จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 719
ฉึก!
ฉึกฉึกฉึก—
เมื่อ ‘ร่ายรำสังหาร’ แทงครบจำนวน เงื่อนไข พลังที่แท้จริงของ ‘คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ จึงจะแสดงผล
เอิร์ลเครย์ถูกแทงสี่ครั้งซ้อนโดยมิอาจหลบพ้น โลหิตสีแดงคล้ำพวยพุ่งจากบาดแผลบนร่างกาย
ความเจ็บปวดแสนสาหัสกำลังแล่นไปทั่วร่างมัน
‘มนุษย์มีพลังโจมตีมากมายขนาดนี้ได้ยังไง...?’
นัยน์ตาเอิร์ลเครย์พลันสั่นระริก
กริดเปิดอักขระความมืด บัฟโทสะช่างตีเหล็ก และปราณต่อสู้สูงถึงระดับ 80 หน่วย
ในมือถืออาวุธผสานที่เกิดจากการรวมกันของสองไอเท็มสุดโกง
ระดับพลังโจมตีในปัจจุบันจึงสูงส่งเหนือจินตนาการ แม้แต่แวมไพร์ทายาทก็มิอาจรับการปะทะโดยตรงไหว
สิ่งที่น่าสิ้นหวังยิ่งกว่าก็คือ
...ปัจจุบันยังไม่ใช่พลังที่แท้จริงของกริด
[ ปราณต่อสู้กลายเป็น 83 หน่วย ]
[ ท่านโจมตีโดนเป้าหมายด้วย ‘ร่ายรำสังหาร’ ครบ 4 ครั้ง ทักษะต่อเนื่องทำการเสก ‘คลื่น’ และ ‘ทำลายล้าง’ และดาบที่เหลือของ ‘ร่ายรำสังหาร’ จะรุนแรงขึ้น 200% ]
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
‘แค่ก…! ทำไมหมอนี่แข็งแกร่งขึ้น?’
เอิร์ลเครย์ถูก ‘ร่ายรำสังหาร’ จาก ‘คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ เข้าไปมากถึงเจ็ดดาบเต็ม
มันกระอักเลือดอีกครั้งหลังจากถูกสามดาบหลังแทงทะลวง
ซ่าาาา!
จากนั้น คลื่นพลังแปลกประหลาดได้ซัดโถมออกจากปลายดาบกริด อานุภาพดุดันรุนแรงราวกับจะกวาดทุกสิ่งตรงหน้าให้หายไป
นี่คืออำนาจของ ‘คลื่น’
แม้กระทั่งยังบันการัมก็มิอาจหลบหลีกคลื่นที่พุ่งใส่จากทุกทิศทาง
เมื่อเป้าโจมตีของ ‘คลื่นง มีเพียงหนึ่ง นั่นจะเป็นหายนะอย่างแท้จริงของเหยื่อ
รับประกันว่าไม่พลาดเป้า
“แค่ก…! อ๊ากกกก!”
ร่างกายเอิร์ลเครย์กำลังจมท่วมท่ามกลางแรงระเบิด
มันส่งเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวด
ผิวหนังแสบร้อนประหนึ่งถูกถลกทาเกลือ
[ คริติคอล! ]
[ สมญานาม ‘ตายในการโจมตีเดียว’ แสดงผล เพิ่มความรุนแรงคริติคอล 30% ]
[ เพลิงทมิฬแสดงผล ]
[ ‘คลื่น’ ลดความเร็วทุกชนิดของเป้าหมาย 60% ]
[ เป้าหมายต้านทาน ]
บึ้มบึ้มบึ้ม—
เกิดแรงระเบิดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
การโจมตีของเหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์ก่อนหน้าทำให้เอิร์ลเครย์เหลือพลังชีวิตเพียง 40%
จบแค่นี้หรือ?
ยัง...
ยังเหลือการโจมตีสุดท้ายจากฟากฟ้า
ซู่วววว
สัญชาตญาณของเอิร์ลเครย์ได้ร่ำร้องให้มันแหงนมองขึ้นไปด้านบน
ฉัวะ—
เป็น ‘ทำลายล้าง’ ที่มองข้ามพลังป้องกัน 80% และสร้างความเสียหายรุนแรง 1,800% ของพลังโจมตีกายภาพ
รัศมีดาบอันทรงพลังพุ่งเสียบกะโหลกเครย์อย่างแม่นยำ
[ ปราณต่อสู้กลายเป็น 90 หน่วย ]
[ คริติคอล! ]
[ สมญานาม ‘ตายใน… ]
...
