จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,300



ควักลูกตา


สิ่งนี้คือนิสัยประจำของยังบันแฮจิน


หล่อนชอบให้มนุษย์เดินไปไหนมาไหนโดยเอาแต่ก้มหน้ามองพื้น หากบางครั้งมีใครเผลอเงยหน้าขึ้น แฮจินจะข่มขู่ด้วยการควักลูกตาทันที โดยบางคราวก็เป็นการทำจริง


เธอไม่เคยนึกถึงหัวอกของเหยื่อ ไม่เคยตระหนักว่าเหยื่อต้องทรมานและหวาดกลัวมากเพียงใด


แฮจินหาได้แยแส เพราะเธอเชื่อว่ายังบันเป็นรองเพียงสวรรค์ ไม่มีเหตุผลให้ต้องใส่ใจความรู้สึกของมนุษย์แสนต่ำต้อย


“อุว๊ากกกกก!”


ในวินาทีที่ตาซ้ายถูกสับ เสียงแหกปากอันแหลมเล็กของแฮจินทำให้เรือเริ่มสั่นคลอน คลื่นเสียงแผ่ขยายเป็นวงกว้างพร้อมกับการโยกเอนของดาดฟ้า


กริดผู้ยืนอยู่ด้านบน ตั้งคำถามกับแฮจิน


“ความรู้สึกของการถูกควักลูกตาเป็นยังไงบ้าง… เจ็บไหม?”


“คึ่ก… ว๊ากกกกกก!”


ราวกับโลกหายไปครึ่งซีก


ด้วยทัศนวิสัยอันคับแคบ แฮจินที่แทบมองไม่เห็นสตรีผมสีเงิน แผดเสียงตวาด


“เจ้า…! เจ้าจะเป็นมนุษย์ที่ต้องตายอย่างทรมานที่สุดนับตั้งแต่แทโจ! ในวินาทีที่ข้ากลายเป็นเทพ ขอสาบานว่าข้าจักช่วงชิงเลือดเนื้อจากเจ้า! จักสังหารทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าให้หมดสิ้น!”


โลกที่เคยถูกฉาบด้วยสีขาวจนดูคล้ายกระดาษเปล่า ยามนี้เริ่มมีสีแดงโปรยปรายลงมา


โทสะและจิตสังหารของแฮจิน กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามาในโลกจินตภาพของซือโหยว


‘ต้องอย่างนี้…’


กริ๊ง


ซือโหยวยอมรับมานานแล้วว่า ยังบันคือผลงานชิ้นเอกของฮานึล


แพ็กม่าที่ตนแสดงความห่วงใย


การัมและแฮจินที่พยายามลบล้างความอับอาย


รวมถึงมีร์ ผู้ที่พรสวรรค์ยังไม่เบ่งบานถึงขีดสุด


แม้จะนิสัยใจคอจะแตกต่างกัน แต่หากมีวาสนา ยังบันเกือบทุกตนมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะครอบครองสมญานาม ‘ผู้สังหารเทพ’


“เหล่าบุตรของข้าจะมอบการพักผ่อนอันเป็นนิรันดร์ให้เจ้า”


นั่นคือสิ่งที่ฮานึลเคยกล่าว


‘หากมีเด็กแบบนี้มากขึ้น… และร่วมมือกับมีร์…’


ขณะซือโหยวหวนนึกถึงคำสัญญาของฮานึลและเริ่มคาดหวังในตัวแฮจิน


“ข้าพเจ้าไม่ต้องการเห็นท่านได้ดิบได้ดี”


กระแสพลังงานอันชวนอึดอัดเริ่มแผ่ออกจากดวงตากริด สิ่งนั้นพยายามสร้างอิทธิพลบางอย่างกับร่างกายแฮจิน


แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น โทสะและจิตสังหารของแฮจินยังคงไม่ถูกลบเลือน โลกจินตภาพแห่งนี้ยังคงถูกฉาบด้วยอารมณ์อันเข้มข้นของเธอ และมันกำลังมอบพลังให้เธอ


‘ได้ยังไง…’


เนตรทำหมันไม่ได้ผล?


