จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,228
‘ไม่เหมือนกัน…!’
สมบัติโบราณ
นั่นคือคำเรียกขานของจักรกลเวทมนตร์
จักรกลเวทมนตร์คือสมบัติเก่าแก่ที่มีอายุไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันปี
แต่จักรกลเวทมนตร์ทั้งแปดตัวในโรงงานของลาร์ดวูล์ฟนั้นแตกต่างออกไป
มันดูเหมือนกับ อาวุธสงครามทันสมัยที่ถูกดัดแปลงให้เข้ากับยุคปัจจุบันมากขึ้น
ประการแรก รูปลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง สะท้อนให้เห็นถึงคำว่า ‘พัฒนา’ ได้เป็นอย่างดี
เมื่อเทียบกับจักรกลเวทมนตร์รุ่นเก่าแก่ของซีบาล—ไรเดอร์ส ทุกชิ้นส่วนของจักรกลเวทมนตร์รุ่นใหม่จะมีขนาดใหญ่กว่าราวสองเท่า
‘เพื่อสู้กับมังกร…?’
จักรกลเวทมนตร์ในอดีตถูกสร้างขึ้นเพื่อต่อกรกับจอมอสูรโดยเฉพาะ
แต่เมื่อกาลเวลาล่วงเลย โลกก็แปรเปลี่ยน
เป้าหมายของลาร์ดวูล์ฟ หนึ่งในสมาชิกสภาหอคอย ได้เปลี่ยนจากจอมอสูรเป็นมังกร
คล้ายกับประสบการณ์ได้สอนว่า ขนาดของเครื่องยนต์แบบเก่า ไม่เพียงพอต่อการรับมือกับสิ่งมีชีวิตสุดทรงพลังเยี่ยงมังกร จึงต้องเพิ่มน้ำหนักและสัดส่วนขึ้นจากเดิมราวสองเท่า
แม้จะใหญ่เทอะทะ แต่แลกมาด้วยพลังทำลายล้างที่เพิ่มขึ้น
ถ้ามีปัญญาบังคับให้มันขยับได้ละนะ…
‘เนตรแพ็กม่า’
กริด ผู้กำลังยืนแหงนหน้าอ้าปากค้าง เริ่มถูกความสง่างามและน่าเกรงขามของจักรกลเวทมนตร์ครอบงำ จนเผลอเปิดใช้งานเนตรแพ็กม่าตามจิตใต้สำนึก
<เนตรแพ็กม่า·ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล>
เมื่อใช้ดวงตาของแพ็กม่าตรวจสอบรายละเอียด ค่าความเข้าใจในไอเท็มจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบค่าสถานะและออปชัน รวมถึงยังสามารถจำลองไอเท็มได้ชั่วคราว
…
…
โดยสัญชาตญาณ กริดต้องการเพิ่มค่าความเข้าใจในไอเท็มเผื่อเอาไว้ เพราะอาจมีประโยชน์ในอนาคต ขณะเดียวกันก็ยังต้องการทราบว่า สุดยอดอาวุธสงครามรุ่นใหม่จะมีค่าสถานะเป็นอย่างไร
แต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า
[ไอเท็มเป้าหมายอยู่นอกเหนือความเข้าใจของท่าน]
‘กะแล้วเชียว…’
“นี่”
“…!”
ขณะกำลังครุ่นคิด กริดพลันสะดุ้งเมื่อได้ยินใครบางคนส่งเสียงเรียก
พอได้เห็นลาร์ดวูล์ฟเดินเข้ามาใกล้ ร่างกายชายหนุ่มพลันสั่นเทา คล้ายกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าแอบขโมยของ
“รู้สึกผิดปรกติตอนเปิดประตูบ้างไหม”
“?”
กริดส่ายหน้าเล็กน้อยพลางชำเลืองไปยังประตูบานที่ตนเพิ่งเปิดออก
“ไม่แน่ใจครับ ถ้าจะมีความไม่ปรกติ ก็คงเป็นคราบสกปรก… เอ่อไม่ใช่… เป็นน้ำหนักที่มากเหนือความคาดหมาย”
“หึหึหึ… เหล็กแสงจันทร์ไม่ได้มีดีแค่หนักหรอกนะ”
“เหล็กแสงจันทร์?”
