุบเหวก้นมหาสมุทร
“อสูร…!”
ผู้เล่นอัญเชิญอสูรได้ยังไง?
แม้แต่จอมเวทมืดระดับสามยังทำเช่นนี้ไม่ได้ แล้วเหตุใดช่างตีเหล็กอย่างกริดถึงสามารถ?
จางเฉินพลันหน้าซีดเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ชายชราปริศนาที่ถูกอัญเชิญ เขากำลังสูดลมหายใจเข้าปอดหนึ่งฟอดใหญ่พร้อมกับแสดงสีหน้ามีความสุข
“สดชื่น…”
แม้ระดับพลังเวทอาจเทียบเท่าอสูรชั้นต่ำ แต่วิชาดาบอันลือเลื่องนั้นอยู่ระดับเดียวกับจอมอสูร
มาร์บาส หนึ่งในตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของขุมนรก เคยกล่าวยกย่องยารุกต์ไว้ว่า ‘เป็นผู้เดียวที่สามารถแปรเปลี่ยนขุมนรกได้’
ฟุ่บ!
ดาบยารุกต์ที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศ
บัดนี้พุ่งลงมาสู่มือเจ้าของที่แท้จริง
ยารุกต์เปิดฉากรุกหนักเข้าใส่จางเฉิน
“ชิ!”
[ จุดอ่อนวิชาดาบของท่านถูกเผย ]
[ อัตราหลบหลีกถูกมองข้าม
พลังป้องกันลดลง
ท่านจะถูกโจมตีเป็นคริติคอลเสมอ ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 12,150 หน่วย ]
“ค…แค่ก!”
เพียงดาบเดียว
จางเฉินสูญสิ้นพลังชีวิตหนึ่งส่วนห้าโดยมิอาจตั้งท่ารับทัน
อสูรตนนี้เป็นตัวอะไรกันแน่?
เมื่อมีสัตว์ประหลาดไม่คาดคิดถือกำเนิด จางเฉินได้แต่ยืนมึนงงด้วยใบหน้าขาวซีด
ผัวะ!
ยากเหลือเกินที่จะให้เชื่อว่า ชายชราผมขาวสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้รวดเร็วว่องไวเช่นนี้ ยารุกต์ฉวยโอกาสกระแทกจางเฉินจนเสียหลัก
ตุ้บ!
จางเฉินมิอาจสกัดการโจมตีได้ทันแม้จะมองเห็นเต็มสองตา มันจำต้องล้มลงอย่างไม่มีทางเลือก
“…”
ผู้ชมชาวจีนได้แต่ใบ้กินเมื่อเห็นจางเฉินถูกยำอยู่ฝ่ายเดียว
***
ชื่อ : ยารุกต์
อายุ : ??
เพศ : ชาย
เผ่าพันธุ์ : อสูรเขายาว
สมญานาม : นักดับอันดับหนึ่งแห่งขุมนรก
* เมื่อสวมใส่อาวุธประเภทดาบ พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
* การโจมตีใส่จุดอ่อนจะทำให้เกิดความเสียหายคริติคอล 100%
* อัตราการหลบหลีกของศัตรูลดลง 50%
พละกำลัง : 3,503
ความอดทน : 1,090
ความว่องไว : 3,201
สติปัญญา : 330
รายการทักษะ :
- ดวงตานักดาบ (S)
- จุดประสงเดียวของชีวิต (SS-)
- ร่ายรำวิชาดาบ (SS)
- หมุนตัวฟันกัมปนาท (SS)
- ดาบจันทร์ขุมนรก (SS)
- ดาบพิสุทธิ์ (SS+)
อสูรเขายาวถูกจัดให้เป็นเผ่าพันธุ์อสูรที่อ่อนแอ แต่จากการฝึกฝนวิชาดาบโดยไม่ย่อท้อตลอดทั้งชีวิต ในที่สุด เขากลายเป็นนักดาบอันดับหนึ่งแห่งขุมนรกได้สำเร็จ
ทว่า ยารุกต์กลับมิอาจเอาชนะขีดจำกัดทางสายเลือดได้ เขาต่อกรกับจอมอสูรเซปาร์และเสียชีวิตลงอย่างน่าอนาถ
หลังจากนั้น ดวงวิญญาณของยารุกต์ได้ถูกสาปและผนึกไว้กับดาบเล่มหนึ่ง
* หากเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่ง ยารุกต์จะได้ลิ้มรสการมีชีวิตอีกครั้ง
กระทำซ้ำจนกว่ายารุกต์จะได้รับพลังเดิมกลับคืนมา (1/10)
* ต้องเอาชนะเป้าหมายที่เป็น ‘ศัตรู’ เท่านั้น
* ยารุกต์ตระหนักถึงความสำคัญของมิตรภาพ เขาจะเพิ่มพูนความชื่นชอบที่มีต่อท่าน
คำอธิบายบ่งบอกชัดเจนว่า ยารุกต์ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดของตัวเอง
ทุกครั้งที่ดวลกับกริด เขาจะถูกอัดจนหมดสภาพราวกับลูกสุนัขอยู่ร่ำไป
แต่ในสายตาผู้ชม ยารุกต์คืออสูรที่เก่งฉกาจเหนือจินตนาการ
ระดับพลังชีวิตอาจไม่ต่างจากผู้เล่นมากนัก แต่พลังโจมตีและเอฟเฟคพิเศษกลับรุนแรงไม่แพ้กริด
จากบรรดาขุนพลโอเวอร์เกียร์ทั้งหมด มีผู้เล่นเพียงหยิบมือที่ครอบครองพลังโจมตีระดับใกล้เคียงกับยารุกต์
ผู้เล่นคลาสระดับสามอย่างจางเฉินจึงไม่มีควรถูกยารุกต์โจมตีด้วยประการทั้งปวง
เช่นนั้นแล้ว ฝีมือควบคุมระดับสุดยอดที่จางเฉินแสนภาคภูมิใจนั่นล่ะ?
