จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,305



ในซาทิสฟายมี ‘กำแพงสูง’ อยู่เป็นจำนวนมาก สิ่งนี้หมายถึงกำแพงที่ผู้เล่นเฉลี่ยในละแวกนั้นยังมิอาจปีนข้ามไปสำรวจ เทือกเขาเคอัสทางตอนเหนือของวินสตันก็ถือเป็นอีกหนึ่ง ‘กำแพงสูง’ ที่ผู้เล่นยากจะปีนข้าม


แต่ในวินาทีนี้


“งดงามมาก…”


ณ ใจกลางทวีปตะวันออก ที่นี่คือ ‘แอ่งสวรรค์’ ซึ่งรายล้อมด้วยผืนป่าต้นท้อขนาดใหญ่ เป็นประตูสำหรับเข้าสู่สรวงสวรรค์ที่ผู้เล่นทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้เฉียดใกล้


ถือเป็นคืออีกหนึ่ง ‘กำแพงสูง’ ของโลกซาทิสฟาย แถมยังเป็นกำแพงที่สูงที่สุดบนทวีปตะวันออก


‘ลองสู้ดีไหม?’


หลังจากเดินพ้นป่าท้อ กริดที่ได้พบกับ ‘วิญญาณเซียน’ เริ่มถกชายกระโปรงขึ้น


ชายหนุ่มตระหนักดีว่า การต่อสู้ตรงหน้าจะยากลำบากเพียงใด จึงต้องขจัดปัจจัยที่อาจฉุดรั้งความคล่องตัว


วิญญาณเซียน


พวกมันปรารถนาจะเป็นเซียน แต่สุดท้ายกลับล้มเหลวและร่วงหล่น


ความล้มเหลวทำให้วิญญาณเซียนสูญเสียร่างเนื้อและชีวิต แกรนมาสเตอร์เชื่อว่า พวกมันมารวมตัวกันรอบแอ่งสวรรค์ด้วยความตั้งใจของห้าอาวุโส


ไม่ว่าจะเป็นเซียนหรือวิญญาณเซียน ทั้งหมดล้วนเป็นเพียงสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของห้าอาวุโส จึงมิใช่เรื่องแปลกที่จะถูกใช้งานในฐานะหมาเฝ้าบ้าน


“ก…กลิ่นเนื้อหอมหวนรัญจวนใจมาก!”


พวกมันล้มเหลวและกลายเป็นวิญญาณเซียนเพราะมีนิสัยชั่วร้าย อีกทั้ง สิ่งมีชีวิตประเภทวิญญาณมักทำตามสัญชาตญาณและความหลงใหลเป็นหลัก มิใช่เหตุและผล


หรือก็คือ วิญญาณเซียนทั้งหมดชั่วร้าย และกล้าที่จะเผยใบหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์โดยไม่ปิดบัง


“จ…เจ้ายอดเยี่ยมที่สุดจากบรรดาสตรี 266 คนที่ข้าเคยลิ้มรสมา! แฮ่ก… แฮ่ก! อยากกิน! ข้าอยากกินเจ้าเดี๋ยวนี้!”


พวกมันแข็งแกร่งเพราะสัญชาตญาณเดิมยังคงอยู่


วิญญาณเซียนยังคงใช้วิชาดาบและเทคนิคอันยอดเยี่ยมที่สั่งสมมาทั้งชีวิต การปะทะซึ่งหน้าจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่แกรนมาสเตอร์ก็ยังต้องชักปฐมดาบซาฮารันออกมาเมื่อเผชิญหน้ากับวิญญาณเซียนสามตนขึ้นไป


“…”


ก่อนจะขึ้นไปเยือนอาณาจักรฮวานและเข้าสอบซือโหยว กริดรับมือวิญญาณเซียนตามลำพังไม่ไหว มีแต่ต้องพึ่งพาแกรนมาสเตอร์


ไม่ใช่แค่กริด แต่ทั้งกลุ่มอัศวินสีชาดใหม่และซีบาล ทุกคนล้วนพึ่งพาการปกป้องของแกรนมาสเตอร์เพื่อที่จะมาให้ถึงจุดหมาย


แต่ในตอนนี้


“วังวนสะพรั่ง”


