จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 718
ซู่ววว—
โลหิตปริมาณมหาศาลที่เป็นของเครย์
สี่ ‘หางแดง’ หลุดจากการควบคุมของเจ้านายเดิมโดยสมบูรณ์ บัดนี้ พวกมันกำลังปฏิบัติตามคำสั่งนักรบโลหิต ‘แค็ทซ์’
หางโลหิตที่ควรจะคร่าชีวิตศัตรูให้เอิร์ลเครย์ ปัจจุบันกำลังฉีกกระชากร่างมันอย่างโหดเหี้ยม
ซู่ววว—
ฉัวะฉัวะฉัวะ!
เอิร์ลเครย์พลันลนลานเมื่อมันไม่สามารถควบคุมหางแดงที่เคยเป็นของตัวเอง
พายุเกลียวโลหิตทั้งสี่กำลังพุ่งโจมตีจากทุกทิศทาง เครย์กำลังถูกพลังตัวเองเล่นงานจนตกที่นั่งลำบาก
“ไอ้มนุษย์บัดซบ…!”
สำหรับแวมไพร์ มนุษย์เป็นสิ่งอื่นไปไม่ได้นอกจากอาหาร
โดยเฉพาะแวมไพร์ทายาทอย่างเครย์
สถานการณ์ตรงหน้าจึงเป็นสิ่งที่น่าอับอายจนยากจะยอมรับ
“อย่าเอามีสกปรกของแกแตะต้องเลือดชั้นสูงของฉัน!”
โดยปรกติแล้ว เอิร์ลเครย์จะเป็นพวกไม่แสดงอารมณ์พร่ำเพรื่อ มันแทบไม่แสดงท่าทีใดเลยในยามดวลกับกริดเมื่อก่อนหน้า
อีกฝ่ายเป็นเพียงมดปลวกที่รอการเหยียบย่ำเท่านั้น
แต่ปัจจุบัน สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไป
ใบหน้าของเครย์กำลังบิดเบี้ยวราวกับปีศาจ
เมื่อแวมไพร์ทายาทตนอื่นเห็นเครย์ถูกพลังตัวเองเล่นงาน พวกมันแสดงท่าทีขบขันอย่างออกนอกหน้า
“ฮะฮะฮะ! เครย์! สภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้หมายความว่ายังไง? ผู้สืบทอดพลังบงการโลหิตกำลังถูกมนุษย์ทำให้ขายขี้หน้าได้ขนาดนี้เชียวหรือ?”
บงการโลหิต
หนึ่งในสมญานามมากมายที่ชิโซ·เบริอาเช่ครอบครอง เธอถ่ายทอดมันให้ทายาท
ในยุคสมัยรุ่งโรจน์ ชิโซ·เบริอาเช่สามารถบงการโลหิตทุกหยดบนโลกได้ดั่งใจนึก
ไม่เว้นแม้กระทั่งโลหิตที่ไหลรินจากร่างกายศัตรูเพียงน้อยนิด
ชิโซ·เบริอาเช่สามารถบงการโลหิตของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ แวมไพร์ หรือแม้กระทั่งจอมอสูร
และผู้สืบทอดพลังบงการโลหิตก็มิใช่ใครอื่นนอกจากเครย์
เอิร์ลเครย์หยิ่งทระนงในพลังบงการโลหิตของตนมาก พลังนี้ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เบริอาเช่ขึ้นเป็นใหญ่ในอดีต
แต่ปัจจุบัน มันกำลังตกที่นั่งลำบากเพียงเพราะมนุษย์หนึ่งคน
แวมไพร์เอิร์ลตนอื่นต่างพากันเย้ยหยันด้วยสีหน้าดูแคลนสุดขีด
“หุบปากซะ!”