เมื่ออยู่ต่อหน้ายารุกต์ สิ่งเหล่านั้นเป็นได้เพียงพรสวรรค์ไร้ประโยชน์
เช่นนั้นแล้ว สุดยอดไอเท็มที่จางเฉินให้แรงงานทาสรวบรวมมาล่ะ?
สำหรับยารุกต์ ไอเท็มกระจอกเหล่านี้ล้วนอยู่คนละชั้นเมื่อเทียบกับไอเท็มที่กริดเคยใช้กระทืบตนวันแล้ววันเล่า
“ว๊ากกก!”
จางเฉินส่งเสียงคำรามอย่างดุร้าย
มันถูกทำให้อับอายจนเริ่มคลุ้มคลั่ง
จางเฉินโกรธจัดเลือดขึ้นหน้า มันชักดาบเล่มหนึ่งที่มีคุณสมบัติ ‘สร้างความเสียหายพิเศษต่อเผ่าอสูร’ ออกมาถือ
จากนั้นก็ลงมือฟานฟันสวนกลับด้วยสีหน้าสุดแสนมั่นใจ
แต่น่าเสียดายที่การกระทำเหล่านี้ล้วนสูญเปล่า ยารุกต์อ่านทางดาบได้ทะลุปรุโปร่ง เขาใช้ดาบของตนปัดป้องไว้ง่ายดาย
เคร้ง!
จางเฉินหันไปจ้องมองกริดที่กำลังยืนกอดอกด้วยสายตาอาฆาตแค้น
“ไอ้พังจือระยำ! แกมันขี้ขลาด! ไม่กล้าดวลกับฉันซึ่งหน้าใช่ไหม? ถึงได้ส่งไอ้ปีศาจนี่ออกมารับหน้าแทน!”
โดยทั่วไป สัตว์เลี้ยงมักมีจุดอ่อนอยู่หลายด้าน ทั้งค่าสถานะที่ต่ำ แถมยังไม่สามารถอัพเลเวลให้สูงกว่าผู้เป็นนายได้
ทว่า อสูรตนนี้กลับโจมตีใส่ตนได้รุนแรงเกินกว่า 10,000 หน่วย รุนแรงยิ่งกว่าพลังโจมตีของกริดที่จางเฉินเคยจินตนาการไว้
มันจึงมั่นใจ กริดจะต้องทำพันธสัญญากับอสูรด้วยภารกิจพิเศษแน่นอน
หรือก็คือ นี่เป็นไพ่ตายที่กริดเก็บไว้ใช้ในยามจนตรอก
จางเฉินไม่มีทางทราบเลยว่า นี่เป็นเพียงทักษะอัญเชิญธรรมดา มิใช่พันธสัญญาบ้าบอคอแตกใดทั้งสิ้น
เมื่อกริดเห็นกล้องจำนวนมากกำลังรอคำตอบจากตน เขาจึงเอ่ยปากตอบโต้จางเฉิน
“ปีศาจอะไรกัน? หมอนี่ก็แค่สัตว์เลี้ยงของฉัน”
“เหลวไหล!!”
จางเฉินพุ่งโจมตีใส่กริดอย่างบ้าคลั่ง
[ เกราะราชาทมิฬ ]
เกรด : เลเจนดารี
ความคงทน : 299/299
พลังป้องกัน : 669
* โอกาสปัดป้องการโจมตี 7%
* หากอยู่ในที่มืด เพิ่มคุณสมบัติทักษะพรางตัว 30%
* หากอยู่ในที่มืด เพิ่มพลังป้องกัน 20%
* หากอยู่ในที่มืด เพิ่มค่าความว่องไว +50
* เมื่อได้รับความเสียหายสะสมครบ 30,000 หน่วย จะทำการสะท้อนกลับผู้โจมตีด้วยความเสียหายจำนวน 3 เท่า
* ทุกครั้งที่สะท้อน ค่าความคงทนของชุดเกราะจะลดลง 50 หน่วย
* จะไม่สะท้อนหากได้รับความเสียหายเกินกว่า 30,000 หน่วยในคราวเดียว
จางเฉินมีแผนจะเอาชนะกริดและอสุรลึกลับด้วยสุดยอดชุดเกราะเกรดเลเจนดารีที่มันแสนภาคภูมิใจ
ในทางทฤษฏี สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้
เกราะราชาทมิฬสามารถสะท้อนความเสียหาย 90,000 หน่วย ไม่มีทางที่ผู้เล่นคนใดจะทนรับการโจมตีรุนแรงขนาดนี้ไหว
แม้แต่ตัวแท้งอย่างบูบัตยังเข้าสู่สภาพปางตายในพริบตา
ทว่า…
ผัวะ! ผัวะ!