[ เพลิ่งทมิฬ... ]
[ สายฟ้าสีชาด... ]
“อ๊ากกก!”
เอิร์ลเครย์ส่งเสียงกริดร้องเมื่อศีรษะถูกกระแทกด้วยรัศมีดาบ
ในยามปรกติ เครย์จะยิ่งแข็งแกร่งเมื่อยิ่งเลือดออก แถมมันยังสามารถดูดกลืนพลังชีวิตกลับคืน 100% จากความเสียหายที่สร้าง
พลังชีวิตสูงสุดคือระบบที่ไม่มีความหมายกับมันมากนัก เพราะจะมีมากน้อยเท่าไรก็ไม่ต่างกัน
วิธีต่อสู้ที่มันใช้เสมอมาก็คือ ปล่อยให้ตัวเองหลั่งเลือดและเสก ‘หางโลหิต’ ออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อบดขยี้ทุกสิ่งให้พังพินาศ
หางโลหิตถือเป็นการโจมตีระยะไกลที่รวดเร็วและทรงพลัง สามารถใช้งานได้ทุกสถานการณ์ แถมการโจมตีแต่ละครั้งยังช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตตัวมัน
แต่ปัจจุบัน หางโลหิตที่มันแสนภูมิกลับกลายเป็นสิ่งไร้ค่า
ทำไมน่ะหรือ?
เพราะการมีตัวตนของแค็ทซ์
นักรบโลหิต
เอิร์ลเครย์มิอาจเสกหางโลหิตได้มากกว่าสองเพราะอีกฝ่ายมีแค็ทซ์
มันกังวลว่า หากเสกหางโลหิตออกมาเป็นจำนวนมาก แค็ทซ์อาจแย่งชิงหางโลหิตไปทั้งหมดและย้อนกลับมาทำร้ายตัวมันด้วยพลังโจมตีมหาศาล
‘เราจะหนีดีไหม...?’
หลังจากถูก ‘คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ ซัดเข้าไปอย่างจัง เอิร์ลเครย์จึงเหลือพลังชีวิตเพียง 20% เท่านั้น
ภาพตัวมันกำลังวิ่งหนีหางจุกก้นได้ทำให้เอิร์ลเครย์เดือดดาลยิ่งกว่าเดิม
‘หนีงั้นหรือ…? แวมไพร์เอิร์ลผู้ยิ่งใหญ่อย่างเราต้องวิ่งหนีมนุษย์โสโครกรึไง?’
ทันใดนั้น คำเย้ยหยันที่บราฮัมเคยกล่าวไว้เมื่อนานมาแล้วพลันดังก้องในหัว
“นายเอาแต่พึ่งพาพลังของท่านแม่จนกลายเป็นแวมไพร์แสนเกียจคร้าน นายเป็นได้เพียงตัวตนไร้ค่าที่ไม่ต่างจากเอลฟิน·สโตนเลยสักนิด ในหัวมีแต่อารมณ์พลุ่งพล่านเกินจำเป็น ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ อย่างนายไม่สมควรเป็นเอิร์ลด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงว่าที่มาร์ควิส”
‘บราฮัม!’
แวมไพร์เสียสติที่สังหารพี่น้องร่วมสายเลือดโดยอ้างเหตุขจัดคำสาปเกียจคร้าน
ในอดีต การดวลระหว่างเครย์กับบราฮัมจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเครย์อย่างหมดท่า มันต้องหนีหากจุกก้นด้วยสภาพน่าสมเพช แม้จะถูกบราฮัมเหยียดหยันไล่หลังก็ไม่สน
สิ่งนี้ก่อให้เกิดปมในใจเครย์อย่างรุนแรง
เอิร์ลเครย์สาบานกับตัวเองว่าจะไม่หันหลังหนีอีกเป็นอันขาด
มันคิดเผชิญปัญหาตรงหน้าด้วยแววตาแสนมุ่งมั่น
“สืบทอดมาจากท่านแม่แล้วยังไง...มันก็เป็นพลังของฉันเหมือนกัน! เดี๋ยวจะแสดงให้นายเห็นว่าฉันไม่ได้อ่อนแอเหมือนกับเอลฟิน·สโตน!!”