เอิร์ลเครย์หันไปตวาดใส่เหล่าพี่น้องที่กำลังขบขัน
เครย์ทำลายหางโลหิตของตนไปแล้วสองจากสี่ เมื่อเหลือเพียงสอง เครย์จึงมีอำนาจควบคุมโลหิตเพิ่มขึ้น ทั้งสองหางกลับมาเป็นของเครย์อีกครั้ง
ฉากตรงหน้าแสดงให้เห็นว่า เอิร์ลเครย์เป็นบอสพิเศษที่ยังเผยจุดอ่อนให้เห็นอยู่บ้าง
สาเหตุที่เครย์ไม่อาจขึ้นเป็นมาร์ควิสได้ เพราะมันไม่สามารถควบคุมหางโลหิตได้เกินกว่าสอง
หากมากกว่านั้น พลังการควบคุมจะอ่อนแอลง
ตั้งแต่หางที่สามขึ้นไป แม้พลังทำลายอาจสูงขึ้น แต่หางโลหิตจะมิอาจเคลื่อนไหวได้ดั่งใจราวกับอวัยวะอีกต่อไป
“แกนะแก…! ขยะอย่างแกบังอาจมอบความอับอายให้ฉันคนนี้!”
เอิร์ลเครย์กำลังอยู่ในสภาพร่อแร่ รอบกายมีเสาเกลียวโลหิตสองต้นรายล้อม
มันจ้องแค็ทซ์ด้วยสายตาอาฆาตสุดขีด
“ตายซะ! ฉันจะทำให้แกสำเหนียกตัวเองอีกครั้งว่าเป็นได้แค่อาหารของแวมไพร์! ฉันจะสูบเลือดแก กัดกินทุกส่วนของร่ายกายแก!!”
คำประกาศกร้าวจากฆาตกรอำมหิต
[ แวมไพร์เอิร์ล ‘เครย์’ ใช้ทักษะ ‘พลังสะกดของแวมไพร์ทายาท’ ]
[ แรงกดดันอันทรงพลังที่มนุษย์ทั่วไปมิอาจต้านทานไหว ท่านจะตกอยู่ในอาการ ‘หวาดกลัว’ ]
“อึก…!”
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างพากันยืนแข็งทื่อ ค่าสถานะลดฮวบหลายระดับ ความหวาดกลัวกำลังกัดกินจิตใจอย่างรุนแรง
ทันใดนั้น
“ชำระล้าง!”
แสงสว่างอันอบอุ่นของนักบุญหญิงได้โอบล้อมร่างสมาชิกในปาร์ตี้ทุกคน
พวกเขากลับมามีสีหน้าปรกติอีกครั้ง
เอิร์ลเครย์และพี่น้องของมันพากันตะลึงกับภาพที่เห็น
“พลังนั่นมันอะไร...?”
ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนเกิดมาโดยมีหน้าที่ชัดเจน
เฉกเช่นสุกรในฟาร์มที่เกิดมาเพื่อเป็นอาหารให้มนุษย์
มนุษย์ก็เช่นกัน ในสายตาแวมไพร์ทายาท มนุษย์เป็นได้เพียงอาหารของพวกมัน
แล้วเมื่อครู่คือพลังอะไรกัน?
พลังศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถพลิกผันชะตาชีวิตของผู้คนจำนวนมากได้ในพริบตา...
แวมไพร์ทายาทต่างหันไปมองรูบี้เป็นตาเดียว
ค่าดึงดูดบอสถูกที่เคยถูกโอนถ่ายจากกริดมายังแค็ทซ์ บัดนี้โยกย้ายไปหารูบี้อีกทอดหนึ่ง
เรกัสที่กำลังนอนหมอบอยู่บนพื้นหลังจากชกเครย์ไปหนึ่งหมัด เขารู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งและไม่มีใครสนใจ
“ช่วยสนใจกันหน่อย...”
ตนเป็นเพียงมดปลวกที่ไม่มีค่าให้แวมไพร์ทายาทเหลียวมองงั้นหรือ?
ศักดิ์ศรีของเรกัสถูกระคายเคืองอย่างหนัก
“ฮะฮะ...สงสัยต้องเพิ่มเวลาฝึกให้มากขึ้นอีก”
เปรี้ยะ!
เปรี้ยะ เปรี้ยะ!
