จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,303



การต่อสู้หยุดลงเมื่อกริดใช้มือรับศอกของแกรนมาสเตอร์ที่พุ่งเข้ามาในมุมอันตราย


คลื่นกระแทกระเบิดตามมาในภายในหลัง ส่งผลให้ผู้คนและต้นท้อต่างพากันโยกคลอน


“ก…เกิดอะไรขึ้น?”


ซีบาลและอัศวินสีชาดใหม่ทำหน้าคล้ายกับเห็นผี หลายคนผงะถอยหลังด้วยความประหลาดใจเนื่องจากพบว่ากริดและแกรนมาสเตอร์ที่หายตัวไปอย่างกะทันหัน แท้จริงแล้วกำลังแลกหมัดกันอย่างดุเดือด


“อึก…”


แม้แต่ยังบันยังกลืนน้ำลาย


พวกมันพยายามรักษาความเยือกเย็นและมาดสง่างาม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับภาพตรงหน้า


บุคคลที่ประหลาดใจกว่าใครทั้งหมดคือกริด


“แฮ่ก… แฮ่ก… สุดยอด…”


ชายหนุ่มไม่มีวันลืมศึกดวลอันดุเดือดระหว่างเครย์เชอร์และแพ็กม่า


อาศัยค่าความศรัทธา เครย์เชอร์สามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้แทบจะไร้ขีดจำกัด


หอกแสงนับร้อยถูกเสกขึ้นกลางอากาศว่างเปล่า แต่ละเล่มล้วนบรรจงพุ่งใส่แพ็กม่าในวิถีแตกต่างและซับซ้อน ฉากดังกล่าวไม่ต่างอะไรกับปาฏิหาริย์ในสายตากริด


แพ็กม่าควรถูกทะลวงร่างจนพรุนในพริบตา


อย่างน้อยกริดก็เชื่อว่า หากเปลี่ยนเป็นคนคงมีสภาพเช่นนั้น


แต่แพ็กม่ากลับตอบโต้ด้วยวิชาดาบผสานสองชนิดสองครั้งซ้อน


ขณะหอกแสงที่พุ่งมาในวิถีซับซ้อนถูกจดจ้องในการมองเห็นอย่างแจ่มชัด แพ็กม่าบรรจง ‘มาร์ค’ พวกมันและสะท้อนกลับไปหาเครย์เชอร์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจนเกิดระเบิดวินาศสันตะโร


ทุกสิ่งเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที คล้ายกับกระแสเวลาหยุดไหลโดยสมบูรณ์


ย้อนกลับไปในตอนนั้น กริดเคยตัดพ้อในความไร้ฝีมือและห่างชั้นของตน


แต่ปัจจุบันแตกต่างออกไป


“แฮ่ก… แฮ่ก…”


กริดก้าวเข้าสู่โลกแห่งเหนือมนุษย์ที่แท้จริงเต็มตัว แม้จะหายใจหอบกระเส่าหลังจากผ่านไปได้เพียงครู่เดียว แต่นั่นกลับมาพร้อมความตื่นเต้นยินดีเป็นล้นพ้น


ในวินาทีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุญคุณความแค้น สงครามยึดครองดินแดน ตัวตนระดับจอมอสูรและมังกร บุคคลระดับเหนือมนุษย์ที่ยังไม่เปิดเผยตัวตน รวมถึงไปทวยเทพบนสวรรค์ กริดรู้สึกราวกับได้ปลดเปลื้องพันธนาการทางความคิดของตนให้เป็นอิสระ


มันกลายเป็นตัวตนที่อยู่ ‘เหนือ’ ความสามัญทั้งปวง กลายเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นสูงที่สามารถต่อกรตัวตนระดับเบื้องบนได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ


“ฮะฮะ… ฮะฮะ! คึฮ่าฮ่า!”


