จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,298



ผีเสื้อที่ถูกทำลายไปเป็นเพียงวิญญาณ


วิญญาณชั่วร้ายซึ่งเกิดมาเพื่อเชือดเฉือนเป้าหมายด้วยปีกอันคมกริบจนถึงแก่ความตาย หนทางเดียวในการจำกัดผีเสื้อวิญญาณคือต้องแผดเผาด้วยอำนาจบารมีแห่งเทพ


“…!”


ยังบันต่างเชื่อว่า หญิงสาวผู้เป็นหนึ่งในสาวกของซิก จักต้องตายอย่างโง่เขลาเพราะพยายามฟาดฟันผีเสื้อวิญญาณด้วยดาบ ฉากตรงหน้าจึงถือเป็นเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย


สาวกของซิกปลดปล่อยเปลวเพลิงที่อัดแน่นด้วยลมหายใจฟินิกซ์แดงซึ่งพวกมันเคยครอบครองจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ไม่เพียงเพลิงดังกล่าวจะมีอาณาเขตที่กว้างขวาง แต่ยังชวนให้นึกถึงพลังฟินิกซ์แดงอันทรงพลังของมีร์


ผีเสื้อวิญญาณหลายพันหลายหมื่นสลายกลายเป็นขี้เถ้าอย่างง่ายดายจนยังบันมิอาจปิดปากสนิท


กริ๊ง~ กริ๊ง~


กระดิ่งสร้อยคอและสายรัดผมของซือโหยวดังขึ้น เป็นผลพวงมาจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อมัดเล็กบนใบหน้า


ใช่แล้ว ซือโหยวกำลังยิ้ม


“สมกับที่เป็นมนุษย์ผู้ครอบครองหัวใจลำดับเก้าของฟินิกซ์แดง”


“หัวใจลำดับเก้า…?”


ยังบันต่างสงสัยในสิ่งที่ได้ยิน


หัวใจลำดับเก้า หนึ่งในหัวใจสิบดวงซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดพลังของเทพฟินิกซ์แดง


กำลังจะบอกว่ามนุษย์ครอบครองในสิ่งที่แม้แต่ห้าอาวุโสก็มิอาจช่วงชิง?


แฮจินขบกรามด้วยสีหน้าเจ็บแค้น


หล่อนอยากย้อนกลับไปตบหน้าตัวเองในอดีต ที่ดันโง่เขลาตื่นเต้นยินดีเพียงเพราะได้รับหัวใจฟินิกซ์แดงลำดับ 9,857 จากฮานึล


แฮจินหงุดหงิดตัวเองที่ดันรู้สึกเสียดายหัวใจดวงดังกล่าวหลังจากเทพฟินิกซ์แดงฟื้นคืนชีพ


‘บัดซบ! บัดซบที่สุด!!’


ใบหน้าแฮจินแดงก่ำราวกับใกล้ระเบิด หล่อนรู้สึกอับอายที่ตัวเองดันไปหลงใหลได้ปลื้มกับหัวใจคุณภาพต่ำกว่าดวงที่มนุษย์โสมมครอบครอง ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เธอไม่เคยอับอายในเรื่องใดเท่าครั้งนี้มาก่อน


ความรู้สึกของยังบันตนอื่นก็ไม่ต่างกันนัก ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่สูญเสียหัวใจไปแล้วจากเหตุการณ์ฟินิกซ์แดงคืนชีพ หรือคนที่กำลังจะสูญเสียในอีกไม่ช้า ทุกคนต่างจ้องมองสาวกของซิกด้วยสายตาอาฆาตแค้น


กริดมิได้แยแสจิตสังหารรอบตัว


กล่าวให้ชัดก็คือ มันไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้น


‘…รู้ได้ยังไงว่าเรามีหัวใจลำดับเก้า?’