ขณะศัตรูกำลังหันไปสนใจรูบี้ ร่างเรกัสเริ่มถูกห่อหุ้มด้วยพลังอัสนีรุนแรง
นี่คือสัญญาณก่อนการใช้งานสุดยอดไม้ตาย ‘อาชูร่าจุติ’
แค็ทซ์หันมากล่าวกับเรกัส
“นายเปลี่ยนร่างเป็นอาชูร่าไปเพื่ออะไร? ในเมื่อท้ายที่สุด นายก็ไม่สามารถบินขึ้นไปฆ่ามันได้อยู่ดี”
“...”
เฉกเช่นทักษะเปลี่ยนร่างชนิดอื่น ‘อาชูร่าจุติ’ คือทักษะที่มีระยะเวลาจำกัดและผลข้างเคียงมากมาย
ปราศจากทักษะเคลื่อนที่บนอากาศ อย่างดีก็ทำได้เพียง ‘กระโดดสูง’
เรกัสมิอาจลอยค้างในอากาศได้เหมือนกริด ซึ่งแวมไพร์ทายาททุกตนล้วนมีทักษะบินเป็นปัจจัยพื้นฐาน
แวมไพร์ทั่วไปสามารถบินได้ด้วยการจำแลงกายเป็นค้างคาว หรือไม่ก็แปรเปลี่ยนกายาเป็นหมอกควัน แต่แวมไพร์ทายาทนั้นสามารถลอยตัวในอากาศได้ตลอดเวลา
ขยับร่างกายได้อย่างอิสระโดยไร้ขีดจำกัด
เรกัสและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ส่วนมากจะไม่สามารถสำแดงพลังสูงสุดต่อหน้าศัตรูที่โบยบินได้ตลอดเวลาเฉกเช่นแวมไพร์ทายาท
แค็ทซ์จึงคิดเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ตรงหน้า
เขาอาศัยปัจจัยที่เครย์กำลังอาฆาตแค้นตนเป็นพิเศษ
“เฮ่อะ!”
แค็ทซ์พ่นลมหายใจเสียงดังในระดับที่เอิร์ลเครย์ได้ยิน
เขายักไหล่อย่างเหยียดหยันใส่เครย์ที่เมื่อครู่ประกาศกร้าวว่าจะฉีกตนให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ทำเป็นปากเก่ง...ฉันเห็นนายเอาแต่ยืนสั่นกลัวอยู่ด้านบน ไม่กล้าลงมาสู้ข้างล่าใช่ไหมล่ะ? จะหนีไปให้ไกลกว่านี้ก็ไม่ว่าหรอกนะ”
แค็ทซ์มีเชื่อเสียด้านความจังไรของนิสัยส่วนตัว แต่นั่นคือสมัยอดีต
ในบางครั้ง สิ่งนี้ถือเป็นความสามารถพิเศษที่จำเป็น...เฉกเช่นฮิวรอย
แค็ทซ์คือแรงเกอร์แถวหน้าที่หวังจะปีนป่ายขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งของโลก ปัจจุบัน เขามีอันดับที่ไม่เลว สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า สติปัญญาของแค็ทซ์มิได้ด้อยกว่าแรงเกอร์แถวหน้าคนใด
ยิ่งไปกว่านั้น แค็ทซ์คือทายาทของชายที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในญี่ปุ่น
มันสมองและไหวพริบสามารถสืบต่อทางสายเลือดได้
แค็ทซ์ทั้งเจ้าเล่ห์และสุขุมเยือกเย็นในยามสำคัญ
กลับกัน เอิร์ลเครย์เกิดมาโดยสืบทอดพลังเวทมนตร์มหาศาลจากผู้เป็นแม่ แถมยังครอบครองพลังบงการโลหิตสุดโกง
มันเก่งตั้งแต่เกิด เป็นแวมไพร์หนุ่มพรสวรรค์สูงที่แทบไม่เคยต้องเอาจริงในการต่อสู้
สิ่งนี้เกิดเป็นความเย่อหยิ่งจองหอง ไม่แปลกที่มันจะเดือดดาลและฉุนเฉียวได้ง่าย ตามประสาเด็กที่เอาแต่ใจ
“ใครจะไปกลัวมนุษย์อย่างแก!!”
เอิร์ลเครย์คำรามอย่างเดือดดาล สายตาหันกลับมาจ้องมองแค็ทซ์อย่างอาฆาตอีกครั้ง
ฟ้าวววว!
