จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 257



       หน้าที่หลักของวิหารยาธานคือการสร้างความปั่นป่วนให้กับโลกใบนี้

       นั่นก็เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมอันเจ็บปวดสิ้นหวังให้เหมาะสมกับการร่ายมนต์ดำ  มนต์ดำที่สามารถนำพาจอมอสูรทั้ง 33 ตนจากขุมนรกกลับขึ้นมาบนโลก

       นั่นคือเจตจำนงหลักขององค์เทพยานที่มีมาตั้งแต่ต้น

       ***

       เมื่อสามปีก่อน

       จักรพรรดิฮวนเดอร์ได้ทำการอัญเชิญฮีลเลอร์และนักบวชมาจากทั่วทั้งทวีป  จุดประสงค์ก็เพื่อช่วยชีวิตจักรพรรดินีอาเรียที่ล้มป่วยใกล้ตายอยู่บนเตียง  แต่ก็ไม่มีฮีลเลอร์หรือนักบวชคนใดเลยที่รักษาอาเรียได้  และคงไม่มีนักบวชธรรมดาคนใดที่สามารถทำได้อีกแล้ว  นอกเสียจากนักบุญหญิงในตำนานจะปรากฏตัวขึ้น

       เงินทองที่กองเป็นภูเขาเลากากับทรัพย์สินในท้องพระคลังที่มีสมบัติมีมากมายล้วนไร้ค่า  อาเรีย  มารดาขององค์ชายลำดับที่ 1 และองค์หญิงลำดับที่ 1    ฮวนเดอร์ได้แต่เฝ้ามองภรรยาตนทุกข์ทรมานจนถึงวินาทีสุดท้าย

       หลังจากการตายของอาเรีย

       ฮวนเดอร์รักเธอมาก  เขาจึงตกอยู่ในภาวะเศร้าเสียใจมากเช่นกัน  จักรพรรดิไม่สนใจงานบริหารบ้านเมือง  เอาแต่ดื่มกินจนเมามายและล้มป่วย  เป็นจักรพรรดินีลำดับที่ 2 อย่างแมรี่ที่คอยอยู่เคียงข้างและปลอบใจ  แมรี่เป็นมารดาองค์ชายลำดับที่ 4   แถมเธอยังมีความเลอโฉมในระดับหาตัวจับยาก

       เป็นเพราะการอุทิศตนของเธอ  ฮวนเดอร์จึงสลัดความเศร้าโศกออกไปได้  หลังจากนั้นเป็นต้นมา  โลกของแมรี่ก็เปลี่ยนไป  ฮวนเดอร์รู้สึกขอบคุณที่เธอทำให้เขากลับมาได้อีกครั้ง  จึงมอบความรักใครและความชื่นชอบให้เป็นพิเศษจนพลังอำนาจของเธอล้นฟ้า

       เฉกเฉ่นเรื่องราวการชิงบัลลังก์ทั่วไป  แมรี่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้บุตรชายของตนได้ครองราชย์  ใช้ทั้งความงาม  พลังอำนาจ  และจอมเวทย์มืดในสังกัด  เธอกระทำสิ่งชั่วช้ามากมายรวมถึงการแทรกแซงกองอัศวินสีชาดและขุนนางชั้นสูงที่สนับสนุนองค์ชายลำดับหนึ่ง

       ผ่านมาแล้วสามปี  แมรี่มีพลังอำนาจล้นพ้นในจักรวรรดิ  ผู้คนมากมายให้การสนับสนุนทั้งเธอและองค์ชายลำดับสี่ให้ครองบัลลังก์  ในขณะเดียวกัน  กองอัศวินสีชาดที่เธอสร้างขึ้นมาใหม่ต่างก็ถวายความจงรักภักดีอย่างสุดหัวใจ

       แมรี่พึงพอใจอย่างมาก  เธอมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าบุตรชายจะต้องกลายเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป  แต่กลับมีคนผู้หนึ่งที่กำลังขบขันอยู่ในความมืด  คนๆ นั้นคือจอมเวทย์ที่เธอสนิทชิดเชื้อมากที่สุด  ไดฟ