เอลฟิน·สโตน ชายผู้เย้ยหยันเครย์ทั้งที่ตนเองไม่มีสิทธิ์ได้เป็น ‘ว่าที่’ มาร์ควิส
แวมไพร์ที่โหยหาแต่ความรัก
แวมไพร์ที่ถูกคำสาปเกียจคร้านครอบงำอย่างรุนแรง
จนกระทั่งทำสิ่งที่น่าสมเพชอย่างการหลับไหลต่อหน้าบราฮัม ขณะที่บราฮัมกำลังสังหารคนรักตนอยู่
“อย่ามาดูถูกฉัน!!”
มันเหนือกว่าทุกคน
มันจะพิสูจน์ให้เห็นโดยการบดขยี้มนุษย์ที่เอาชนะเอลฟิน·สโตนมาได้
ซู่วววววว—
เครย์คำรามกึกก้องพร้อมกับอัญเชิญพายุเกลียวโลหิตรวดเดียวหกหาง
มันต้องการพลังอันยิ่งใหญ่…
เอิร์ลเครย์ไม่แยแสการมีตัวตนของแค็ทซ์อีกต่อไป
แม้จะเสี่ยงถูกช่วงชิงหางโลหิต แต่หนทางนี้ย่อมมีเกียรติกว่าการวิ่งหนีหางจุกก้นอย่างน่าสมเพช
ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร มันก็จะไม่นึกเสียใจภายหลังเด็ดขาด
‘หก...?’
ดวงตากริดพลันเบิกโพลงเมื่อเอิร์ลเครย์ระเบิดพลังในยามถูกต้อนจนตรอก
ก่อนหน้านี้ เพียงสี่หางก็มากพอจะกำราบกริดให้อยู่หมัด แต่ปัจจุบันมีมากถึงหกหางเชียวหรือ
นับเป็นสถานการณ์ที่น่าหวั่นวิตกสำหรับกริด เขาไม่คิดว่าเอิร์ลเครย์จะเก็บซ่อนพลังไว้มากมายเพียงนี้
“กริด!”
เคร้ง! เป๊ง!
บึ้มบึ้มบึ้ม! ตู้มตู้ม!
เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างลงมือโจมตีเพื่อสนับสนุนกริด
ทุกคนเล็งทักษะสุดแสนทรงพลังใส่เอิร์ลเครย์อย่างไม่ขาดสาย
การที่พวกเขาสามารถทำเช่นนี้ได้
เพราะแวมไพร์ทายาทอีกสามตนที่เหลือไม่สนใจจะเข้าร่วมศึกแล้ว พวกมันล้วนถอยห่างเพื่อเฝ้ามองการต่อสู้จากระยะไกล
“เม็มฟิสกับยารุกต์? ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่...”
“ฉันไม่สนตัวจริงของเจ้านั่น...น่าเบื่อจะตายไป”
ขณะเดียวกัน
“เหมียว...”
“ชิ…! หากข้าได้พลังที่แท้จริงคืนมา แวมไพร์ชั้นต่ำเยี่ยงพวกเจ้า…!”
สี่หัตถ์เทวะ โนเอะ แรนดี้ และยารุกต์ ทั้งหมดต่างพ่ายแพ้สามแวมไพร์ทายาทอย่างราบคาบ
ถึงกระนั้น ทั้งสามก็ไม่คิดยื่นมือช่วยเครย์แต่อย่างใด
ปัจจุบัน พวกมันล้มเลิกความตั้งใจที่จะสังหารนักบุญหญิงรูบี้ไปแล้ว ทุกคนถอยไปเฝ้ามองการต่อสู้จากระยะไกลด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
นี่คือหนึ่งในผลจากคำสาปเกียจคร้าน
ไม่เพียงจะเบื่อหน่าย แต่พวกมันยังรู้สึกง่วงนอนสุดขีด
ด้วยเหตุนี้ สมาชิกโอเวอร์เกียร์จึ่งไม่พลาดโอกาสทองในการรุมสังหารเครย์
โดยเฉพาะลอเอล
เขากระตือรือร้นเป็นพิเศษ
“พวกเราต้องรีบสังหารเครย์โดยเร็ว!”
