จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 764
1.6 วินาที
นี่คือระยะเวลาที่ทาร์ม่าประชิดตัวกริดด้วย ‘เคลื่อนเงา’
ทาร์ม่าเปิดฉากโจมตีด้วยมีดสั้น มันแทงเฉือนใส่หัวไหล่กริดเป็นการหยั่งเชิง
จากนั้น กริดฟันสวนกลับสามครั้งซ้อน
เหตุการณ์ในช่วงนี้ได้ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 0.5 วินาที
ถูกต้อง ระยะเวลารวมการต่อสู้ทั้งหมดคือ 2.1 วินาที ทำลายสถิติ 3 วินาทีในปีที่แล้วอย่างราบคาบ
“…”
โตเกียวโดมพลันตกอยู่ในบรรยากาศเงียบงัน
ตุ้บ
ผู้ชมเกาหลีใต้ทางบ้านบางคนถึงกับทำชามจกบัลหล่นใส่พื้น
ปัจจุบัน อาหารหลักของพวกเขากลายเป็นจกบัลเผ็ดแทนไก่ทอดในปีก่อน
ผู้ชมรอบอัฒจันทร์รวมถึงผู้บรรยายการแข่งต่างทำได้เพียงอ้าปากค้าง
『 ทักษะ…ผู้เล่นกริดมีทักษะใหม่ที่ทรงพลังมากครับ!! 』
『 ช…ใช่ครับ! ต้องใช่แน่!! 』
เดิมที การโจมตีของกริดจะต้องมีท่วงท่ารำดาบเป็นสิ่งบอกเหตุ
ในบางครั้ง กริดสามารถใช้การรำเพื่อหลบหลีกและสร้างความได้เปรียบ
แต่ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ การรำดาบจะเป็นข้อเสียที่คอยฉุดรั้งกริดไว้
สิ่งนี้คือจุดอ่อนซึ่งสมควรมีเพื่อรักษาสมดุลของคลาสสายผลิต
การรำดาบถือเป็นจุดบอดใหญ่หลวงของกริดมาแสนนาน
แต่ในการแข่งเมื่อครู่ กริดกลับกลบจุดบอดดังกล่าวได้อย่างน่าทึ่ง
『 นักกีฬากริดคือวีรบุรุษผู้ชำระล้างหมู่เกาะเบเฮ็น บางทีเขาอาจได้รับทักษะใหม่จากหมู่เกาะเบเฮ็นก็เป็นได้ครับ 』
『 กริดกลายเป็นตัวตนสมบูรณ์แบบไปแล้ว… 』
คงไม่มีใครคาดคิดแน่ ว่าสิ่งที่ส่งทาร์ม่าไปสู่ความตายคือ ‘การโจมตีธรรมดา’
ไม่มีมีกล้าจินตนาการไปถึงขั้นนั้น
ผู้คนมักถูกจำกัดความคิดไว้เพียงในกรอบที่ตนเคยสัมผัสหรือรู้จัก
พิธีกรและผู้เชี่ยวชาญต่างมั่นใจว่า
นั่นต้องเป็นทักษะใหม่ของกริดแน่นอน
ผู้ชมทางบ้านที่ได้เห็นภาพช้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่างก็มีความคิดไปในทิศทางเดียวกัน
『 เวทมนตร์เพลิงที่ทรงพลังและมีระยะโจมตีกว้าง แม้กระทั่งนักลอบสังหารความเร็วสูงก็ยังหลบไม่พ้น…หรือว่า! หรือจะเป็นเพลิงมังกรทมิฬกันครับ? 』
『 เพลิงมังกรทมิฬ? คุณหมายถึงสิ่งที่นักกีฬาลอเอลชอบพูดถึงบ่อยครั้งใช่ไหม? 』
『 ถูกต้องครับ! ลอเอลเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายครั้งว่า แขนขวาของตนมีเพลิงมังกรทมิฬถูกผนึกไว้ บางทีกริดอาจเป็นผู้ทำลายผนึกของมันสำเร็จ 』
『 ผมคิดว่าอาจเป็นโบนัสจากภารกิจมากกว่าครับ หากเป็นเช่นนั้นจริง เรื่องราวมันคงจะพิสดารเกินไป 』
นี่คือทฤษฏีเดียวที่สามารถอธิบายความสามารถใหม่สุดโกงของกริดได้
แม้จะฟังดูบ้าบอคอแตกมากเพียงใด แต่ก็ไม่มีสมมติฐานใดสมเหตุสมผลกว่านี้
กระนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นเพลิงมังกรทมิฬหรือไม่ แต่ความจริงที่กริดได้ครอบครองสุดยอดทักษะใหม่ก็ไม่เปลี่ยนไป
ส่งผลให้ผู้คนทั่วโลกเฝ้ารอการดวลระหว่างกริดและครอเกลอย่างใจจดใจจ่อมากกว่าเดิม
***
“นักกีฬาทาร์ม่าครับ! ช่วยอธิบายความรู้สึกหลังจากถูกล็อกเอาต์ภายในเวลาสองวินาทีด้วยครับ!”