       ไดฟ  จอมเวทย์มืดที่รับใช้ตระกูลของแม่รี่ก่อนที่เธอจะกลายเป็นจักรพรรดินีเสียอีก  แต่ความเป็นจริง  เขาเสียชีวิตไปนานแล้วในอดีตด้วยฝีมือของข้ารับใช้ลำดับที่ 7   ดาร์คบัส    ใช่แล้ว  ดาร์คบัสสวมรอยเป็นไดฟเรื่อยมา  มันคือจอมเวทย์ผู้มีวิชาสาปแช่งทรงอานุภาพสูงสุดของวิหารยาธาน  และภารกิจคราวนี้ก็คือการทำให้จักรวรรดิซาฮารันตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย

       "อีกไม่นานแล้วสินะ..."
       
       เมื่อถึงวันที่องค์ชายลำดับสี่ผู้ซึ่งไร้พรสวรรค์ทำการครองบัลลังก์  ฝ่ายสนับสนุนองค์ชายลำดับหนึ่งคงไม่ยอมอยู่เฉยแน่  การนองเลือดจะต้องอุบัติขึ้นในจักรวรรดิ  แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากจักรวรรดิตกอยู่ในความวุ่นวายน่ะหรือ?

       หากไม่ตาย  ผู้คนจำนวนมากก็จะตกอยู่ในความสิ้นหวัง  วันนั้นจะกลายเป็นที่เวทย์มืดสามารถสำแดงพลังออกมาได้ถึงขีดสุด  และวิหารยาธานก็จะมีพลังมากพอในการอัญเชิญจอมอสูรออกมาจากขุมนรก!

       "งานหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเราจะได้รับการตอบแทนอย่างคุ้มค่า"

       เป็นสามปีที่หนักหนาสาหัสอย่างมาก  จอมเวทย์และจอมปราชญ์ของจักรวรรดิมีฝีมืออยู่ในระดับแข็งแกร่ง  ดาร์คบัสต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเป็นเท่าตัวเพื่อไม่ให้ถูกตรวจพบพิรุธ  ไม่มีวันใดเลยที่มันสามารถผ่อนคลายได้  แต่ ณ บัดนี้  อีกไม่นานความเหน็ดเหนื่อยก็จะจบสิ้นลงเสียที

       "คิกคิกคิก..."

       ในขณะที่เสียงหัวเราะของชายชรากำลังดังก้องอยู่ภายในห้องอันมืดมิด...

       "เอ๋?"
       
       เสาสอดแนมที่ตั้งไว้รอบที่พักของอัสโมเฟลถูกทำลายลง  ดาร์คบัสที่จับสัมผัสได้จึงเริ่มเกิดความหวั่นวิตกทันที

       "ผู้บุกรุก?"

       อัสโมเฟลคือเครื่องมือที่สำคัญ  ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นถึงเสาหลักของจักรวรรดิ  ความสิ้นหวังอันรุนแรงที่เกิดจากการป้ายสีปิอาโร่ให้กลายเป็นผู้ทรยศนั้นสำคัญกับแผนของดาร์คบัสมาก  ดาร์คบัสจำเป็นต้องคอยประคองเวทย์ล้างสมองอัสโมเฟลไว้เรื่อยๆ   มันจึงอาศัยอยู่ใกล้กับที่พักของอัสโมเฟลเพื่อคอยสอดส่องดูแล

       หลายปีที่ผ่านมา  มันคอยเฝ้าไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามาใกล้ที่พักของอัสโมเฟลได้  แต่สิ่งที่ใช้จับตามองกลับถูกทำลายไปแล้วในตอนนี้  มีผู้บุกรุกกำลังย่างกรายเข้ามาอย่างแน่นอน

       'เสาสอดแนมของเราถูกทำลายได้ง่ายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?'

       คนที่แข็งแกร่งพอจะทำแบบนั้นได้ในทวีปมีเพียงหยิบมือ  อีกฝ่ายจะต้องมีพลังต่อสู้ระดับสูง  แต่ในเมื่อเสาสอดแนมตรวจพบผู้บุกรุกเพียงคนเดียว  ดาร์คบัสจึงไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกเกินเหตุ  มันยังคงรักษาความเยือกเย็นและตัดสินใจเดินไปยังห้องรับรองเพื่อมองหาอัศวิน

       เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่อัศวินสีชาดเปลี่ยนเวรพอดี  กลายเป็นอัศวินทมิฬที่มาทำหน้าที่องครักษ์แทน

       "เยี่ยม!"

