จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,531



[ท่านแน่ใจหรือว่าจะออกจากศาสนายูดาห์]


พลังอำนาจของศาสนจักรยูดาห์ลดลงอย่างมาก


ผู้เล่นหลายคนยอมกัดฟันออกจากศาสนาแม้จะได้รับโทษร้ายแรงเนื่องจากผิดไปจากสัญญา


เพียงเพราะข่าวลือที่ระบุว่าเทพยูดาห์อยู่เบื้องหลังอสูร เป็นข่าวลือที่น่าขยะแขยงอย่างมาก


และโบสถ์ยูดาห์จะยิ่งเสียหายกว่านี้หากมีหลักฐานยืนยันว่าเป็นความจริง บทลงโทษแค่นี้ยังนับว่าเล็กน้อย


‘ข่าวลืออาจเป็นเรื่องจริง’


ผู้เล่นไม่ไว้วางใจเทพยูดาห์และมองว่าพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายทรยศความเชื่อ


การปรากฏตัวของไลฟาเอลก็มีส่วนเช่นกัน


ท่าทีของอัครเทวทูตลำดับหนึ่งซึ่งโผล่ออกมาโจมตีใส่กริดและผู้เล่นในสมรภูมิห้วงนรก คือตัวจุดชนวนให้เทพสูญเสียความไว้วางใจ


ในมุมมองของแอสการ์ด พฤติกรรมของเทวทูตไม่ต่างอะไรจากการโทรลล์


การวางตัวของเทวทูตชวนให้ถูกตั้งคำถาม ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ไม่ปรกติ และนั่นทำให้มีแต่ทำให้เกิดผลเสีย


ลงเอยด้วยโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงจนอำนาจของยูดาห์อ่อนแอลง


สุขภาพของ NPC เริ่มกลับคืนมาในช่วงสองสามวันถัดมา หลายคนกลับมาจับเครื่องมือได้อีกครั้ง


พิจารณาจากสถานการณ์ดังกล่าว ดูเหมือนว่ายูดาห์จะไม่ต้องการสูญเสียผู้ศรัทธาไปมากกว่านี้


หรือบางทีอาจแค่เพราะระยะเวลาของบัฟหมดอายุ


และมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นอย่างหลัง


เคร้ง!


นั่นเพราะสถานะกึ่งอมตะของมอนสเตอร์ยังคงอยู่


พวกมันจะไม่ได้รับความเสียหายหากไม่ถูกโจมตีใส่จุดอ่อน


พลังของยูดาห์ยังไม่หายไปทั้งหมด


แต่ผู้คนก็มิได้มองว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงอะไรนัก


พวกมันเริ่มเคยชินกับการเล็งโจมตีจุดอ่อนของเป้าหมายแทนที่จะบุ่มบ่ามบุกเข้าไป โดยเฉพาะการที่มอนสเตอร์สติปัญญาต่ำมักจงใจป้องกันจุดอ่อนของตัวเองอย่างเปิดเผย


[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ]


เสาแห่งแสงที่เป็นสัญลักษณ์ของเลเวลอัปกำลังสว่างไสวไปทั่วทั้งทวีป


ผู้เล่นที่มีพัฒนาการด้านเลเวลก้าวกระโดดที่สุดในโลกคือพ่อและแม่กริด


“เลเวลเกินร้อยแล้ว! ในที่สุดก็จะได้ออกจากเขตมือใหม่แล้วใช่ไหม?”


“เปล่า… พวกคุณพ้นจากเขตมือใหม่มาตั้งแต่เลเวลหลักสิบแล้ว”


“???”


เดิมทีที่นี่เป็นจุดฟาร์มยอดนิยมของผู้เล่นช่วงเลเวล 180


เลเวลแนะนำกลายเป็นสองร้อยหลังจากมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร และกลายเป็น 230 หลังจากการแทรกแซงของยูดาห์


ผู้เล่นหลายคนกำลังสงสัยว่าคู่รักวัยกลางคนที่แต่งกายด้วยไอเท็มหรูหราแสร้งทำตัวเป็นมือใหม่


แน่นอนว่าคนทั้งสองไม่ทราบ


พวกมันแค่พูดออกไปตามจริง และไม่มีทางรู้ได้เลยว่านั่นฟังดูน่าสงสัย


“พวกเราพักก่อนไหม?”


