จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,299



“ข้าชอบความหัวรั้นของเจ้า รวมไปถึงความพยายามในการพัฒนาท่ารำดาบที่เคยเป็นเพียงสิ่งประดับพิธีกรรม จนสามารถใช้งานได้จริง”


“ท่านรู้จักวิชาดาบของผมด้วยหรือ”


ในบททดสอบแรกกับมังกร กริดเปิด <ดึงศักยภาพซ่อนเร้น> เพื่อใช้งานวิชาดาบผสานห้าชนิด


แต่ถึงอย่างนั้น เหล่ายังบันกลับมิอาจจดจำได้แม้จะมองเห็นเต็มสองตา


ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก เพราะถึงแม้วิชาดาบกริดจะมีพื้นฐานมาจากวิชาดาบแพ็กม่า แต่กริดได้ดัดแปลงและพัฒนาไปจากเดิมมาก


ตรงข้ามกับวิชาดาบแพ็กม่า วิชาดาบกริดลดทอนการเคลื่อนไหวส่วนเกินออกทั้งหมดจนเหลือเพียงประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีพลังทำลายที่มากขึ้น ท่วงท่าและความน่าเกรงขามจึงแตกต่างจากวิชาดาบแพ็กม่าพอสมควร


อาจมีบางจุดที่ยังดูคล้ายคลึงกัน แต่วิชาดาบแพ็กม่าที่ยังบันเคยเห็น ส่วนใหญ่เป็นทักษะชนิดเดียวที่ไม่มีการผสาน แม้จะได้เห็นวิชาดาบกริด แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะสรุปได้ทันทีว่ามีรากฐานมาจากวิชาดาบแพ็กม่า


ทว่ากับซือโหยวนั้นต่างออกไป


กริ๊ง~


“วิชาดาบผสานคือสิ่งที่ข้าแนะนำแพ็กม่า ย่อมต้องจดจำได้อยู่แล้ว”


“…!”


“แต่แพ็กม่ามิได้ทุ่มเทกับมันสักเท่าไร เจ้านั่นมองว่าไม่ควรฝืนธรรมชาติเกินไป ในภายหลังจึงได้ลิ้มรสผลของการกระทำดังกล่าว”


ท่ามกลางโลกที่ทุกสิ่งถูกย้อมทับด้วยสีดำขาว


ท้องฟ้าสีคราม แม่น้ำกระจ่างใส รวมถึงใบไม้ผลิริมแม่น้ำ ทุกปัจจัยส่งเสริมให้วิวทิวทัศน์ในปัจจุบันเปรียบดังภาพวาดอันเลอค่า


โลกมนุษย์งดงามถึงเพียงนี้เชียว?


กริดดื่มด่ำไปกับธรรมชาติอันน่าดึงดูดสักพัก ก่อนจะเริ่มคืนสติกลับมา


“…แพ็กม่า!”


กระแสเวลาเริ่มไหลต่อ ความสงบสุขรอบตัวกริดสิ้นสุดลง


ขณะกระบี่อ่อนในมือการัมพุ่งต่อจากเดิมใกล้เข้าหัวใจกริด ชายหนุ่มที่เคยจำลองภาพในหัวมาแล้วหลายหน ทำการกระตุ้นลมหายใจเสือขาวอย่างชำนาญ


[พรปกป้องจากเสือขาวคุ้มครองท่าน]


[ขณะถูกโจมตี ท่านจะมองข้ามความเสียหายได้อย่างน้อยที่สุดหนึ่งครั้ง และอย่างมากที่สุดสามครั้ง โดยเป้าหมายที่โจมตีท่านจะถูกผลักกระเด็น]


[พลังชีวิตและค่าเรี่ยวแรงฟื้นฟูเล็กน้อย]


ขณะกริดปัดป้องกระบี่อ่อนของการัม ออร่าสีขาวแวววาวเริ่มแผ่ออกจากร่างกายชายหนุ่ม


กระบี่ของการัมพลันสั่นระริก จนกระทั่งพ่ายแพ้ต่อแรงปะทะและลอยกระเด็นขึ้นไปในอากาศ


‘ตอนนี้แหละ!’