“หุบปาก!”
หลังจากจบการแข่ง ทาร์ม่ารีบเดินลงจากเวทีด้วยสีหน้าสุดอับอาย
มันกำลังหวาดกลัวกริดผู้ทำลายบลัดคาร์นิวัล(?) ความรู้สึกในอดีตที่ลืมเลือนไปนานแล้วกำลังตามหลอกหลอนอีกครั้ง
ทาร์ม่าพยุงร่ายกายที่สั่นเทิ้ม มันพยายามเดินไปยังห้องพักนักกีฬาทีมชาติกรีซ
ทาร์ม่าเริ่มตระหนักได้
ช่องว่างระหว่างมันกับกริดไม่ได้ลดลงเลยสักนิด ไม่ว่าจะดิ้นรนมากเพียงใดก็ตาม
‘เราอยู่คนละมิติกับไอ้ปีศาจนั่น’
ทาร์ม่าเริ่มหวาดกลัวภัยคุกคามหลังจากประกาศออกไปว่าตัวมันคือผู้ทำลายเกาะคอร์ก
กึก!
“…?!”
ขณะกำลังรีบก้าวขาด้วยสีหน้าขาวซีด
ทาร์ม่าพลันชะงัก
โถงทางเดินยาวที่มุ่งตรงไปยังห้องพักนักกีฬาทีมกรีซ บัดนี้มีจางเฉินยืนขวางไว้พร้อมกับแสยะยิ้มเหยียดหยัน
“ต้องกระจอกขนาดไหนถึงเสียชีวิตในการโจมตีเพียงครั้งเดียว? พวกรุ่นเก่าช่างน่าสมเพช”
“ปากเสีย!”
ใบหน้าทาร์ม่าพลันแดงก่ำ
มันแผ่จิตสังหารใส่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ไม่เคยสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของกริด
ดวงตาของมันเปี่ยมด้วยแรงอาฆาต
แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น
เมื่อเหลือบไปเห็นบอดี้การ์ดร่างใหญ่สองคนยืนขนาบซ้ายขวาจางเฉิน ทาร์ม่าจึงลดท่าทีลง
มันเพียงพ่นลมหายใจ
“อย่างแกมีสิทธิ์ดูถูกฉันด้วยรึไง? ฝีมือเท่าลูกสุนัขแรกคลอด คนบ้าเสียสติอย่างแกสามารถเดินไปไหนมาไหนได้ตามใจ มันทำให้ฉันอยากจะอ้วก”
“หุบปาก! ฉันเป็นถึงสิบรุคกี้รุ่นที่สามเชียวนะ!”