กริดที่เผชิญหน้ากับวิญญาณเซียนตามลำพัง เลือกจะดวลกับมันซึ่งหน้าโดยไม่ถอยหนี


คล้ายกับจิตรกรสักคนในอดีตที่ตัดหูของตัวเองเพื่อให้จินตนาการทางด้านแสงจันทร์และดวงดาวบรรเจิดกว่าเดิม ปราณดาบพราวพรายจำนวนมหาศาลผุดขึ้นกลางอากาศอันว่างเปล่ารอบตัวกริด


เพียงพริบตา โลกทั้งใบเต็มไปด้วยวังวนกลีบดอกไม้


วังวนทุกจุดดูดกลืนคลื่นดาบจากวิญญาณเซียนและสะท้อนกลับไปทำร้ายเจ้าตัว


“…?”


เป็นเพราะเหลือเพียงสัญชาตญาณ วิญญาณเซียนจึงตอบสนองตามอารมณ์


มันเอียงคอฉงนเมื่อเห็นปราณดาบจำนวนมหาศาลที่ควรคร่าชีวิตมนุษย์ อันตรธานหายเข้าไปในกระแสวังวน ก่อนจะถูกส่งกลับมาหาตัวเอง


ด้วยพลังทำลายและผลข้างเคียงรุนแรงยิ่งกว่าของเก่า การโจมตีของวิญญาณเซียนพุ่งผ่านแอ่งสวรรค์และปะทะกับสภาพแวดล้อมโดยรอบจนเกิดเป็นความพังพินาศ


ตั้งแต่วินาทีแรกที่เผชิญหน้ากัน วิญญาณเซียนได้เปิดฉากโจมตีใส่กริดด้วยทุกท่าไม้ตาย แต่ภายในสองวินาทีหลังจากนั้น ทั้งหมดก็ถูกสะท้อนกลับด้วยวังวนสะพรั่ง


แม้วิญญาณเซียนจะพยายามหยิบยันต์ออกมาป้องกัน แต่ก็ตอบสนองได้ช้าเกินไป ทุกสิ่งเกิดขึ้นและจบลงภายในเสี้ยววินาที


“อั่ก!”


จ๋อม!


วิญญาณเซียนมิอาจทนรับแรงกระแทก ร่างวิญญาณกระเด็นไปในอากาศก่อนจะตกลงบนแอ่งสวรรค์ เกิดเป็นคลื่นกระเพื่อมรุนแรงบนผิวน้ำ รอจนกระทั่งร่างวิญญาณเซียนลอยจนถึงก้นแอ่ง คลื่นจึงค่อยกลับมาสงบนิ่ง


อย่างไรก็ตาม วิญญาณเซียนยังไม่ตาย มันรีบพาตัวเองขึ้นสู่ผิวน้ำอีกครั้งด้วยความเร็วที่ราวกับแรงดันน้ำไม่มีผล


“บ…บัดซบ!”


วิญญาณอันมืดมนปรากฏกายขึ้นกลางอากาศ ร่างกายโยกคลอนไปมาเล็กน้อยคล้ายเปลวเทียนปะทะสายลม


สิ่งมีชีวิตประเภทวิญญาณอาจทนทานต่อการโจมตีทางภาพ แต่จะอ่อนแอต่อพลังเซียนอย่างมาก แถมยังเป็นพลังเซียนของตัวเอง


“มันเจ็บนะโว้ย!”


ดวงตาวิญญาณเซียนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ภายในใจหวนนึกถึงความเจ็บแค้นในอดีตที่ตนเลื่อนขั้นเป็นเซียนล้มเหลว พลางปรี่เข้าหากริดด้วยโทสะสุมอก


ในอดีต มันเคยปรารถนาจะเป็นเซียนดาบในหมู่เซียน ย่อมถนัดวิชาดาบมากกว่าพลังเซียน


ทุกครั้งที่ดาบกวัดแกว่งจะเกิดสายฟ้าฟาดกระหน่ำ เพียงไม่นานเกิดเป็นเมฆดำลอยตัวเต็มท้องฟ้า


วิชาดาบของวิญญาณเซียนทั้งดุดันและยากจะคาดเดาทิศทาง


‘มาแล้ว…’