กริดเอี้ยวตัวกระแทกการัมด้วยหัวไหล่ หมายส่งให้อีกฝ่ายกระเด็นตกลงไปในแม่น้ำ จากนั้นจึงค่อยซ้ำให้หมดสติด้วยสายฟ้าจากลมหายใจมังกรคราม


ทว่าการัมมิได้เสียสมดุล แม้จะซวนเซใกล้ล้ม แต่ท้ายที่สุดก็ฝืนยื้อยุดไว้ได้พร้อมกับใช้ฝ่ามือคว้าลำคอของกริดกลับคืน


“บุคคลไร้ความสามารถอย่างเจ้าที่เอาแต่พึ่งพาโชคชะตา เอาแต่อ่านเรื่องแต่งของมนุษย์โดยอ้างว่าเพื่อให้เข้าใจมนุษย์ นึกอยากเป็นช่างปั้นหม้อเพื่อช่วยมนุษย์ นึกอยากเป็นนักบวชเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเทพกับมนุษย์… คนที่ไม่เคยสนใจการฝึกเยี่ยงเจ้า จะเอาพลังใดมาล้มข้าได้?”


“คึ่ก…! แค่ก!”


ในความเป็นจริง ด้วยร่างกายของแพ็กม่า การเอาชนะการัมแทบไม่มีโอกาสสำเร็จได้เลย อีกฝ่ายมีค่าสถานะและเลเวลเหนือกว่าเกินไป


ขณะการัมจ้องกริดที่เริ่มหายใจไม่ออกเพราะถูกบีบคอ


มันพ่นถ้อยคำเหยียดหยัน


“เฮ่อะ! พวกเจ้าก็เหมาะสมกันดี”


กริดถูกบีบคอแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งหมดสติ


***


กรร… กรร…


ครั้งหนึ่งการัมเคยพูดว่า แพ็กม่าคือความอัปยศของอาณาจักรฮวาน


ผนวกกับอีกหลากหลายหลักฐานบ่งชี้ กริดพอจะเดาได้ว่า แพ็กม่าคงใช้ชีวิตในอาณาจักรฮวานอย่างโดดเดี่ยวมาตลอด


แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นนี้…


“…”


หลังจากหมดสติเพราะถูกบีบคอ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มพบว่าตนกำลังถูกขังอยู่ในกรงเหล็กขนาดใหญ่


กริดสัมผัสได้ว่าร่างกายเริ่มหนัก จึงหันไปมองและพบกับเสือครามที่กำลังนอนทับแขนข้างหนึ่งของตน


ดวงตาของหล่อนเปียกชุ่มราวกับพร้อมร่ำไห้ทุกเมื่อ


ในวินาทีที่สองสายตาประสาน เสือสาวเลียแก้มชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน


“ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า และด้วยความเป็นยังบัน เจ้าจะยังมีชีวิตไปอีกแสนนาน”


ถ้อยคำเหน็บแนมดังมาจากด้านนอกกรงเหล็ก


ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากการัม


มันเลื่อนเก้าอี้บุหนังเสือเข้ามานั่งใกล้ ๆ พร้อมกับหัวเราะเยาะ


“ข้าดีใจมากที่เจ้าไม่ตาย เป็นห่วงแทบแย่ ถ้าเจ้าตายไปคงต้องน่าเบื่อมากแน่”


“…”


“ที่นอนเป็นยังไงบ้าง? ได้อยู่กับสัตว์ป่าที่รักสมใจแล้วนะ”


“…”


กริดเข้าถึงอารมณ์ของแพ็กม่าได้เป็นอย่างดี เพราะตัวมันก็เคยเผชิญสถานการณ์แบบเดียวกันมาก่อน


กรร!