[ ท่านตกอยู่ในอาการชะงัก ]
[ ท่านตกอยู่ในอาการชะงัก ]
[ ท่านตกอยู่ในอาการ… ]
“อั่ก! แอ่ก! แค่ก!”
มันไม่สามารถเข้าใกล้กริดได้เลย
ในวินาทีที่ถูกมโยลเนียร์ทุบหัวครั้งแรก จางเฉินก็เข้าสู่วังวนชะงักถาวรเรียบร้อย
มันที่ถูกค้อนกระหน่ำทุบอย่างต่อเนื่องจึงทำได้เพียงส่งเสียงร้องโอดครวญ
ค้อนจากสี่ทิศทางได้สร้างความเจ็บปวดจนมันหันหน้าซ้ายทีขวาที นับเป็นการเต้นแร้งเต้นกาที่ไม่น่าชมสักเท่าไร
กริดฉีกยิ้มเมื่อวังวนชะงักถาวรสุดโกงถูกนำมาใช้กับการต่อสู้จริงระหว่างผู้เล่น
“ฉันบอกแกแล้ว…อาวุธแสนกระจอกเหล่านั้น แกไม่มีทางได้ใช้มันต่อหน้าฉัน”
เดิมที กริดเคยเป็นนักกีฬาที่มีนิสัยมุทะลุและปากเสียมาก่อน
ในอดีต เขาพูดจาโผงผางและสบถอย่างไม่ยั้งคิดอยู่หลายหน
หากกริดปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงเสียตรงนี้ เกรงว่าจางเฉินจะกลายเป็นผู้ดีไปในพริบตา
“ไอ้บัดซบ! แกใช้ลูกไม้อะไร? อั่ก! แอ่ก! อ่อก!”
จางเฉินจ้องกริดเขม็งปานจะกินเลือดเนื้อ แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้
หลอดพลังชีวิตของจางเฉินลดลงทีละนิดอย่างเชื่องช้า
ค้อนมโยลเนียร์แต่ละอันสร้างความเสียหายได้เพียงหลักร้อยเท่านั้น เหตุเพราะอุปกรณ์สวมใส่แต่ละชิ้นของจางเฉินอยู่ในระดับไม่ธรรมดา
กาลเวลาเลือนผ่านอย่างทุกข์ทรมาณ
ผู้ชมชาวจีนกว่า 1.5 พันล้านทั่วโลกต้องใบ้กินกันถ้วนหน้า
บนโลกนี้มีภาษาถิ่นอยู่มากมาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาติแผ่นดินใหญ่อย่างประเทศจีน ว่ากันว่ามีภาษาถิ่นมากมายหลายร้อยชนิด
“เปิดระบบภาษากลาง”
ทันทีที่ล็อกอินเข้าซาทิสฟาย กริดตัดสินใจปิดระบบแยกแยะภาษาถิ่น หันมาใช้ภาษาหลักสากลของซาทิสฟายแทน
เหตุผลคือ เขาได้ยินจางเฉินพูดสำเนียงเหยียนเปียนซึ่งถูกเครื่องแปลภาษาแปลงออกมาเป็นถ้อยคำเกาหลี
“ฉันเกลียดพวกเหยียนเปียน”
“อะไรนะ?”
กำแพงปราสาทไลอ้อนที่เก่าโทรมกำลังถูกสายลมแห้งแล้งพัดผ่านเป็นระยะ
จางเฉินปรากฏตัวขึ้นในเกมพร้อมกับตะโกนอย่างฉุนเฉียว
“กริด…ฉันไม่ปล่อยให้แกตายดีแน่!”
ผ่านมาแล้วสองปีกับอีกสามเดือนนับตั้งแต่จางเฉินเริ่มเล่นซาทิสฟาย
มันภาคภูมิใจในเครือข่ายข้อมูลมหาศาลของตนอย่างมาก สิ่งนี้ช่วยทำให้เลเวลของมันไล่ตามทันเหล่าแรงเกอร์รุ่นเก่าได้ไม่ยาก
จางเฉินเป็นสิบรุคกี้รุ่นที่สาม แต่มันสามารถอัพเลเวลแซงสิบรุคกี้รุ่นที่สองได้อย่างง่ายดาย
กริด? ครอเกล?