เมื่อเห็นแฮจินยังคงถูกเสริมพลัง กริดเผยสีหน้าประหลาดใจ


สีแดงที่กำลังโปรยปรายท่ามกลางโลกอันขาวโพลน เริ่มควบแน่นกลายเป็นรูปทรงกระบี่


แฮจินใช้มือคว้ากระบี่แดงที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร


เฉกเช่น <เขตแดนพายุเพลิงเทพ> ของกริดในการทดสอบที่สอง แฮจินก็สลักจิตของตนไว้ในโลกจินตภาพของซือโหยวเช่นเดียวกัน


ในความเป็นจริง เขตแดนพายุเพลิงเทพและกระบี่แดง เป็นเพียงวัตถุมายาที่จะเลือนหายไปทันทีหากซือโหยวลบล้าง


แต่ซือโหยวก็มิได้กระทำ เพียงเฝ้ามองอย่างเงียบงัน


โลกจินตภาพแห่งนี้มีขึ้นเพื่อทดสอบฝีมือการต่อสู้ มันจึงไม่คิดขัดขวางผู้เข้าร่วม


“ข้าพเจ้าไม่ต้องการเห็นท่านได้ดิบได้ดี!”


กริดที่เริ่มกังวล ลองใช้งานเนตรทำหมันดูอีกครั้ง แต่ก็ไม่เกิดผลลัพธ์เช่นเคย


เหตุผลไม่ซับซ้อน กระบี่สีแดงในมือแฮจินคือพลังจากโลกจินตภาพ มิใช่บัฟทางกายภาพ วิธีเดียวที่จะทำให้หญิงสาวอ่อนแอลง คือการทำลายหัวใจโดยตรง มิใช่ดวงตาอันชั่วร้าย


“ย๊ากกก!”


แฮจินเริ่มเป็นฝ่ายตอบโต้บ้าง กระบี่สีแดงโค้งงอดุจดังลายเส้นที่วาดตวัดด้วยพู่กัน


ปลายกระบี่แสงแดงเข้มยืดยาวออก เพิ่มระยะสังหารโดยแทบปราศจากน้ำหนัก นับเป็นการโจมตีที่หลบหลีกได้ยากยิ่ง


“อั่ก…!”


[ท่านได้รับความเสียหาย 12,310]


[ท่านได้รับความเสียหาย 13,900]


[ท่านได้รับความเสียหาย 12,850]


กริดรู้สึกเจ็บแปลบประหนึ่งข้อมือหักทุกครั้งที่ร่างกายปะทะกับคมกระบี่แฮจิน


มันพ่ายแพ้ในการดวลพลัง แม้ดาบมังกรเพลิงเกรดมิธจะมีพลังโจมตีสูงกว่าสี่พันหน่วยก็ตาม


‘มีพลังมากถึงเพียงนี้เชียว?’


ทางด้านกริดที่อยู่ในผลของบัฟ ย่อมประหลาดใจเมื่อตนตกเป็นรองในด้านพละกำลัง


ไม่เพียงเท่านั้น ตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ยังเหลวไหลจนนึกว่าตาฝาด ทั้งที่ตนเสริมพลังป้องกันขึ้นมาจนถึงระดับมหาศาล


กริดเซถอยหลังทุกครั้งที่มีการแลกดาบ เพียงไม่นานก็ถูกดันมาจนสุดขอบดาดฟ้าเรือ


“ฮะฮะฮะ! ครั้งแรกก็แค่บังเอิญหรอกน่า! พอข้าเอาจริง เจ้าก็ถูกดันจนติดขอบหน้าผา! มนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์วันยังค่ำ! อ่อนแอไม่ต่างจากมดปลวก!”


“คึ่ก…”


กริดนึกอยากตบหน้าหล่อนสักฉาด


…เราจะเปิดใช้งานพลัง ‘หัตถ์พิสดาร’ เพื่อซัดหน้านังนั่นให้เรียบเป็นเนื้อเดียวกันดีไหม?


ชายหนุ่มขบคิดสักพัก เพียงไม่นานก็ล้มเลิกความตั้งใจ


การเอาชนะแฮจินในด้านพละกำลังมิได้ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด


คงคิดตื้นเกินไปสักนิด หากต้องลงทุนเปิดใช้งาน <พลังของผู้ไม่รู้จักความพ่ายแพ้> เพื่อให้ได้ความสะใจกลับคืนมาเล็กน้อย


‘…แต่เดี๋ยวก่อน เมื่อครู่คือการโจมตีธรรมดา?’


เคร้ง!


[ท่านได้รับความเสียหาย 11,980]


นี่คือตัวเลขจากการโจมตีธรรมดาจริงหรือ?