กริดเผยสีหน้าตกตะลึงขณะจ้องไปยังซือโหยวที่ยืนกอดอกในจุดห่างไกล


มันเริ่มตระหนักว่าในการทดสอบเมื่อครู่ ตนไม่มีโอกาสผ่านได้เลยหากไม่เปิดเผยว่าตัวเองคือผู้คืนชีพให้เทพฟินิกซ์แดง


‘การสอบเป็นกับดัก…’


จบสิ้นแล้ว


กริดเคยคิดว่าตนอาจเก็บเกี่ยวบางสิ่งได้จากการสอบซือโหยว แต่กลับกลายเป็นว่า ความลับถูกเปิดโปงจนแทบจะหมดโอกาสรอดชีวิต


‘ถ้าไอเท็มสำคัญเกิดดรอปที่นี่ เราคงหมดสิทธิ์กลับมาทวงคืน’


แม้ผีเสื้อวิญญาณจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว แต่กริดยังไม่ปิดเขตแดนพายุเพลิงเทพเนื่องจากหวาดระแวงสถานการณ์รอบตัว


ท่ามกลางวงล้อมของยังบันและซือโหยว ทางรอดเดียวคือการพึ่งพาปราณดาบอนันต์จากเขตแดนพายุเพลิงเทพ


‘…ต้องรีบหาทางออกก่อนที่เขตแดนจะหมดลง’


พื้นที่ปัจจุบันคือห้วงมิติพิเศษซึ่งถูกซือโหยวนำตัวมาทดสอบ หรือสรุปโดยสั้น ที่นี่แยกออกจากโลกมนุษย์อย่างสมบูรณ์ เป็นเพียงโลกจินตภาพที่ซือโหยวสร้างขึ้น


‘คิดเข้าสิ… บราฮัมเคยบอกจุดอ่อนของโลกจินตภาพกับเราบ้างไหม’


“ข้าชอบใจในความพยายาม… ถึงเวลาของการทดสอบที่สามแล้ว”


กริ๊ง~


“…!”


กริดเผยสีหน้าตกตะลึงเมื่อเห็นเขตแดนพายุเพลิงเทพที่ตนพยายามรักษาไว้ ถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย


เพียงเสียงกริ่งหนเดียวของซือโหยวก็มากพอจะผนึกหนึ่งในสุดยอดท่าไม้ตายได้เลยหรือ?


ในวินาทีนี้ กริดชัดแจ้งแล้วว่า ตนกำลังเต้นระบำอยู่บนฝ่ามือของซือโหยว


ทัศนวิสัยของชายหนุ่มผู้กำลังสิ้นหวัง พลันดำมืด


***


“…”


สิ่งใดทำให้น้ำเสียงแฝงความโศกเศร้าไว้มากมายเพียงนี้?


กริดลืมตาตื่นเพราะเสียงร้องของสัตว์ร้ายวัยเยาว์ จากนั้นก็สัมผัสถึงพื้นผิวของผืนพรมอ่อนนุ่ม


ตัวมันที่รู้สึกคล้ายกับหลับใหลไปนานหลายปี เริ่มมองไปรอบตัวอย่างเหม่อลอยพร้อมกับบรรจงเลิกเปลือกตาขึ้นทีละนิด จนกระทั่งมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวจากแสงไฟสลัว


ที่นี่คือห้องกว้างและมีสีสันฉูดฉาด แสงที่ตกกระทบกับผนังห้องสีแดงสดและเครื่องเรือนตกแต่งหรูหราอีกหลายชนิด ช่วยส่งเสริมให้บรรยากาศฟุ้งกระจายไปด้วยประกายระยิบระยับ


สิ่งแปลกปลอมไม่กี่อย่างคงเป็นขวดไวน์กลิ่นลูกท้อและกรงเหล็กใหญ่เทอะทะซึ่งไม่เข้ากับองค์ประกอบชนิดอื่น


แต่สิ่งที่แย่ที่สุดภายในห้องคือพฤติกรรมของหนุ่มสาวในชุดโดโปสีคราม


“ฮะฮะ! ฟังเจ้านี่ร้องเข้าสิ! น่าสงสารอะไรเช่นนี้! ฮะฮะ!”


