จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,222
เพียงเพราะกษัตริย์อาเธอร์นั่งทัดเทียมกับอัศวินคนอื่นรอบโต๊ะกลม มิได้แปลว่าเขามีสถานะเท่าเทียมกับผู้อื่น
จริงอยู่ โต๊ะกลมอาจสื่อถึงความเท่าเทียมในเชิงสัญลักษณ์ แต่ความจริงเบื้องหลังล้วนเป็นที่ทราบกันดี
ฉากตรงหน้ากริดก็เช่นกัน
ที่นั่งตำแหน่งอันดับ 1 ของฮายาเตะกำลังบ่งบอกความยิ่งใหญ่ในตัวเอง
เมื่อฮายาเตะเปิดปากพูด ทุกคนในห้องเริ่มตั้งใจฟังอย่างยำเกรง
“ข้าสัมผัสถึงการกลับมาของดวงวิญญาณฝั่งตะวันออก เจ้าคืนชีพให้ฟินิกซ์แดงแล้วสินะ”
ฮายาเตะ ผู้จ้องเข้าไปในหน้าอกกริดประหนึ่งมองเห็นหัวใจฟินิกซ์แดงด้วยตาเปล่า เผยรอยยิ้มอ่อนโยนตรงมุมปาก
“ไม่เคยคิดเลยว่ามนุษย์จะได้รับหัวใจของเทพสี่ทิศมาครอง ในฐานะมนุษย์ด้วยกัน ข้ารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก”
“…คุณทราบเทวตำนานแท้จริงของทวีปตะวันออกมาตลอดใช่ไหม?”
สำหรับกริด ไม่ว่าจะเป็นการได้พบบีบันหรืออเบลลิโอ้ ทุกเหตุการณ์ล้วนน่าทึ่งเสมอ
ทั้งคู่สามารถบอกปัญหาของกริดได้ทันที และยังช่วยสอนสั่งด้วยประสบการณ์ กริดจึงประเมินระดับของสภาหอคอยไว้สูงมาก
แต่ฮายาเตะกลับมองเห็นได้ลึกกว่าทุกคน ราวกับชายคนนี้สามารถหยั่งถึงความเป็นไปทั้งหมดของโลกอย่างละเอียด
“หอแห่งปัญญาไม่เคยแบ่งแยกตะวันออกหรือตะวันตก ข้าคอยจับตามองดินแดนแห่งนั้นมาตลอด และมองเป็นโลกใบเดียวกันเสมอ…”
“ไม่เห็นจะรู้มาก่อน”
คนพูดแทรกคือบีบัน มิใช่กริด
ขณะบีบันเผยสีหน้างุนงน อันดับ 2 แห่งสภาหอคอย ‘ฟรอนซาลส์’ หันมาจ้องบีบันอย่างฉุนเฉียวปานจะกินเลือดเนื้อ ส่วนฮายาเตะเพียงเผยรอยยิ้มอบอุ่น
“ไม่แปลกที่จะไม่รู้จัก เพราะช่วงที่ท่านบีบันเข้ามาเป็นสมาชิก มังกรเลิกปรากฏตัวบนทวีปตะวันออกอย่างสมบูรณ์แล้ว”
“ฮายาเตะ! หอแห่งปัญญามีการบันทึกภารกิจในอดีตไว้อย่างละเอียด ถ้าบีบันมอบความใส่ใจสักนิด เขาจะต้องทราบวีรกรรมในอดีตของหอแห่งปัญญาแน่!”
อันดับ 2 อย่างฟรอนซาลส์ออกอาการโมโหเมื่อเห็นฮายาเตะมีท่าทีผ่อนปรน
มันไม่พอใจอย่างมากเมื่อฮายาเตะไม่คิดลงโทษบีบัน แถมยังพูดให้ท้ายในลักษณะปกป้อง
‘นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกสินะ…’
เมื่อบรรายกาศเริ่มตึงเครียด กริดปิดปากเงียบพร้อมกับเดินถอยหลังครึ่งก้าว
จากนั้นก็มองภาพรวมของสภาหอคอย
บีบัน—ผู้ทำให้ฟรอนซาลส์เดือดดาล กำลังยืนแคะหูด้วยสีหน้ายียวนประหนึ่งต้องการทำให้อีกฝ่ายระเบิดโทสะ โดยมีเจสสิก้าอันดับ 8 คอยตักเตือนด้วยภาษากาย
ในทางกลับกัน สภาหอคอยคนอื่น รวมถึงฮายาเตะ ทำเพียงอมยิ้มอย่างตลกขบขัน
นับเป็นบรรยากาศค่อนข้างผ่อนคลายเมื่อพิจารณาว่า คนเหล่านี้คือบุคคลที่คอยอุทิศชีวิตเพื่อต่อสู้กับมังกรและปกป้องโลก
ฟรอนซาลส์ถอนหายใจยาวพลางหันไปกล่าวกับบีบัน
“นับแต่นี้ไป เจ้าจะต้องอ่านบันทึกของหอคอยและศึกษาประวัติศาสตร์โดยละเอียด! ไม่อย่างนั้นข้าจะจองจำเจ้าในคุกเป็นเวลาสิบปี!”