บึ้มมมมมม—!
เอิร์ลเครย์พุ่งลงกระแทกพื้นอย่างแรงพร้อมกับปลดปล่อยเวทมนตร์ที่ป่นให้ทุกสิ่งแหลกระเอียด
เมืองลำดับเจ็ดพลันสั่นครืนอย่างหนัก แค็ทซ์และเหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างเสียการทรงตัว
[ แวมไพร์เอิร์ล ‘เครย์’ ปลดปล่อยพลังเวทมหาศาลในพริบตา ]
[ มิติกาลเวลาสั่นสะเทือนรุนแรง ละอองมานาภายในบรรยากาศพลันไหลย้อนกลับ ]
[ ท่านตกอยู่ในอาการ ‘เสียการทรงตัว’ ท่านจะขยับร่างกายได้ยากลำบากกว่าปรกติ ]
[ ท่านตกอยู่ในอาการ ‘มานาถูกผนึก’ ท่านไม่สามารถใช้มานาเป็นทรัพยากรได้ชั่วคราว ]
“ฉันจะฉีกปากของแกก่อนเป็นลำดับแรก!!”
“อึก...”
เมื่อแค็ทซ์เห็นเอิร์ลเครย์ที่กำลังเกรี้ยวกราดพุ่งเข้าใส่ เหงื่อไคลพลันไหลชุ่มกายทุกซอกมุม
‘พลังมหาศาลอะไรแบบนี้...สมกับเป็นสิ่งมีชีวิตขึ้นสูงของซาทิสฟาย’
คลาสลับเกือบทั้งหมดในเกมจะมีหนึ่งสิ่งร่วมกัน
แทบทุกคลาสลับจะมีจุดเด่นด้านใดด้านหนึ่งอย่างสุดโต่ง
สิ่งนี้อาจผลเสียในบางครั้ง
แต่ส่วนใหญ่มักเป็นผลด้านดี
หลักการของคลาส ‘นักรบโลหิต’ คือ ‘จ้าวแห่งโลหิต’ แค็ทซ์มีพลังในการควบคุมโลหิตของทุกคน รวมถึงของตัวเอง
สิ่งนี้เป็นพลังที่แค็ทซ์ภูมิใจมาตลอด
แต่ในวินาทีที่เขาควบคุมหางโลหิตของเอิร์ลเครย์ แค็ทซ์พลันตระหนักถึงความจริงได้หนึ่งข้อ
ทักษะเกรดอีปิกของตน จะส่งผลต่อแวมไพร์ทายาทไม่มากเท่าที่ควร
หลักฐานก็คือ
แค็ทซ์จะมีหลอดทรัพยากรพิเศษที่ชื่อ ‘อำนาจโลหิต’ ทุกครั้งที่ควบคุมโลหิตเป้าหมาย อำนาจโลหิตจะลดลงทีละนิด และเมื่อถึงขีดกำจัด แค็ทซ์ก็จะมิอาจควบควมโลหิตได้ชั่วคราวจนกว่ามันจะฟื้นฟูกลับมา
ในวินาทีที่แค็ทซ์บงการหางโลหิตของเครย์ ค่าอำนาจโลหิตพลันลดลงฮวบฮาบจนน่าตกใจ
แต่แค็ทซ์มิได้แสดงออกให้ใครรู้
เขาสามารถควบคุมหางโลหิตของเครย์ได้นานเพียงหนึ่งนาทีก่อนที่หลอด ‘อำนาจโลหิต’ จะหมดลง
ใช่แล้ว ต่อให้เครย์ไม่ลดหางลงเหลือเพียงสอง แค็ทซ์ก็มีอำนาจควบคุมหางทั้งสี่ได้เพียงแค่นาทีเดียวเท่านั้น เมื่อพ้นหนึ่งนาที เครย์ก็จะกลับเป็นเจ้าของหางโลหิตทั้งสี่ตามเดิม
แต่เครย์ไม่รู้เรื่องนี้
มันลดหางลงเหลือสองเพราะหวาดกลัวตัวตนแค็ทซ์
“ช่างเถอะ...ฉันไม่ใช้เวทโลหิตก็ได้”
แค็ทซ์ขยับฝ่ามือที่สั่นระริกเอื้อมไปหยิบดาบตรงเอว
“พื้นฐานของฉันคือนักรบ...ฉันจะฆ่าแกด้วยอาวุธของนักรบ!”