[จิตสังหารอันเข้มข้นกำลังพุ่งเข้าหาท่าน]


[จิตสังหารอันเข้มข้นกำลังพุ่งเข้าหาท่าน]


กริดผุดคำถามในใจ พลางเพ่งสมาธิวิเคราะห์ในสิ่งที่ประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์พยายามร้องเตือนมาตั้งแต่แรก


[จิตสังหารอันเข้มข้นกำลังพุ่งเข้าหาท่าน]


คำเตือนเดิม ๆ จะดังขึ้นทุกครั้งแฮจินเริ่มเหวี่ยงกระบี่ใส่


ใช่แล้ว ทุกครั้ง


‘หรือว่านังสัตว์ประหลาดนี่…’


กริดเริ่มพบสาเหตุที่แฮจินโจมตีได้หนักหน่วงกว่ายังบันทุกตนที่มันเคยเผชิญ แม้ว่าเธอจะมิได้เปิดใช้งานลมหายใจเทพผู้พิทักษ์ก็ตาม


คำตอบก็คือ ทุกการโจมตีของแฮจินคือทักษะ


ทักษะที่มีพลังทำลายระดับเดียวกับ <สังหาร>


‘ทักษะที่ใช้งานได้ไม่จำกัด? ไม่โกงไปหน่อยหรือ’


ระยะหน่วงศูนย์วินาที…


เป็นเอกลักษณ์… ไม่สิ เป็นพลังที่เอาเปรียบคู่ต่อสู้อย่างมาก


‘สมแล้วที่เป็นครึ่งเทพ’


หลังจากเข่นฆ่ายังบันอย่างง่ายดายด้วยความช่วยเหลือจากฟินิกซ์แดงและบราฮัม กริดเริ่มหลงลืมความหวาดกลัวที่เคยมีต่อยังบัน


แต่ในวินาทีนี้ มันกลับมาตระหนักอีกครั้ง


ยังบันคือตัวตนระดับครึ่งเทพที่แข็งแกร่ง


ข้อเท็จจริงดังกล่าวเริ่มกระตุ้นไฟการต่อสู้ในตัวชายหนุ่ม


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!


“ฮะฮะ! เจ้ามันอ่อนแอ! ในสภาพบาดแผลเต็มตัวเช่นนี้ อีกไม่นานก็คงถึงฆาต! แต่ได้โปรด… ช่วยอดทนไว้ให้นานที่สุด ข้าต้องการให้เจ้าลิ้มรสความทรมานไปนาน ๆ ก่อนตาย!”


“…”


กริดนึกอยากจะเชือดหล่อนทิ้ง


ในมุมมองของมัน เหล่ายังบันที่คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่เคยเห็นอกเห็นใจมนุษย์ ไม่สมควรได้เลื่อนระดับกลายเป็นเทพ


ทว่า ชายหนุ่มทำได้เพียงถอนหายใจยาว พลางนึกถึงเจตจำนงที่ต้องการสร้างบทกวีมหากาพย์


ปัจจุบัน เหลืออีกเพียงครึ่งก้าว


อีกครึ่งก้าว มันจะตกจากดาดฟ้าเรือ


ในเมื่อเรือลำนี้คือเวทีเพียงแห่งเดียวท่ามกลางโลกสีขาว หากเผลอพลัดตก กริดเชื่อว่าตนจะเสียชีวิตและถูกปรับให้พ่ายแพ้ในการสอบทันที


“ฮะฮะฮะ! การดิ้นรนครั้งสุดท้ายของมนุษย์! เผ่นหนีเยี่ยงหนูท่อ!”


กระบี่สีแดงยืดยาวออก


การโจมตีซึ่งมีประสิทธิภาพเทียบเท่า <สังหาร> พุ่งประชิดตัวชายหนุ่มในพริบตา ระยะห่างกว่าสามเมตรที่กริดอุตส่าห์สร้างขึ้นกลายเป็นสิ่งสูญเปล่า


สวนกลับด้วยวังวนดีไหม?


ไม่ได้… ไม่สำเร็จแน่


การโจมตีของแฮจินมีอานุภาพเทียบเท่าสังหาร มีอำนาจพอจะเอาชนะกฎการสะท้อนกลับ


สิ่งนี้เรียกว่า ความแตกต่างของ ‘ระดับ’ ทักษะ


“ทำลายล้างสังหาร”


“…?”


เสียงหัวเราะอย่างสะใจของแฮจินพลันชะงัก มาพร้อมกับเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวด


“อั่ก…!”


ศัตรูที่เธอเคยเหนือกว่ามาตลอด จู่ ๆ กลับเหนือกว่าตนในด้านพละกำลัง?