เป็นความปีติยิ่งกว่าเมื่อครั้งสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารีชิ้นแรกเสียอีก


ขณะกริดกำลังมีความสุขสุดขีด ซือโหยวเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับยื่นกล่องไม้


“เจ้าเหมาะสมกับสิ่งนี้”


[ท่านได้รับ ‘เคล็ดวิชาลับเทพสงคราม’ เป็นรางวัลอันดับหนึ่งในการสอบ]


“นี่มัน…!”


“สิ่งที่มีร์เคยได้!”


เหล่ายังบันต่างแตกตื่น


ตลอดช่วงเวลาอันยาวนานหลายร้อยปี มีเพียงมีร์เท่านั้นที่เคยได้รับเคล็ดวิชาลับจากซือโหยว พวกมันจึงไม่อยากเชื่อว่าบุคคลถัดมาจะเป็นมนุษย์


‘เคล็ดวิชาลับเทพสงคราม…’


กริดเป็นเพียงไม่กี่คนบนโลกที่เคยเห็นเคล็ดวิชาลับเทพสงคราม


คัมภีร์ลับที่เทพสงครามประทานให้มนุษย์


หากใช้งานจะได้รับทักษะแบบสุ่มเกรด โดยไม่ว่าจะเป็นเกรดต่ำเพียงใด แต่คุณภาพของทักษะจะสูงจนประเมินค่าไม่ได้ ทักษะเกือบทุกชนิดของเทพสงครามทั้งมีประสิทธิภาพและมากพลังทำลาย


แน่นอน สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นหมายถึงเคล็ดวิชาลับของเทพสงครามเซราทุล


แต่หนนี้เป็นของซือโหยว


‘ซือโหยวสินะ…’


เทพสงครามซือโหยวแห่งตะวันออก และเทพสงครามเซราทุลแห่งตะวันตก ใครคือเทพสงครามที่แข็งแกร่งกว่ากัน? และเคล็ดวิชาลับใดยอดเยี่ยมกว่ากัน?


กริดผู้มากด้วยคำถาม เปิดกล่องไม้พลางพยายาม ‘ตรวจสอบ’ เคล็ดวิชาลับเทพสงคราม


‘การตรวจสอบของช่างตีเหล็กในตำนาน’


[ท่านล้มเหลวในการตรวจสอบเป้าหมาย]


“อั่ก?!”


กริดที่รู้สึกเจ็บแปลบรุนแรง เริ่มส่งเสียงคราง


‘ได้ยังไง…?’


มันเคยตรวจสอบไอเท็มล้มเหลวมามาก แต่นี่คือครั้งแรกที่ความล้มเหลวนำไปสู่ความเจ็บปวดประหนึ่งถูกสวรรค์ลงทัณฑ์


แกรนมาสเตอร์ส่งข้อความเสียงไปหากริด ผู้กำลังมีดวงตาแดงก่ำและเริ่มเสียขวัญ


> ห้ามล่วงเกินท่านเอกเทพ


เอกเทพ?


เป็นอีกหนึ่งชื่อเรียกของมหาเทพหรือ?


กริดที่ไม่เข้าใจคำเตือน ตั้งคำถามกลับไป


“ระดับเดียวกับมหาเทพใช่ไหม?”


> สถานะคล้ายคลึงกัน แต่จุดที่เจ้าอาจลืมนึกถึงก็คือ มหาเทพมิได้มีเพียงองค์เดียว


ใช่แล้ว มหาเทพประกอบด้วยรีเบคก้า ยาธาน และฮานึล


แต่ถ้ามองมุมนี้ เทพสงครามเองก็มีสองตน การเรียกขานว่า ‘เอกเทพ’ คงไม่ถูกต้องนัก


“เทพสงครามก็มีสองไม่ใช่หรือ”


> เทพสงครามมีเพียงหนึ่ง


“…?”


> เซราทุลถูกสร้างโดยเลียนแบบจากซือโหยว


“…!!”