“คงหิวน้ำกระมัง พวกเราจับกรอกเหล้าอีกสักขวดดีไหม?”


“ทำไมถึงเป็นเหล้า? ทั้งที่พวกเรามีเหล้าไม่พอดื่มแล้วเนี่ยนะ? กินฉี่ไปก่อนก็แล้วกัน”


บุรุษหนุ่มปลดโดโปพร้อมกับฉี่ใส่กรงเหล็ก


ไม่มีใครทราบว่าพวกมันดื่มไปมากแค่ไหน แต่ฉี่ที่พุ่งทะลักออกมาราวกับน้ำตกล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าเหม็นฉุน


“…?”


นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?


กริดพลันมึนงงเมื่อตนถูกส่งมาอยู่ท่ามกลางสิ่งที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน


ทันใดนั้น ชายหนุ่มพลันต้องขมวดคิ้วเนื่องจากเห็นแมวตัวหนึ่งกำลังนอนหมอบพลางส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดในกรงเหล็กที่ยังบันฉี่ใส่


เป็นแมวประหลาดที่มีขนสีฟ้าครามงดงาม


ไม่สิ ศีรษะและอุ้งเท้าใหญ่เกินกว่าจะเป็นแมวได้


เมื่อเห็นลวดลายกึ่งกลางหัว กริดทราบทันทีว่านั่นคือเสือ


“อะ…!” ชายหนุ่มเริ่มระลึกได้ว่านั่นคือเสือคราม


เสือครามในวัยเยาว์


และนี่คือเหตุการณ์ในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อน


“ไอ้พวกระยำ…!”


กริดยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ยืนยันได้เพียงว่าตนถูกส่งกลับมาในอดีต


มันกวาดตาสำรวจรอบตัวพักหนึ่งก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า


เพื่อช่วยเสือคราม ชายหนุ่มรีบพุ่งตรงไปทางกรงเหล็กและผลักกลุ่มยังบันให้พ้นทาง


“เห…?”


ยังบันที่เมามายย่อมมิอาจรักษาสมดุลร่างกาย พวกมันซวนเซคล้ายต้นอ้อก่อนจะล้มหัวคะมำ


ยังบันหนุ่มหลายตนนอนกอดก่ายในสภาพฉี่รดใส่กัน


เมื่อตื่นจากภวังค์เมามาย พวกมันต่างส่งเสียงแหกปาก


“แพ็กม่า! เจ้าเสียสติไปแล้วรึไง!”


‘แพ็กม่า?’


พวกมันเรียกเราว่าแพ็กม่า?


กริดที่กำลังสับสนรีบมองกระจกเงาด้านข้าง


ชายหนุ่มพลันตกตะลึงพร้อมกับผงะถอยหลัง เนื่องจากบุคคลในกระจกคือบุรุษใบหน้างดงามเสียจนไม่ต่างจากสตรี


แพ็กม่าในยามนี้อ่อนเยาว์กว่าร่างที่แรนดี้เคยจำลอง หรือแม้กระทั่งแพ็กม่าในภาพความทรงจำของเคลย์เชอร์


อายุปัจจุบันคงราวยี่สิบตอนต้น


‘เกิดอะไรขึ้น?’


เราย้อนกลับมาเป็นแพ็กม่าในอดีต? ทำไม?


ท่ามกลางพายุคำถาม เสียงซือโหยวดังแว่วจากด้านหลัง


“การทดสอบที่สามกำลังจะเริ่มขึ้น”


…จริงสิ เราอยู่ระหว่างการสอบซือโหยว


ขณะกริดเริ่มเข้าใจสถานการณ์ ยังบันตนหนึ่งย่างสามขุมเข้ามาใกล้


“ไอ้เวรตะไล!”