เสือครามคำรามต่ำ


หากไม่เพราะมีกรงเหล็กขวางไว้ เธอคงกระโจนออกไปตะปบการัมด้วยกรงเล็บแหลมยาว


การัมยักไหล่อย่างไม่แยแส


“ในไม่ช้าก็เร็ว ท่านห้าอาวุโสจะรับรู้ว่าเจ้าพยายามหลบหนีไปพร้อมกับลูกของเสือขาว และเจ้าก็จะถูกลงโทษ จนกว่าจะถึงตอนนั้น ข้าจะปล่อยให้เจ้าอยู่กับมันไปก่อน”


“…เจ้ารู้อยู่แล้ว?”


ผู้ที่เปล่งเสียงถามมิใช่กริด หากแต่เป็นแพ็กม่าในอดีต


กริดที่ไม่ได้คิดสิ่งใด เริ่มเข้าใจว่านี่คือการฉายซ้ำของเหตุการณ์เมื่อหลายร้อยปีก่อน


“ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าหล่อนคือทายาทเสือขาว แล้วทำไมถึงยังกล้าทรมานขนาดนี้!”


“แล้วจะทำไม? จะบอกอะไรให้นะ หากหล่อนเป็นเพียงลูกเสือธรรมดา ข้าคงเชือดทิ้ง ถลกหนังและน้ำเนื้อออกมาปรุงอาหารไปนานแล้ว”


“โหด… ร้าย…”


โทสะชายหนุ่มพลันพลุ่งพล่าน คล้ายกับความรู้สึกของแพ็กม่าถูกส่งต่อมาถึงกริด


“ทำไมต้องถึงจ้องข้าด้วยสายตาแบบนั้น? โมโหในเรื่องที่ข้าทารุณทายาทเสือขาว หรือเรื่องที่ข้าคิดจะเชือดลูกสัตว์ป่าทิ้งโดยไม่ลังเลกันล่ะ?”


“ทั้งหมดนั่น! ไม่รู้หรือว่าทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน! ทำไมถึงได้จ้องทำร้ายสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอกว่านัก!”


“หือ… แต่มนุษย์ที่เจ้ารักนักรักหนา ก็ยังล่าและทารุณสัตว์ป่าไม่ต่างจากข้า รู้ตัวไหมว่าเจ้ากำลังลำเอียง?”


“โดยส่วนมาก มนุษย์ล่าสัตว์เพื่อความอยู่รอด มีเพียงจำนวนน้อยที่ทารุณสัตว์เพื่อความบันเทิง และนั่นถือเป็นเรื่องผิดศีลธรรมในหมู่มนุษย์ ในทางกลับกัน พวกเราคือตัวตนสมบูรณ์แบบที่ท่านมหาเทพสร้างขึ้น เหตุใดถึงเลียนแบบข้อบกพร่องของมนุษย์ เหตุใดต้องอ้างมนุษย์ในการก่อบาป?”


แพ็กม่าตำหนิการัมอย่างหนัก แต่อีกฝ่ายเพียงยิ้มเย้ยหยัน


“มนุษย์ล่าสัตว์เพื่อความอยู่รอด? ช่างไร้เดียงสานัก… ในหมู่มนุษย์เองก็ยังมีกลุ่มที่ล่าสัตว์เพื่อแสวงหาความสุขอยู่เช่นกัน ความสุขคือสิ่งที่เทพประทานให้ทุกสิ่งมีชีวิตอย่างเท่าเทียม ข้าเพียงเสวยสุขด้วยการเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ เหตุใดถึงต้องตำหนิกันรุนแรงนัก? ข้าไม่เคยฆ่ามนุษย์สักหน่อย”


“…”


แพ็กม่าปิดปากเงียบ


มันตระหนักว่าการสนทนาหลังจากนี้คงไม่ก่อประโยชน์อันใด


ถ้ามาอีกหลายวัน การทารุณของการัมและพรรคพวกยังคงดำเนินต่อไป


บาดแผลใหม่เพิ่มจำนวนขึ้นบนร่างเล็ก ๆ ของเสือครามวันแล้ววันเล่า


ทุกครั้งที่เกิดขึ้น หัวใจแพ็กม่าจะเจ็บแปลบราวกับถูกคมมีดกรีดเฉือน


อิ๋ง! หงิง…


อยู่มาวันหนึ่ง ร่างกายเสือครามชักกระตุกหนักประหนึ่งต้นหลิวต้องพายุ


ตามปรกติแล้ว เธอมักสะดุ้งเล็กน้อยขณะฝันอยู่บ่อยครั้ง แต่สถานการณ์ปัจจุบันค่อนข้างไม่ธรรมดา


“…!”