       นี่คือวิกฤติอันร้ายแรง  ดาร์คบัสต้องการใช้งานคนที่ไว้ใจได้  พวกอัศวินสีชาดนั้นหยิ่งทระนงจนเกินไป  มันชอบที่จะใช้งานอัศวินทมิฬซึ่งมีความสนิทสนมกันมากกว่า  ดาร์คบัสเดินไปยังที่พักของอัสโมเฟลพร้อมกับอัศวินทมิฬสองคน

       "สวัสดีครับ!"

       ทหารที่ยืนประจำการในสวน  เมื่อได้เห็นดาร์คบัสจึงแสดงความเคารพออกมา  ดูเหมือนทหารพวกนี้จะยังไม่รู้ถึงตัวตนของผู้บุกรุก

       'เป็นการบุกรุกที่แนบเนียนมาก...'

       แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าดาร์คบัส  สิ่งเหล่านั้นย่อมไร้ความหมาย  มันสามารถตรวจจับตำแหน่งผู้บุกรุกได้ง่ายดายด้วยพลังเวทย์

       แสยะ

       ดาร์คบัสแสยะยิ้มพร้อมกับหันไปตะโกนบอกกลุ่มอัศวินทมิฬ

       "มีผู้บุกรุก!  หยิบอาวุธออกมาแล้วตั้งท่าป้องกัน!"

       เมื่อได้รับคำสั่ง  บรรดาทหารก็กรูเข้ามารวมตัวกันหน้าทางเข้าบ้านพักอัสโมเฟล  ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นทหารแถวหน้าของจักรวรรดิกว่า 120 คน  และอัศวินทมิฬอีก 2 คน  

       ฉากตรงหน้าช่างยิ่งใหญ่อลังการ

       ซู่วว

       ดาร์คบัสใช้พลังเวทย์เพื่อตรวจหาผู้บุกรุก  

       ...บุคคลปริศนาอยู่ห่างออกไป 200 เมตรจากด้านหน้ามันนี่เอง

       "เผยตัวออกมาซะ!"

       มันตะโกนขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยพลังเวทย์  ผู้บุกรุกต้องเผยตัวออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้  

       ชายคนดังกล่าวกำลังสวมเสื้้อคลุมหัวแปลกประหลาดโดยมีหน้ากากปิดหน้าปิดตาไว้

       'ใครกัน?'

       ชายผมดำคนนี้มีดวงตาสีแดงที่กำลังส่องประกายในความมืด ดารค์บัสไม่คุ้นกับบุคคลที่มีลักษณะแบบนี้มาก่อน

       "แกเป็นใคร?"

       ผู้บุกรุก  กริด  ได้ตอบคำถามดาร์คบัสกลับไป

       "ฉันจะเป็นอะไรได้อีก?  ศัตรูของแกยังไงล่ะ!"

       กริดไม่พูดพร่ำทำเพลง  กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ต้องใช้เวลานานถึงสามสัปดาห์  เขาไม่ต้องการเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว  เพราะจุดสิ้นสุดของภารกิจสำคัญกำลังอยู่ตรงหน้านี่เอง

       ฟุ่บ!

       กริดย่นระยะ 200 เมตรอย่างรวดเร็วมาปรากฏตัวต่อหน้ากองทหาร  

       ทหารระดับหัวแถวของจักรวรรดิย่อมไม่ธรรมดา  พวกมันปราศจากอาการตื่นตระหนก  ดาบถูกชักออกมาตั้งอยู่ในท่าวิชาดาบจักรวรรดิ  ส่วนทหารที่อยู่แถวหลังก็เริ่มยิงธนูเข้าใส่

       'ไม่เลวแฮะ'  กริดกล่าวชื่นชม  ทหารกลุ่มนี้นับว่ามีระเบียบวินัยสูงกว่ากองทัพใดที่เขาเคยพบมา  

       'แต่ก็ไร้ความหมาย'

       แคร้งงง!