มันไม่เคยเชื่อ ว่าคนเหล่านี้จะแข็งแกร่งสมคำร่ำลือจริง
“สิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจนคือ ผู้เล่นเก่าที่ฉันได้เผชิญหน้าในงานแข่งนานาชาติปีนี้ พวกมันทุกคนล้วนกระจอกและฝีมืออ่อนหัด การที่แกเป็นราชาของพวกมันได้ ไม่ได้แปลว่าแกแข็งแกร่งเลยสักนิด”
สภาพสังคมของซาทิสฟายในยุคปัจจุบันเปรียบเสมือนผืนป่าที่ไร้ราชสีห์
เหล่าราชสีห์หายหัวไปไหนกันหมด?
ไม่มีใครทราบคำตอบของคำถามนี้
แต่ที่แน่ชัดก็คือ เหล่าหมาป่าและจิ้งจอกกำลังเริงร่าสุดขีด พวกมันออกมาผงาดพร้อมกับทำตัวอวดเบ่งไปทั่วป่า
จางเฉินเชื่อมั่นว่า ด้วยพรสวรรค์ตน มันสามารถขึ้นเป็นราชสีห์แทนเจ้าป่าชุดเดิมได้ไม่ยาก
“ฉันจะปกครองผืนป่านี้เอง”
มันจะคว้าแชมป์ PVP
จางเฉินไม่เคยเคลือบแคลงสงสัย
ความมั่นใจอันล้นปรี่เกิดจากความเร็วในการเก็บเลเวล ที่สามารถแซงสิบรุคกี้ทุกรุ่นขึ้นมาทัดเทียมกับแรงเกอร์ชุดแรกได้ในระยะเวลาอันสั้น
มันมั่นใจว่าตัวเองเจ๋งกว่ากริด
“จะเอาอันไหนเชือดแกดีนะ?”
จางเฉินแสยะยิ้มชั่วพร้อมกับอวดโอ่แปดศาสตราที่มันแสนภาคภูมิใจทีละชิ้น
อาวุธเหล่านี้ล้วนเป็นสุดยอดศาสตราที่ใช้งานโดยแรงเกอร์แถวหน้าของโลกในแต่ละสาขา
สีสันและออร่าที่งดงามย่อมหมายถึงระดับการเสริมแกร่งที่สูงส่ง
“โอ้ว…!”
ผู้ชมส่งเสียงฮือฮาทุกครั้งเมื่อได้เห็นจางเฉินสลับอาวุธแต่ละชนิดออกมากวัดแกว่ง
“มีอาวุธเยอะแยะก็เท่านั้น อีกเดี๋ยวแกจะไม่มีสิทธิ์ใช้งานพวกมัน”
กริดประกาศกร้าวพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง
ถ้อยคำดังกล่าวยั่วยุจางเฉินได้อย่างดี
“ก็แค่ราชาของพวกสุนัขโง่เขลา! กล้าดียังไงถึงอวดเบ่งท้าทายราชสีห์อย่างฉัน? เดี๋ยวจะแสดงให้แกเห็นเอง…ว่าโลกที่แกเคยปกครองมันกระจอกแค่ไหน!”
จางเฉินตะเบ็งเสียงด้วยใบหน้าแดงก่ำ
มันคำรามกึกก้องราวกับอสูรคลั่ง
ขวานยักษ์ในมือกวัดแกว่งโจมตีใส่กริด
ชายหนุ่มยิ้มจืดชีดอย่างผิดหวัง
‘นี่น่ะหรืออันดับหนึ่งของรุ่นใหม่…’
กริดเป็นกษัตริย์ของอาณาจักร
เขาย่อมครอบครองข้อมูลที่ผู้เล่นทั่วไปเข้าไม่ถึง กริดทราบถึงตัวตนของจางเฉินเป็นอย่างดี
เด็กอัจฉริยะที่มีพัฒนาการก้าวกระโดดอย่างน่าทึ่ง ถึงขั้นแซงหน้าสิบรุคกี้รุ่นเก่าได้ในระยะเวลาอันสั้น
‘เคยคิดว่าจะเก่งกว่านี้…’
แต่ในความเป็นจริง จางเฉินเป็นเพียงก้อนเนื้อแห่งความโอหัง
เมื่อได้ยินมันหมิ่นเกียรติของแรงเกอร์รุ่นแรก กริดมีหน้าที่ต้องสำแดงพลังเพื่อให้เด็กโลกแคบคนนี้ได้ประจักษ์
กริดไม่ต้องการให้พวกพ้องที่เริ่มเติบโตมาด้วยกันต้องถูกเด็กอมมือดูแคลน
บุคคลที่พยายามอย่างหนัก ไม่มีใครสมควรถูกเหยียดเย้ยหยัน
ซู่ว—!
ฝ่ามือสีทองจำนวนสี่ข้างปรากฏขึ้นเบื้องหลังกริด
พวกมันกำลังถือมโยลเนียร์ ไอเท็มที่สามารถสร้างอาการผิดปรกติต่อเนื่องจนเกินคำว่าสมดุลไปไกล
จางเฉินพลันแววตาเป็นประกายเมื่อได้เห็นหัตถ์เทวะอันโด่งดัง
“คุคุคุ!! คุฮ่าฮ่า!! ต้องอย่างนั้น!! แกกำลังกลัวฉันอยู่สินะ! ถึงได้เอาจริงตั้งแต่เริ่ม!”