“ได้สิ ลูกสะใภ้ของเราคงเริ่มเบื่อแล้ว”


ทั้งสองได้พบรักราวกับบุพเพสันนิวาสในรั้วมหาวิทยาลัย จึงแต่งงานเร็วและมีทายาทค่อนข้างเร็ว โดยยึดหลักขยันทำงานเพื่อให้มีกินมีใช้มากกว่าจะเคร่งวินัยจนขาดความสุข


เป็นสาเหตุที่ลูกชายคนโตหลงทางในชีวิตอยู่นาน ทุกครั้งที่มองย้อนกลับไปพวกมันจะนึกเสียใจและแอบขอโทษ และโล่งใจที่ลูกชายค้นพบเส้นทางที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ในภายหลัง


พ่อและแม่กริดเอ็นดูไอรีนอย่างเลี่ยงไม่ได้


เพราะเธอถูกเลือกโดยลูกชายที่พวกมันแสนจะภาคภูมิใจ


ถึงจะไม่ใช่คนจริงๆ ก็ตาม…


นั่นคือเหตุผลที่พวกมันพยายามยับยั้งความรู้สึกในตอนต้น แต่ก็ตระหนักได้เมื่อไม่นานมานี้


ไอรีนเองก็เป็นสิ่งมีชีวิต


หัวใจอันอบอุ่นของเธอทำให้คนรอบข้างมีความสุขได้เสมอ


“…หือ?”


ณ มหาวิหารหลักของเทพโอเวอร์เกียร์


พ่อและแม่กริดซึ่งเด็ดดอกไม้ป่ากลับมาเยี่ยมไอรีนผู้ต้องอยู่ตามลำพังในวิหาร เริ่มตระหนักว่าบรรยากาศแปลกไปจากเดิมเล็กน้อย


อันดับแรก ชาวนากำลังไถนา


“ทำไมถึงไม่รู้กาลเทศะเอาเสียเลย?”


พ่อกริดเผยความไม่พอใจทันที จากนั้นก็รีบปรี่เพื่อเข้าไปคุยกับไอ้งั่งที่กำลังขุดแปลงดอกไม้ของรักของหวงลูกสะใภ้


ฝ่ายภรรยารีบห้ามไว้


“อย่าเพิ่งใจร้อน ลองดูก่อน เขากำลังปลูกฟักทอง”


“…หืม พื้นฐานไม่เลวนี่ ห่อได้โดยไม่ทำให้ลำต้นเสียหาย”


“ระยะห่างสมบูรณ์แบบมาก ถ้าดอกบานจะต้องสวยมากแน่ ดอกฟักทองสีเหลืองจะยิ่งทำให้แปลงดอกไม้ของลูกสะใภ้งดงามยิ่งขึ้น”


“เขาเป็นคนสวน ไม่ใช่ชาวนา?”


พ่อแม่กริดหมกมุ่นอยู่กับเกษตรกรรมมานานหลายสิบปี


พวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อให้บ้านที่มีเด็กสองคนอบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อน เพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินไปกับค่าทำความร้อนหรือความเย็น


นั่นทำให้มีสายตาหลักแหลม


พวกมันพยายามคาดเดาตัวตนที่แท้จริงของชายสวมหมวกฟางที่กำลังยุ่งอยู่ในแปลง


‘หรือจะเป็นปิอาโร่’


พวกมันเคยได้ยินว่าลูกชายของตนชื่นชอบปิอาโร่มาก


‘คนสวน’ เงยหน้าขึ้นพอดีขณะทั้งสองเดินเข้าไปทักทาย จึงพบว่าอีกฝ่ายเด็กเกินกว่าจะเป็นปิอาโร่ อายุน่าจะเพิ่งกลางสามสิบ


“ที่นี่ไม่อนุญาตให้คนนอกผ่านเข้าออก ถ้าจะมาสวดมนต์ก็ช่วยย้อนกลับไปทางเดิมด้วย”


คำพูดสั้นห้วนและไร้หางเสียงของอีกฝ่ายชวนให้นึกถึงชาวตะวันตกในชีวิตจริง


“ใครเขาปลูกฟักทองกันแบบนั้น”


พ่อกริดตอบด้วยสีหน้าเย็นชา


ก่อนจะกลายเป็นพ่อ ชายคนนี้เคยก่อเรื่องมาไม่น้อย อารมณ์จึงค่อนข้างมุทะลุ หากไม่ใช่เพราะได้เจอผู้หญิงที่ดีตั้งแต่ยังหนุ่ม มันคงเป็นตัวปัญหาของย่านดังกล่าวไปอีกนาน


“หือ?”