“เหล็กที่ผนึกระดับของตัวตนได้”
“ผนึก… หมายถึงระดับของเหนือมนุษย์?”
“ไม่ใช่แค่ระดับตัวตน แต่ยังรวมไปถึงสมญานามทั้งหมดที่สั่งสมมา นั่นจึงหมายความว่า เมื่อครู่ เจ้าเปิดประตูด้วยพละกำลังเพียงอย่างเดียว”
“…!”
เมื่อลองนึกดูให้ดี กริดเริ่มพบความแตกต่าง
คล้ายกับสิ่งสำคัญในร่างกายหายไปชั่วขณะ
หากอ้างอิงจากคำพูดของลาร์ดวูล์ฟ หมายความว่า ชายหนุ่มสูญเสียเอฟเฟคจากสมญานามและความเป็นเหนือมนุษย์ไปชั่วคราว
‘มีแร่ขี้โกงขนาดนี้อยู่ด้วยหรือ…’
ตามปรกติแล้ว ลำพังแร่ผนึกเวทมนตร์ก็หาได้ยากจนแทบต้องพลิกแผ่นดินแล้ว
แต่กริดไม่เคยได้ยินแร่ผนึกระดับตัวตนมาก่อน ไม่สิ ไม่แม้แต่จะจินตนาการออกด้วยซ้ำ
เมื่อลาร์ดวูล์ฟอ่านแววตากริดออก มันเล่าต่อไปอย่างภาคภูมิใจ
“ถุงมือของจักรกลเวทมนตร์ล้วนสร้างจากเหล็กแสงจันทร์ เป็นเหตุผลว่าทำไมกำปั้นของจักรกลเวทมนตร์ จึงสามารถทะลวงผ่านเกล็ดมังกรที่เคลือบด้วยชั้นพลังเวทมนตร์และระดับตัวตนอันสูงส่งเข้าไปได้… เป็นยังไงบ้าง สุดยอดไปเลยใช่ไหม”
“…!”
หลายคนอาจไม่ทราบ แต่การที่มังกรแข็งแกร่งอย่างไรเหตุผล ส่วนหนึ่งเป็นเพราะระดับตัวตนของมันสูงกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นมาก
เมื่อระดับตัวตนสูง เพียงยืนเฉย ๆ ก็มากพอจะทำให้ไม่ได้รับความเสียหายจากสิ่งมีชีวิตลำดับต่ำกว่า
และกำปั้นของจักรกลเวทมนตร์ถูกสร้างเพื่อทะลวงผ่านเกราะป้องกันทางธรรมชาติดังกล่าว
“บีบันตัดปีกมังกรศิลากูเซล ได้เพราะมีจักรกลเวทมนตร์ช่วยเปิดทางให้”
“อย่างนี้นี่เอง…”
กริดยืนนิ่งไปพักใหญ่ ห้วงความคิดกำลังถูกรุกรานด้วยความสุดยอดของแร่นามว่าเหล็กแสงจันทร์
“แต่ว่า… ท่านลาร์ดวูล์ฟ เหล็กแสงจันทร์เป็นโลหะชนิดใหม่ที่เพิ่งถูกค้นพบใช่ไหม”
“ทำไมถึงคิดเช่นนั้น”
“ผมเคยสู้กับจักรกลเวทมนตร์มาแล้ว แต่มันไม่มีคุณสมบัติผนึกระดับตัวตน”
กริดคือช่างตีเหล็ก
ความกระหายที่จะศึกษาข้อมูลแร่ชนิดใหม่ย่อมมากกว่าใครเพื่อน
“หืม… เจ้าเคยสู้จักรกลเวทมนตร์ด้วยหรือ… อ้อ เข้าใจแล้ว คงเป็นเศษของเหลือพวกนั้นสินะ …เดิมที จักรกลเวทมนตร์ทุกตัวจะมีเหล็กแสงจันทร์เคลือบผิวกำปั้นไว้ แต่หลังจากรุ่นเก่าหมดสภาพ พวกเราจึงสกัดเหล็กแสงจันทร์ออกมาใช้งาน”
“เหล็กแสงจันทร์มีมาตั้งแต่โบราณแล้ว…”