> แตกต่างจากเซราทุลที่เกิดจากรีเบคก้าและมิอาจต่อต้านพลังของหล่อน เทพสงครามซือโหยวคือตัวตนพิเศษที่มีเพียงหนึ่ง ไม่มีผู้ใดในโลกอยู่เหนือกว่า


“ม…ไม่เข้าใจ”


จริงอยู่ ตามข้อมูลของกริด ซือโหยวคือเทพที่เกิดจากความปรารถนาอย่างแรงกล้าของมนุษย์ ส่งผลให้แตกต่างจากเทพองค์อื่นบนสวรรค์


แต่กำลังจะบอกว่า… ไม่มีใครในโลกอยู่เหนือกว่า?


“เทพผู้พิทักษ์สี่ทิศก็ถือกำเนิดจากมนุษย์เหมือนกันไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดซือโหยวถึงเป็นเอกเทพ แต่สี่เทพผู้พิทักษ์ไม่ใช่?”


> อย่านำซือโหยวไปเปรียบกับเทพผู้พิทักษ์ เหล่าผู้พิทักษ์สี่ทิศถือกำเนิดจากความปรารถนาของ ‘มนุษย์ทวีปตะวันออก’ เพียงอย่างเดียว แต่ซือโหยวถือกำเนิดจาก ‘มนุษย์ทั่วโลก’


“???”


> ท่านเกิดจากมนุษย์ทุกคนโดยไม่แบ่งแยกตะวันตกหรือตะวันออก ไม่แยกแบ่งอดีตหรือปัจจุบัน ขอเพียงปรารถนาในพลังเป็นพอ… เทพผู้พิทักษ์ที่ถือกำเนิดเพื่อปกป้องดินแดนสี่ทิศบนทวีปตะวันออก ย่อมมิอาจเปรียบบารมีกับซือโหยว


“…!”


เศษเสี้ยวความทรงจำหนึ่งพลันแผ่นผ่านสมองกริดจนร่างกายมีอันต้องชะงัก


“หากคิดเช่นนั้นจริง จงหลบหนีจากสายตาของห้าอาวุโส เดินทางไปยังดินแดนตะวันตก และกลับมาในยามที่เจ้ากลายเป็น ‘ผู้สังหารเทพ’ ได้แล้ว”


นี่คือสิ่งที่ซือโหยวกล่าวกับแพ็กม่าในอดีต


กระทั่งปัจจุบัน ซือโหยวก็ยังหมกมุ่นอยู่กับ ‘ผู้สังหารเทพ’


“ถือกำเนิดจากความปรารถนาอย่างแรงกล้าของมนุษยชาติ… หมายความว่าซือโหยวคือเทพที่ไม่มีวันถูกลืมเลือน?”


> ถูกต้อง ซือโหยวเป็นนิรันดร์ ท่านไม่มีวันร่วงหล่นนอกเสียจากมนุษยชาติจะถึงจุดจบ แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นไม่มีวันจบสิ้น เพราะรีเบคก้าจะสร้างทุกคนขึ้นใหม่ทันทีที่ถูกยาธานหรือตัวตนอื่นทำลาย และซือโหยวก็จะถือกำเนิดอีกครั้งพร้อมกัน


“…”


> มนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเดียวที่สามารถทำลายซือโหยว และนี่คือข้อพิสูจน์ของคำกล่าวที่ว่า ‘มนุษย์มีพลังอำนาจเหนือเทพ’ ขณะเดียวกันก็เป็นเหตุผลที่ซือโหยวให้ความสนใจกับตัวตนสัมบูรณ์ (ตัวตนสัมบูรณ์) และยังบันมากเป็นพิเศษ


“ยังบันคือครึ่งเทพไม่ใช่หรือ พวกมันไม่น่าจะถูกนับว่าเป็นมนุษย์…”


> ผิดแล้ว ยังบันมีเลือดเทพครึ่งหนึ่ง และเลือดมนุษย์อีกครึ่งหนึ่ง


“…!”


ยังบันไม่ใช่ครึ่งเทพโดยสมบูรณ์ แต่เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพ?