ทุกปีจะมีสิบรุคกี้รุ่นใหม่ถือกำเนิด
คนเหล่านี้สามารถเก็บเลเวลในช่วงแรกได้รวดเร็วเพราะมีองก์ความรู้จากผู้เล่นเก่า
แต่หลายคนมักเข้าใจผิดและหยิ่งผยอง
ว่าพวกตนเก็บเลเวลได้เร็วกว่ารุ่นก่อนเพราะมีพรสวรรค์สูงกว่า
ผู้เล่นรุ่นแรกได้แต่ขบขันในความโอหัง
“ด้วยการโจมตีเดียวจากกริด แกเองก็จะตายภายในสองวินาทีเหมือกัน! กริดคือปีศาจที่อยู่คนละระดับกับพวกเรา ชะตากรรมของแกจะไม่ต่างกับฉันแน่นอน”
ทาร์ม่าภาวนาให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น
ไอ้เด็กบัดซบคนนี้ ทาร์ม่าเกลียดขี้หน้าเข้ากระดูกดำ
‘ชิ! ไม่เคยคิดว่าเราต้องคอยเชียร์ให้กริดชนะ’
ทาร์ม่าไม่กล่าวสิ่งใดต่อ มันเดินหายเข้าไปในห้องพักนักกีฬาทีมชาติกรีซ
จางเฉินตะโกนไล่หลังเมื่อเห็นสภาพอันน่าสมเพชของทาร์ม่า
“เป็นแค่สุนัขแต่กลับเห่าเก่งนักนะ! ฉันจะแสดงให้เห็นเองว่าพวกรุ่นเก่าไร้ความสามารถแค่ไหน!”
กาลเวลาคือสิ่งที่ช่วยพัฒนา ความจริงข้อนี้สามารถใช้ได้กับเผ่าพันธ์มนุษย์
ในยุคสมัยวิทยาศาสตร์รุ่งเรือง บุคคลที่ยอดเยียมจะปรากฏตัวขึ้นมากมายกว่าสมัยอดีต
นักกีฬาโอลิมปิกสร้างสถิติใหม่ได้อย่างต่อเนื่องเมื่อยิ่งวิทยาศาสตร์การกีฬาเจริญก้าวหน้า
สิ่งนี้คือข้อพิสูจน์ให้เห็นว่า คนรุ่นใหม่มักก้าวข้ามคนรุ่นก่อนได้ไม่ยาก
จางเฉินคิดเช่นนี้มาโดยตลอด…
เป็นความคิดของมันเพียงคนเดียว
***
“กริด…ฉันจะไม่สู้กับนายอีกแล้ว”
“…”
ขณะกำลังเดินกลับห้องพักนักกีฬา
กริดได้พบกับบูบัตที่กำลังรออยู่
บูบัตเผยรอยยิ้มอันขื่นขม
“หลังจากพ่ายแพ้ต่อจางเฉิน ฉันก็ตระหนักได้ว่า ตัวฉันไม่เหมาะกับการดวลเลยสักนิด”
ระหว่างการแข่งนานาชาติครั้งที่หนึ่งและสอง ในรายการ PVP บูบัตไม่แพ้ใครเลยนอกจากกริด
เขาถูกทั่วโลกดูแคลนและตีตราให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความพ่ายแพ้เพราะกริดผู้เดียว
นั่นคือขีดจำกัดของ ‘จอมบดขยี้’
แต่ไหนแต่ไร จอมบดขยี้คือคลาสสำหรับเปิดศึกและเน้นสร้างอาการผิดปรกติ
ไม่แปลกที่จะมีพลังโจมตีต่ำ ถึงจะสร้างคอมโบต่อเนื่องใส่ศัตรู แต่ก็ไม่มีพลังมากพอจะดับลมหายใจอีกฝ่ายได้
ความจริงอันแสนเจ็บปวดข้อนี้
บูบัตต้องใช้เวลาเรียนรู้นานถึงสามปี
“ฉันทระนงตนเกินเหตุเพราะเคยบดขยี้แต่คู่แข่งที่มีระดับต่ำกว่า จนกระทั่งได้พบกับนาย”
“…”
“ฉันเคยคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งในการดวล จึงหวังแก้แค้นนายให้ได้ในทุกปี”
“…”
“แต่การได้สู้กับจางเฉินทำให้ฉันตระหนักว่า…ไม่ใช่แค่นาย แต่ฉันไม่สามารถดวลให้ชนะผู้เล่นระดับสูงคนใดได้เลย”