“ตำราและบันทึกทั้งหมดถูกเขียนด้วยอักขระโบราณ คนอย่างข้าจะอ่านเข้าใจได้อย่างไร”
“ก็ศึกษาเข้าสิ!”
“ถ้าข้าว่างขนาดนั้น เอาเวลาไปทำความสะอาดหอคอยกับฝึกวิชาไม่ดีกว่าหรือ”
“ชิ…!”
ฟรอนซาลส์กัดฟันกรอด ใบหน้าเริ่มแดงก่ำ
ท่ามกลางกลุ่มคนนิสัยสบาย ๆ ฟรอนซาลส์เป็นเพียงคนเดียวที่ดูเคร่งเครียดกว่าผู้อื่น
กริดเข้าใจความรู้สึกนี้ดี
‘เขาเหมือนกับลอเอล…’
เมื่อหัวหญ้าใหญ่ขององค์กรไม่เคร่งครัดระเบียบมากนัก รองหัวหน้ายิ่งต้องเข้มงวดกับทุกคนมากเป็นเท่าตัว ไม่อย่างนั้นกลุ่มก้อนจะไม่พัฒนาไปข้างหน้า
ฟรอนซาลส์เถียงกับบีบันอีกสักพัก ก่อนจะหันกลับมาโค้งศีรษะให้กริด เป็นนัยขออภัยที่ต้องทะเลาะเบาะแว้งต่อหน้า
กริดมองไปทางบีบัน และพบว่าอีกฝ่ายกำลังยืนแคะหูพลางผิวปากอย่างไม่รับรู้ ไม่ต่างอะไรกับพฤติกรรมของเด็กห้าขวบ
เมื่อบรรยากาศเริ่มสงบ ฮายาเตะหันไปทางสภาหอคอยพร้อมกับส่งสัญญาณบางอย่าง
สมาชิกทุกคนเริ่มแนะนำตัวเองกับกริด
“เจสสิก้า เจ้าของที่นั่งอันดับ 8 เป็นมหาจอมเวทในยุคเดียวกับบีบัน”
“…!”
ดังที่เคยเน้นยำไปแล้วหลายหน ผู้เล่นทั่วไปยังเข้าถึงข้อมูลในอดีตของซาทิสฟายได้ไม่มากนัก และยังทราบตัวตนของตำนานแค่ไม่กี่คน
ขีดจำกัดการสืบค้นประวัติศาสตร์จะย้อนกลับไปได้หนึ่งร้อยปีก่อนหรือเก่ากว่านั้นไม่มาก เพราะเอกสารสำคัญหลายชิ้นมักสูญหายหรือถูกทำลายหลังจากอาณาจักรพ่ายแพ้สงคราม
ถึงกระนั้น ชื่อเสียงของเจสสิก้าก็ยังคงโด่งดังจวบจนปัจจุบัน ชนิดแม้แต่กริดยังเคยได้ยินชื่อ
‘ผู้คิดค้นเวทกังวาน’
เซ็ดนอสและลาเอลล่าเคยเล่าให้ฟังว่า จอมเวทรุ่นใหม่ล้วนรู้จักชื่อของเจสสิก้าและฮัคเซ่นบ่อยครั้งระหว่างทำภารกิจ โดยฮัคเซ่นคือเจ้าของสุดยอดอาคม และเจสสิก้าคือเจ้าของเวทกังวาน
‘ได้ยินมาว่า ทุกวันนี้ยังมีจอมเวทหลายกลุ่มพยายามวิจัยเพื่อพัฒนาเวทกังวานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น…’
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบคุณ”
กริดเดินเข้าไปจับมือทักทายเจสสิก้าอย่างนอบน้อม
การได้พบบุคคลสำคัญในตำนาน ไม่ว่าจะครั้งใดก็ล้วนทำให้ชายหนุ่มตื่นเต้นได้เสมอ
“เค็น ที่นั่งอันดับ 6 เป็นนักสู้”
“ที่นั่งอันดับ 5 เจอร์เน่ นักฝึกสัตว์”
“เบ็ตตี้… ที่นั่งอันดับ 4”
สามชื่อหลังนับว่าใหม่สำหรับกริด
ไม่เหมือนกับอเบลลิโอ้ บีบัน และเจสสิก้า สามคนนี้น่าจะอยู่ในยุคสมัยเก่าแก่กว่ามาก
ยิ่งเมื่อได้เห็นเค็นกับเจอร์เน่เป็นเพียงเด็กหนุ่ม ส่วนเบ็ตตี้เป็นเด็กสาว กริดเริ่มมองตำนานยุคเก่าในมุมมองใหม่
‘ตัวตนอมตะ…!’