แพ็กม่าพยายามโอบกอดเสือครามเพื่อปลอบประโลม แต่ก็มีอันต้องตกตะลึงจนตัวแข็ง เนื่องจากร่างกายเสือครามกำลังร้อนรุ่มประหนึ่งเปลวเพลิงลุกโชน


“ก…เกิดอะไรขึ้น?”


หงิง…


เมื่อเห็นอาการไม่สู้ดี แพ็กม่าเตรียมกระตุ้นลมหายใจฟินิกซ์แดงพร้อมสวดภาวนาให้เสือครามที่กำลังจะตายได้รับชีวิตชีวากลับคืนมา


ทว่า แพ็กม่ามิอาจกระตุ้นลมหายใจฟินิกซ์แดงได้ เนื่องจากยังติดระยะหน่วงเหมือนกับผู้เล่น


ในทุกวันตลอดสองสัปดาห์ แพ็กม่าจะใช้ลมหายใจฟินิกซ์แดงเพื่อทำให้เสือครามหลับสนิท สิทธิ์ของวันนี้จึงหมดลงไปแล้ว


“ท่านเทพฟินิกซ์แดง… ได้โปรด”


ท้ายที่สุด แพ็กม่าทำได้เพียงอธิษฐาน


แต่ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหนก็ไม่มีการตอบสนองกลับมา


เทพที่ถูกผนึกไว้ย่อมมิอาจส่งสารใดถึงผู้สวดวิงวอน


“ไม่! ตื่นสิ!”


แพ็กม่าเริ่มกระวนกระวายเมื่อเสือครามไม่ได้สติ


“ท่านห้าอาวุโส! ท่านฮานึล! ได้โปรด… ได้โปรดเมตตาสิ่งมีชีวิตผู้น่าสงสารที่ต้องการความช่วยเหลือจากท่านด้วย!”


ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด เสียงร้องโหยหวนดังกังวานทั่วโถงใหญ่อันว่างเปล่า


การัมและยังบันหายไปแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงกองขวดเหล้าไร้ของเหลว


ไม่มีการตอบสนองใดกลับมาจากคำวิงวอน


ห้าอาวุโสมิได้แยแสข้อเรียกร้องของแพ็กม่าแม้นจะได้ยินอย่างแจ่มชัด


ทายาทเสือขาว


ห้าอาวุโสต่างลงความเห็นตรงกันว่า พวกมันควรขจัดหนึ่งในตัวแปรที่จะยิ่งทำให้เสือขาวทวีความเดือดดาลหากหลุดพ้นจากผนึก


“ตื่นสิ! แข็งใจเข้าไว้!”


ชุดโดโปที่ยับย่นและเปื้อนเปรอะ


สิ่งของเพียงชิ้นเดียวที่แพ็กม่าใช้ปกป้องร่างกายตัวเองตลอดสองสัปดาห์ ยามนี้ถูกนำไปพันไว้กับร่างเล็ก ๆ ของเสือครามอย่างแนบแน่น ส่งผลให้อากาศเย็นจัดแทรกทะลวงเข้ามาในปอดแพ็กม่าโดยไม่รู้ตัว


อย่างไรก็ตาม แพ็กม่าไม่สนใจ สมาธิจดจ่ออยู่กับการช่วยชีวิตเสือครามเพียงอย่างเดียว


“อดทนไว้ก่อน! โลกนี้งดงามเกินกว่าจะจากไปอย่างทรมาน… ได้โปรด… ได้โปรดมีชีวิตรอดต่อไปและเติบโตอย่างมีความสุข”


แพ็กม่ากระซิบกับเสือครามที่ตนโอบอุ้มในอ้อมแขน


แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใด ร่างกายเสือครามก็ยิ่งเย็นลงทุกขณะ