ในอดีต กริดมักไม่ค่อยนำหัตถ์เทวะออกมาใช้ในการแข่ง PVP มากนัก
นอกจากการดวลกับครอเกลในนัดชิงชนะเลิศของปีที่แล้ว ไม่มีครั้งใดเลยที่กริดอัญเชิญหัตถ์เทวะออกตั้งแต่ต้น
จางเฉินกำลังทระนงตนว่ากริดหวาดกลัวมัน กริดต้องประเมินมันให้อยู่ระดับเดียวกับครอเกลแน่!
ผู้ชมต่างพากันตื่นเต้นกับภาพที่เห็น
“กริดรีบใช้หัตถ์เทวะขนาดนี้เชียว?”
“จางเฉินคงเก่งมาก…”
“สมกับเป็นอันดับหนึ่งของสิบรุคกี้รุ่นที่สาม!”
ในรอบแรก จางเฉินสามารถเอาชนะบูบัต หนึ่งในตัวตนอันโด่งดังของผู้เล่นยุคแรก ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
เมื่อเห็นกริดเอาจริงตั้งแต่เริ่มในการเผชิญหน้ากับรุคกี้ปีศาจ ผู้คนจึ่งยกย่องในตัวจากเฉินมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบรรยากาศภายในประเทศจีน
“ดาราดังของโลกปรากฏตัวขึ้นในประเทศเราแล้ว!”
“เป็นอัจฉริยะที่แตกต่างจากเฮ่าโดยสิ้นเชิง หมอนั่นเอาแต่คุกเข่ายอมแพ้กริด”
“เพิ่งจะลงแข่งครั้งแรกก็ทำให้กริดหวาดกลัวได้เชียวหรือ?”
“จางเฉินเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น แรงเกอร์อายุน้อยของประเทศเรากำลังซุ่มพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง พวกเขาเหล่านั้นจะยึดครองความยิ่งใหญ่ในอนาคตได้แน่!”
ชาวจีนบางส่วมักยกย่องประเทศตัวเองจนออกนอกหน้า ราวกับเป็นประเทศยิ่งใหญ่คับฟ้าอันดับหนึ่งของโลกก็มิปาน
หลายคนมอมเมาไปกับความคลั่งชาติจนฝันเห็นอนาคตแสนหวาน
ในสักวันหนึ่ง กลุ่มแรงเกอร์ชาวจีนจะปกครองโลกซาทิสฟายโดยสมบูรณ์ ไม่มีใครที่เคลือบแคลงสงสัยในข้อนี้
พลเมือง 1.5 พันล้านคนกำลังตื่นเต้นดีใจไปกับบรรยากาศอันดุเดือด
“ฉันเนี่ยนะกลัว?”
กริดเริ่มมอบความสิ้นหวังให้แก่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ทุกคน
“แกมันก็แค่มดปลวก…ฉันไม่จำเป็นต้องลงมือให้แปดเปื้อน”
ชายหนุ่มเริ่มชูดาบยาวสีแดงขึ้นเหนือศีรษะ
“อัญเชิญยารุกต์”
ซู่วว—!
ดาบยารุกต์ส่งเสียงคำรามพร้อมกับแผ่ประกายแสงสีแดงทับทิมออกไปทั่วสนามแข่ง
ฟุ่บ—!
ดาบยารุกต์บินลอยหลุดมือกริดขึ้นไปบนอากาศ แสงสีแดงสว่างสดใสเริ่มซีดและมืดลงอย่างรวดเร็ว
จากนั้น บนใบดาบยารุกต์ปรากฏอักขระโบราณสีทองอร่ามส่องสว่าง
‘อะไรกัน?’
ทั้งจางเฉินและผู้ชมต่างทึ่งกับภาพอันงดงามตรงหน้า
ซู่ววว—!
ดาบยารุกต์หยุดค้างกึ่งกลางอากาศ
ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเป็นเวลานาน
แสงสว่างเจิดจ้าเริ่มซาลงจนดำมืด บรรยากาศรอบข้างพลันเงียบสงัด
“…”
ทุกสิ่งหยุดนิ่งราวกับกาลเวลาถูกแช่แข็ง แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น
ชิ้ง—!
ความเงียบสงัดถูกทำลายลงเมื่อก้อนดวงวิญญาณสีแดงทับทิมลอยล่องออกจากใบดาบยารุกต์
สิ่งนี้คือดวงวิญญาณของ ‘ยารุกต์’
อสูรดาบยารุกต์
คู่ปรับตลอดกาลเพียงหนึ่งเดียวของจอมอสูรเซปาร์
นักดาบอันดับหนึ่งแห่งขุมนรก
นี่คือวินาทีที่ดวงวิญญาณของยารุกต์ซึ่งมีสมญานามเรียกขานติดตัวมากมาย ได้ปรากฏสู่สายตาผู้คนทั่วโลกเป็นครั้งแรก
“นั่นมันอะไรกัน…?”