ขณะแขนข้างที่กำกระบี่เริ่มสั่นเทาและชาจนไร้ความรู้สึก ใบหน้าแฮจินกลับมาสุขุม


ถัดมาไม่นาน หญิงสาวส่ายหน้าพร้อมกับเหวี่ยงกระบี่โจมตีระลอกใหม่


เธอเชื่อว่า ความพ่ายแพ้หนเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ


“ย๊ากก!”


“มายาร่ายรำสะพรั่ง”


“อ๊ากกกกก!”


สายฝนปราณดาบบานสะพรั่งดุจดังกลีบบุปผา


แฮจินที่พ่ายแพ้ในการดวลดาบ กระเด็นในด้านหลังในสภาพยับเยินประหนึ่งผ้าขี้ริ้ว


หญิงสาวฝืนลุกยืนอย่างยากลำบาก ท่าทางซวนเซคล้ายกับพร้อมล้มลงไปใหม่


‘ได้ยังไง…’


เจตจำนง ‘ต้องฆ่า’ ของเธอถูกฝังลงบนโลกจินตภาพอย่างสมบูรณ์


ในวินาทีที่กระบี่แดงลอยมาอยู่บนมือ แฮจินสัมผัสถึงมวลพลังมหาศาล ไม่มีภาพความพ่ายแพ้อยู่ในหัวแม้แต่น้อย


‘นังนั่น… ไม่ได้บังเอิญหรอกหรือ’


คล้ายกับสตรีผอมบางตรงหน้าตัวใหญ่ขึ้น


แฮจินจำต้องยอมรับอย่างมิอาจเลี่ยง


…ชื่อไอรีนสินะ? มนุษย์ที่เก็บซ่อนพลังไว้มากถึงเพียงนี้


‘ไม่สิ หล่อนอาจไม่ใช่มนุษย์’


แฮจินระเบิดเสียงหัวเราะ


เป็นการหัวเราะประชดประชันตัวเอง ผู้โง่เขลาจนมองไม่ออกว่า มนุษย์ตรงหน้ามีระดับตัวตนที่ไม่ธรรมดา


‘สาวกแห่งซิก’


ใช่แล้ว


มนุษย์เพศหญิงคนนี้ย่อมต้องมีบางสิ่งพิเศษ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกเลือกจากมารลำดับ 6 ซิก ผู้ได้รับการกล่าวขานให้เป็นมารที่เก่งกาจที่สุด จากบรรดามารทั้งเจ็ดตนที่ก้าวขึ้นเป็นครึ่งเทพเมื่อหลายพันปีก่อน


‘เอาล่ะ… ใจเย็นไว้’


ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะโค่นได้ยาก


การต่อสู้ย่อมมีบาดแผลเป็นธรรมดา


เรามิได้ตกเป็นรองมากนัก


และเหนือสิ่งอื่นใด…


แฮจินยังแข็งแกร่งขึ้นได้อีก


เพียงพริบตา แสงสีแดงโปรยปรายลงมาบนโลกสีขาวอีกครั้ง


ลักษณะคล้ายอสนีบาตที่ฟาดผ่าตรงมายังกระบี่แดงในมือแฮจิน


แต่อีกมุมหนึ่งก็ดูคล้ายกระแสโลหิตจากสวรรค์


กระบี่แดงของแฮจินเริ่มขยายขนาด อีกทั้งยังทวีความวิจิตรงดงาม


เรือลำใหญ่เริ่มสั่นสะเทือนหนักหน่วง


ความมั่นใจของแฮจินพลันเพิ่มพูน เธอมองไม่ออกว่าตนจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร


แฮจินที่เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่น ปรี่เข้าหากริดพร้อมกับตวัดกระบี่สุดแรง


แสงตกค้างของกระบี่ ดูคล้ายกับวิถีที่เลือดของกริดต้องสาดกระเซ็น


ขณะแฮจินกำลังแสยะยิ้ม


“สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร”


ครืนนนนนน! เปรี้ยง!


“มายาร่ายรำสังหารทำลายล้างสังหาร”


“…?”


ทุกการโจมตีของแฮจินถูกสลายทิ้งในพริบตา


ระหว่างที่ร่างกายปราศจากการป้องกัน เธอถูกปราณดาบอันคมกริบ เชือดเฉือนจนเกิดแผลลึกบนหน้าอกและหัวไหล่


แต่ถึงอย่างนั้น แฮจินยังคงเยือกเย็น


เธอเชื่อว่าการต่อสู้จบลงแล้ว เพราะอีกฝ่ายไม่เหลือลูกไม้ใดอีก แต่ทางตนยังสามารถเหวี่ยงกระบี่ฟาดฟันได้ตามใจชอบ


ทว่า แฮจินที่เร่งฝีเท้าเพื่อเข้าไปปิดฉาก มีอันต้องชะงักค้างกลางคัน


เนื่องจากเหลือบไปเห็นสาวกแห่งซิกกำลังรำดาบด้วยท่วงท่าเดิมอีกครั้ง


“มายาร่ายรำทำลายล้างสังหาร”


“…?”