วิชาดาบที่เคยทำให้แกรนมาสเตอร์ตกที่นั่งลำบากไปพักหนึ่ง


ย้อนกลับไปในอดีต เมื่อครั้งได้เห็นวิญญาณเซียนสร้างบาดแผลบนหัวไหล่แกรนมาสเตอร์ กริดเคยเตือนตัวเองว่า การฝืนเอาชนะศัตรูที่เก่งกาจพอ ๆ กับยังบัน แต่มีระดับตัวตนเป็นเพียงมอนสเตอร์ธรรมดา มิใช่บอสหรือ NPC พิเศษ คงไม่เกิดประโยชน์อันใดนัก


แต่ไม่ใช่กับวินาทีนี้


วิญญาณเซียนที่ชายหนุ่มเคยคิดจะหลีกเลี่ยงมาตลอด กลายเป็นเหยื่อที่น่าสนใจ


“หน่วง”


“…!”


ดาบในมือวิญญาณเซียนซึ่งกำลังแหวกอากาศตรงมาทางกริด พลันชะงักค้างอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


ไม่มีสัญญาณการชะลอตัวแม้แต่น้อย


แม้ในอดีตจะเกือบได้เป็นเซียน แต่เมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากร่างกายกริด มันเลี่ยงไม่ได้ที่จะตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ


ถึงจะชะงักไปเพียง 0.2 วินาที แต่นั่นก็มากพอแล้ว


วิชาดาบของวิญญาณเซียนถูกหยุดลง สายฟ้าฟ้าและเสียงคำรามรอบตัวเริ่มเลือนหาย


กริดที่ไร้รอยขีดข่วน ลงมือโจมตีตอบโต้ด้วยท่าทีผ่อนคลาย


“คลื่น”


ปราณดาบที่หมุนราวกับพายุกำลังสั่นสะเทือนโลกทั้งใบ ร่างของวิญญาณเซียนถูกกระชากมาอยู่ตรงหน้ากริดในระยะประชิด เป็นระยะที่กวัดแกว่งดาบได้ไม่ถนัด


อาศัยสัญชาตญาณ วิญญาณเซียนตระหนักถึงภัยอันตรายและรีบก้าวถอยหลัง แต่ก็เปล่าประโยชน์ แม้จะไม่ได้รับดีบัฟ ‘ความเร็วทุกชนิดลดลง’ หรืออาการ ‘เสียสมดุล’ แต่ก็ยังตกอยู่ภายใต้ผลของอาการ ‘ลดความเร็วเคลื่อนที่ 30%’


ดาบในมือกริดพุ่งไปข้างหน้าได้เร็วกว่าที่วิญญาณเซียนพยายามถอยหลัง


“ทำลายล้าง”


นี่คือทักษะชั่วพริบตา


วิชาดาบที่จำลองการฟาดฟันของเทพสงคราม ซือโหยว


ใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะอยู่ไกลเพียงใด แต่หากเปิดใช้งานภายในระยะแสดงผล คลื่นดาบจะทำการฟาดฟันใส่เป้าหมายทันที


[เป้าหมายได้รับความเสียหาย 1,095,000 หน่วย]


“!?”


ดวงตาแดงก่ำของวิญญาณเซียนเริ่มสั่นสะท้านขณะถูกฟันเข้าที่หน้าอก


สิ่งมีชีวิตประเภทวิญญาณนั้นต้านทานการโจมตีทางกายภาพ เพราะโดยปรกติแล้ว คมดาบจะฟันได้เพียงร่างมายาและมิอาจก่อความเสียหายกับวิญญาณ


อย่างไรก็ตาม กริดกำลังทำให้มันเจ็บปวด


เมื่อยืนยันว่าศัตรูได้รับบาดเจ็บ ชายหนุ่มฉีกยิ้มพลางพึมพำ


“ได้ผล”


[เทคนิคการต่อสู้ของกริด (ขั้นกลาง) Lv.7]

เมื่อติดตั้งอาวุธ พลังโจมตีทางกายภาพและเวทมนตร์จะเพิ่มขึ้น 25% ความแม่นยำของการโจมตีทุกชนิดจะเพิ่มขึ้น 7% และลดเวลาร่าย 7%