เพี้ยะ!


กริดพลันน้ำตาคลอเบ้าหลังจากถูกยังบันตบใส่หน้าเต็มแรง


ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายแข็งแกร่ง แต่เพราะกริดสูญเสียค่าพลังป้องกันไปเกือบทั้งหมด


ชายหนุ่มจับแก้มที่กำลังร้อนฉ่า พลางเปิดหน้าต่างค่าสถานะ


[ชื่อ : แพ็กม่า

เลเวล : 256

เผ่าพันธุ์ : ยังบัน

คลาส : นักดาบฝึกหัด, ช่างตีเหล็กฝึกหัด

…]


แต้มสถานะทั้งหมดของกริดถูกสวมทับโดยแพ็กม่าเมื่อหลายร้อยปีก่อน เช่นเดียวกันกับอุปกรณ์สวมใส่และทักษะ


‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?’


ไม่ว่าจะเป็นอดีตที่ผ่านมานานแค่ไหน แต่ค่าสถานะเหล่านี้ควรเป็นของยังบันจริงหรือ?


ในเดียวกัน บุรุษผู้ตบแก้มกริดตามเข้ามากระชากคอเสื้อ


“คิดจะปกป้องสัตว์พวกนี้ด้วยรึไง? ทำไมคนเสียสติเยี่ยงเจ้าถึงเกิดมาเป็นพวกเดียวกับข้าได้? แค่เห็นหน้าก็อยากจะอาเจียนแล้วให้ตายสิ!”


กริดจดจำดวงตาที่แฝงความรังเกียจและโกรธแค้นนี้ได้แม่นยำ


ชายหนุ่มจ้องมองชายผู้กำลังคว้าคอเสื้อตน พลางโพล่งด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก


“ก…การัม!”


“หือ? อะไร? ทำไมถึงทำเหมือนกับเจ้าไม่รู้จักข้ามาก่อน?”


การัมแสยะยิ้มพลางผลักกริดจนกระเด็น ตามด้วยการถ่มน้ำลายรดพื้นและเดินออกจากโถงใหญ่พร้อมพรรคพวก


กรร…


เสือตัวเล็กในกรงเหล็กจ้องมองกริด


ไม่ว่าจะดวงตากลมโตอันใสซื่อหรือลมหายใจสั่นกระเส่า ทุกองค์ประกอบส่งเสริมให้สิ่งมีชีวิตที่ถูกกักขังภายในกรงขังดูน่าเวทนา


“…เป็นยังไงบ้าง”


กริดยืนขึ้นพร้อมกับใช้ ‘ลมหายใจฟินิกซ์แดง’ จากรายการทักษะ


เปลวเพลิงอันอบอุ่นปกคลุมร่างกายเสือครามที่กำลังเปียกชุ่มจนอีกฝ่ายเริ่มมีชีวิตชีวา


‘…ต่ำช้าอะไรแบบนี้’


เมื่อสำรวจเสือครามอย่างละเอียด กริดเริ่มสั่นเทาอย่างเจ็บแค้น


ตามร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟาดแส้อย่างเหี้ยมโหด รวมถึงเลือดสีแดงสดที่ไหลซึมรอบปากแผล


“ข้าขอโทษที่ไม่ช่วยให้เร็วกว่านี้”


กริดเผยสีหน้าดำมืดขณะใช้ฝ่ามือลูบไล้เส้นขนของเสือคราม


เราควรเข้ามาขัดขวางก่อนที่พวกยังบันจะฉี่ใส่…


ชายหนุ่มหงุดหงิดตัวเองที่มัวแต่เหม่อลอยและไม่รีบทำความเข้าใจสถานการณ์


เสือครามพยายามแทรกศีรษะออกจากซี่เหล็กและนำมาถูไถกับขากริด คล้ายกับเธอกำลังพูดว่า ‘ข้าไม่เป็นอะไร’ พร้อมกับกล่าวคำขอบคุณในใจ


