จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 734
หลังจากเสร็จการต่อสู้กับโนลล์ไม่นาน
“ทหารของนายดูเหนื่อยล้านะ ให้พวกเขาพวกที่เรย์ดันก่อนเถอะ”
“ขอบคุณมากท่านดยุค!”
คริสแนะนำให้ทัพหลวงเข้าพักผ่อนที่เรย์ดันก่อนจะกลับไรน์ฮาร์ท
เหล่าทหารต่างตื้นตันจนหลั่งน้ำตา
ในตอนแรก ทุกคนคิดว่ากริดกำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจึงเร่งเดินทัพโดยไม่สนใจอาการเหนื่อยล้า
จากนั้นยังต้องรับมือกับเวทมนตร์ของแวมไพร์อีกระลอกใหญ่
ไม่แปลกที่จะเกิดอาการเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ
สายตาทุกคนพลันห่อเหี่ยวเมื่อได้ยินว่า
พวกเขาต้องเดินทางข้ามทะเลทรายกลับไรน์ฮาร์ททันทีที่เสร็จศึก
จนกระทั่งคริสบอกให้หยุดพัก
แถมยังเป็นที่เรย์ดัน เมืองหลวงรองของอาณาจักร
ประหนึ่งโอเอซิสกลางทะเลทราย
“ฉันจะดูแลพวกเขาให้ นายกลับไปก่อนเถอะ”
คริสหันไปกล่าวกับกริด
กริดแสดงความขอบคุณ
“ขอบคุณที่เป็นห่วงเหล่าทหาร แต่การให้ที่พักพิงกับกองทัพหลายหมื่น สิ่งนี้จะสิ้นเปลืองอาหารและเงินทองอย่างมาก…”
“นี่ก็เป็นหนึ่งในความรับผิดชอบของดยุคแห่งอาณาจักร…นายไม่ต้องกังวล”
“…ขอบคุณ”
กริดรู้สึกถูกเติมเต็ม
ไม่มีคำพูดใดสามารถบรรยายออกมาได้
การมีพวกพ้องที่นิสัยดีและฝีมือยอดเยี่ยม กริดกำลังมีความสุขอย่างล้นปรี่
ความรู้สึกน่าสมเพชในสมัยที่ต้องอยู่อย่างเดียวดาย
ปัจจุบันไม่หลงเหลืออีกต่อไป
***
“นั่นอะไร? กองทัพของผู้เล่นงั้นหรือ?”
“พลังอำนาจของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์มีเท่าไรกันแน่?”
‘หากพวกคุณอยากสัมภาษณ์ผม…ต้องมาหาที่เรย์ดันเท่านั้น’
นี่คือคำประกาศของคริส ความหวังสูงสุดของชาวแคนาดาทุกคน
ด้วยภาระหน้าที่ในฐานะดยุคแห่งอาณาจักร คริสจึงแทบไม่เหลือเวลาว่างให้ทำสิ่งอื่น
ไม่เว้นแม้แต่งานแถลงข่าวใหญ่ที่แสนสำคัญ
คริสปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในชีวิตจริง
บรรดาสื่อหลักจากแคนาดาต่างเข้าใจในจุดยืนของคริส
พวกเขาตัดสินใจส่งนักข่าวไปยังเรย์ดัน
จุดประสงค์เดียวคือข่าวเกี่ยวกับงานแข่งนานาชาติในปีนี้
แรงเกอร์อันดับหนึ่งของแคนาดาและกัปตันทีม
คริส…
ชายคนนี้ได้รับความรักจากชาวแคนาดาเป็นล้นพ้น
ปัจจุบัน คริสรั้งตำแหน่งอันดับหนึ่งของโลกมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว
พวกเขาอยากฟังความเห็นที่คริสมีต่องานแข่งนานาชาติในปีนี้
ชาวแคนาดาทุกคนต้องการทราบ
ว่าคริสมีจุดยืนเช่นไร และจะสร้างความสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน
นักข่าวทุกคนต่างเตรียมคำถามล่วงหน้ามากมายเกี่ยวกับงานแข่ง
แต่ว่า…
“ดยุคคริสยกทัพกลับถึงแล้ว!!”
ตึง!
ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง!
ขบวนทหารหลายหมื่นนายเดินเข้ามาในเรย์ดันพร้อมคริส
สิ่งนี้แปรเปลี่ยนความสนใจเหล่านักข่าวโดยสิ้นเชิง
‘ไม่ใช่ว่า…อาณาจักรโอเวอร์เกียร์มีกองทัพเพียงหกหมื่นเท่านั้นหรือ?’