จางเฉินก้าวถอยหลังพร้อมกับตั้งท่าป้องกัน สัญชาตญาณของมันร้องเตือนว่า ห้ามให้ดวงวิญญาณสีแดงนั่นเสร็จสิ้นกระบวนการเด็ดขาด
แต่กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป
ดวงวิญญาณยารุกต์ระเบิดออกกทุกทิศทางพร้อมกับให้กำเนิดร่างเนื้อ
ชายชราผมขาวกำลังคุกเข่าคำนับกริด
กึ่งกลางหน้าผากมีเขาแหลมยาวงอกเงย รอบเขาลุกท่วมด้วยเพลิงสีแดงทับทิมอันงดงามและอ่อนโยน
ดวงตาเฉียบแหลมคมกริบราวกับสามารถมองทะลุทุกสิ่ง นัยน์ตาดำลุ่มลึกประหนึ่งห้วงหุบเหวก้นมหาสมุทร
“อสูร…!”
ผู้เล่นอัญเชิญอสูรได้ยังไง?
แม้แต่จอมเวทมืดระดับสามยังทำเช่นนี้ไม่ได้ แล้วเหตุใดช่างตีเหล็กอย่างกริดถึงสามารถ?
จางเฉินพลันหน้าซีดเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ชายชราปริศนาที่ถูกอัญเชิญ เขากำลังสูดลมหายใจเข้าปอดหนึ่งฟอดใหญ่พร้อมกับแสดงสีหน้ามีความสุข
“สดชื่น…”
แม้ระดับพลังเวทอาจเทียบเท่าอสูรชั้นต่ำ แต่วิชาดาบอันลือเลื่องนั้นอยู่ระดับเดียวกับจอมอสูร
มาร์บาส หนึ่งในตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของขุมนรก เคยกล่าวยกย่องยารุกต์ไว้ว่า ‘เป็นผู้เดียวที่สามารถแปรเปลี่ยนขุมนรกได้’
ฟุ่บ!
ดาบยารุกต์ที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศ
บัดนี้พุ่งลงมาสู่มือเจ้าของที่แท้จริง
ยารุกต์เปิดฉากรุกหนักเข้าใส่จางเฉิน
“ชิ!”
[ จุดอ่อนวิชาดาบของท่านถูกเผย ]
[ อัตราหลบหลีกถูกมองข้าม
พลังป้องกันลดลง
ท่านจะถูกโจมตีเป็นคริติคอลเสมอ ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 12,150 หน่วย ]
“ค…แค่ก!”
เพียงดาบเดียว
จางเฉินสูญสิ้นพลังชีวิตหนึ่งส่วนห้าโดยมิอาจตั้งท่ารับทัน
อสูรตนนี้เป็นตัวอะไรกันแน่?
เมื่อมีสัตว์ประหลาดไม่คาดคิดถือกำเนิด จางเฉินได้แต่ยืนมึนงงด้วยใบหน้าขาวซีด
ผัวะ!
ยากเหลือเกินที่จะให้เชื่อว่า ชายชราผมขาวสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้รวดเร็วว่องไวเช่นนี้ ยารุกต์ฉวยโอกาสกระแทกจางเฉินจนเสียหลัก
ตุ้บ!
จางเฉินมิอาจสกัดการโจมตีได้ทันแม้จะมองเห็นเต็มสองตา มันจำต้องล้มลงอย่างไม่มีทางเลือก
“…”
ผู้ชมชาวจีนได้แต่ใบ้กินเมื่อเห็นจางเฉินถูกยำอยู่ฝ่ายเดียว
***
ชื่อ : ยารุกต์
อายุ : ??