กริดและสมาชิกปาร์ตี้ทุกคนล้วรทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อโจมตีปิดฉากเอิร์ลเครย์
สิ่งนี้คือแผนการของลอเอล
ลอเอลพิจารณาจากสภาพแวดล้อม เป็นไปไม่ได้เลยที่เมื่องใต้ดินแวมไพร์จะมีผู้ปกครองมากถึงสี่ตน
แถมยังเป็นสี่ทายาท
มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง
ลอเอลคาดเดา เมืองลำดับเจ็ดจะต้องมีแวมไพร์ปกครองเพียงตนเดียวเหมือนเมืองอื่น การรวมตัวในหนนี้เป็นแค่เรื่องบังเอิญ
ต้องหาผู้ปกครองให้พบและรีบสังหารมัน
ในชั่วขณะที่ประตูมิติทางออกถูกเปิด โอกาสรอดของทุกคนจะมาถึง
และมีแนวโน้มสูงมาก ที่ผู้ปกครองเมืองแวมไพร์ลำดับเจ็ดอาจเป็นเครย์...
จากบรรดาทายาททั้งสี่ตน เอิร์ลเครย์ลงมือกับมนุษย์มากเป็นพิเศษจนผิดวิสัย แตกต่างจากอีกสามที่เฝ้ามองด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ราวกับไม่ใช่หน้าที่
ลอเอลเสี่ยงดวงกับการให้สมาชิกทุกคนทุ่มพลังใส่เครย์เพียงผู้เดียว โอกาสหนีรอดจากเมืองแวมไพร์แห่งนี้ไม่ใช่ 0% อีกต่อไป
นี่คือเหตุผลที่กริดจ้องโจมตีเอิร์ลเครย์เป็นพิเศษในเหตุการณ์ก่อนหน้า
พวกเขาเคยมีความหวัง…
จนกระทั่งเครย์เสกหางโลหิตมากถึงหก
มันคำรามกึกก้องราวกับคนเสียสติ
“ฉันจะแสดงให้พวกแกเห็นถึงความต่างชั้น!!”
ซู่วววว—
หกหางโลหิตถูกเครย์เสกขึ้นจากเลือดปริมาณมหาศาลที่ฟุ้งกระจายอยู่ทั่วบริเวณ
หางโลหิตบางส่วนได้คลี่ออกเป็นม่านแผ่นใหญ่และล้อมดักสมาชิกโอเวอร์เกียร์ประหนึ่งตาข่าย
หางบางส่วนขยายขนาดกลายเป็นเกลียวพายุลูกใหญ่ที่พัดพาเหล่าขุนพลให้กระเด็นไปคนละทิศทาง
และหางบางส่วนยังคงทำหน้าที่แส้โลหิตเช่นเคย คอยเล็งฟาดฟันสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงใส่สมาชิกปาร์ตี้ที่เหลือ
ทุกการโจมตีล้วนพื้นฟูพลังชีวิตกลับคืนสู่เครย์
ฉัวะ—
หากเส้นหนึ่งพลันพุ่งทะลวงใส่แผ่นอกกริดจนชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัส
[ ท่านได้รับความเสียหาย 29,000 หน่วย ]
[ ค่าความเสียหายถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลังชีวิตให้ศัตรู ]
“แค่ก...”
กริดกัดฟันทน เขาไม่ส่งเสียงร้อง
แม้เพิ่งจะถูกหางโลหิตเสียบเข้าขั้วหัวใจอย่างแม่นยำก็ตาม
ชายหนุ่มกังวล หากตนเสียขวัญในยามนี้ พวกพ้องจะไม่ยิ่งหวาดกลัวเอาหรือ?
กริดทำได้เพียงกัดฟันอดทนต่อทุกความเจ็บปวดที่กำลังแล่นทั่วร่าง
>> แค็ทซ์...นายควบคุมหางได้รึเปล่า?