‘แล้วทำไมเรย์ดันถึงมีทหารประจำการมากถึงสี่หมื่น…? ทั้งที่ไม่ใช่เมืองหลวง…พวกเราได้รับข่าวลวงมาโดยตลอด! ทหารของโอเวอร์เกียร์มิได้มีแค่หกหมื่น! อย่างน้อยก็ต้องหลักแสน!’
'อาณาจักรโอเวอร์เกียร์…อาณาจักรใหม่ที่เพิ่งก่อตั้ง มีพลังอำนาจมากขนาดนี้ได้ยังไง? เพราะพลังของกริดงั้นหรือ?’
สำนักข่าวทุกช่องต่างพุ่งความสนใจไปยังกองทัพหลายหมื่นที่คริสนำกลับมาด้วย
พวกเขาตื่นเต้นที่ได้รับข้อมูลใหม่
พลังอำนาจของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ยิ่งใหญ่กว่าที่เปิดเผยออกสู่สาธารณะ
เป็นข่าวใหญ่อย่างแท้จริง…
แต่ข่าวที่ใหญ่กว่าได้ตามติดมาไม่ห่าง…
“จักรวรรดิซาฮารันส่งอัครทูตขอเข้าพบ!!”
“อะไรนะ”
“หือ?”
ทั้งคริสและนักข่าวต่างแสดงสีหน้าฉงนพร้อมกัน
อัครทูตจากจักรวรรดิ? มาทำไมกัน?
‘สองอาณาจักรกำลังเป็นอริต่อกันไม่ใช่หรือ…นับตั้งแต่ที่พวกเราเลิกส่งบรรณาการ’
คริสจ้องมองอัตรทูตด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
เขาได้แต่นึกสงสัย ว่าสุนัขจากจักรวรรดิมาเพื่อกล่าวสิ่งใดกันแน่
‘น่าจะส่งมาทวงบรรณาการ…หากไม่ยินยอมก็จะยกทัพเข้ารุกราน’
น่าหงุดหงิดไม่น้อยที่จักรวรรดิคอยจ้องคุกคามโอเวอร์เกียร์อยู่ตลอดเวลา
คริสได้แต่นึกสงสัย อัครทูตจากจักรวรรดิจะกดดันตนด้วยคำพูดเช่นใดบ้าง
ชาวเมืองเรย์ดันและเหล่านักข่าวต่างหันมามองเห็นตาเดียว
อัตรทูตเอ่ยปากกล่าวกับคริส
“เรามาที่นี่เพื่อแจ้งเจตจำนงของฝ่าบาทมหาจักรพรรดิ”
“อะไรนะ…?”
น้ำเสียงของคริสเปี่ยมด้วยความตึงเครียด
ผิดคาดไปมาก
ตอนแรกคิดว่าส่งมาทวงบรรณาการ แต่กลับกลายเป็น จักรพรรดิฝากคำพูดมาถึง…
ทหารหลายหมื่น ชาวเมือง และกองทัพนักข่าว ทุกคนตกตะลึงจนทำได้เพียงอ้าปากค้าง
ฮวนเดอร์
มหาจักรพรรดิผู้สามารถลบอาณาจักรออกจากทวีปด้วยเพียงถ้อยคำเดียว
มันกำลังต้องการสิ่งใด?
คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก…
ทุกคนล้วนคาดเดาไปในแนวทางเลวร้าย
ขณะบรรยากาศกำลังหดหู่สุดขีด
“ฝ่าบาทมหาจักรพรรดิต้องการเป็นมิตรกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ และเพื่อแสดงความจริงใจ จักรวรรดิยินยอมร่างสัญญาสงบศึกกับวัลฮัลล่า”
“…?”
“?????”
ทุกสุ้มเสียงภายในเรย์ดันพลันจางหาย
บรรยากาศรอบเมืองตกอยู่ในความเงียบงันอย่างหมดจด
แทบไม่มีใครเชื่อหูตัวเอง
สิ่งที่อัตรทูตกล่าวออกมานั้น…
จักรวรรดิต้องการ ‘เป็นมิตร’ งั้นหรือ?
และหากอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ต้องการ
จักรวรรดิจะยอมทำสนธิสัญญาสงบศึกกับศัตรูคู่อาฆาตอย่างวัลฮัลล่า…
เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ทวีปตะวันตกหรือไม่?