★ ท่านสามารถเน้นเพิ่มพลังโจมตีทางกายภาพหรือเวทมนตร์โดยเฉพาะได้

★ หากท่านเน้นพลังโจมตีกายภาพ เอฟเฟคความรุนแรง ความแม่นยำ และลดเวลาร่ายของเวทมนตร์จะหายไป แต่จะได้รับพลังโจมตีกายภาพเพิ่มขึ้น 15% แทน

★ หากท่านเน้นพลังโจมตีเวทมนตร์ เอฟเฟคความรุนแรง ความแม่นยำ และลดเวลาร่ายของทักษะทางกายภาพจะหายไป แต่จะได้รับพลังโจมตีเวทมนตร์เพิ่มขึ้น 15% แทน

* โหมดปัจจุบัน : เพิ่มทั้งกายภาพและเวทมนตร์


ออปชันหนึ่งที่สำคัญของดาบมังกรเพลิงก็คือ การเปลี่ยนพลังโจมตีกายภาพให้เป็นการโจมตีชนิดเวทมนตร์ ตัวกริดซึ่งตัดสินใจสับเปลี่ยนประเภทการโจมตีให้เป็นเวทมนตร์ ปัจจุบันจึงดูคล้ายกับจอมเวทมากกว่านักดาบ


แต่เดิมนั้น วิชาดาบ ‘ทำลายล้าง’ มีเพียงพลังโจมตีกายภาพ แต่กริดสับเป็นเวทมนตร์ล้วนเนื่องจากศัตรูคือวิญญาณ อีกทั้งยังจะมองข้ามพลังป้องกันจากเอฟเฟคหลักของ ‘ทำลายล้าง’ ด้วย


แน่นอน คอมโบยังไม่จบ


“สะพรั่ง”


ในวินาทีนี้ ทุกวิชาดาบของกริดคือเวทมนตร์ล้วน


[เป้าหมายได้รับความเสียหาย 3,170,500 หน่วย]


ห่าฝนกลีบบุปผาอันงดงามที่รุนแรงยิ่งกว่าทำลายล้าง พุ่งถล่มใส่ร่างของวิญญาณเซียนจนเกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหว เนื่องด้วยผลลดพลังป้องกันและ ‘มาร์ค’ วิญญาณเซียนได้รับความเสียหายหนักหน่วงจนต้องรีบควักยันต์สีน้ำเงินออกมา


เป็นยันต์สำหรับหลบหนีเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ แกรนมาสเตอร์ที่ไม่ทราบจุดประสงค์ของยันต์ เคยปล่อยให้วิญญาณเซียนหนีรอดไปได้


แต่กริดทราบเรื่องนี้มาก่อน จึงไม่คิดปล่อยให้อีกฝ่ายหนีรอด


“มายาร่ายรำสะพรั่ง”


“…!”


วิญญาณเซียนมิอาจตอบสนองได้ทันท่วงที เพราะในจังหวะที่ ‘มายาร่ายรำสะพรั่ง’ แสดงผล กริดก็กระตุ้น ‘ชุนโป’ ไปโผล่ด้านหลังพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นดาบในระยะประชิด


“เหนือมนุษย์… นี่เจ้า!”


“ตั้งเวลา… ศรเวท”


กลุ่มก้อนเวทมนตร์สุกสว่างพุ่งออกจากความว่างเปล่า รุมทะลวงร่างของวิญญาณเซียนทุกทิศทางนัดแล้วนัดเล่า ท้ายที่สุด มันตัดสินใจสละร่างเทียมและพยายามหลบหนี แต่ก็ไม่แคล้วถูกเล่นงานด้วย ‘เขตแดนพายุเพลิงเทพ’ จนมอดไหม้


“…อยู่ที่นี่อีกสักสองสามวันดีไหม”


ในอดีต กริดเคยคิดว่าการล่าวิญญาณเซียนเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า เพราะพวกมันอยู่ในหมวดหมู่มอนสเตอร์ทั่วไปทั้งที่แข็งแกร่งระดับเดียวกับยังบัน การจะฆ่าแต่ละตัวต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรและเวลามาก คงมีประโยชน์กว่าหากจะออกไปล่ายังบันและได้รับลมหายใจเทพผู้พิทักษ์เป็นของแถม


แต่ในวินาทีนี้ ความคิดดังกล่าวเริ่มเปลี่ยนไป


กริดแข็งแกร่งจนวิญญาณเซียนไม่เป็นภัยคุกคาม


“ตัดสินใจได้แล้ว… อยู่ต่ออีกสักสองวันก็แล้วกัน”