“อา…”
กริดขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเริ่มสับสน
เขาไม่ทราบว่าควรกล่าวสิ่งใดกับบูบัต
กริดกับบูบัตไม่เคยลงรอยกันตลอดสามปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่บูบัตยกทัพรุกรานป้อมแพเทรี่ยน กริดได้ตราหน้าชายคนนี้ให้เป็นศัตรูตัวฉกาจ
คนระยำที่เคยฉวยโอกาสทำให้กิลด์โอเวอร์เกียร์ตกที่นั่งลำบาก ไม่มีเหตุผลที่กริดต้องรู้สึกเห็นใจ
เมื่อได้เห็นกริดขมวดคิ้วฉงน
บูบัตจึงรีบโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ
“อย่าได้เข้าใจผิดไป ฉันไม่คิดจะทำให้นายลำบากใจ ฉันไม่ได้ต้องการให้ความสัมพันธ์ของพวกเราดีขึ้น เพียงแต่…”
นัยน์ตาบูบัตพลันสั่นระริกเมื่อหวนนึงถึงสายโทรศัพท์จากภรรยาเมื่อครู่
น้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความหวาดผวาของบุตรสาวที่น่ารัก ยังคงตามหลอกหลอนเขาไม่หายจนถึงบัดนี้
“…เด็กหนุ่มต่ำช้าคนนั้น ฉันไม่อยากให้นายแพ้มัน”
“จางเฉินใช่ไหม?”
“ถูกต้อง ห้ามประมาทเด็ดขาด หากคนแบบนั้นเอาชนะนายได้ล่ะก็…”
เวทีลานประลองคงไม่เหมาะให้เด็กเล็กได้รับชมอีกต่อไป บูบัตต้องการให้บุตรสาวของตนสนุกไปกับงานแข่งนานาชาติที่บิดาของพวกเธอเข้าร่วม
เขาตัดสินบอกข้อมูลสำคัญเพื่อเพิ่มโอกาสชนะให้กริด
“ชุดเกราะของจางเฉินมีคุณสมบัติสะท้อนความเสียหายสามเท่า ออปชั่นนี้เป็นอันตรายกับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่นาย”
กริดที่มีพลังโจมตีมหาศาล หากถูกสะท้อนกลับมากถึงสามเท่า ไม่มีทางที่ปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน
บางทีอาจถึงขั้นพ่ายแพ้
บูบัตมาบอกเรื่องนี้กับกริดเพราะเขาเป็นห่วง
“สะท้อนสามเท่าใช่ไหม…เข้าใจแล้ว”
กริดพยักหน้าอย่างสุขุมพร้อมกันเดินผ่านบูบัติไป เขายังต้องกลับห้องพักนักกีฬาเพื่อเตรียมตัวแข่งรอบหน้า
กึก กึก
“…”
เสียงฝีเท้าของกริดดังห่างจากบูบัตไปไกลทุกขณะ กริดไม่แม้แต่จะกล่าวคำอำลา
บูบัตทราบดีว่าตนเคยทำสิ่งที่ต่ำทรามกับกริดและโอเวอร์เกียร์ไว้มากแค่ไหน
เขามิได้ต้องการท่าทีเป็นมิตรหรืออบอุ่นจากกริด
ขณะบูบัตกำลังครุ่นคิดด้วยสีหน้าหดหู่ เสียงของกริดได้ดังลอยเข้ามาในโสตประสาท
“ในสายตาฉัน…นายอ่อนแอ”
“…”
“ก็เหมือนกับที่นายพูดไว้ นายไม่เหมาะกับการดวลแม้แต่น้อย”
“…?”
“แต่ถ้าพวกเราได้พบกันในมหาสงคราม ฉันได้แต่หวังว่านายจะไม่ใช่ศัตรู”
“…กริด”
ราชาโอเวอร์เกียร์ยอมรับในพลังของตนยามศึกสงครามงั้นหรือ?