แพ็กม่าเริ่มหมดหวัง มันตำหนิตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย


มันเริ่มตระหนักว่า หากต้องการโน้มน้าวหรือยับยั้งใครสักคน ‘พลัง’ คือสิ่งที่จำเป็นมากกว่าเหตุผลหรืออารมณ์ใดทั้งปวง


กริ๊ง~


เสียงกระดิ่งกังวานไปทั่วห้องโถงอันหนาวเหน็บและว่างเปล่า


“เข้าใจหรือยัง ถึงสาเหตุที่ข้าบอกว่าเจ้ายังแข็งแกร่งไม่มากพอ”


เทพสงครามปรากฏกายต่อหน้าแพ็กม่า


ซือโหยว เทพผู้ถือกำเนิดจากความปรารถนาอันแรงกล้าของมนุษย์ มิใช่ความต้องการของมหาเทพตนใดตนหนึ่ง


“ข้าเข้าใจถึงเหตุผลที่เจ้าต้องการออกบวช มิใช่เถลิงขึ้นเป็นเทพ รวมไปถึงเหตุผลที่เจ้าอยากเป็นช่างปั้นหม้อ… บางที ฮานึลก็อาจกำลังคิดในแบบเดียวกัน”


“…”


“อย่างน้อย หัวใจก็เจ้าก็งดงามจนน่ายกย่อง”


“…”


“นี่คือเหตุผลที่ข้าพร่ำสอนมาตลอดว่า เจ้าต้องหมั่นเสริมเขี้ยวเล็บให้ตัวเอง”


เทพสงครามถือเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เนื่องจากมนุษย์ต้องการ ‘พลัง’ สำหรับฝ่าฟันอุปสรรคบนโลกที่เต็มไปด้วยปัญหา


มนุษย์ให้กำเนิดเทพสงครามและพร้อมใจกันกราบไหว้บูชา โดยหวังว่าสักวัน ตนจะแข็งแกร่งขึ้นและสามารถยืนบนลำแข้งตัวเองได้


ซือโหยวอยากให้แพ็กม่าตระหนักถึงความแข็งแกร่ง


นี่คือความเอ็นดูที่คล้ายกับมีต่อลูกหลาน โดยจากบรรดายังบันทั้งหมด ซือโหยวไม่เคยปฏิบัติเช่นนี้กับใครมาก่อน


“มองมาที่ข้า”


ซือโหยวชักกระบี่ออกจากเอว ถือเป็นหนแรกในรอบกว่าหนึ่งพันปี


“และจดจำให้ดี”


ผ่าสองซีกในพริบตา


ไม่ต้องอธิบายความยอดเยี่ยมใดให้มากความ


การตวัดดาบหนึ่งหนของซือโหยว ทำลายกรงที่ขังแพ็กม่ากับเสือครามจนขาดเป็นสองซีก


ในเวลาเดียวกัน แพ็กม่าพลันกระจ่างแจ้งในความรู้ใหม่


[ท่านได้รับวิชาดาบ ‘มายา’]


[ท่านได้รับวิชาดาบ ‘หน่วง’]


[ท่านได้รับวิชาดาบ ‘ทำลายล้าง’]


“เพื่อปกป้องสิ่งสำคัญ เจ้าต้องพร้อมต่อสู้… เพื่อปกป้องความเชื่อ เจ้าต้องมีพลัง… ในยามจำเป็น จ้องต้องจำใจปลิดชีวิตอีกฝ่าย”


[ท่านได้รับวิชาดาบ ‘สังหาร’]


“…ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านในวันนี้ไปชั่วชีวิต!”


แพ็กม่าโพล่งด้วยเสียงตื่นเต้น


“หากคิดเช่นนั้นจริง จงหลบหนีจากสายตาของห้าอาวุโสและเดินทางไปยังดินแดนตะวันตก จากนั้นค่อยกลับมาในยามที่เจ้ากลายเป็น ‘ผู้สังหารเทพ’ ได้แล้ว”


แพ็กม่าอุ้มเสือครามพลางพยักหน้า ก่อนจะคำนับซือโหยวอย่างนอบน้อมและรีบหนีไป


“เป็นเจ้าอีกแล้ว!”