แต่ทำไมถึงไม่เคยได้ยินจนกระทั่งป่านนี้
คุณค่าของมันมากมายถึงขั้นที่ว่า เผ่าคนยักษ์ต้องสกัดออกจากหุ่นรบรุ่นเก่าที่ยังพอใช้งานได้
กริดทั้งสับสนและตื่นเต้น ทุกสิ่งถูกแสดงออกมาทางสีหน้าโดยไม่ปิดบัง
“ใช่ มันคือแร่ท้องถิ่นของอาณาจักรคนยักษ์”
อาณาจักรคนยักษ์ถูกมังกรทำลายจนราบคาบตั้งแต่หนึ่งพันปีก่อน
กล่าวกันว่า เกาะทั้งเกาะจมลงก้นทะเลด้วยพลังของลมหายใจมังกร
“ทั้งหมดนี่คือแร่แสงจันทร์ก้อนสุดท้ายของโลกแล้ว ข้าจึงต้องเก็บรักษาเป็นอย่างดี”
[ท่านได้รับข้อมูลของแร่ชนิดใหม่]
[<เหล็กแสงจันทร์> ถูกเพิ่มเข้าไปในรายการข้อมูลแร่]
<เหล็กแสงจันทร์>
แร่ท้องถิ่นของอาณาจักรคนยักษ์
มีอำนาจผนึกระดับตัวตนของเป้าหมายชั่วคราว
“…”
กริดหันกลับไปมองบานประตูเหล็กขนาดมหึมาอีกครั้ง
เสียงเตือนของลาร์ดวูล์ฟดังแว่ว
“ระงับความอยากนั่นเอาไว้ การสู้กับมังกรทำให้จักรกลเวทมนตร์เสียหายใหญ่หลวงทุกครั้งที่กลับมา จึงต้องต้องใช้เหล็กแสงจันทร์ซ่อมแซมในปริมาณมาก ที่มีปัจจุบันก็แทบไม่เพียงพอ”
“เป็นใครก็คงอดใจไม่ไหวครับ… แต่ผมยังสงสัยว่า ในเมื่อมีมูลค่าสูงขนาดนั้น แล้วทำไมถึงนำมาสร้างเป็นประตู”
“ถามได้โง่มาก ก็ต้องไว้กันขโมยอยู่แล้ว… หากมีบุคคลแข็งแกร่งเยี่ยงเจ้าลอบเข้ามาขโมยของ ความเสียหายคงประเมินค่ามิได้”
“…”
ใช่แล้ว แตกต่างจากภายนอกที่ดูแข็งกร้าว ลาร์ดวูล์ฟปอดแหกจนน่าตกใจ
จะมีหัวขโมยหน้าไหนลอบเข้ามาในหอแห่งปัญญาได้? แถมที่นี่ยังเป็นชั้นเจ็ด…
เมื่อเห็นสีหน้าเคลือบแคลงของกริด ลาร์ดวูล์ฟเผยรอยยิ้ม
“เจ้าเองก็ถูกมหาโจรราตรีสีชาดหมายหัวอยู่ไม่ใช่หรือ”
“…!”
มหาโจรราตรีสีชาด
กริดเคยได้ยินชื่อนี้ครั้งแรกในตอนที่ได้รับ <พิมพ์เขียววังหลวง (ส่วนกลาง) > จากจักรวรรดิซาฮารัน*
(*ตอนที่ 1082)
ในครั้งนั้น ระบบได้เตือนว่า
[‘มหาโจรราตรีสีชาด’ เริ่มให้ความสนใจในตัวท่าน จงระวังค่ำคืนแดงฉานให้ดี]
กริดพลันเย็นสันหลัง
“มหาโจรราตรีสีชาดเก่งพอจะบุกรุกหอแห่งปัญญา?”
“ถูกต้อง”
“เป็นไปไม่ได้…”
ไม่เพียงจะมองเห็นหอแห่งปัญญาที่กางข่ายเวทมนตร์อำพราง แต่ยังสามารถหลบเลี่ยงประสาทสัมผัสของสภาหอคอยได้ด้วย?
กริดที่หมดคำจะกล่าวไปชั่วขณะ ก่อนจะผุดสมมติฐานหนึ่งขึ้น
“เหนือมนุษย์?”