คำตอบคือไม่
มหาจักรพรรดิคือผู้มีอำนาจบารมีล้นพ้น
ทุกปัญหาสามารถแก้ได้ด้วยการใช้กำลังบดขยี้
ทุกถ้อยคำที่สื่อสารล้วนเป็นคำสั่ง
ไม่จำเป็นต้องเห็นอกเห็นใจผู้ใด
ไม่จำเป็นต้องฟังความจากใคร
นี่คือมหาจักรพรรดิฮวนเดอร์
ด้วยเหตุนี้…
‘ข่าวใหญ่…!’
‘ข่าวใหญ่ระดับโลก!!’
นักข่าวทุกคนต่างมั่นใจ
ข้อมูลใหม่ล่าสุดจากอัครทูต
จะต้องกลายเป็นหัวข้อถกเถียงระดับโลกไปอีกนานแน่นอน
“…เข้าไปคุยที่โถงใหญ่เถอะ”
คริสสัมผัสได้ถึงบรรยากาศรอบข้าง
เขาเชิญอัครทูตให้เข้าไปคุยด้านในเป็นการส่วนตัว
นักข่าวจึงไม่ได้รับข้อมูลมากกว่านี้
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
“ล็อกเอาต์!”
ทุกคนต่างหลงลืมจุดประสงค์ที่แท้จริงในการสัมภาษณ์คริสไปหมดสิ้น
ความสนใจถูกเพ่งไปยังประเด็นใหม่ที่ร้อนแรงกว่า
ทุกสำนักต้องแข่งกับเวลา
***
[ มหาจักรพรรดิฮวนเดอร์แห่งจักรวรรดิซาฮารัน ได้ส่งอัครทูตร้องขอการเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรผู้เล่น! ]
[ พลังอำนาจของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์มีมากกว่าที่ถูกเผยสู่สาธารณะ! ]
[ (บทความ) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทวีปตะวันตก ที่จักรวรรดิตกลง ‘เจรจา’ กับอาณาจักรอื่น…หมายความว่า ต้องเกิดเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และร้ายแรงขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ ]
ทั่วโลกลุกเป็นไฟอีกครั้ง
พลังที่แท้จริงของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ แม้แต่ผู้ปกครองสูงสุดของทวีปยังยำเกรง
สิ่งนี้กำลังถูกถกเถียงเป็นประเด็นร้อนไปทุกหัวระแหง
สื่อหลายสำนักต่างรายงานข่าวด้วยสีหน้าสุดชื่นชม
ในทุกวัน พวกเขาจะกล่าวชมความยิ่งใหญ่ของกริดและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไม่ขาดปาก
แต่ในสายตากริด…
“เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นอีกแล้ว?”
ฮวนเดอร์ทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร?
ทำไมถึงยอมเป็นมิตรกับโอเวอร์เกียร์อย่างไร้สาเหตุ?
และเพื่อแสดงความจริงใจ จักรวรรดิถึงขั้นยอมสงบศึกกับวัลฮัลล่า
“ต้องมีเบื้องหลังอยู่แน่…”
ณ ห้องทำงานกษัตริย์
กริดกำลังสร้างกางเกงในด้วยหัตถ์เทวะ
สีหน้าของเขาเผยให้เห็นความวิตกกังวล
ขณะครุ่นคิด เสียงเคาะประตูได้ดังขึ้น
“กระหม่อมเอง…ลอเอล”
“เข้ามา”
กริดยินดีกับการมาของลอเอลมาก
สถานการณ์ดำเนินไปด้วยความสับสน
คงมีเพียงลอเอลที่สามารถมอบความกระจ่างแก่ตนได้
ชายหนุ่มต้องการสลัดความค้างคาใจออกไปโดยเร็ว
ทันใดนั้น ลอเอลยกนิ้วโป้งขึ้น
“ยอดเยี่ยมมาก”
"เรื่องอะไร?"
“เหตุการณ์ทั้งหมด…เกิดจากการที่ฝ่าบาทระดมทัพหลวงมายังเรย์ดัน”
“…?”