ขณะแพ็กม่าหนีมาถึงท่าเรือและมองหาลู่ทางระหว่างแนวต้นท้อ การัมและยังบันไล่ตามมาทันจากด้านหลัง


เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างราบรื่น กริดซึ่งทำหน้าที่ ‘ผู้ชม’ มาตลอดสองสัปดาห์ ได้สิทธิ์ควบคุมร่างกายแพ็กม่ากลับคืนมาอีกครั้ง


พลังในปัจจุบันเพิ่มพูนขึ้นชนิดที่เมื่อครึ่งเดือนก่อนเทียบไม่ติด


“มายา”


“…?”


“คลื่นร่ายรำสังหาร”


ลูกแมวใช้พลังของราชสีห์ได้ด้วยหรือ? เหลวไหลสิ้นดี…


การัมและยังบันต่างทึ่งในพลังใหม่ของแพ็กม่า พวกมันที่ไม่ทันได้เตรียมใจ ถูกโจมตีเข้าอย่างจังจนได้รับบาดเจ็บสาหัส


“แค่ก… แค่ก! เจ้าไปทำอะไรมา?”


มีสองเหตุผลที่การัมและพรรคพวกเกลียดชังแพ็กม่าเข้ากระดูก หนึ่งคือ แนวคิดของแพ็กม่าพิสดารและผิดสามัญสำนึกเกินไป ส่วนอีกหนึ่งคือ แพ็กม่าอ่อนแอเพราะมักละเลยการฝึกฝน เป็นคนที่เอาแต่พล่ามทฤษฎีโดยไม่สนใจสภาพความเป็นจริง อีกทั้งยังไม่มีพรสวรรค์ ไม่มีโอกาสก้าวไปเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งได้เลย


แต่ในวินาทีนี้ กริดสำแดงฝีมือในระดับที่เหนือกว่าพวกมันทุกด้าน


อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มตัดสินใจไม่ตามซ้ำจนถึงตาย เนื่องจากความสำคัญสูงสุดคือการพาเสือครามหลบหนีให้สำเร็จ


หลังจากขึ้นเรือใหญ่ ชายหนุ่มข่มขู่กัปตันให้หวาดกลัว จากนั้นก็เคี้ยวลูกท้อขาวจนละเอียดและป้อนใส่ปากเสือครามที่กำลังอ่อนแรง


หงิง…


เสือครามลืมตาขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด แต่ร่างกายที่เคยเย็นลงมากเริ่มกลับมาอบอุ่นอีกหน


ขณะกริดเริ่มเห็นแสงแห่งความหวัง


“…”


ความเงียบงันแผ่ปกคลุมโลกที่ถูกฉาบด้วยสีขาวดำอีกครั้ง


กริ๊ง~ กริ๊ง~


เสียงกระดิ่งดังจากดาดฟ้าเรือที่ปกคลุมด้วยหมอกหนา


ซือโหยวปรากฏกาย


หากแต่หนนี้เป็นซือโหยวในปัจจุบัน มิใช่ซือโหยวในอดีตที่เคยช่วยแพ็กม่าหลบหนี


มันย่างกรายเข้าใกล้กริด


“ตรงข้ามกับเจ้า แพ็กม่าเกือบเอาชีวิตไม่รอด การหนีไปถึงทวีปตะวันตกได้สำเร็จถือเป็นเหตุการณ์ในระดับใกล้เคียงปาฏิหาริย์”


“…”


“เรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น หากเขาเอาจริงเอาจังตั้งแต่ยังเล็ก”


“…ท่านคิดว่า สิ่งที่ยังบันกับหาอาวุโสทำลงไป เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วหรือ”


ซือโหยวไม่ตอบ เพียงจ้องกริดด้วยสีหน้าเรียบเฉยและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา


“ถัดไปเป็นการสอบที่ห้า บททดสอบสุดท้าย”


กริดพลันฉงน


“เมื่อครู่คือการทดสอบที่สามไม่ใช่หรือ”


หากผ่านการสอบที่สาม ก็ควรจะต่อด้วยการสอบที่สี่


แต่นี่กลับเป็นห้า?