“ถูกต้อง เจ้านั่นอยู่มานานกว่า 600 ปีแล้ว แถมยังเป็นศัตรูกับพวกเรา”
“บ้าน่า…”
“เมื่อราวร้อยปีก่อน ไอ้บัดซบนั่นขโมยสร้อยเนอวาร์ธานไปจากหอคอย”
“เนอวาร์ธาน? สร้อยมังกร?”
“ถูกต้อง เป็นสร้อยที่ผลิตจากเศษกรงเล็บที่แตกหักของเนอวาร์ธาน มีอำนาจยั่วยวนผู้พบเห็นและทำให้ผู้สวมเสียสติ”
“สร้างของอันตรายแบบนี้ขึ้นมาทำไม…”
กริดเริ่มสัมผัสได้
แม้ลาร์ดวูล์ฟจะปากเสีย แต่เนื้อแท้แล้วเป็นคนดีเลยทีเดียว
การยอมตอบทุกคำถามคือข้อพิสูจน์
“เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง หากเจ้าได้ครอบครองกรงเล็บมังกร จะไม่สร้างอะไรขึ้นจากมันเลยหรือ”
“ก็จริง…”
ถึงยอมบอกสาเหตุ แต่ก็เหมือนไม่บอก
แทบไม่ได้ประโยชน์อันใดเลย
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีเจตนาจะมอบเหล็กแสงจันทร์ให้เป็นรางวัล เราคงไม่มีโอกาสได้เห็นรายละเอียดของโลหะ… น่าเสียดายชะมัด…
ขณะกริดกำลังผิดหวัง อีกฝ่ายกล่าวขึ้น
“เลือดของช่างตีเหล็กกำลังพลุ่งพล่านใช่ไหม”
“แน่นอนครับ หากมีโอกาส ผมอยากลองถลุงเหล็กแสงจันทร์ดูสักครั้ง”
“ถ้าอย่างนั้นก็จงนำสร้อยเนอวาร์ธานกลับมาให้ข้า หากทำสำเร็จ ข้าจะมอบเหล็กแสงจันทร์เป็นการตอบแทน”
“…!”
ลาร์ดวูล์ฟเป็นถึงสภาหอคอย
การจะเล่าเรื่องสำคัญให้คนนอกฟัง ไม่มีทางทำโดยไม่ไตร่ตรองล่วงหน้า
นับตั้งแต่วินาทีที่มันเล่าเรื่องราวของเหล็กแสงจันทร์ให้กริดฟัง ลาร์ดวูล์ฟเตรียมมอบหมายงานให้อยู่แล้ว
“ที่นั่งลำดับหนึ่งกล่าวว่า มหาโจรราตรีสีชาดเป็นหัวขโมยที่ทำเพื่ออุดมการณ์ มันขโมยสมบัติเพียงเพื่อเก็บไว้ในคอลเลกชั่นของตัวเอง จึงไม่น่าจะนำสร้อยมังกรมาขายทอดตลาด… แต่ข้ากลับเห็นต่าง โจรก็คือโจรวันยังค่ำ ไม่มีทางเอาแน่เอานอนกับมันได้”
[ท่านจะรับทำภารกิจ <สร้อยเนอวาร์ธาน> หรือไม่]
<สร้อยเนอวาร์ธาน>
ระดับความยาก :???
จงนำสร้อยเนอวาร์ธานที่ถูกมหาโจรราตรีสีชาดขโมยไป กลับมาให้ลาร์ดวูล์ฟ
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : นำสร้อยเนอวาร์ธานกลับมาให้ที่นั่งลำดับ 3 ลาร์ดวูล์ฟ
รางวัลภารกิจ :
- เหล็กแสงจันทร์
- ค่าความสัมพันธ์กับลาร์ดวูล์ฟ
“อะ…”
อาจเป็นภารกิจแสนเย้ายวน
แต่หากประเมินตามความเป็นจริง โอกาสทำสำเร็จนั้นมีต่ำมาก
อย่างน้อยก็ในสายตากริด ชายหนุ่มมองไม่เห็นโอกาสสำเร็จแม้แต่น้อย
กริดลังเลสักพัก ก่อนจะถามออกไปตามตรง
“ผมต้องทำอย่างไร จึงจะนำสร้อยจากมหาโจรราตรีสีชาดกลับมาคืนคุณได้…”
“ถ้าข้ารู้ จะฝากให้เจ้าทำแทนหรือ”
“…”
เมื่อเห็นสีหน้ากริดเริ่มอึมครึม ลาร์ดวูล์ฟกระแอมหนึ่งหน พลางอธิบายต่อ
“ข้าคงไม่เสียสติพอจะมอบภารกิจที่ไม่มีมีโอกาสสำเร็จให้… ข้ามั่นใจว่า ในอีกไม่ช้า เจ้าจะตกเป็นเหยื่อของมหาโจรราตรีสีชาด เพราะมันมีงานอดิเรกที่น่ารังเกียจ”
“งานอดิเรกน่ารังเกียจ?”