ชายหนุ่มเริ่มลงมือไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งก่อนกลับ


วิญญาณเซียนดรอปไอเท็มไม่บ่อยนัก แต่เนื่องด้วยพวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งและค่อนข้างพิเศษ ค่าประสบการณ์จึงมหาศาล เพียงการสังหารหนึ่งตัว กริดได้รับ EXP มากถึง 2.1%


ท่ามกลางสถานที่ซึ่งถูกเรียกว่า ‘กำแพงสูง’ สำหรับผู้เล่นคนอื่น รอยยิ้มของกริดมิได้จางหายไปแม้แต่วินาทีเดียว


***


‘ตื่นเต้นชะมัด’


การเก็บเลเวลที่ห่างหายไปนาน


ค่าประสบการณ์อันมหาศาลช่วยให้กริดสามารถปลุกปั้นโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ โนเอะ และแรนดี้ได้ในเวลาเดียวกัน ความสุขอันล้นปรี่จึงถาโถมไม่หยุดหย่อน


‘ผ่านไปนานขนาดนี้เชียว…’


ลงเอยด้วย กริดหมกตัวอยู่ในแอ่งสวรรค์นานสามวันเต็ม ปัจจุบันเริ่มไม่พบวิญญาณเซียนเดินเตร็ดเตร่เหมือนแต่ก่อน


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เมื่อพิจารณาว่าพวกมันคือ ‘ตัวตนที่ล้มเหลวในการเป็นเซียน’ ปริมาณย่อมมีไม่มาก และอัตราการเกิดใหม่ก็ต่ำจนน่าใจหาย


“เราควรรีบกลับ ก่อนที่ปิอาโร่จะเป็นกังวล”


ชายหนุ่มมิได้ต้องการกลับเพราะไม่มีเหยื่อให้ล่า แต่เพราะเป็นห่วงปิอาโร่


กริดแสดงความรักต่อโนเอะครู่หนึ่ง ก่อนจะปืนขึ้นหลังโอเวอร์เกียร์คอร์นเพื่อเดินทางกลับ


ปัจจุบัน ทักษะเกี่ยวกับ ‘มายา’ ทั้งหมดอยู่ในระยะหน่วง อีกทั้งยังสิ้นเปลืองค่าเรี่ยวแรงอย่างมาก แทนที่จะพึ่งพาชุนโปซึ่งเอาแน่เอานอนไม่ได้ กริดเลือกเดินทางกลับด้วยโอเวอร์เกียร์คอร์น


“กลับกันเถอะ”


ฮี่~


โอเวอร์เกียร์คอร์นตอบสนองอย่างกระตือรือร้น


ดวงตาโก้งโค้งคล้ายพระจันทร์เสี้ยวอย่างมีความสุข ต้องขอบคุณกริดในร่างไอรีนที่ทำให้จิตใจของมันกระชุ่มกระชวย


“จริงสิ… เราไม่ต้องใช้เจ้านี่แล้ว”


[ท่านถอดหน้ากากหนังเฟย์ริสออก]


โฮก~


โอเวอร์เกียร์คอร์นโพล่งขึ้นด้วยเสียงผิดหวัง แต่กริดหาได้แยแส


***


“อ๊า! ข้าควรทำยังไงดี”


กษัตริย์ชิงนอนไม่หลับมาสามวันติดต่อ


ราชินีโอเวอร์เกียร์ควรกลับมาถึงภายในสี่วันเป็นอย่างช้า กษัตริย์ชิงจึงเป็นกระวนกระวายเนื่องจากไม่ได้รับข่าวใดจากอีกฝ่ายเลย


มันเริ่มกังวลว่า หล่อนอาจถูกยังบันโฉดชั่วทำมิดีมิร้าย ภาพจินตนาการด้านชั่วผุดขึ้นมาเป็นระยะ


ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นห่วง เพราะอีกฝ่ายคือภรรยาของผู้มีพระคุณ


“เรียกแม่ทัพทุกนายเข้าเฝ้า… เตรียมเคลื่อนทัพหลวง”