คนเหล่านี้แตกต่างจากตำนานอันโด่งดังของโลกส่วนใหญ่ ที่มักเสียชีวิตหรือไม่ก็หายสาบสูญไปตลอดกาล…
ขณะกริดกำลังครุ่นคิด ที่นั่งอันดับ 3 ลุกขึ้นยืนทักทาย อีกฝ่ายมีส่วนสูงเกินกว่าสองเมตร ฝ่ามือใหญ่โตชนิดสามารถยกผลแตงโมได้ด้วยมือข้างเดียว ไม่คล้ายกับเผ่ามนุษย์เลยสักนิด
“ลาร์ดวูล์ฟ นักวิทยาศาสตร์”
‘…นักวิทยาศาสตร์?’
โลกเราเคยมีนักวิทยาศาสตร์ในตำนาน…?
ขณะกริดขมวดคิ้วฉงน ลาร์ดวูล์ฟฉีกยิ้มกว้างพลางอธิบาย
“คนยักษ์”
“…!!”
ทันใดนั้น ชื่อของสมบัติโบราณพลันผุดขึ้นในความทรงจำกริดทันที
อาวุธสงครามที่กระตุ้นให้องค์ชายอีธานเกิดความทะเยอทะยานและวางแผนปฏิวัติ
‘จักรกลเวทมนตร์!’
หอแห่งปัญญาจัดการมังกรได้อย่างไร?
นี่คือคำถามที่กริดเคยสงสัยมานาน แม้จะได้ประจักษ์ฝีมืออันยอดเยี่ยมของบีบันเต็มสองตาแล้วก็ตาม
ในวินาทีนี้ มันถึงคราวกระจ่าง
กริดเริ่มเข้าใจอย่างถ่องแท้
‘ระดับของสภาหอคอย เหนือกว่าจินตนาการของเราไปมาก…’
ฟรอนซาลส์หันมาจับมือกริด ผู้เอาแต่ยืนกลืนน้ำลายด้วยสีหน้าประหม่า
“ที่นั่งอันดับ 2… น้องชายลาร์ดวูล์ฟ”
จริงอยู่ สำหรับปัจจุบัน เผ่าคนยักษ์อาจยังไม่สูญพันธุ์โดยสิ้นเชิง แต่สติปัญญาเสื่อมถอยลงมาก จนถูกมองเป็นเพียงมอนสเตอร์ทั่วไป
ในทางกลับกัน ลาร์ดวูล์ฟและฟรอนซาลส์คือคนยักษ์ขนานแท้จากอดีตกาล หรือที่ตำนานมักเรียกขานอย่างให้เกียรติว่า ‘นักรบทรงปัญญา’
หลังจากจับมือกับฟรอนซาลส์เสร็จ กริดหันหน้ามาทางฮายาเตะ เจ้าของที่นั่งอันดับ 1 และยังเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของหอแห่งปัญญา
แตกต่างจากพี่น้องฟรอนซาลส์และลาร์ดวูล์ฟซึ่งมีร่างกายบึกบึนจนน่าหวาดกลัว ฮายาเตะมีรูปลักษณ์ของมนุษย์สุดสง่างาม
ใบหน้าเรียวยาว ผมทอง ตาฟ้า แผ่กลิ่นอายเป็นมิตรและน่าเกรงขาม
หากจะให้นิยาม คงไม่มีคำใดเหมาะสมไปกว่า ‘ขุนนางสูงศักดิ์’ อีกแล้ว
ฮายาเตะแนะนำตัวด้วยถ้อยคำสั้นกระชับ
แต่มาพร้อมแรงกดดันมหาศาล
“นักล่ามังกร”
“…!”