บูบัตพลันขนลุกซู่ รอยยิ้มแสนขื่นขมเมื่อครู่เริ่มจางหายอย่างรวดเร็ว
***
การแข่งขัน PVP รอบ 32 คนสุดท้ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ผู้เล่นที่แข็งแกร่งไม่พอจะถูกคัดกรองออกจากระบบ เหลือเพียงเหล่าบุคคลที่โดดเด่นของโลก
แน่นอน ย่อมรวมถึงอริยดาบครอเกล
ครอเกลได้ดวลกับซิวรอนตั้งแต่รอบแรก เขาใช้พลังของอริยดาบจัดการซิวรอนอย่างราบคาบยิ่งกว่าปีที่แล้ว
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนมั่นใจ ผู้ชนะการแข่ง PVP ในปีปัจจุบันคงเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากอริยดาบ
ขณะเดียวกัน ทางกริดกำลังรู้สึกทึ่งไม่ต่างกัน
เขาแทบไม่อยากเชื่อว่า ครอเกลที่สามารถกำราบซิวรอนอย่างอยู่หมัด จะมีเลเวลต่ำกว่าตนในปีก่อนมากถึง 50 ระดับ
‘ขนาดยังไม่ถึง 300…’
บางทีนี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่กริดจะชนะครอเกลได้ หากปล่อยให้ครอเกลมีเลเวลสูงกว่า 300 ล่ะก็ เขาจะไม่มีทางเอาชนะปีศาจอริยดาบได้อีกเลย
ขณะกริดกำลังครุ่นคิด
ตึกตัก! ตึกตัก!
ชายหนุ่มฉีกยิ้มอย่างมีความสุข
ยิ่งท้องฟ้าอยู่สูงเพียงใด เขาก็ยิ่งกระหายจะปีนป่ายคว้าชัยมาให้ได้
“นี่! ไอ้พังจือ*! แกกำลังเหม่ออะไรอยู่?”
(พังจือ — คำเหยียดที่ชาวจีนใช้เรียกชาวเกาหลีใต้ )
จางเฉิน
มันคือคู่ต่อสู้ของกริดในรอบ 16 คนสุดท้าย
“แกกำลังคิดเรื่องเก็บกระเป๋ากลับบ้านงั้นหรือ?”
“พล่ามส้นตีนอะไรนักหนา?”
“…!”
จางเฉินถึงกับผงะเมื่อได้ยินถ้อยคำสุดหยาบคายจากปากกริด
แต่ไหนแต่ไรมา เหล่า ‘ดาราดัง’ ของโลกมักรักษากริยาทางท่าและวาจาอันสง่างามอยู่เสมอ
แต่ละคนจะไม่เผยสันดานที่แท้จริง นอกเสียจากจะถูกยั่วยุจนปรอทแตก
จางเฉินชื่นชอบมากที่ได้เห็นคนเหล่านี้สูญเสียความเยือกเย็นไปละนิด
แต่กริดกลับสถบถ้อยคำหยาบคายตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบกัน แม้ว่าจะเป็นราชาในซาทิสฟายก็ตาม
“ฉันเคยไม่เห็นแกอยู่ในสายตาเลยสักนิด เพราะแกมันกระจอก ถ้าอยากได้รับความสนใจ ก็ช่วยแสดงฝีมือให้ฉันเห็น”
กริดแอบปิดไมโครโฟนนานแล้ว
จึงไม่มีผู้ชมคนใดได้ยินคำพูดของเขา
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจอย่างเหยียดหยันขณะใบหน้าจางเฉินกำลังแดงก่ำ
“ไอ้พังจือ! ไอ้บัดซบพังจือ! แกกล้าดียังไง! ไม่รู้รึไงว่าฉันเป็นใคร?”
ไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาเพราะอ่อนแอ
ตัวมันเนี่ยนะอ่อนแอ?
“เชี่ย!”
จางเฉินสถบพร้อมกับรีบทิ้งตัวลงนอนในแคปซูล มันต้องการยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กริดโดยเร็วที่สุด
“ล็อกอิน! ล็อกอินนน!!”
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,199
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
สะใจวะ
ReplyDeleteตบแม่งสักที่ดิ
ReplyDeleteเชื่อเลยว่ากริดจะเหยียดจางเฉินแบบสุดๆในการแข่ง อาจจะไม่ลงมือเอง แค่ใช้หัตถ์เทวะสู้แล้วยืนดูเฉยๆ
ReplyDelete