เพศ : ชาย
เผ่าพันธุ์ : อสูรเขายาว
สมญานาม : นักดับอันดับหนึ่งแห่งขุมนรก
* เมื่อสวมใส่อาวุธประเภทดาบ พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
* การโจมตีใส่จุดอ่อนจะทำให้เกิดความเสียหายคริติคอล 100%
* อัตราการหลบหลีกของศัตรูลดลง 50%
พละกำลัง : 3,503
ความอดทน : 1,090
ความว่องไว : 3,201
สติปัญญา : 330
รายการทักษะ :
- ดวงตานักดาบ (S)
- จุดประสงเดียวของชีวิต (SS-)
- ร่ายรำวิชาดาบ (SS)
- หมุนตัวฟันกัมปนาท (SS)
- ดาบจันทร์ขุมนรก (SS)
- ดาบพิสุทธิ์ (SS+)
อสูรเขายาวถูกจัดให้เป็นเผ่าพันธุ์อสูรที่อ่อนแอ แต่จากการฝึกฝนวิชาดาบโดยไม่ย่อท้อตลอดทั้งชีวิต ในที่สุด เขากลายเป็นนักดาบอันดับหนึ่งแห่งขุมนรกได้สำเร็จ
ทว่า ยารุกต์กลับมิอาจเอาชนะขีดจำกัดทางสายเลือดได้ เขาต่อกรกับจอมอสูรเซปาร์และเสียชีวิตลงอย่างน่าอนาถ
หลังจากนั้น ดวงวิญญาณของยารุกต์ได้ถูกสาปและผนึกไว้กับดาบเล่มหนึ่ง
* หากเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่ง ยารุกต์จะได้ลิ้มรสการมีชีวิตอีกครั้ง
กระทำซ้ำจนกว่ายารุกต์จะได้รับพลังเดิมกลับคืนมา (1/10)
* ต้องเอาชนะเป้าหมายที่เป็น ‘ศัตรู’ เท่านั้น
* ยารุกต์ตระหนักถึงความสำคัญของมิตรภาพ เขาจะเพิ่มพูนความชื่นชอบที่มีต่อท่าน
คำอธิบายบ่งบอกชัดเจนว่า ยารุกต์ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดของตัวเอง
ทุกครั้งที่ดวลกับกริด เขาจะถูกอัดจนหมดสภาพราวกับลูกสุนัขอยู่ร่ำไป
แต่ในสายตาผู้ชม ยารุกต์คืออสูรที่เก่งฉกาจเหนือจินตนาการ
ระดับพลังชีวิตอาจไม่ต่างจากผู้เล่นมากนัก แต่พลังโจมตีและเอฟเฟคพิเศษกลับรุนแรงไม่แพ้กริด
จากบรรดาขุนพลโอเวอร์เกียร์ทั้งหมด มีผู้เล่นเพียงหยิบมือที่ครอบครองพลังโจมตีระดับใกล้เคียงกับยารุกต์
ผู้เล่นคลาสระดับสามอย่างจางเฉินจึงไม่มีควรถูกยารุกต์โจมตีด้วยประการทั้งปวง
เช่นนั้นแล้ว ฝีมือควบคุมระดับสุดยอดที่จางเฉินแสนภาคภูมิใจนั่นล่ะ?
เมื่ออยู่ต่อหน้ายารุกต์ สิ่งเหล่านั้นเป็นได้เพียงพรสวรรค์ไร้ประโยชน์
เช่นนั้นแล้ว สุดยอดไอเท็มที่จางเฉินให้แรงงานทาสรวบรวมมาล่ะ?
สำหรับยารุกต์ ไอเท็มกระจอกเหล่านี้ล้วนอยู่คนละชั้นเมื่อเทียบกับไอเท็มที่กริดเคยใช้กระทืบตนวันแล้ววันเล่า
“ว๊ากกก!”
จางเฉินส่งเสียงคำรามอย่างดุร้าย
มันถูกทำให้อับอายจนเริ่มคลุ้มคลั่ง
จางเฉินโกรธจัดเลือดขึ้นหน้า มันชักดาบเล่มหนึ่งที่มีคุณสมบัติ ‘สร้างความเสียหายพิเศษต่อเผ่าอสูร’ ออกมาถือ
จากนั้นก็ลงมือฟานฟันสวนกลับด้วยสีหน้าสุดแสนมั่นใจ
แต่น่าเสียดายที่การกระทำเหล่านี้ล้วนสูญเปล่า ยารุกต์อ่านทางดาบได้ทะลุปรุโปร่ง เขาใช้ดาบของตนปัดป้องไว้ง่ายดาย
เคร้ง!
จางเฉินหันไปจ้องมองกริดที่กำลังยืนกอดอกด้วยสายตาอาฆาตแค้น
“ไอ้พังจือระยำ! แกมันขี้ขลาด! ไม่กล้าดวลกับฉันซึ่งหน้าใช่ไหม? ถึงได้ส่งไอ้ปีศาจนี่ออกมารับหน้าแทน!”
โดยทั่วไป สัตว์เลี้ยงมักมีจุดอ่อนอยู่หลายด้าน ทั้งค่าสถานะที่ต่ำ แถมยังไม่สามารถอัพเลเวลให้สูงกว่าผู้เป็นนายได้
ทว่า อสูรตนนี้กลับโจมตีใส่ตนได้รุนแรงเกินกว่า 10,000 หน่วย รุนแรงยิ่งกว่าพลังโจมตีของกริดที่จางเฉินเคยจินตนาการไว้
มันจึงมั่นใจ กริดจะต้องทำพันธสัญญากับอสูรด้วยภารกิจพิเศษแน่นอน
หรือก็คือ นี่เป็นไพ่ตายที่กริดเก็บไว้ใช้ในยามจนตรอก
จางเฉินไม่มีทางทราบเลยว่า นี่เป็นเพียงทักษะอัญเชิญธรรมดา มิใช่พันธสัญญาบ้าบอคอแตกใดทั้งสิ้น
เมื่อกริดเห็นกล้องจำนวนมากกำลังรอคำตอบจากตน เขาจึงเอ่ยปากตอบโต้จางเฉิน
“ปีศาจอะไรกัน? หมอนี่ก็แค่สัตว์เลี้ยงของฉัน”
“เหลวไหล!!”
