จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,223
‘คิดไม่ถึงว่าจะลงเอยแบบนี้…”
เหตุผลที่กริดตัดสินใจเดินทางมายังหอแห่งปัญญานั้นไม่ซับซ้อน ส่วนหนึ่งก็เพราะหวังจะได้สนทนากับบีบันอีกครั้ง
หวังอาศัยความสนิทสนมจากคราวก่อนเพื่อซักถามเกี่ยวกับวิธีปลดพันธนาการทางเลเวล ขณะเดียวกันก็ต้องการให้อีกฝ่ายช่วยสอนพลังจิตไร้เทียมทานเพิ่มเติม
ถูกต้อง ทั้งการเข้าพบสภาหอแห่งปัญญาและภารกิจ <ภารกิจจากหอคอย> เป็นเพียงประเด็นรองเท่านั้น
ด้วยความสัตย์จริง กริดไม่อยากพบหน้าเหล่าสภาหอคอยสักเท่าไร
สิ่งมีชีวิตระดับตำนานซึ่งสั่งสมฝีมือมานานหลายร้อยปี ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจิตใจจะเต็มไปด้วยความหยิ่งทระนง ประสบการณ์ของกริดกำลังบอกเช่นนั้น
เฉกเช่นการได้พบบราฮัมหนแรก หรือแม้แต่การได้พบบีบันหนแรก การเข้าพบสภาหอคอยคงจะนำพาไปสู่สถานการณ์วุ่นวาย
มันจึงไม่เต็มใจนัก
แต่ความเป็นจริงคือสิ่งใด
“คิดว่าอย่างไรบ้าง… ข้าช่วยสอนให้ได้ เจ้าสนใจไหม”
“…”
อุปนิสัยและทัศนคติของสภาหอคอยแตกต่างจากจินตนาการของกริดอย่างมาก
ไม่โอหัง ไม่ทระนงตน ไม่อวดอ้างศักดิ์ศรีและความอาวุโส แถมยังกล้ากล่าวชมผู้อื่นก่อน กล้าเล่าเรื่องน่าอับอายของตัวตน ทั้งที่สามารถแต่งเติมให้ดูน่าเกรงขาม
เขาเป็นคนดี…
สภาหอคอยล้วนน่าเคารพนับถือ
กริดมั่นใจ
‘การปิดบังพวกเขาคงไม่ใช่เรื่องดีแน่’
หอแห่งปัญญามองว่าเหล็กมังกรคลั่งเป็นภัยอันตรายต่อโลก
เหตุผลก็คือ หากบุคคลผู้ครอบครองเหล็กมังกรคลั่งคนปัจจุบันนำไปใช้งานอย่างผิดจุดประสงค์ โลกอาจถึงคราวจบสิ้นได้ทุกเมื่อ
และผู้ครอบครองเหล็กมังกรคลั่งคนปัจจุบันก็ไม่ใช่ใครนอกจากกริด
‘พวกเขาฉลาดและมีเหตุผล หากเราอธิบายว่าสามารถควบคุมเหล็กมังกรคลั่งมิให้เป็นอันตราย อาจได้รับความเชื่อใจตอบแทน’
ไม่มีความลับใดในโลกสามารถดำรงอยู่ได้ตลอดกาล
หากความแตกในภายหลัง ความท้อแท้และผิดหวังในตัวเองอาจถาโถมหนักหน่วงจนกริดมิอาจรับมือไหว
ฉะนั้น การซื่อสัตย์ตั้งแต่เริ่ม อาจเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่า
ขณะกริดกำลังครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ฮายาเตะกลับตีความเป็นอย่างอื่น
“คำขอร้องของข้าคงทำให้เจ้าไม่สบายใจ… ต้องขออภัยด้วย”
วิชาดาบพิฆาตมังกร*
(*ปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม)