ฟุ่บ!
แค็ทซ์พุ่งประจัญหน้าเครย์ด้วยดาบที่อัดแน่นพลังดูดเลือด
ความเร็วโจมตีช้ากว่ากริดในสภาพบัฟครบราวสามเท่า แต่อีกฝ่ายเป็นเอิร์ลเครย์ที่มีพลังกายภาพไม่สูงนัก
เมื่อความเร็วไม่มาก จึงมิอาจหลบดาบของแค็ทซ์พ้น
ไม่สิ เครย์มิได้คิดหลบตั้งแต่ต้น
เฉกเช่นมนุษย์ที่ไม่กลัวการกัดจากลูกสุนัข
ฉัวะฉัวะ
ฉัวะฉัวะฉัวะ!
ดาบในมือแค็ทซ์ฟาดฟันใส่ลำตัวเครย์อย่างป่าเถื่อน
ขณะเดียวกัน เครย์บงการให้หางเกลียวโลหิตของตนฟาดใส่แค็ทซ์ด้วยความเร็วสูง
ประหนึ่งแส้โลหิตก็มิปาน
แค็ทซ์มิอาจสวนกลับหรือปัดป้องได้เลย
พลังชีวิตหายไปสองส่วนสามจากการโจมตีเพียงระลอกเดียว
แต่กระนั้น แค็ทซ์ก็มิได้แสดงสีหน้าหวาดหวั่น เพราะเขารู้ดีว่า…
“แค่นี้คงพอแล้วใช่ไหม?”
การมีตัวตนของแค็ทซ์ทำให้เอิร์ลเครย์ตัดสินใจลดหางลงเหลือสอง และลงมาต่อสู้ด้านล่างอย่างเสียเปรียบ
มันยอมริดรอนพลังตัวเองลงหลายส่วนเพียงเพราะอาฆาตแค้นมนุษย์หนึ่งคน
แค็ทซ์เชื่อมั่นสุดหัวใจ พวกพ้องของตนต้องหาทางจัดการปีศาจร้ายได้แน่
เป็นความเชื่อใจในมิตรสหายที่ปราศจากความเคลือบแคลง
ปัจจุบัน แค็ทซ์ถูกหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับกิลด์โอเวอร์เกียร์เต็มตัวแล้ว
และพวกพ้องของเขาก็ตอบสนองความไว้ใจได้อย่างไร้ที่ติ
“แค็ทซ์! หลบหลังฉัน!”
โทบันและแวนเนอร์พุ่งตัวชารจ์เพื่อขวางการโจมตีถัดไปของเครย์ พวกเขาผลักแค็ทซ์ให้หลบหลังอย่างปลอดภัย
ขณะที่เรกัสแปลงกายเป็นอาชูร่าเสร็จ
คริสเองก็สะสมปราณดาบจนถึงระดับสูงสุด ส่วนป็อนก็ขึ้นควบอาชาพิสุทธิ์พร้อมกวัดแกว่งหอกโจมตี
ไม่เพียงเท่านี้
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!
ตู้มตู้มตู้ม—
ศรจากจิสึกะ เวทมนตร์จากเซ็ดนอสและลาเอลล่า ปิดท้ายด้วยเวทเปลี่ยนผันสภาพอากาศของชี่กงมาสเตอร์ระดับสาม
“ถ้าล่าบอสก็ต้องให้ฉันออกโรง!!”
ฉัวะ!
แฟลมเบิร์จเล่มเก่าในมือไอเบลลิน แม้อาจเป็นเพียงอาวุธเลเวลต่ำ แต่ ‘หนามแห่งความเคียดแค้น’ ได้มาพร้อมทักษะ ‘ฉีกกระชาก’ ที่จะลดพลังชีวิตศัตรูตามเปอร์เซนต์เลือดที่เหลืออยู่
ไอเบลลินเล็งโจมตีใส่เครย์อย่างแม่นยำ
อาการบาดเจ็บของทุกคนถูกรักษาให้อยู่ในระดับคงที่ได้ด้วยฝีมือนักบุญหญิง ‘รูบี้’
“แฮ่ก...แฮ่ก...”