“ตำนานคนแรกของมนุษย์”
***
นักล่ามังกร
สำหรับเกมเมอร์ สมญานามดังกล่าวมักเรียกเสียงฮือฮาได้เสมอ
มังกรส่วนใหญ่เป็นลาสต์บอสในเกม ส่งผลให้สมญานามนักล่ามังกรมีความพิเศษในตัวมันเอง
โดยเฉพาะกับซาทิสฟาย โลกที่มังกรเป็นตัวตนแสนพิเศษ
มังกรในซาทิสฟายมิใช่บอสใหญ่ให้ผู้เล่นช่วยกันปราบ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่คอยสร้างภัยพิบัติและลบล้างการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์
ใครจะกล้าคิดล่าเป้าหมายที่ไม่ได้มีไว้ให้ล่า…
ฉะนั้น หากผู้เล่นคนใดครอบครองสมญานามนักล่ามังกร ให้คิดไว้ก่อนว่านั่นเป็นของปลอม หรือไม่ก็มังกรเทียมอย่างเดรกหรือไวเวิร์น
ขณะเดียวกัน ตำนานในซาทิสฟายก็แทบไม่มีการกล่าวถึงคำว่า ‘นักล่ามังกร’ อย่างส่งเดช
เป็นเหตุให้กริดเพิ่งเคยได้ยินเมื่อครู่นี่เองว่า มนุษย์เคยมีตำนานคลาสนักล่ามังกรมาก่อน
และชายคนนั้นกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าตน
“ข้าแค่โชคดี”
ณ ชั้น 10 ของหอแห่งปัญญา
หลังจากฮายาเตะเชิญกริดมายังห้องอ่านหนังสือของตนและเสิร์ฟชาต้อนรับ มันเกริ่นด้วยสีหน้าขื่นขม
“ข้าบังเอิญได้พบมังกรหลงฝูง มันอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส ลมหายใจรวยริน และพยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้าย แต่จิตคุกคามอันทรงพลังของมัน ทำให้ข้าหวาดกลัวไปจนถึงก้นบึ้งจิตใจ สัญชาตญาณส่วนลึกจึงสั่งให้ตัดศีรษะของมัน เพื่อรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้”
“…”
เมื่อได้ยินฮายาเตะเล่าถึงวีรกรรมอันน่าสมเพชของตนโดยไม่แต่งเติมให้ฟังดูยิ่งใหญ่ กริดพอจะเข้าใจความหมายแแฝงของอีกฝ่าย
‘ฮายาเตะหยิ่งทระนงในเกียรติของนักรบ…’
คงเป็นเหตุผลที่เขาชื่นชอบบีบัน
ขณะนั่งครุ่นคิด กริดมองเข้าไปในดวงตา
ฮายาเตะจ้องกริดกลับด้วยสายตาแฝงความอิจฉามากกว่าชื่นชอบ
ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อว่า ตนกำลังถูกจ้องโดยอันดับ 1 ของหอแห่งปัญญาด้วยสายตา ‘อิจฉา’
เมื่อเห็นกริดเริ่มอึดอัด ฮายาเตะกล่าวต่อ
“วีรกรรมและชื่อเสียงของเจ้า… มิได้เกิดจากความบังเอิญและโชคดีเหมือนข้า”
ไม่จริงเลยสักนิด ระหว่างทางมีโชคเข้ามาเกี่ยวข้องพอสมควร อาจมากกว่าที่คิดด้วยซ้ำ…
แต่ก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน หากจะบอกว่ากริดเอาแต่พึ่งพาดวงจนสามารถมีทุกวันนี้
“ทุกเหตุการณ์ที่เจ้าเข้าไปพัวพัน ไม่ว่าจะบังเอิญหรือตั้งใจ แต่เจ้าก็สามารถฝ่าฟันผ่านมาได้ด้วยความเพียร ความกล้า และฝีมือเสมอ”
“ชมกันเกินไปแล้ว…”
“กล้าพูดได้เลยว่า ความสำเร็จของเจ้ายอดเยี่ยมไม่แพ้ความสำเร็จรวมของสภาหอแห่งปัญญาทุกคน และยังเป็นสาเหตุให้พวกเขาลงความเห็นตรงกันว่า ไม่ต้องมีการทดสอบเจ้ารอบที่สองก่อนจะขึ้นมายังห้องโต๊ะกลม”
ตามปรกติแล้ว หอแห่งปัญญาจะมีการทดสอบผู้มาเยือนสองรอบ
รอบแรกเป็นการทดสอบสามชนิด เพื่อวัดคุณภาพของหัวแถวคนปัจจุบัน ประกอบด้วยการทดสอบทางกาย จิต และเทคนิค ดังที่กริดเพิ่งผ่านมา
ส่วนรอบที่สองจะเป็นการดวลกับสภาหอแห่งปัญญาทีละคนเพื่อประเมินฝีมือ