บรรยากาศภายในห้องอ่านหนังสือค่อนข้างกระอักกระอ่วน เมื่อกริดยังไม่ยอมรับคำขอเป็นอาจารย์ของตัวตนอันยิ่งใหญ่ผู้เคยสังหารมังกร ว่ากันตามตรง พฤติกรรมเช่นนี้ค่อนข้างเสียมารยาท แต่แทนที่จะโกรธ ฮายาเตะกลับไตร่ตรองว่าอาจเป็นความผิดของตน
กริดจ้องมองตัวตนอันยิ่งใหญ่ตรงหน้าพร้อมกับจินตนาการว่าชายคนนี้สร้างคุณประโยชน์ให้โลกมากมายเพียงใด
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากที่นั่ง ตามด้วยการโค้งศีรษะอย่างนอบน้อม
“ท่านฮายาเตะ ขอสารภาพตามตรง ผมมีเรื่องปิดบังหอแห่งปัญญามาตลอด”
“หืม…”
“เจ้าของเหล็กมังกรคลั่งคนปัจจุบันคือตัวผมเอง… โดยครอบครองมันมานานแล้ว ก่อนที่จะรู้จักหอแห่งปัญญาเสียอีก”
กริดหลับตาสนิท หางตาสั่นระริกเล็กน้อย
เพื่อเตรียมรับการตำหนิจากฮายาเตะ
แต่ค่อนข้างผิดคาด ฮายาเตะกลับเอาแต่เงียบขรึม
ผ่านไปสักพัก เมื่อพบว่ายังไม่มีท่าทีตอบสนองจากอีกฝ่าย กริดจึงบรรจงลืมตาขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ฮายาเตะเปิดปากพูดพร้อมกับสบตา
“คุณคงทราบใช่ไหม หากปล่อยเอาไว้ เหล็กมังกรคลั่งจะเป็นภัยอันตรายต่อโลก”
“ใช่ครับ… แต่ผมมีวิธีควบคุมมัน”
กริดตอบอย่างเถรตรง
ย้อนกลับไปในระหว่างกระบวนการสร้าง <ละโมบ> ด้วยเหล็กมังกรคลั่ง ชายหนุ่มค้นพบวิธีระงับคุณสมบัติงอกเงย จึงกล้ายืนกรานกับฮายาเตะด้วยสีหน้ามั่นใจ
“ถ้าอย่างนั้น เจ้ามาสารภาพทำไม… การเก็บไว้เป็นความลับคงดีกว่าไม่ใช่หรือ ในเมื่อมีวิธีควบคุม ความลับก็คงไม่รั่วไหลออกมา”
“เพราะหอแห่งปัญญาแสดงความจริงใจต่อผม จึงเชื่อว่า ตัวผมก็ควรมอบความจริงใจกลับคืนไปเช่นกัน”
“รีบสารภาพไปหน่อยไหม… จากจุดยืนของหอแห่งปัญญา ข้าคงมิอาจปล่อยผ่านเหล็กมังกรคลั่งไปได้ ไม่ว่าเจ้าของจะเป็นใครก็ตาม ทางหอคอยต้องริบคืนทั้งหมด”
“…คุณไม่เชื่อที่ผมพูดหรือ”
“เชื่อ… หากข้าไม่เชื่อคำพูดของมนุษย์ที่ใช้หัวใจร่วมกับฟินิกซ์แดง แล้วยังจะให้เชื่อใครได้อีก… เพียงแต่ว่า โลกมนุษย์ค่อนข้างโหดร้ายกว่าที่เจ้าคิด… เจ้าอาจไม่ทราบ แต่มีกลุ่มคนชั่วจำนวนมากกำลังปรารถนาจะครอบครองเหล็กมังกรคลั่ง”
“ปรารถนาเหล็กมังกรคลั่ง…?”
“เจ้าทราบใช่ไหม เมื่อเหล็กมังกรคลั่งงอกเงยจนถึงจุดหนึ่ง พลังเวทมนตร์ของมังกรคลั่งจะดึงดูดให้มังกรตัวอื่นเข้ามาโจมตี”
“ทราบครับ”
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เพียงมังกรปรากฏตัวและสร้างความโกลาหล โลกมนุษย์เกินกว่าครึ่งจะถูกทำลายในพริบตา… มีคนชั่วจำนวนไม่น้อยที่ต้องการให้โลกถูกทำลาย”
“ตัวอย่างเช่น… จอมอสูร?”