       ชายหนุ่มใช้โล่เทวะปัดป้องลูกธนูไว้  หลังจากนั้นก็สลับ <ความผิดพลาด> ขึ้นมาถือเตรียมโจมตี

       เปรี้ยงงง!!

       "อั่ก…  แค่ก!"

       ทหารจำนวนห้าคนถูกดาบใหญ่สีน้ำเงินซัดเข้าจนกระเด็นลอยขึ้นฟ้า  พละกำลังของกริดอยู่เหนือกว่าเผ่าพันธุ์ยักษ์ไปไกลมากแล้ว  ไม่มีทางที่ทหารทั่วไปจะทนไหวแน่

       "ย๊าาาก!"

       ทหารที่เหลือต่างกรูเข้าใส่  พวกมันไม่สนใจซากศพของพวกพ้องด้านล่างเลยสักนิด  ทุกคนเหยียบข้ามไปอย่างไม่ใยดี  

       กริดเริ่มใช้ทักษะ

       "โทสะช่างตีเหล็ก"

       โทสะช่างตีเหล็กเลเวล 4 จะช่วยเพิ่มพลังโจมตี 25% และความเร็วโจมตีอีก 40%  

       แถม <ความผิดพลาด> ในมือก็ยังช่วยเพิ่มพลังโจมตีขึ้นอีก 20% ในที่มืด

       ฉึก!  ฉั่วะ!

       ท่ามกลางแสงจันทร์  ดาบใหญ่อันทรงพลังได้ฟาดฟันทะลุผ่านโล่และชุดเกราะไปอย่างง่ายดาย  ร่างเนื้ออันแสนอ่อนแอของเหล่าทหารถูกเชือดเฉือน  ถือเป็นการเต้นรำอันน่าตื่นตา  

       แต่พวกมันก็ไม่ได้โง่  หากเข้าไปทีละคนสองคน  ความเสียหายที่เกิดขึ้นคงเกิดขึ้นไม่มีจบสิ้น  กองทหารรีบตั้งขบวนล้อมกริดไว้และให้สัญญานสลับกันโจมตี  กริดแสยะยิ้มอย่างขบขันให้พวกมันที่พยายามตั้งขบวนล้อม

       'เราสามารถฝ่าออกไปได้ด้วยพลัง'

       กลยุทธจะไร้ผลเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่่ต่างชั้นเกินไป  อันที่จริง  กริดสามารถใช้มายาร่ายรำเพื่อสังหารพวกมันเกินกว่าครึ่งในทักษะเดียวได้  แต่เขาก็จะไม่ทำเช่นนั้น  ชายหนุ่มรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่โง่เขลาเพียงใดกับการเสียทักษะอันมีค่าไปกับสิ่งเล็กน้อย  

       ทว่า  การไล่เข่นฆ่าไปทีละคนก็ไม่ใช่เรื่องฉลาดเช่นกัน

       'ทำให้ง่ายลงหน่อยดีกว่า'

       ตลอดสามสัปดาห์ที่ผ่านมา  ประสบการณ์ต่อสู้ของกริดเพิ่มขึ้นจากการล่ามอนสเตอร์อย่างไม่หยุดพัก

       การมองเห็นของเขากว้างขึ้น  และเลือกมองภาพรวมของสนามรบมากกว่าจดจ่ออยู่กับสิ่งตรงหน้า  สิ่งกีดขวางที่อยู่โดยรอบมีทั้งกระถางดอกไม้  ต้นไม้  และน้ำพุ  กริดเคลื่อนตัวไปยืนในจุดที่ยากจะข้ามผ่านเพื่อให้ศัตรูตั้งขบวนได้ยากขึ้น

       ขบวนรบที่เหล่าทหารพยายามก่อตัวค่อยๆ พังลงทีละนิด  กลุ่มทหารสามารถพุ่งเข้าถึงตัวกริดได้ทีละสองสามคนเท่านั้น  และทั้งหมดก็จะถูกดาบใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวดับลมหายใจก่อนจะได้เฉียดใกล้กริด

       "อั่ก!"