“ถูกต้อง เป็นที่ทราบกันดีว่า มันจะขโมยสิ่งของไปจากคงดังแห่งยุคสมัย สมบัติส่วนนี้ไม่รวมกับคอลเลกชั่น เพราะถึงเจ้าเป็นแค่ขอทาน แต่ถ้ามีชื่อเสียงโด่งมัน มันก็จะแอบขโมยชามใส่เหรียญของเจ้าไป”
“…เข้าใจแล้วครับ”
ข้อมูลใหม่
ย้อนกลับไปในตอนที่กริดรู้ตัวว่าถูกมหาโจรราตรีสีชาดเพ่งเล็ง ชายหนุ่มเข้าใจว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายต้องการพิมพ์เขียว แต่ความจริงแล้วตรงกันข้าม มหาโจรปริศนาผู้นี้สนใจตัวบุคคลมากกว่าสิ่งของ
“มันจะปรากฏกายต่อหน้าเจ้า และเมื่อถึงตอนนั้น สมบัติของเจ้าหนึ่งชิ้นก็จะอยู่ในมือมันเรียบร้อยแล้ว”
คล้ายกับอีกฝ่ายกำลังเล่าวินาทีที่สร้อยมังกรถูกขโมยให้กริดฟัง
ขณะลาร์ดวูล์ฟกำลังกัดฟันกรอด มันอธิบายพลางข่มโทสะ
“แม้จะมีโอกาสไม่มาก แต่ก็คุ้มค่าที่จะลองดู หากมันปรากฏตัว พยายามต่อรองให้มากที่สุด นั่นคือหนทางเดียวในการได้สร้อยมังกรคืน”
ลาร์ดวูล์ฟกำลังบอกเป็นนัยว่า การใช้กำลังไม่มีทางได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
แม้แต่สภาหอคอยอย่างลาร์ดวูล์ฟยังปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปได้ ถ้าเป็นเราก็แทบไม่ต้องเดา…
‘หากไม่แข็งแกร่งมาก ก็ต้องหนีเก่งมาก…’
หรืออาจทั้งคู่
จอมโจรเหนือมนุษย์…
เป็นส่วนผสมที่บรรลัยที่สุด
หากเลี่ยงได้ กริดไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตัวตนเจ้าปัญหานั่นสักเท่าไร
แต่ถ้าอีกฝ่ายกำลังเพ่งเล็งเราอยู่แล้ว ภารกิจนี้ก็มีแต่ได้กับได้…
“ตกลงครับ ผมจะทำ”
“หึหึ คำตอบสมกับเป็นเจ้า”
[ท่านรับภารกิจ]
เหล็กแสงจันทร์
แร่สุดหายากที่มีอำนาจผนึกระดับตัวตนของศัตรูชั่วคราว
จอมอสูร อัครเทวทูต ตำนาน เหนือมนุษย์
…และกระทั่งเทพ
สำหรับกริดที่มีชะตากรรมต้องเผชิญตัวตนเหล่านี้ในอนาคต เหล็กแสงจันทร์จึงนับเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในแผนการ
“ข้าชอบนิสัยของเจ้า”
ลาร์ดวูล์ฟฉีกยิ้มกว้างเมื่อกริดยอมรับภารกิจ จากนั้นก็ยื่นมือข้างหนึ่งมาขอจับ
“แล้วจะรอฟังข่าวดี”
“ผมจะพยายาม… ว่าแต่.. ในเมื่อมีจักรกลเวทมนตร์ถึงแปดเครื่อง หมายความว่าสมาชิกคนอื่นนอกจากท่านลาร์ดวูล์ฟและฟรอนซาลล์สามารถขับพวกมันได้หรือ”
“ไม่เลย ทั้งหมดสร้างขึ้นเพื่อให้คนยักษ์ขับโดยเฉพาะ”
สภาหอคอยถูกรวบรวมจากบุคคลที่มีฝีมือสุดในแต่ละด้าน