ชาวนาฮูเร็นยิ้มจนเห็นฟันขาว แต่ดวงตากำลังส่องประกายเนื่องจากออร่ากำลังไหลมารวมตัว


ชาวนาเองก็มีศักดิ์ศรีของชาวนา


ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย


“ผู้บุกรุกเข้ามาได้ยังไงกัน”


เมอร์เซเดส


หลังจากกลับมายังไรน์ฮาร์ทด้วยเหตุผลบางประการ สิ่งแรกที่เธอทำคือการพุ่งเข้าไปจัดการกับพ่อของกริด แต่ก็ไม่ใช่มาตรการรุนแรงอะไรนัก แค่กดท้ายทอยแผ่วเบาพร้อมกับจับแขนบิดมาไพล่หลังหนึ่งข้าง


แต่การกระทำดังกล่าวทำให้พ่อกริดหน้าทิ่มพร้อมกับล้มลง


แม้จะสวมใส่ไอเท็มเกรดเลเจนดารีทั้งตัว แต่เลเวลก็ยังต่ำมากจนไม่มีทางต่อกรกับหนึ่งในอัครสาวกไหว


“กรี๊ดดดด! ท่านพ่อตา!!”


“?!”


เสียงกรีดร้องของไอรีนทำให้เมอร์เซเดสหน้าซีดทันที


“ฉ…ฉันไม่เกี่ยว”


ฮูเร็นที่พอจะเข้าใจบรรยากาศรีบไปหลบหลังต้นไม้


***


“ขอโทษค่ะ! ดิฉันต้องขออภัยเป็นอย่างสูง!”


วิหารเทพโอเวอร์เกียร์กำลังอยู่ในสภาวะเข้มงวด


ไอรีน


ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้คือที่พักอาศัยของบุคคลที่สำคัญที่สุดในอาณาจักร


ถูกต้องแล้วที่จะดำเนินมาตรการขั้นสูงสุดหากมีผู้พยายามบุกรุก


แต่ปัญหาคือพ่อแม่กริดไม่ใช่ผู้บุกรุกหรือบุคคลต้องสงสัย


พวกมันได้รับการยืนยันตัวตนจากเจ้าหน้าที่ทุกระดับและได้สิทธิ์ในการผ่านเข้าออกวิหารอย่างอิสระ


เป็นเมอร์เซเดสและฮูเร็นที่เพิ่งกลับจากสงครามต่างหากที่ลงไม้ลงมือเกินพอดี


“ม…ไม่เป็นไร”


พ่อกริดสวมรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า เป็นการตอบสนองที่แตกต่างจากเมื่อครั้งสนทนากับฮูเร็นโดยสิ้นเชิง ดวงตาที่เคยเรียวคมดุดันเหมือนกับกริดตอนนี้กำลังโก้งโค้งด้วยความเป็นกันเอง


“ชื่อเมอร์เซเดสใช่ไหม? ขอบคุณมากที่คอยดูแลลูกชายของเราเสมอมา”


“ด…ดิฉัน…! ป…เป็น… ของ… ฝ…ฝ่าบาท!!”


ดวงตากลมกลึงของเมอร์เซเดสกำลังหมุนเคว้ง


เธอทำตัวไม่ถูกเมื่อบิดาของเจ้านายกำลังก้มศีรษะแสดงความขอบคุณ ลงเอยด้วยเธอคิดจะคุกเข่าลงและก้มศีรษะให้อีกฝ่าย


ฉากดังกล่าวค่อนข้างน่าตกตะลึงสำหรับคนที่รู้จักเมอร์เซเดสมาเป็นเวลานาน


ด้วยกิริยามารยาทของขุนนางผู้สูงศักดิ์เย็นชาและสายตาที่แหลมคมราวกับดาบ ไม่บ่อยครั้งนักที่จะได้เห็นเมอร์เซเดสขอโทษขอโพยใครด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจ เป็นภาพที่ดูไม่สมจริงเลยสักนิด


จากนั้น


เมอร์เซเดสสนทนากับพ่อแม่กริดโดยไม่รู้ตัวว่าดื่มชาเข้าไปทางปากหรือจมูก เห็นได้ชัดว่าการพูดคุยเป็นไปด้วยบรรยากาศชื่นมื่น แม้เธอจะจดจำรายละเอียดอะไรไม่ได้เลยก็ตาม เอาแต่ฉาบยิ้มลงบนใบหน้าตลอดเวลา


เมอร์เซเดสประสบความสำเร็จในการรักษาภาพลักษณ์ต่อหน้าพ่อแม่กริด


น่าจะเป็นแบบนั้นล่ะนะ


“…หือ?”


เมอร์เซเดสที่ได้สติกลับมาพลันทำตัวแข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้น


ทำไมทุกคนถึงเดินมาที่หน้าประตูห้องนอนของเธอ?