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเดินทางไปยังทวีปตะวันออก กริดเคยทดสอบฝีมือกับบีบันแล้ว และผ่านมาได้ด้วยผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจ
เมื่อสภาหอคอยเห็นตรงกันว่า กริดไม่จำเป็นต้องทดสอบรอบที่สอง สิ่งนี้จึงหมายถึง ฝีมือของชายหนุ่มพัฒนาขึ้นจากเดิมหลายเท่า จนทุกคนยกย่องในศักยภาพ
“…ไม่ครับ มันไม่เคยเป็นผลงานของผมคนเดียว ทุกครั้งจะมีพวกพ้องคอยสนับสนุนเสมอ”
ตั้งแต่โนเอะ แรนดี้ จนถึงสิบวีรชน บราฮัม และกิลด์โอเวอร์เกียร์…
จะต้องมีใครสักคนเคียงข้างกริดทุกครั้ง
และถึงแม้จะต้องสู้ตามลำพังในบางเหตุการณ์ แต่ก็เป็นเพราะพวกพ้องช่วยผลักดันจนกระทั่งไปถึงจุดดังกล่าว
ในช่วงเลเวลต่ำ กริดคงพัฒนาคลาสช่างตีเหล็กไม่ได้เลย หากไม่มีสูตรการผลิตไอเท็มมากมายจากสมาชิกกิลด์เซดาก้าห์คอยประเคนให้
ในช่วงกลาง หากไม่มีลอเอล กริดคงไม่สามารถก่อตั้งอาณาจักรได้เร็วเช่นนี้ และสมญานามกษัตริย์คนแรกก็จะตกเป็นของอาเรส
ชายหนุ่มมีศักดิ์ศรีมากพอ ไม่กล้าปฏิเสธแรงผลักดันจากพวกพ้อง และอวดโอ่ว่าตนสร้างความสำเร็จทั้งหมดขึ้นมาด้วยตัวเอง
ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาฮายาเตะพลันลุ่มลึก
“ยอดเยี่ยมกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก… ตัวเจ้าในตอนนี้ กำลังครอบครองในสิ่งที่ข้าพยายามไขว่คว้ามาตลอดหลายปี”
“แฮ่ม…”
ไม่เยินยอกันเกินไปหน่อยหรือ?
กริดกระแอมในลำคอด้วยสีหน้าเคอะเขิน
ฮายาเตะยิ้มอย่างเอ็นดู พลางหันไปมองกำแพงรอบห้องอ่านหนังสือ
ภาพเหมือนของสภาหอแห่งปัญญาทุกคน รวมถึงตัวฮายาเตะ ล้วนถูกแขวนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ฮายาเตะเล่าต่อ
“ข้าสร้างหอแห่งปัญญาเพราะตระหนักในขีดจำกัดของการทำอะไรด้วยตัวคนเดียว หากมีพวกพ้องคอยสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทุกคนก็จะยิ่งไปได้ไกล”
“ขีดจำกัดของตัวคนเดียว…”
กริดเริ่มมองเห็นเค้าลางของอดีตอันยากลำบากก่อนที่ฮายาเตะจะมีทุกวันนี้
ต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน ถึงคิดสร้างหอแห่งปัญญาขึ้น และรวบรวมเหล่าอัจฉริยะมาสู้กับมังกรเพื่อปกป้องโลก…
กริดหยิบเหล็กมังกรคลั่งที่เตรียมไว้ในช่องสัมภาระ และยื่นไปทางฮายาเตะ
ทันใดนั้น
[ท่านสำเร็จภารกิจ <หอแห่งปัญญา>]
[ท่านได้รับไอเท็ม <กล่องบรรจุเกล็ดมังกร>]
ภารกิจของชายหนุ่มเสร็จสิ้น และมันก็ได้รับรางวัลตามที่หวังไว้
แต่รางวัลที่แท้จริงยังไม่จบ
“การจะบรรลุวิชาดาบฆ่ามังกรขั้นสุดยอด จำเป็นต้องมีปราณดาบอนันต์ติดตัว”
“ครับ…?”
“หากต้องการสะกดความเกรี้ยวกราดของปราณต่อสู้ เจ้าจำเป็นต้องมีปราณดาบอนันต์ในครอบครองเช่นกัน
“…!”
“ข้าช่วยเรื่องนั้นได้ สนใจไหม”
“…”
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,618
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
สวัสดีปีใหม่ไทย
ReplyDeleteสุขสันต์วันสงกรานต์
🙏ขอให้ผู้แต่งผู้แปลและทีมงามทุกท่าน มีความสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
ขอบคุณมากครับ
แล้วผมดันมาอ่านเจอตอนที่จะถึงสงกรานต์ปีนี้ด้วยนะ555
Delete