“ทั้งที่เป็นครึ่งมนุษย์ แล้วเหตุใดถึงรังเกียจมนุษย์นัก?”


> พวกมันไม่ทราบข้อเท็จจริงนี้ ยังบันถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับเจตจำนงของฮานึล ไม่มีทางเข้าใจโลกได้ถ่องแท้ขนาดนั้น… จากมุมมองของข้า พวกมันอาจเป็นเหมือนกับเจ็ดนักบุญ…


“หยุด… พอก่อน”


กริดเลื่อนมือขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้าง


มันต้องการหยุดรับข้อมูลและเรื่องราวอันซับซ้อนไว้เท่านี้ ไม่อย่างนั้นสมองอาจระเบิด


‘แต่อย่างน้อย เราสามารถสรุปได้ว่าซือโหยวคือตัวตนที่สุดยอด’


ไม่ต้องไปคำนึงถึงความรู้สึกของยังบันให้ปวดหัว พวกมันมีชะตากรรมต้องเป็นศัตรูอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ตอนนี้ตนจึงควรกอบโกยความสุขให้มากที่สุด


รางวัลจากตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คุณค่าของมันจะมากมายเพียงใด


[เคล็ดวิชาลับเทพสงคราม]

ประเภท : หนังสือทักษะ

???

น้ำหนัก : 10


‘…มีแต่เครื่องหมายคำถาม’


ค่อนข้างแน่ชัดว่าเป็นหนังสือทักษะ และมีโอกาสมากที่จะเป็นทักษะระดับสูง


ขณะเตรียมใช้เคล็ดวิชาเทพสงคราม กริดชะงักมือเล็กน้อย


‘ขอลองเสี่ยงอีกสักครั้ง…’


ชายหนุ่มตรวจสอบและยืนยันว่า ทักษะ <ดึงศักยภาพซ่อนเร้น> อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน คงเพราะการสอบของซือโหยวถูกจัดในดันเจี้ยนพิเศษ ระยะหน่วงของทักษะจึงรีเซต


‘ดึงศักยภาพซ่อนเร้น’


[กรุณาเลือกทักษะที่ต้องการเพิ่มระดับ]


‘การตรวจสอบของช่างตีเหล็กในตำนาน’


[ทักษะ <การตรวจสอบของช่างตีเหล็กในตำนาน> ถูกดึงศักยภาพและเปลี่ยนเป็น <การตรวจสอบของช่างตีเหล็กทัดเทียมเทพ>]


‘เจ๋ง!’


เมื่อทักษะถูกยกระดับตามที่คาดหวัง กริดลองเสี่ยงตรวจสอบเคล็ดวิชาลับทันที


[ท่านล้มเหลวในการตรวจสอบไอเท็มเป้าหมาย]


‘อั่ก…! ไม่เปิดโอกาสให้ส่องเลยรึไง!’


แม้จะทำใจไว้แล้ว แต่ก็ถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย


กริดกุมเบ้าตาด้วยสีหน้าเจ็บปวด


ขณะซีบาลและยังบันกำลังฉงนกับภาพที่เห็น


“เคล็ดวิชาเป็นเพียงกระดาษเปล่า มิต้องตั้งใจเพ่งขนาดนั้น”


เสียงจากซือโหยว


อะไรนะ… กระดาษเปล่า?


“หมายถึง… ไม่มีเนื้อหาเขียนไว้?”