กริดขมวดคิ้วอย่างงุนงง
ลอเอลอธิบายพร้อมรอยยิ้ม
“ฝ่าบาทยกทัพมากำราบโนลล์ก็จริง…แต่ช่วงเวลาช่างประจวบเหมาะบังเอิญ ปัจจุบัน จักรวรรดิกำลังระดมกองทัพจำนวนมากไว้ที่ชายแดนวัลฮัลล่า เมื่อฝ่าบาทยกทัพมายังบริเวณเรย์ดันซึ่งเป็นชายแดนฝั่งตรงข้าม มหาจักรพรรดิจึงมองว่าฝ่าบาทเตรียมทำสงคราม”
“…”
“ลงเอยด้วย จักรวรรดิประเมินว่า การทำสงครามกับโอเวอร์เกียร์และวัลฮัลล่าพร้อมกันมีความเสี่ยงสูงเกินไป แถมสถานการณ์ภายในยังไม่มั่นคง เกิดแย่งชิงบัลลังก์จากหลายขั้วอำนาจ ส่งผลให้ฮวนเดอร์ยอมซดความขมขื่นแก้วใหญ่ ส่งอัครทูตขอเจรจาเป็นมิตรกับโอเวอร์เกียร์”
แสยะ
“กระหม่อมมั่นใจว่า นามของฝ่าบาทจะต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์จักรวรรดิซาฮารันตราบนานเท่านาน”
“อา…”
กริดเริ่มเข้าใจสถานการณ์ภาพรวมมากขึ้น
แต่เขายังสับสนในบางประเด็น
“ถึงจะมีปัญหาภายใน แต่จักรวรรดิก็น่าจะจัดการกับวัลฮัลล่าและโอเวอร์เกียร์พร้อมกันได้ไม่ยาก…แล้วทำไมถึงได้หวั่นเกรงพวกเรานัก?”
“นั่นก็เป็นฝีมือของฝ่าบาทเช่นกัน”
“ฝีมือฉัน?”
ลอเอลอมยิ้ม
“ไม่กี่วันก่อน ราชาไร้พ่ายปรากฏตัวในกองทัพวัลฮัลล่า ชายคนนั้นได้ทำลายกองอัศวินสีชาดจนหมดสภาพ สังหารอัศวินลำดับสาม ตัดแขนหนึ่งในห้าเสาหลัก…นี่คือความแข็งแกร่งที่ไม่สมควรเป็นของมนุษย์ จักรวรรดิกำลังหวาดกลัวผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายเฉกเช่นที่เคยเป็นในอดีต”
“อ้อ…”
ในวินาทีที่กริดใช้ ‘ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน’ เขาก็ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายไปโดยปริยาย
และทำให้สถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดปัจจุบัน
“เรื่องที่จักรวรรดิหวาดกลัวราชาไร้พ่ายจนหัวหด…ดูท่าจะเป็นความจริงสินะ”
“อาจหวาดกลัวยิ่งกว่าข่าวลือเสียอีก”
“ก็จริง…พวกมันหวาดกลัวจนสูญเสียความเยือกเย็น”
กริดหวนนึกถึงโครงกระดูกมาดรา
อัศวินความตายราชาไร้พ่าย...
ชายคนนั้นคือปีศาจตัวจริงเสียงจริง
กริดไม่อยากจินตนาการถึงพลังของมาดราสมัยยังมีชีวิต
ชายหนุ่มรู้สึกสงสารกองทัพจักรวรรดิที่ต้องเผชิญหน้ากับราชาไร้พ่ายในอดีต
“ทุกสิ่งกำลังไปได้สวย พวกเราไม่ต้องกังวลปัญหาด้านการเงินไปตลอดระยะเวลาสนธิสัญญาพันธมิตร”
ลอเอลกล่าวต่อ
“ระยะเวลาขั้นต่ำในสนธิสัญญาคือสองปี พวกเราจะกลายเป็นอาณาจักรที่ทรงพลังหากเวลาล่วงเลยจนถึงตอนนั้น”
“ทำไมสนธิสัญญาพันธมิตรถึงสั้นนัก?”
“ไม่เลย…สองปีเป็นเพียงขั้นต่ำ ในทางปฏิบัติอาจยืดได้มากถึงยี่สิบปี”
“พวกเรายืดเวลาสนธิสัญญาให้นานที่สุดไม่ได้หรือ?”
“การยืดระยะเวลาสนธิสัญญา จำเป็นต้องใช้บุคคลที่มีทักษะในการเจรจาและการทูตสูง ค่าพลังการทูตสามารถใช้ต่อรองสนธิสัญญาได้ทุกชนิด”
ลอเอลขมวดคิ้ว
“แต่น่าเสียดายที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ปราศจากผู้มีพรสวรรค์ในด้านดังกล่าว”
“ฮิวรอยล่ะ?”