กริดรีบส่งข้อความส่วนตัวหาแค็ทซ์
แค็ทซ์ตอบกลับด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
>> ฉันขอโทษ...อย่างที่เคยบอกไป ฉันไม่เหลืออำนาจโลหิตมากพอจะควบคุมหางของเครย์
>> ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ...อย่าได้คิดมาก
คนที่เสียใจยิ่งกว่าใครทั้งหมดคงหนีไม่พ้นตัวแค็ทซ์เอง กริดไม่คิดซ้ำเติม
ชายหนุ่มขบกรามแน่นพร้อมกับครุ่นคิดหาทางออกอื่น
ทันใดนั้น
ชิ้ง—
เมื่อมีหัตถ์เทวะคอยคุ้มครองจากแวมไพร์ทายาททั้งสาม เซฮีจึงใช้ทักษะฟื้นฟูสมาชิกปาร์ตี้ได้อย่างอิสระ
ทักษะฮีลอันทรงพลังได้ส่องสว่างวูบวาบอาบร่างกริดอย่างอบอุ่น
[ นักบุญหญิง ‘รูบี้’ ฟื้นฟูพลังชีวิตให้ท่าน 18,900 หน่วย ]
แสงสีขาวที่อบอุ่นและเบาสบาย
อาการบาดเจ็บพลันเจือจางลงหลายส่วน
ทว่า...กริดมิได้ลุ่มหลงไปกับมัน
“ไม่ต้องรักษาพี่!! รีบรักษาคนอื่น!!”
กริดทราบดี เอิร์ลเครย์กลายเป็นปีศาจที่อยุ่คนละมิติเมื่อเข้าสู่โหมดคลุ้มคลั่ง
การโจมตีของเครย์แต่ละหน กระทั่งผู้เล่นที่มีคุณสมบัติตัวแทงค์อย่างกริดยังถึงกับบาดเจ็บเจียนตาย
หากคนอื่นโดนเข้าจะไม่ตายคาที่เอาหรือ?
การโจมตีจากเครย์รุนแรงจนเซฮีมิอาจรักษากริดทัน พลังชีวิตที่เพิ่มขึ้นไม่สามารถกลบช่องว่างพลังชีวิตที่สูญเสียไป
แต่ถึงอย่างนั้น...
“พี่เป็นอมตะ!!”
ในบรรดาสมาชิกปาร์ตี้ปัจจุบัน มีเพียงกริดเท่านั้นที่เป็นตำนาน
เขาไม่ล้มลงโดยง่ายแน่นอน
‘ต้องอย่างนั้น...เล็งมาที่ฉันคนเดียว’
กริดเตรียมใจไว้แล้ว
ยังเหลือเวลาอีกราว 40 วินาทีก่อนที่ผลของผสานไอเท็มจะหมดลง
ชายหนุ่มเร่งความเร็วพุ่งตัวขึ้นด้านบน
เอิร์ลเครย์รีบพุ่งตามไปโดยมีหกหางโลหิตรายล้อม
“เข้ามาเลยเจ้ามนุษย์! จะมอบบทเรียนที่บังอาจหันคมดาบใส่ฉันผู้นี้!!”
ปัจจุบัน เอิร์ลเครย์กำลังต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี เก่งกาจจนร่างอันน่าสมเพชก่อนหน้าเทียบไม่ติด
นี่คือพลังที่แท้จริงของมัน
เอิร์ลเครย์ออกคำสั่งกับหางโลหิตด้วยสีหน้าสุดมั่นใจ ทั้งหมดกำลังพุ่งตรงเข้าใส่กริดอย่างพร้อมเพรียง
ซู่ว—
หางหนึ่งเส้นคลี่กางออกราวกลายเป็นม่านตาข่ายโลหิต
ซู่วซู่ว!
หางสองเส้นพุ่งทะลวงเป็นเส้นตรงราวกับปลายหอกทิ่มแทง เป้าหมายคือร่างกายกริด
นี่เป็นคอมโบสำหรับพันธนาการกริดให้อยู่นิ่งและลงทัณฑ์อย่างโหดเหี้ยม
แต่ชายหนุ่มหลบหลีกพวกมันทั้งหมดได้ด้วย ‘เคลื่อนที่อิสระ’
“นี่แก…!”
การหลบหลีกอันสมบูรณ์แบบเช่นนี้หมายความว่ายังไง? กริดไม่เคยแสดงฝีมือที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้มาก่อน
เอิร์ลเครย์เริ่มตื่นตัว มันออกคำสั่งให้สามหางที่เหลือหมุนวนเป็นเกลียวพายุ
หางโลหิตทั้งสามเส้นได้ขยายขนาดขึ้นเป็นสามเท่า ปัจจุบันดูเหมือนเสาพายุโลหิตมากกว่าหาง
เสาพายุทั้งสามต้นถูกวางดักไว้ด้านหน้ากริดเพื่อขัดขวางการพุ่งตัวเข้าหาเครย์
นับเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดเพื่อรับมือกับทักษะชนิด ‘หลบหลีกการโจมตีไม่ล็อคเป้าพร้อมกับพุ่งเข้าหาเป้าหมาย’
ฉัวะฉัวะ!