‘ต่ำช้านัก…’


นี่เป็นเพียงภาพลวงตาจากอดีต การกระทำของเราคงไม่ส่งผลต่อความจริงในอนาคต…


กริดเริ่มตั้งสมาธิและวิเคราะห์เกี่ยวกับบททดสอบที่สามของซือโหยว


ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องฝ่าฟันไปให้ได้…


เมื่อทราบสถานการณ์เป็นอย่างดี กริดดึงกระบี่อ่อนออกจากเอว


ถึงจะมีทักษะความชำนาญดาบยังบันติดตัว แต่ก็ยังเป็นเพียงขั้นต้นเท่านั้น


“วิชาดาบแพ็กม่า”


ทักษะที่ใช้ได้มีเพียง ‘คลื่น’ และ ‘ร่ายรำ’


“คลื่นร่ายรำ”


กริดพยายามตัดแม่กุญแจที่ล็อกกรงไว้


หลังจากประตูกรงเปิดออก ชายหนุ่มรีบเหยียดแขนไปหาเสือครามที่ตกใจจนหนีกลับเข้าไป


“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำร้ายเจ้า”


พวกยังบันต้องทรมานเธออย่างโหดเหี้ยมสักเพียงใด ถึงเกิดปฏิกิริยาตอบสนองฉับพลันในยามที่กรงถูกเปิดออก?


กริดซ่อนเสือครามไว้ในอ้อมกอดพร้อมกับรีบวิ่งออกจากโถงใหญ่


“เจ้าคิดจะทำอะไร!? หยุดนะ!”


การัมและยังบันวิ่งตามออกจากอาคารพื้นกระเบื้อง


กริดต้องทำลายกลอนอีกหลายหนเพื่อเปิดทางหนี ส่งผลให้พวกมันจับเสียงและตามมาถูก


“หยุดสิวะ!”


ถ้าเป็นพวกแกจะหยุดไหม? พูดโง่ ๆ …


กลุ่มยังบันอยู่ในสภาพไม่พร้อมนัก อีกทั้งยังสวมโดโป หมวก และรองเท้าผ้าไหมที่ยากแก่การเคลื่อนไหว ยิ่งไปกว่านั้น ยังบันบางตนยังถือกล้องยาสูบขณะวิ่งไล่กริด ส่งผลให้ชายหนุ่มหลบหนีการไล่ล่าอย่างไม่ยากเย็นจนกระทั่งมาถึงประตูทางเข้าออกอาณาจักรฮวาน


ด้านหน้าคือแม่น้ำสายยาว ยาวเสียจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด


“แฮ่ก… แฮ่ก…”


ใกล้กับท่าเรือมีเรือลำใหญ่จอดเทียบ แต่กริดไม่อยากเสี่ยงขึ้นเรือใหญ่เนื่องจากผู้คนด้านบนมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นศัตรู อีกทั้งยังไม่มีประสบการณ์ขับเรือใหญ่มาก่อน จึงเลือกหลบหนีด้วยเรือพายแทน


“ไม่ต้องกังวล ข้าจะพาเจ้าไปให้ถึงภูเขาหมีใหญ่”


กริดเอ่ยชื่อสถานที่ที่ตนได้พบกับเสือครามในอนาคตเพื่อปลอบประโลมอีกฝ่ายให้สงบลง


แต่ถึงจะพูดเช่นนั้น หัวใจของมันกำลังเต้นโครมครามจากสภาพแวดล้อมและความกลัวอย่างมิอาจควบคุม


หงึกหงึก หงึกหงึก


เนื่องจากสมรรถภาพร่างกายของแพ็กม่า ณ ปัจจุบันต่ำกว่ากริดพอสมควร เพียงไม่นานก็มาถึงขีดจำกัด แขนขาอ่อนแรงจนแทบมิอาจขยับเขยื้อนไม้พาย


ตึง! ตึงตึง! ตึง!