“ถูกต้อง”


“แล้วเหตุใดถึงเรียกว่าเคล็ดวิชาลับ ในเมื่อปราศจากเนื้อความ”


กริดค่อนข้างผิดหวัง


แน่นอนว่าเป็นเพียงอารมณ์ภายใน เมื่ออยู่ต่อหน้าซือโหยว ชายหนุ่มแสดงความนอบน้อมและความสุภาพอย่างหาที่สุดมิได้


“หน้าที่ของมันคือการเติมเต็มข้อบกพร่องในตัวเจ้า ช่องว่างที่เจ้าขาดหายไปจะถูกเสริมด้วยเคล็ดวิชาลับเล่มนี้”


“…”


กริดใคร่ครวญถ้อยคำซือโหยวสักพัก ก่อนจะพยักหน้ารับและพบกับเนื้อหาที่แท้จริงของเคล็ดวิชาลับเทพสงคราม


[ท่านใช้งาน <เคล็ดวิชาลับเทพสงคราม>]


[ระบบกำลังประเมินพลังต่อสู้]


[เนื่องด้วยระบบ ‘บรรลุ’ <วิชาดาบกริด> ถูกยกระดับ]


[รายละเอียดของทักษะ ‘มายา’ มีการเปลี่ยนแปลง]


[จากภาพมายาของตัวตนเหนือมนุษย์ กลายเป็นท่ารำดาบที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของตัวท่าน]


[รายละเอียดของทักษะ ‘ร่ายรำ’ มีการเปลี่ยนแปลง]


[จากการกระพือปีกของผีเสื้อ กลายเป็นท่ารำดาบที่จะแผ่บรรยากาศของตัวตนสัมบูรณ์ให้กระจายออกไปราวกับแสงอาทิตย์]


[รายละเอียดของทักษะ ‘สังหาร’ มีการเปลี่ยนแปลง]


[กลายเป็นท่วงท่าแห่งการลงทัณฑ์]


[รายละเอียดของทักษะ ‘คลื่น’ มีการเปลี่ยนแปลง]

[รายละเอียดของทักษะ ‘ทำลายล้าง’ มีการเปลี่ยนแปลง]

[รายละเอียดของทักษะ ‘หน่วง’ มีการเปลี่ยนแปลง]

[รายละเอียดของทักษะ ‘สะพรั่ง’ มีการเปลี่ยนแปลง]

[รายละเอียดของทักษะ ‘สยบ’ มีการเปลี่ยนแปลง]

[รายละเอียดของทักษะ ‘วังวน’ มีการเปลี่ยนแปลง]


[ท่านได้รับท่ารำดาบใหม่ ‘นภา’ ]


[เนื่องด้วยระบบ ‘บรรลุ’ พลังจิตของท่านถูกยกระดับ]


[สภาวะ ‘ทำสมาธิ’ จะถูกเปิดใช้งานตลอดเวลา]


[ท่านจะชำนาญการใช้ ‘จิตไร้รูปร่าง’ มากขึ้น]


[ทักษะ ‘ถ้อยคำนักคุณธรรม’ จะไม่ขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ระหว่างการต่อสู้]


[เนื่องด้วยระบบ ‘บรรลุ’ ทักษะ ‘ความชำนาญ’ ของท่านถูกนำมารวมกัน]


[ทักษะ <ความชำนาญอาวุธทุกชนิด> และ <ความชำนาญเวทมนตร์> ผสานกลายเป็น <เทคนิคการต่อสู้ของกริด> โดยจะมีเลเวลเท่ากับทักษะที่เลเวลสูงกว่า]


[เนื่องด้วยระบบ ‘บรรลุ’ <ภูตแสงขั้นสูง> จะกลายเป็นอิสระ]


[ภูตแสงขั้นสูงต้องการอยู่ข้างกายท่าน]


[นับแต่นี้ไป ภูตแสงขั้นสูงจะคอยปกป้องท่านโดยเคลื่อนไหวตามความนึกคิดของตัวเอง]


“อา…”


นี่คือความสุขที่แท้จริงของการเล่นเกม


กริดตื่นเต้นจนใบหน้าเริ่มแดงก่ำ


ใกล้ถึงเวลาอำลาอาณาจักรฮวานแล้ว


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,741
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ซือโหยวรูดบัตรเครดิตเติมเกมให้กริด555555555 ให้คิดว่าตอนยืนคำภีร์ลับคือการยื่นบัตรเครดิตให้เติมเกม

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00