ท้ายที่สุด กษัตริย์ชิงทนไม่ไหวอีกต่อไป มันเกณฑ์ทหารกล้านับหมื่นนายของเมืองหลวงเพื่อออกตามหาราชินีโอเวอร์เกียร์


กษัตริย์ชิงไม่อยากเสียเวลานานกว่านี้ ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายอาจกำลังตกที่นั่งลำบาก


ขณะทหารเตรียมเคลื่อนทัพ เสียงหนึ่งดังแว่ว


“องค์ราชินียังไม่กลับอีกหรือ”


ปิอาโร่กลับถึงวังหลวงหลังจากหมกตัวอยู่ในป่าวอลนัทนานนับสัปดาห์


นอกจากตำแหน่งชาวนา มันยังเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ บรรดาขุนนางชิงย่อมคาดหวังว่าปิอาโร่จะเดือดดาลเมื่อได้ทราบข่าว แต่เจ้าตัวกลับสุขุมจนน่าตกใจ


“หึหึ… เมื่อไรพระองค์จะกลับมากันนะ”


ตรงข้ามกับความโกรธ ปิอาโร่เผยรอยยิ้มอบอุ่น


…กำลังมีความสุขทั้งที่ราชินีของตนหายตัวไป?


‘จงรักภักดีแค่เปลือก?’


ขณะกษัตริย์ชิงเริ่มเคลือบแคลง ปิอาโร่กล่าวแฝงความนัย


“เมื่อกลับมา องค์ราชินีจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม”


“…?”


ราชินีโอเวอร์เกียร์เดินทางไปเยือนอาณาจักรฮวาน มิใช่ออกไปฝึกซ้อม เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งขึ้นเมื่อกลับมา?


ขณะกษัตริย์ชิงกำลังส่ายหน้า


เพล้ง!


ถ้วยชาในมือปิอาโร่แตกละเอียด


“…?”


กษัตริย์ชิงสะดุ้งพลางมองไปยังมือของปิอาโร่ที่กำลังสั่นเทา


…เกิดอะไรขึ้น?


วาบ!


ทันใดนั้น กษัตริย์ชิงแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนสัมผัสถึง


นับตั้งแต่ได้เห็นยังบันในวัยเด็ก กษัตริย์ชิงก็มีพลังในการหยั่งถึงบุคคลทรงพลังมาตลอด


มวลพลังงานอันน่าพรั่นพรึงกำลังย่างกรายเข้าใกล้ท้องพระโรงทีละนิด


‘ค…ใครกัน? สัตว์ประหลาดตนนี้เป็นใคร!’


ระดับของพลังสูงส่งจนชวนให้นึกถึงการัมในหมู่ยังบัน แทบไม่มีโอกาสเป็นของมนุษย์ไปได้เลย


‘อย่าบอกนะว่า…’


ข่ายเวทมนตร์ของเทพเต่าดำกำลังเสื่อมสภาพ?


อาณาจักรแห่งนี้กำลังถูกยังบันรุกรานอีกครั้ง?


กษัตริย์ชิงทั้งหวาดผวาและโกรธแค้น


“กระหม่อมขอคารวะฝ่าบาท”


ทันใดนั้น ปิอาโร่ลุกขึ้นยืนพร้อมกับโค้งศีรษะไปทางประตูท้องพระโรง


บุคคลที่มาเยือนไม่ใช่ใครอื่น


“ไม่ได้พบกันนาน… ปิอาโร่”


ราชาโอเวอร์เกียร์ บุคคลที่กษัตริย์ชิงเคยเห็นเพียงในภาพวาด


มันพลันตื่นเต้นเมื่อได้ยลโฉมบุคคลที่ทรงพลังยิ่งกว่าราชินีโอเวอร์เกียร์—ผู้ที่กษัตริย์ชิงเคยเข้าใจว่าเป็น ‘อำนาจ’ แท้จริงเบื้องหลังอาณาจักร


แต่ไหนแต่ไร มันเคยพานพบบุคคลที่ตัวจริงด้อยกว่าในข่าวลือมากมาย


แต่นี่คือครั้งแรกอย่างแท้จริง ที่กษัตริย์ชิงพบว่าตัวจริงยอดเยี่ยมเหนือข่าวลือไปไกล


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,745
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. มันส์มากกก ขอบคุณสำหรับงานแปลดีๆนะครับ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00