ดวงตาที่สั่นเทาของหญิงสาวหันกลับไปมองราชินีไอรีน เจ้าชายลอร์ด และพ่อกับแม่ของฝ่าบาท ทุกคนกำลังสนทนากันอย่างออกรส


“เด็กสมัยนี้ชอบอวดห้องของตัวเองกันหรือ?”


“ไม่ใช่แบบนั้น แต่เป็นเกมที่กำลังนิยมในหมู่ขุนนาง หลายชายพวกเราเป็นเจ้าชาย จึงไม่มีใครกล้าคัดค้าน”


“โลกนี้มีเกมแปลกๆ เยอะจัง… แต่ก็น่าสนุกดีไม่เลว เหมือนกับรายการทีวีที่ชอบพาไปเปิดบ้านดาราใช่ไหม?”


“ห้องของเซอร์เมอร์เซเดสคงเต็มไปด้วยตู้แสดงชุดเกราะกับดาบใช่ไหม? ต้องเป็นจิตวิญญาณอัศวินที่เข้มข้นมากแน่! อดใจรอไม่ไหวแล้ว!”


“องค์ชาย ได้โปรดสำรวม…”


“…”


เมอร์เซเดสหน้าแดงก่ำทันทีที่เข้าใจสถานการณ์ ประตูห้องนอนของเธอคือสิ่งที่จะเปิดมิได้เป็นอันขาด


ภายในนั้นมีเหตุผลว่าทำไมจิตรกรอย่างปิกัสโซ่ถึงร่ำรวยนัก


ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวจิตวิญญาณแห่งอัศวินที่องค์ชายลอร์ดคาดหวัง


“เซอร์เมอร์เซเดส?”


ลอร์ดเร่งเร้าด้วยดวงตาใสซื่อจนหญิงสาวลำบากใจ


และแรงกดดันยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อมีพ่อแม่ของกริดคอยมองอยู่


เมอร์เซเดสยอมตายมากกว่าจะเห็นสีหน้าผิดหวังของพวกมัน


‘โรคจิต.. พวกเขาต้องคิดว่าเราเป็นพวกโรคจิตแน่’


แต่ปัญหาก็คือ: นั่นอาจไม่ใช่ความเข้าใจผิด


ขณะเมอร์เซเดสกำลังจับลูกบิดด้วยฝ่ามือสั่นระริก


“หยุดเถิด”


ไอรีนกล่าว


“ดิฉันคิดว่าค่านิยมเช่นนี้ไม่ถูกต้อง เหล่าขุนนางจะอวดห้องของตัวเองด้วยเจตนาบริสุทธิ์จริงหรือ ไม่ใช่ว่าพวกเขาแค่ต้องการสนองตัณหาต่ำต้อยด้วยการโอ้อวดหรืออย่างไร?”


สิ่งที่ผิดคาดคือไม่มีการโต้แย้ง


พ่อแม่กริดเห็นพ้องทันที


“ถูกต้องทุกประการ”


“อย่างที่คิด ลูกสะใภ้ของพวกเราฉลาดมาก แม้พวกเราจะโตแล้วแต่ก็ยังต้องเรียนรู้จากเธอ ดีจริงๆ ที่มีเด็กแบบนี้คอยอยู่ใกล้ๆ กริด”


แม้แต่เจ้าชายลอร์ดก็เห็นด้วยแต่โดยดี


เมอร์เซเดสที่แอบถอนหายใจประสานสายตากับไอรีน


เธอสัมผัสได้ถึงความห่วงใยจากดวงตาคู่นั้นของไอรีน


เมอร์เซเดสยิ่งทวีความเคารพนับถือในตัวอีกฝ่าย


‘ภรรยาหลวงช่างแตกต่าง…’


ควรค่าแก่การนับถือเป็นรุ่นพี่


ความรู้สึกเช่นนี้เกิดกับเมอร์เซเดสมานานแล้ว


หากวันใดที่กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน เธอมั่นใจว่าจะขจัดความรู้สึกอิจฉาออกไปได้


เป็นอีกวันที่ความลับของเมอร์เซเดสถูกเก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิด


***


ก่อนจะออกผจญภัย


กริดที่เพิ่งกลับจากการแวะไปหาไอรีนกำลังยืนหน้าโลงศพขนาดใหญ่


ร่างของซิก


ระบุให้ชัดเจนก็คือ โลงศพที่บรรจุร่างแกรนมาสเตอร์


ศพแกรนมาสเตอร์ไม่เน่าเปื่อยแม้แต่น้อย ผิวหนังยังคงเปล่งปลั่งและมีชีวิตชีวา


ไม่ต่างอะไรกับตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงดูค่อนข้างแปลกเมื่อถูกนำไปวางไว้ในโลง