“เขาอาจไร้คู่เทียบเคียงในด้านวาทะศิลป์ก็จริง แต่ฮิวรอยไม่มีค่าพลังการทูต”
“น่าเสียดาย…ถ้าฮิวรอยมีค่าพลังการทูตล่ะก็ ทุกสิ่งคงสมบูรณ์แบบ”
ดวงตาลอเอลพลันส่องประกาย
“เช่นนั้น…ฝ่าบาทควรมอบคำสั่งแก่ฮิวรอย”
“คำสั่งอะไร?”
“คำสั่งให้เริ่มทำภารกิจการทูต”
“อะไรคือภารกิจการทูต?”
“หนึ่งในภารกิจของขุนนางระดับสูง”
“ผู้ที่บรรลุภารกิจจะได้รับค่าพลังการทูตงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง แต่ภารกิจนี้กินเวลานานมาก ต่อให้เป็นฮิวรอยก็คงไม่ต่ำกว่าครึ่งปี”
“อึก…”
กริดพูดไม่ออก
นอกเหนือจากตำแหน่งมือซ้าย ฮิวรอยยังเป็นเพื่อนและแรงเกอร์คนหนึ่งของโลก
กริดย่อมทราบดี
ฮิวรอยต้องแบกรับหน้าที่มากมายเพียงใดในการเป็นมือซ้ายให้กษัตริย์
กริดไม่ต้องการรบกวนเวลาเก็บเลเวลอันน้อยนิดของเขา
หากฮิวรอยถูกส่งไปทำภารกิจการทูต
เกรงว่าอันดับแรงเกอร์ของเขาอาจร่วง
หล่นลงไปไกล
ชายหนุ่มส่ายศีรษะ
“ไม่เคยมีใครสำเร็จภารกิจการทูตมาก่อน หมายความว่า ผลตอบแทนของภารกิจไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไป…ช่างเถอะ ฉันไม่อยากรบกวนฮิวรอยไปมากกว่านี้ จะลองมองหาคนอื่นดู”
“อย่างนั้นหรือ…? เข้าใจแล้ว”
ลอเอลค่อนข้างผิดหวัง
แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาคาดเดาไว้
ขณะลอเอลกำลังพยักหน้า
“ฝ่าบาท!! ม่ายยยยยย!!”
ประตูห้องทำงานกริดถูกเปิดออกอย่างร้อนรน
ฮิวรอยรีบวิ่งเข้ามาด้านในด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ
เขาคือบุคคลที่พยายามอยู่ข้างกายกริดให้มากที่สุด
แม้กระทั่งวันนี้ ฮิวรอยก็ทำหน้าที่ ‘องครักษ์ส่วนตัว’ คอยเฝ้าอารักขาอยู่หน้าห้องทำงาน
“กระหม่อมได้ยินบทสนทนาทั้งหมดแล้ว…ได้โปรด! ภารกิจการทูต! กระหม่อมจะเป็นนักการทูต!! จะสร้างความสัมพันธ์กับอาณาจักรข้างเคียงและเปลี่ยนพวกมันให้เป็นทาสของฝ่าบาท!!”
“…นั่นไม่ใช่การทูตแล้วมั้ง”
กริดไม่คิดว่าพลังการทูตจะถูกนำไปใช้ในแนวทางเช่นนั้นได้
แม้จะมีสายตากังวล แต่กริดก็อมยิ้มในเวลาเดียวกัน
เขารู้สึกขอบคุณความทุ่มเทที่ฮิวรอยมอบให้เสมอ
‘ก่อนงานแข่งนานาชาติจะเริ่มขึ้น เราจะสร้างไอเท็มใหม่ให้ฮิวรอย’
ชายหนุ่มตัดสินใจได้แล้ว
ขณะเดียวกัน
งานแข่งนานาชาติปีที่สามก็กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,174
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
นายกำลังเข้าใจผิดนะฮิวรอย
ReplyDeleteเรื่องนี้พรรคพวกพระเอกมีใครสติดีบ้างครับ
ReplyDeleteมี.. ยูร่าเป็นประธานบริษัท สติดีอยู่แล้ว จิสึกะ เป็นหัวหน้ากิลเก่า มีภาวะผู้นำอยู่แล้ว ครีสคือมีอาจารย์สอนที่ดีข้างกาย 555+
Deleteทุกคนในกิลจะมองว่าตัวเองปกติที่สุดยกเว้นคนอื่น555555555
ReplyDelete