เรือใหญ่แล่นออกจากท่าพร้อมกับเสียงกลองกังวาน


แน่นอน เรือใหญ่ย่อมมีความเร็วมากกว่าเรือพาย กริดจึงถูกไล่ทันภายในเวลาไม่นาน


“เจ้าคนน่าสมเพช!”


การัมตะโกนอย่างเดือดดาลดังไปทั่วแนวภูเขาและแม่น้ำ


ฝนธนูถูกโปรยลงจากฟากฟ้าด้านบน


‘…ชิ!’


กริดไม่ยอมถอดใจโดยง่าย


มันพยายามขัดขวางฝนศรระลอกแรกด้วยคลื่นและร่ายรำ ส่วนที่เหลือถูกสลายไปด้วยวิชาดาบผสานสองชนิด คลื่นร่ายรำ


ด้วยเหตุนี้ กริดจึงไม่เหลือทักษะสำหรับโจมตีใส่การัมโดยตรง


“คนอ่อนหัดยังเจ้ายังจะกล้าหนีอีกหรือ? ยอมทรยศพวกเราเพียงเพราะสัตว์ป่าตัวเดียวเนี่ยนะ?”


ถ้อยคำของมันฟังดูสมเหตุสมผล


กระบี่อ่อนในมือการัมถูกเล็งมาทางกริดด้วยจิตสังหารเต็มเปี่ยม


‘อันตราย…’


ขณะชายหนุ่มมองตามปลายกระบี่อ่อนที่กำลังจะพุ่งเสียบหัวใจ


ทัศนียภาพรอบตัวพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวดำและหยุดนิ่ง


ไม่สิ เรียกว่ากาลเวลาถูกหยุดคงจะเหมาะสมกว่า


ร่างกายการัมแน่นิ่งคล้ายกับถูกแช่แข็งฉับพลัน


เสียงกระดิ่งดังขึ้นด้านหลังกริดจนชายหนุ่มไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ


“ทำไมถึงช่วยมันออกมา”


ท่ามกลางโลกที่หยุดนิ่งและแทบไม่เหลือสรรพเสียงใด มีเพียงเสียงของกริดและซือโหยวที่ยังสามารถก้องกังวาน


“จะให้ผมทนดูเฉย ๆ ได้ยังไง…”


กริดมอบคำตอบ


“แต่เจ้าไม่แข็งแกร่งพอจะช่วยมัน”


“ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกนะ”


“เจ้าจะตายในวินาทีถัดไป”


“ท่านแน่ใจได้อย่างไร”


ลมหายใจมังกรคราม เสือขาว และเต่าดำ กริดยังเหลือทักษะอีกสามชนิดที่ไม่ได้ใช้ออกไป


มันวางแผนจะสลายการโจมตีของการัมด้วยลมหายใจเสือขาว จากนั้นก็ส่งกระแสไฟฟ้าลงไปในน้ำด้วยลมหายใจมังกรครามเพื่อทำให้การัมหมดสติ สุดท้ายก็รีบหนีขึ้นเรือใหญ่และพยายามฉวยโอกาสด้วยวิชาดาบแพ็กม่าหรือลมหายใจเต่าดำ


ถึงจะไม่รับประกันผลสำเร็จ แต่ก็คุ้มค่าแก่การลองเสี่ยง


ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยของซือโหยวเผยรอยยิ้ม


“ข้าชอบความหัวรั้นของเจ้า รวมไปถึงความพยายามในการพัฒนาท่ารำดาบที่เคยเป็นเพียงสิ่งประดับพิธีกรรม จนสามารถใช้งานได้จริง”


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,731
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. วิชาดาบจะถูกพัฒนามั้ยเนี่ย

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00