ฮีลเลอร์อันดับหนึ่งของซาทิสฟายที่สามารถฟื้นฟูพลังชีวิตในยามที่พวกพ้องบาดเจ็บ และสามารถชำระล้างอาการผิดปรกติในยามที่พวกพ้องโดน CC
สายตาแวมไพร์ทายาททั้งสามตนด้านบนยังคงจดจ้องรูบี้ไม่กระพริบ
ทุกครั้งที่เซฮีร่ายเวท พวกมันจะสัมผัสถึงแรงกดดันแปลกประหลาดในระดับเจือจาง
“อันตราย...หล่อนจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต”
“เห็นด้วย”
พวกมันมิได้แยแสในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเครย์เลยสักนิด ก่อนหน้านี้ทำเพียงหัวเราะขบขันอย่างชอบใจ
แต่กับรูบี้แล้วไม่ใช่
สัญชาตญาณในร่างกายกำลังร้องตะโกนว่า...เธอเป็นตัวอันตราย
ตัวตนที่สามารถทำลายดวงวิญญาณจอมอสูรให้สิ้นซาก
แค่การมีตัวตนอยู่ย่อมแผ่ภัยคุกคามต่อเผ่าอสูรรุนแรง
“ลงไปฆ่าหล่อนกันเถอะ”
สามแวมไพร์ทายาทบินโฉบใส่รูบี้ในพริบตา พวกมันล้อมโจมตีจากทุกทิศทาง
“ฉันจะปกป้องเซฮีเอง!”
อัศวินแห่งนักบุญหญิง ‘เซ็กซี่สคูลเกิร์ล’ พยายามปกป้องรูบี้อย่างสุดกำลัง
“เกะกะ!”
แต่ไม่มีทางที่ผู้เล่นเลเวลหลักสองร้อยอย่างเธอจะต้านทานการรุมโจมตีจากแวมไพร์ทายาทได้นาน
เยริมสามารถรับมือการโจมตีได้มากถึงสองสามหนจากทักษะอมตะชั่วคราว จากนั้นก็ถึงขีดกำจัด
“มันจบแล้ว!”
“ฉันไม่อยากเสียเวลาดื่มเลือดเธอ จงกลายเป็นขี้เถ้าไปซะ!!”
ซู่วว—
เวทมืดพวยพุ่งจากฝ่ามือของเหล่าแวมไพร์ทายาท เป้าหมายคือใบหน้าอันเรียวเล็กของรูบี้
รูบี้สัมผัสได้ถึงความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ล้วนต้องการช่วยเธอใจแทบขาด แต่พวกเขากำลังถูกเอิร์ลเครย์ถ่วงแข้งขาไว้
“พวกแกคิดจะไปไหน? ฮ่าฮ่า!”
ซู่ววว—
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม
“อ๊ากกก!”
“บัดซบ! มิสรูบี้!!”