หากต้องการขับจักรกลเวทมนตร์ ฝีมือด้านอื่นจะถดถอยลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
“การที่ต้องมีแปดเครื่องก็เพราะมังกรมีหลากหลายธาตุ หากหวังเอาชนะกับมังกร ฝ่ายเราจำเป็นต้องชิงความได้เปรียบอย่างสูงสุด”
“เข้าใจแล้วครับ”
แปดเครื่องหมายถึงแปดธาตุ…
กริดได้แต่นึกสงสัยว่า จักรกลเวทมนตร์แต่ละธาตุสำแดงพลังแตกต่างกันอย่างไร
แต่มันก็เลือกเก็บงำความสงสัยไว้ และซักถามอีกหนึ่งคำถามสำคัญออกไป
“หากไม่ว่าอะไร ผมอยากทราบว่า พอจะมีโอกาสบ้างไหม ที่จะสร้างจักรกลเวทมนตร์รุ่นใหม่สำหรับให้มนุษย์ขับขี่”
คงไม่…
กริดไม่คาดหวังมากนัก
แม้แต่รุ่นเก่าที่มีสมรรถนะต่ำกว่ามาก คลาสนักบินโดยตรงอย่างซีบาลก็ยังขับขี่ได้เพียงสิบกว่าวินาทีเท่านั้น
ขีดกำจัดทางร่างกายของมนุษย์คือกำแพงสำคัญที่ยากจะก้าวข้าม
ขณะกำลังตัดพ้อ กริดได้รับคำตอบเหนือความคาดหมาย
“ก็พอเป็นไปได้ ถ้าตัดทอนขีดความสามารถบางอย่างออกไป รวมถึงลดอัตราการจ่ายพลังงาน”
“…!”
“ให้ข้าสอนวิธีผลิตไหม”
“…!!”
เพียงถามไม่กี่คำ ก็ยอมบอกวิธีการสร้างจักรกลเวทมนตร์สำหรับมนุษย์แล้วหรือ…
สมกับเป็นหอแห่งกำไร
หลังจากกริดพยักหน้าหงึกหงัก ลาร์ดวูล์ฟเดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน ก้มหาเอกสารสักพัก ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับบางสิ่งในมือ
“แต่ว่านะ… เจ้าต้องสร้างสิ่งนี้ด้วยแร่พาเฟรเนี่ยมเท่านั้น”
“…ครับ?”
ความตื่นเต้นของกริดพลันชะงักเมื่อรับพิมพ์เขียวมาอ่าน
“การจะลดอัตราจ่ายพลังงานลงโดยยังให้จักรกลเวทมนตร์ขยับเขยื้อนได้ตามปรกติ จำเป็นต้องพึ่งพาคุณสมบัติพิเศษของพาเฟรเนียม… ปริมาณขั้นต่ำคือ 2 ตัน และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมนุษย์ถึงยังไม่มีจักรกลเวทมนตร์รุ่นใหม่เสียที แม้จะผ่านมาแล้วกว่าพันปี… รับเอาไว้เถอะ ถึงจะสร้างขึ้นจริงไม่ได้ แต่สิ่งนี้คือพิมพ์เขียวของข้าเชียวนะ เจ้าสามารถเก็บไว้เป็นสมบัติประจำตระกูล”
ลาร์ดวูล์ฟยังไม่ทราบ
เรื่องที่พาเฟรเนี่ยมได้พัฒนากลายเป็นละโมบเรียบร้อยแล้ว
ภายในหัวกริด ชายหนุ่มกำลังวาดฝันกองทัพจักรกลเวทมนตร์สีทองสุดน่าเกรงขาม
หอแห่งโคตรกำไร
โคตรทรูโอเวอร์เกียร์ 🤤🤤 หอคอย กำไร
ReplyDeleteเทพกริดจงเจริญ!!
ReplyDeleteกลับถึงราชวังพร้อมจุดธูปบูชาทวายหัวหมู9 หัวเลยทีเดียว 5555+
ReplyDelete