ในหนนี้ เธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะโจมตีตอบโต้


ขณะปราณดาบอันแหลมคมกระแทกใส่ร่างกาย เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นเหนือศีรษะหญิงสาว


‘บัญชาแห่งเทพ?’


ได้ยังไง…?


เหตุใดสาวกแห่งมารลำดับ 6 ซิก ถึงมีพลังของมารลำดับ 4 ทาเร็น?


ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!


“แค่ก! อั่ก!”


สถานการณ์ของกริดและแฮจินพลันพลิกผัน


ฝ่ายที่ถูกต้อนให้จนมุมมิใช่กริด หากแต่เป็นแฮจิน


หญิงสาวที่กำลังบาดเจ็บสาหัส สำรอกเลือดสีดำคำใหญ่ออกจากปาก


อย่างไรก็ตาม แฮจินมิได้กลัวจนหัวหด เธอยังกล้าสบตากับสาวกแห่งซิกที่กำลังย่างกรายเข้าใกล้


ตรงกันข้ามกับความกลัว แฮจินระเบิดเสียงหัวเราะ


“คึฮ่าฮ่า! เจ้าโง่! ลืมไปแล้วหรือว่าที่นี่คือโลกจินตภาพของท่านซือโหยว! เป็นเพียงมายา หาใช่โลกความจริง! ข้าจดจำวิชาดาบที่เจ้าใช้เพื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอดได้หมดแล้ว! ถ้ากลับสู่ความเป็นจริงเมื่อไร ข้าจะเชือดเจ้าทิ้งอย่างทรมานที่สุด!”


“…”


หมายความว่า การฆ่าหล่อนที่นี่จะไม่เกิดขึ้นจริง?


น่าเสียดายชะมัด… แต่ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ขัดขวางให้แฮจินไม่ผ่านการสอบ…


และเหนือสิ่งอื่นใด


“จะบอกอะไรให้… สิ่งที่เธอได้เห็นเป็นเพียงส่วนน้อย”


[ระดับของทักษะ <วิชาดาบกริด> เพิ่มขึ้น]


[พลังโจมตีกายภาพ อัตราคริติคอล และความแรงคริติคอลเพิ่มขึ้น 10%]


[ท่านสามารถสร้างวิชาดาบผสานห้าชนิด]


แฮจินประเมินว่า กริดน่าจะเหลือเพียงทักษะ <คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร> ที่ใช้โจมตีใส่มังกรในการสอบแรก


แต่นั่นไม่จริงเลยสักนิด


เฉกเช่นที่แฮจินมิได้กระตุ้นลมหายใจเสือขาวและมังกรครามเพราะหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี กริดเองก็ยังเหลือไพ่ตายซ่อนไว้อีกมาก


“ดาบลอบสังหารทัพสามแสน”


“…?!”


“ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน”


“…!!”


“ดาบสลายทัพสองแสน”


“อ๊ากกกกก!”


กระบี่แดงในมือแฮจินหล่นพื้นพร้อมกับแตกสลาย


หวาดกลัว


ความรู้สึกที่เพิ่งเคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต เธอรับมือกับมันไม่ถูก


“ข้าพเจ้าไม่ต้องการเห็นท่านได้ดิบได้ดี”


เมื่อเนตรทำหมันลบล้างบัฟดีทั้งหมดทิ้ง แฮจินที่ไม่เหลือเรี่ยวแรงพลันล้มลงราวกับตุ๊กตาชำรุด


กริดใช้มือคว้าหน้าผากที่ชุ่มเลือดของยังบันสาว ก่อนจะโยนหล่อนลงจากเรือ


จากนั้น ชายหนุ่มจ้องไปทางยังบันที่ยังเหลือ


“ใครจะเป็นคนต่อไป”


ขณะยังบันยืนเผชิญหน้ากับยมทูตสาวผมสีเงิน พวกมันพลันฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่งในอดีต


กล่าวกันว่า แม้แต่ยังบันระดับอัจฉริยะอย่างการัมและมารุ ก็ยังสิ้นชีพบนโลกมนุษย์มาแล้ว


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,735
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00