หางเกลียวโลหิตสองเส้นฟาดฟันไปในทุกทิศทางรอบตัวเครย์ เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างเสียหลักล้มระเนระนาด
แม้ร่างกายพวกเขาจะมีสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว แต่กลับไม่มีเลยสักคนที่ห่วงชีวิตตนเอง
เป้าหมายเดียวกันคือช่วยชีวิตรูบี้
หากจะเอ่ยเชื่อบุคคลสำคัญที่สุดในการล่าบอสครั้งนี้ ถ้าไม่นับรสมกริด ทุกคนคงเสนอชื่อรูบี้อย่างพร้อมใจ
แต่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ปรารถนา ระยะทางจากรูบี้นั้นห่างแสนไกล
ไม่มีใครเข้าไปปกป้องทันแม้แต่คนเดียว
ทันใดนั้น
“น้องสาวของฉัน...ฉันจะปกป้องเอง”
กริดปราฏกายข้างรูบี้อย่างฉับพลัน
เขาเริ่มมีหวังในการต่อสู้นี้นับตั้งแต่ที่แค็ทซ์สามารถช่วงชิงหางแดงของเครย์มาควบคุมสำเร็จ
กริดปลีกตัวไปหาจุดซุ่มเพื่อเร่งความเร็วทักษะ ‘ผสานไอเท็ม’ ให้ใช้เวลาน้อยที่สุด
เขาผสาน ‘ดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมจนก่อเกิดภวังปรารถนอันแรงกล้า’ เข้ากับ ‘ความผิดพลาด’
“วังวน”
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม—
กริดสะท้อนเวทมืดกลับไปหาแวมไพร์ทายาททั้งสาม
พวกมันบาดเจ็บไม่น้อยจากเวทมนตร์ของตัวเอง
[ ปราณต่อสู้กลายเป็น 80 หน่วย ]
ขณะที่เปิดศึกใส่เอิร์ลเครย์ก่อนหน้านี้ ปราณต่อสู้ได้ระบุว่าเอิร์ลเครย์คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ปราณต่อสู้พื้นฟูตามธรรมชาติ 1 หน่วยในทุก 10 วินาที
หมอกประกายสีม่วงแดง
ปัจจุบัน มันทั้งหนาและเข้มข้น
ชายหนุ่มตะโกนขึ้นขณะที่ปราณต่อสู้กำลังระยิบระยับรอบตัว
“หัตถ์เทวะ! โนเอะ! แรนดี้! ยารุกต์!”
ซู่วว ซู่วว ซู่วว
หัตถ์เทวะพร้อมมโยเนียร์
โนเอะ สัตว์อสูรอันดับหนึ่งแห่งขุมนรกที่มีความสามารถช่วงชิงแต้มสถานะสูงสุดของเป้าหมาย
ร่างโคลนแรนดี้ที่แปลงกายเป็นกริด
และนักดาบอันดับหนึ่งแข่งขุมนรก
‘ยารุกต์’
สัตว์อัญเชิญทั้งหมดปรากฏกายรอบตัวกริดพร้อมกับตรึงแวมไพร์ทายาททั้งสามไว้
“อักขระความมืด·โทสะช่างตีเหล็ก!”
ชายหนุ่มรีดเร้นพลังโจมตีถึงขีดสุด
จากนั้น...
“คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร”
ทักษะที่มีความรุนแรงสูงสุดของซาทิสฟายในปัจจุบัน
ผู้โชคร้ายที่ต้องรับไปอย่างจังคือ...
เอิร์ลเครย์
ดวงตาเอิร์ลเครย์พลันเบิกโพลง
มันยังไม่ค่อยเข้าใจนัก
เหตุใดกริดถึงเลือกโจมตีมันที่อยู่ห่างออกมา แทนที่จะเลือกโจมตีหนึ่งในสามแวมไพร์ทายาทซึ่งอยู่ใกล้กริดกว่า
ฮิวรอยเป็นผู้ไขความกระจ่างแทนกริด
“ฝ่าบาทมักโจมตีศัตรูที่อ่อนแอที่สุดเสมอ!”
“อะไรนะ…?”
ตนเนี่ยนะอ่อนแอที่สุด?
ขณะเอิร์ลเครย์กำลังฉงนหนัก พลังป้องกันของมันลดลงโดยไม่รู้ตัวจากทักษะดีบัฟของฮิวรอย
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม—
เกิดระเบิดเป็นพัลวัน ฝุ่นควันคละคลุ้งฟุ้งกระจาย
ทั้งสายฟ้าสีแดง เปลวเพลิงสีส้ม และเปลวเพลิงอสูรสีดำสนิท
การผสานเข้ากับ ‘ความผิดพลาด’ จะช่วยให้อาวุธผสานเพิ่มออปชั่น ‘โจมตีในที่มืดรุนแรงขึ้น 20%’ และมีโอกาส ‘โจมตีห้าเท่า’
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,162
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
สนุกมาก ขอบคุณสำหรับการแปลนะครับ
ReplyDeleteขอบคุณครับ
ReplyDelete