[ฮัคเซ่นให้ความสนใจกับเศษเสี้ยวเวทมนตร์ชั้นสูง]


[ไฟโวล์ฟช่วยอธิบายว่านั่นเป็นเวทมนตร์โบราณที่ใช้อักขระ]


ดวงวิญญาณอดีตตำนานซึ่งใช้กริดเป็นที่หลบภัยนับว่าทำตัวมีประโยชน์


พวกมันคอยเล่าประวัติศาสตร์และข้อมูลโบราณที่กริดยังไม่ทราบ บางครั้งก็คอยให้คำแนะนำตามความถนัด


แน่นอนว่าวิญญาณของเหล่าวีรชนไม่มีอีโก้ที่เข้มข้นเหมือนกับดวงวิญญาณตำนาน ข้อมูลจึงตกหล่นไปหลายส่วนเนื่องจากหลายคนหลงลืมอดีตไปแล้ว


แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย


กริดบอกความกังวลกับทุกคน


“ฉันยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะมอบร่างให้โครงกระดูกหนึ่งหรือยารุกต์ดี คิดไม่ตกมาเป็นสิบวันแล้ว”


[ซีดานเข้าใจความกังวลของท่าน ทั้งโครงกระดูกหนึ่งและยารุกต์ล้วนเป็นนักดาบที่ยอดเยี่ยม แน่นอนว่ายารุกต์เก่งกว่ามากถ้าวัดกันเฉพาะเชิงดาบ แต่อันเดดก็มีศักยภาพสูงเหมือนกัน]


[ฮัคเซ่นแนะนำท่าน นับตั้งแต่อดีตกาล ‘คนตายในร่างคนเป็น’ จะมีสถานะพิเศษ ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ ‘วิญญาณไร้ผู้สืบทอด’]


[ไฟโวล์ฟเห็นด้วยกับคำแนะนำของฮัคเซ่น อัศวินความตายที่สร้างจากโครงกระดูก กับอัศวินความตายที่สร้างจากร่างคนเป็นมีความแข็งแกร่งแตกต่างกันคนละมิติ เขาสารภาพว่านั่นเป็นหนึ่งในศัตรูที่คนยักษ์ทรงปัญญาหวาดกลัวมากที่สุด]


“มีความเห็นอย่างไรถ้าให้หนึ่งในพวกท่านใช้ร่างนี้”


[ซีดานโบกมือ]


[ฮัคเซ่นกล่าวว่าคงเป็นไปไม่ได้ในทางทฤษฎี]


[ไฟโวล์ฟกล่าวว่าเขาต้องการเป็นหนึ่งเดียวกับจักรกลเวทมนตร์มากกว่า]


กับคลาสหมอผีอาจแตกต่างออกไป แต่สำหรับผู้เล่นคลาสอื่น ศพไม่ใช่ไอเท็ม


ต้องไม่ลืมว่าทักษะ ‘บรรจุอีโก้’ ของกริดต้องเลือกเป้าหมายเป็น ‘ไอเท็ม’ เท่านั้น


ดังนั้นกริดจึงมีเพียงสองตัวเลือก หนึ่งคือการโอนสิทธิ์ของร่างให้ยารุกต์สิงสู่และใช้พลังอสูร หรือไม่ก็ยกให้โครงกระดูกหนึ่งที่มีพรสวรรค์ในการดัดแปลงร่างกายตัวเอง อำนาจของกริดมีแค่การ ‘เปลี่ยนเจ้าของศพ’ แต่ไม่ใช่การ ‘บรรจุวิญญาณลงในศพ’


แน่นอนว่าสามารถนำศพไปทำเป็นเจียงซือไร้วิญญาณ แต่นั่นดูเป็นการเสียของ


‘อา…’


หลังจากสนทนากับดวงวิญญาณและไตร่ตรอง


“ดีล่ะ ฉันเลือกนาย”


กริดอัญเชิญโครงกระดูกหนึ่ง


ตัวตนที่ถูกซ้อมทันทีที่โครงกระดูกสองกลายเป็นลิช


น่าเสียดายที่ร่างใหม่ค่อนข้างไร้อารมณ์และไหล่ห่อ แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์รับได้


“จงเกิดใหม่”


กริดไม่พูดพร่ำ


มันแสดงศพแกรนมาสเตอร์ให้โครงกระดูกหนึ่งดูพร้อมกับออกคำสั่ง


เท่านั้นก็เพียงพอ


คลื่นแสงสีดำพลันพวยพุ่ง


เป็นคลื่นพลังงานที่ทำลายเพดานโรงตีเหล็กและพุ่งสูงเสียดฟ้า

______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00