จางเฉินพุ่งโจมตีใส่กริดอย่างบ้าคลั่ง
[ เกราะราชาทมิฬ ]
เกรด : เลเจนดารี
ความคงทน : 299/299
พลังป้องกัน : 669
* โอกาสปัดป้องการโจมตี 7%
* หากอยู่ในที่มืด เพิ่มคุณสมบัติทักษะพรางตัว 30%
* หากอยู่ในที่มืด เพิ่มพลังป้องกัน 20%
* หากอยู่ในที่มืด เพิ่มค่าความว่องไว +50
* เมื่อได้รับความเสียหายสะสมครบ 30,000 หน่วย จะทำการสะท้อนกลับผู้โจมตีด้วยความเสียหายจำนวน 3 เท่า
* ทุกครั้งที่สะท้อน ค่าความคงทนของชุดเกราะจะลดลง 50 หน่วย
* จะไม่สะท้อนหากได้รับความเสียหายเกินกว่า 30,000 หน่วยในคราวเดียว
จางเฉินมีแผนจะเอาชนะกริดและอสุรลึกลับด้วยสุดยอดชุดเกราะเกรดเลเจนดารีที่มันแสนภาคภูมิใจ
ในทางทฤษฏี สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้
เกราะราชาทมิฬสามารถสะท้อนความเสียหาย 90,000 หน่วย ไม่มีทางที่ผู้เล่นคนใดจะทนรับการโจมตีรุนแรงขนาดนี้ไหว
แม้แต่ตัวแท้งอย่างบูบัตยังเข้าสู่สภาพปางตายในพริบตา
ทว่า…
ผัวะ! ผัวะ!
[ ท่านตกอยู่ในอาการชะงัก ]
[ ท่านตกอยู่ในอาการชะงัก ]
[ ท่านตกอยู่ในอาการ… ]
“อั่ก! แอ่ก! แค่ก!”
มันไม่สามารถเข้าใกล้กริดได้เลย
ในวินาทีที่ถูกมโยลเนียร์ทุบหัวครั้งแรก จางเฉินก็เข้าสู่วังวนชะงักถาวรเรียบร้อย
มันที่ถูกค้อนกระหน่ำทุบอย่างต่อเนื่องจึงทำได้เพียงส่งเสียงร้องโอดครวญ
ค้อนจากสี่ทิศทางได้สร้างความเจ็บปวดจนมันหันหน้าซ้ายทีขวาที นับเป็นการเต้นแร้งเต้นกาที่ไม่น่าชมสักเท่าไร
กริดฉีกยิ้มเมื่อวังวนชะงักถาวรสุดโกงถูกนำมาใช้กับการต่อสู้จริงระหว่างผู้เล่น
“ฉันบอกแกแล้ว…อาวุธแสนกระจอกเหล่านั้น แกไม่มีทางได้ใช้มันต่อหน้าฉัน”
เดิมที กริดเคยเป็นนักกีฬาที่มีนิสัยมุทะลุและปากเสียมาก่อน
ในอดีต เขาพูดจาโผงผางและสบถอย่างไม่ยั้งคิดอยู่หลายหน
หากกริดปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงเสียตรงนี้ เกรงว่าจางเฉินจะกลายเป็นผู้ดีไปในพริบตา
“ไอ้บัดซบ! แกใช้ลูกไม้อะไร? อั่ก! แอ่ก! อ่อก!”
จางเฉินจ้องกริดเขม็งปานจะกินเลือดเนื้อ แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้
หลอดพลังชีวิตของจางเฉินลดลงทีละนิดอย่างเชื่องช้า
ค้อนมโยลเนียร์แต่ละอันสร้างความเสียหายได้เพียงหลักร้อยเท่านั้น เหตุเพราะอุปกรณ์สวมใส่แต่ละชิ้นของจางเฉินอยู่ในระดับไม่ธรรมดา
กาลเวลาเลือนผ่านอย่างทุกข์ทรมาณ
ผู้ชมชาวจีนกว่า 1.5 พันล้านทั่วโลกต้องใบ้กินกันถ้วนหน้า
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,200
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
สมน้ำหน้า ทะนงตนหนัก ต้องเจอแบบนี้แหละถึงจะสมน้ำสมเนื้อ และให้มันได้อับอายสะบ้าง สมควรแล้ว
ReplyDeleteนิยายลิขสิทธิ์
Deleteตุบตั้บๆเจอสตั้นยั่งฮา
ReplyDeleteนิยายลิขสิทธิ์
Deleteสะใจจริง 😁
ReplyDeleteนิยายลิขสิทธิ์
Deleteนิยายเถื่อน
ReplyDeleteไม่ต้องกังวนเพราะเอาจริงๆแล้วคนที่ตะมาเม้นตรงนี้ได้ก็คือต้องอ่านมานานแล้วถึงได้มาพิมพ์อะไรแบบนี้ได้เพราะงั้นนายก็เข้าข่ายอ่าเถื่อนเหมือนกัน
Deleteเดี๋ยวทุกคนจะได้เจอไอเหี้ยนี่บ่อยมากในช่องคอมเม้น
Delete