       "อ๊ากกก!"

       เมื่อกริดวิ่งพล่านไปทั่วสวน  ความได้เปรียบด้านจำนวนของกองทหารก็ดูเหมือนจะไร้ค่า  ยิ่งเวลาผ่านไปนาน  โลหิตและเศษชิ้นเนื้อของพวกพ้องก็เริ่มสาดกระเซ็นเข้าใส่กลุ่มทหาร  พวกมันเริ่มสั่นกลัว  ไม่มีใครที่กล้าไล่ตามกริดอีกต่อไป  

       อัศวินทมิฬเห็นดังนั้นจึงรีบหันไปกล่าวกับดาร์คบัส

       "เซอร์ไดฟ  ได้โปรดใช้เวทย์คำสาปสนับสนุนด้วย"

       "ไม่มีปัญหา"       

       ดาร์คบัสตอบกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับวาดวงเวทย์สีแดง  การปรากฏตัวของวงเวทย์ได้ทำให้มันร่ายคำสาปได้ไวขึ้น  เมื่อดาร์คบัสวาดเสร็จ  มันก็เริ่มใช้คำสาปใส่กริดอย่างต่อเนื่อง

       "ถูกโจมตีแรงขึ้น!  ลดค่าต้านทาน!  ลดค่าอวยพร!"

       เป็นวินาทีที่คำสาปอันทรงพลัง  เช่นสาปให้ถูกโจมตีแรง  สาปให้ค่าต้านทานทุกชนิดลดลง  สาปให้ค่าสถานะทั้งหมดลดลง  รุมกระหน่ำใส่กริดแต่เพียงผู้เดียว

       "ไปกันเถอะ"

       อัศวินทมิฬทั้งสองคนเริ่มเคลื่อนไหว  ผู้บุกรุกที่ถูกทำให้อ่อนแอลงคนนี้  พวกมันมั่นใจว่าสามารถดับลมหายใจได้ในเวลาเพียงสิบวินาที 

       ดาร์คบัสพลันตะโกนห้ามอย่างตื่นตระหนก

       "ด--เดี๋ยวก่อน...!"

       คำสาปไม่ได้ผล!  แต่มันก็พูดออกไปไม่ทันเสียแล้ว  อัศวินทมิฬทั้งสองที่ถูกฝึกหนักจนร่ายกายเกินขีดจำกัดมนุษย์ได้พุ่งเข้าถึงตัวกริดในเวลาอันสั้น  กริดเผชิญหน้ากับพวกมันพร้อมกับอมยิ้มอย่างขบขัน

       "วิชาดาบแพ็กม่า...  หน่วง!"

       ความกลัวอันไม่ทราบที่มาได้สะกดข่มการกระทำของพวกมันเอาไว้

       "อะไรกัน...?"
       
       "หมายความว่ายังไง?"

       อัศวินทมิฬต่างสับสนและผงะถอยหลังออกมาอย่างไร้เหตุผล  กริดพุ่งตัวออกจากน้ำพุ่พร้อมกับย่นระยะด้วยจังหวะเท้าของ <สังหาร>

       เปรี้ยงงง!

       "...!"

       อัศวินทมิฬที่ถูกแทงด้วยดาบใหญ่สีน้ำเงินไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้อง  กองเลือดคำโตถูกกระอักออกมาจากปากพร้อมกับคุกเข่าทรุดลงไป

       "บ้าน่า!"

       อัศวินทมิฬอีกคนพลันโพล่งขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนถูกซัดหมอบ  ตัวมันพยายามขัดขันออกจากผลของหน่วงอย่างสุดความสามารถ

       "แกใช้มนต์ดำอะไรกับพวกเรากันแน่?"

       "มนต์ดำ?"

       กริดเพ่งพิจารณาทั่วร่างของอัศวินทมิฬคนที่เหลืออย่างละเอียด  ผ้าปิดตาเพชฌฆาตได้เผยจุดอ่อนของมันให้เห็นอย่างเด่นชัด  แสงสีแดงในแววตาของชายหนุ่มพลันเข้มข้นขึ้นยิ่งกว่าเดิม

       "นั่นคือเทคนิค...  ไม่ใช่มนต์ดำสักหน่อย"

       มีดสีทองทั้งเจ็ดเล่มปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของกริด

       ฉึกกก!