กริ๊ง~


“เจ้าผ่านการสอบที่สามกับสี่ไปแล้ว จึงเหลืออีกเพียงหนึ่ง”


“…”


“จงสำแดงฝีมือการต่อสู้”


กระแสเวลากลับมาไหลต่อ


โลกที่ถูกย้อมด้วยสีขาวและดำกลับสู่ความสดใสตามเดิม


การัมและพรรคพวกที่ถูกกริดอัดจนนอนหมอบริมท่าเรือ ค่อย ๆ กลับคืนร่างจริงของพวกมันพร้อมกับพยุงตัวลุกยืน


แต่ละคนคือแฮจินและกลุ่มยังบันที่เข้าร่วมการสอบซือโหยว


เฉกเช่นกริดที่สวมบทบาทของแพ็กม่า แฮจินกับยังบันสวมบทบาทเป็นการัมและพรรคพวก


“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”


แฮจินและยังบันเริ่มโหวกเหวก


แตกต่างจากกริดเล็กน้อย พวกมันรู้สึกราวกับตนถูกกักขังไว้ในโลกที่กาลเวลาหยุดเดิน ไม่มีใครได้ยินคำพูดของซือโหยว ส่วนใหญ่จึงยังจับต้นชนปลายการสอบไม่ถูก


กริ๊ง~


ซือโหยวที่ยืนบนดาดฟ้าเรือ ประกาศกร้าวกึกก้อง


“การทดสอบสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้น”


ฉากของภูเขาและแม่น้ำบิดเบี้ยวก่อนจะเลือนหาย เหลือเพียงเรือลำใหญ่และท่าจอดที่ค่อย ๆ ลอยสูงขึ้นจนดูคล้ายแผ่นกระดาษ


ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ที่นี่คือสังเวียนสำหรับเข่นฆ่าเอาชีวิต


“โจมตีเพื่อชนะ ป้องกันเพื่อชนะ ความแข็งแกร่งมีไว้เพื่อสองสิ่งนี้”


กริ๊ง~


เสียงกระดิ่งที่เลือนรางลงเป็นสัญญาการเริ่มต้น


แฮจินปลดกระบี่อ่อนรอบเอวพร้อมกับกระโจนขึ้นไปบนเรือ


“น่าทึ่งมากที่มนุษย์มาถึงการทดสอบสุดท้ายได้ แต่มันจบแล้วล่ะ!”


ใบดาบที่ตวัดเลื้อยราวกับอสรพิษ พุ่งตรงโดยมีเป้าหมายเป็นร่างกายส่วนสะโพกของกริด แต่ปลายดาบกลับหักเลี้ยวขึ้นไปยังลำคอในจังหวะสุดท้าย


นี่คือความพิสดารและยากคาดเดาของเพลงกระบี่อ่อน ใครก็ตามที่เพิ่งเคยเผชิญ ไม่แคล้วต้องมีชะตากรรมต้องถูกเล่นงานฝ่ายเดียว


แต่น่าเสียดาย กริดคุ้นชินกับวิชาดาบยังบันเป็นอันมาก


แถมยังเป็นหนึ่งในยังบันที่แข็งแกร่งที่สุด การัม


“…?!”


การลอบโจมตีทีเผลอของแฮจินถูกป้องกันอย่างง่ายดาย


ดาบมังกรเพลิงซึ่งอัดแน่นด้วยวิชาดาบ ‘ทำลายล้าง’ สับลงไปยังดวงตาข้างหนึ่งที่กำลังสั่นกลัวของหญิงสาว


“ความรู้สึกของการถูกควักลูกตาเป็นยังไงบ้าง”


กริดผู้อยู่ในร่างไอรีน เผยแววตาอันเย็นชาราวกับธารน้ำแข็ง


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,733
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00