ฉัวะฉัวะฉัวะฉัวะ—
[ ท่านได้รับความเสียหาย 8,900 หน่วย ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 8,730 หน่วย ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 9,100 หน่วย ]
[ ค่าความเสียหายถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลังชีวิตให้ศัตรู ]
‘บัดซบ!’
พายุโลหิตขนาดใหญ่จำนวนสามลูกได้ขวางกั้นกริดและเอิร์ลเครย์ไว้ ชายหนุ่มที่พุ่งฝ่าเข้าไปเป็นต้องถูกฉีกกระชากร่างกายอย่างทารุณ
หน้าจอการมองเห็นของกริดกลายเป็นแสงสีแดงกระพริบวูบวาบ
พลังชีวิตใกล้หมดลงเต็มที
“กริด!”
“พี่!!”
สมาชิกทุกคนต่างแหงนมองกริดเป็นตาเดียว พวกเขาต้องการช่วยเหลือแทบขาดใจ
แต่เอิร์ลเครย์กำลังเล็งโจมตีเพียงกริดโดยไม่หันสนใจสิ่งรอบข้างแม้แต่น้อย
“คุคุคุ…! คุฮ่าฮ่าฮ่า!”
มันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจ
เครย์มีความสุขสุดขีดเมื่อได้เห็นกริดถูกพายุโลหิตกักขังไปพร้อมฉีกกระชากร่างกาย
[ ผู้เป็นตำนานย่อมไม่ตายโดยง่าย ท่านจะเข้าสู่สภาวะอมตะเป็นเวลา 5 วินาทีด้วยพลังชีวิต 1 หน่วย ]
ไพ่ตายสุดท้ายถูกงาน
“ย๊ากกกกก!”
“อะไรกัน…?”
เมื่อเป็นอมตะ กริดจึงกัดฟันพุ่งผ่าพายุโลหิตโดยไม่สนความเจ็บปวด
“ทำลายล้างสังหาร!”
ฉัวะ! ฉึก!
อาวุธผสานสุดโกง ‘ดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรม’ และ ‘ความผิดพลาด’ ได้เสียดแทงใส่ร่างเอิร์ลเครย์อย่างโหดเหี้ยม
พลังโจมตีของ ‘ทำลายล้างสังหาร’ ทรงพลังจนทำให้พลังชีวิตเครย์เข้าสู่จุดวิกฤติ
มันรีบหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อรักษาระยะห่างจากกริดให้ไกล
“ชิ…!”
กริดรีบพุ่งตามไป
“เข้าใกล้ฉันไม่ง่ายหรอกนะ!!”
หางทั้งหกของเอิร์ลเครย์ได้คลี่กางออกเป็นตาข่ายโลหิตเพื่อขัดขวางกริด
“…!”
[ บัฟอมตะหมดลง ]
ข้อความระบบสุดฝันร้ายปรากฏขึ้นขณะกริดกำลังโยกตัวหลบตาขายโลหิตทั้งหกที่พุ่งเข้าใส่
ปัจจุบัน ตัวช่วยที่ทำให้กริดหลบหลีกได้บ่อยครั้งอย่าง ‘พลิ้วไหว’ ขณะนี้หมดผลของบัฟเรียบร้อยแล้ว
“ตายซะ!”
ตาข่ายโลหิตทั้งหกแปรเปลี่ยนเป็นแส้โลหิตฟาดฟันใส่กริดจากทุกทิศทาง
“ไม่นะ!”
“กริดด!!”
ทุกคน...
ทุกคนคิดว่ามันคงจบสิ้นแล้ว
ความตายของกริดคือสิ่งที่มิอาจเลี่ยงได้
ทันใดนั้น...
[ ท่านเข้าสู่ ‘ภวังค์ปรารถนาอันแรงกล้า’ ]
ซู่ว—!
นัยน์ตาของกริดพลันส่องแสงสีม่วงเข้ม
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,163
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
สุดยอดแห่งความมัน และความค้าง 🙏😅 ขอบคุณครับ
ReplyDeleteแปล2วันต่อตอนเเบบนี้กูย่างชอบเลย!!!อืออออออ
ReplyDeleteอันตะนิยม
ReplyDeleteคิดเหมือนกัน555
Deleteคนตั้งเยอะไม่ช่วยกริดหน่อยหรอ
ReplyDelete