       ทั้งรวดเร็วและแม่นยำจนไม่อาจหลบพ้น  มีดสีทองได้ปักเข้าไปตามตะเข็บช่องว่างของชุดเกราะ  การเคลื่อนไหวของมันพลันชะงักไปทันที   

       กริดปิดฉากด้วยร่ายรำ

       ฟุ่บฟุ่บฟุ่บ...!

       อัศวินทมิฬพยายามดิ้นรนจนเฮือกสุดท้าย  มันกวัดแกว่งดาบอย่างมั่วซั่วเท่าที่จะทำได้  แต่การขีดขืนก็ไร้ผล  ร่ายรำของกริดมีเลเวล 5 แล้ว  ไม่ใช่สิ่งที่อัศวินทมิฬเลเวล 255 จะทนไหว

       10, 15, 20, 25, 30 ครั้ง  รัศมีดาบอันคมกริบได้เฉือนร่างของมันจนกลายเป็นเศษผ้าขี้ริ้ว

       "แค่ก...!"

       ตุ้บ!

       ร่ายกายที่หมดสภาพได้หัวทิ่มลงไปในบ่อน้ำพุ  บรรดาทหารที่ยืนมองอยู่ต่างหมดคำพูดทันทีเมื่อต้องเห็นโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ  ขนาดสองอัศวินทมิฬที่ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิยังถูกสังหารในพริบตา?  นี่พวกมันกำลังฝันไปงั้นหรือ?

       กองทหารกำลังยืนสั่นกลัวราวกับเห็นฝันร้าย  ส่วนดาร์คบัสก็กำลังตกตะลึงที่เวทย์คำสาปของตนไม่ได้ผล  

       ในที่สุดมันก็รู้ตัวจริงของกริด

       'ต้านทานคำสาป  ดาบใหญ่สีน้ำเงิน  มีดสีทองที่เคลื่อนไหวได้เอง...! ไม่ผิดแน่!  หมอนี่คือคนที่บาลัคเคยพูดถึง!'

       ข้ารับใช้ลำดับที่ห้าแห่งวิหารยาธาน  บาลัค  มันเคยรุกรานไบรันพร้อมกับข้ารับใช้ลำดับที่สี่  เนบีเรียส  และทั้งคู่ก็พ่ายแพ้กลับมา  ในครั้งนั้นบาลัคได้กล่าวว่า  ไบรันมีปีศาจอยู่ตนหนึ่งซึ่งใช้ดาบใหญ่สีน้ำเงินและของวิเศษสีทองเป็นอาวุธ  มันผู้นี้เคยสังหารทั้งมาลาคัสและเนบีเรียสมาแล้ว

       มันเรียกตัวเองว่า...

       "เท็มพล่า..."

       ไม่สิ

       "โอเวอร์เกียร์!"

(ผู้แปล : เตือนความจำสักหน่อย คำว่า  템빨 [โอเวอร์เกียร์] - ออกเสียงคล้ายเท็มพล่า )

       ทำไมชายคนนั้นถึงมาอยู่ที่นี่ได้?  มันควรจะอยู่ที่อีเทอนัลมิใช่หรือ?  เหตุใดถึงมาปรากฏตัวในจักรวรรดิและกำลังเผชิญหน้ากับตน?

       "แกคิดจะทำลายสิ่งที่ฉันเหน็ดเหนื่อยมาตลอดสามปีงั้นหรือ?"

       ดาร์คบัสพลันโมโหสุดขีด  มันได้แต่คิดในใจว่า  หรือจะถูกองค์เทพยาธานจะทอดทิ้งเข้าแล้ว?

Comments

  1. กริดบอกไม่เกียวกะเทพ ตูจะทำเควสเฉยๆ มาขวางทางทำไมละเฮ้ย

    ReplyDelete
  2. ฆ่ามันแล้วรับตัวอัสโมเฟลมาเป็นลูกน้องแน่ๆ

    ReplyDelete
  3. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00