“หรือไม่ก็มนุษย์ด้วยกันเอง หรือไม่ก็เทพ… ใครก็ได้ที่เกิดมาพร้อมความเกลียดชังต่อโลก”
“…”
“ดังนั้น กลุ่มคนที่หวังครอบครองเหล็กมังกรคลั่งจะคุกคามเจ้า ลอบทำร้ายเจ้าจากเงามืด สร้างปั่นป่วนให้อาณาจักรของเจ้า… คิดว่าจะรักษาเหล็กมังกรคลั่งให้พ้นจากเงื้อมมือกลุ่มคนเหล่านั้นได้จริงหรือ”
“เรื่องนั้น…”
กริดไม่รีบร้อนมอบคำตอบ
ละโมบคือไอเท็มประจำคลาส
มีเพียงกริดเท่านั้นที่สามารถครอบครองและใช้งาน ไม่ต้องกังวลว่าละโมบจะดรอปหลังจากเสียชีวิต
…แต่เศษเหล็กมังกรคลั่งที่ยังเหลืออยู่นั้นแตกต่างออกไป
ถึงชายหนุ่มจะมั่นใจว่าตนมีวิธีควบคุมมิให้มันขยายตัวเกินขนาด แต่ก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองแข็งแกร่งพอจะปกป้องมันจากเงื้อมมือคนชั่ว
แล้วถ้าเป็นหอคอยล่ะ
“…แล้วหอคอยปกป้องเหล็กมังกรคลั่งจากเหล่าคนชั่วได้หรือ”
กริดถามในสิ่งที่คิดโดยไม่อ้อมค้อม
คำตอบที่ได้รับนับว่าเหนือความคาดหมาย
“…ไม่”
“…?”
“ดังนั้น วิธีเดียวที่จะขจัดปัญหาก็คือ ทำลายเหล็กมังกรคลั่งให้สิ้นซาก”
“…”
“ขอถามตามตรง… มีเหล็กมังกรคลั่งที่ยังไม่ได้ผสมกับพาเฟรเนี่ยมเหลืออีกเท่าไร”
“…! คุณรู้จักพาเฟรเนี่ยม…?”
“แพ็กม่า ผู้สร้างเส้นทางของตัวเองด้วยศรัทธาอันไม่สั่นคลอน บราฮัม ผู้ผลักดันตัวเองจนก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยความเกลียดชังและความกระหาย มุลเลอร์ ผู้เกือบจะปกป้องทุกสิ่งบนโลกไว้ได้ด้วยดาบ มาดรา มนุษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดตลอดกาล ไม่ว่าจะทวีปตะวันตกหรือตะวันออก… ในยุคสมัยรุ่งเรืองของพวกเขาเหล่านี้ หอแห่งปัญญาย่อมเพ่งเล็งความสนใจเป็นพิเศษ มิอาจละเลยหรือปล่อยผ่าน เนื่องจากทุกคนมีอิทธิพลต่อชะตากรรมของโลก… ครั้งหนึ่ง แพ็กม่าและบราฮัมเคยร่วมมือกัน หอแห่งปัญญาพบว่าพาเฟรเนี่ยมถูกสร้างขึ้นตอนนั้น”
“…”
ฮายาเตะ ผู้แสดงสีหน้าอึมครึมมานานนับตั้งแต่กริดสารภาพ บัดนี้เริ่มผ่อนคลาย
“ข้าตระหนักได้ว่าเจ้าพยายามปกปิดตัวตนของพาเฟรเนี่ยม เพราะไม่พบว่ามีเครื่องแต่งกายชิ้นใดผลิตจากพาเฟรเนี่ยมเลย โดยเมื่อคิดต่อยอดจากเรื่องนั้น ก็ไม่พบคำตอบอื่นนอกจากเหล็กมังกรคลั่ง”
“สุดยอด…”
“ฮุฮุ…”
“สถานการณ์ปัจจุบันก็คือ ผมผสานเหล็กมังกรคลั่งเข้ากับพาเฟรเนี่ยมเกือบหมดแล้ว เหลือสำรองไว้เพียงก้อนเล็ก ๆ เล็กเท่านั้น”
‘บ้าจริง…’
กริดไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าจะมีใครสามารถหยั่งถึงโลหะผสมระหว่างพาเฟรเนี่ยมและเหล็กมังกรคลั่งได้
ขณะเดียวกันก็ยังหมายความว่า ละโมบไม่ปลอดภัยอีกแล้ว
บางที กริดอาจถูกบังคับให้สกัดเหล็กมังกรคลั่งออกจากละโมบ เพื่อส่งคืนให้กับหอแห่งปัญญาทั้งหมด
‘เราใจร้อนเกินไป…’
ขณะกริดกำลังกระสับกระส่ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ฮายาเตะโค้งศีรษะให้เล็กน้อย
“ขอบคุณมาก”
“…ครับ?”
“ข้าขอขอบคุณที่เจ้าเชื่อใจหอแห่งปัญญาและเลือกสารภาพความจริง ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงไม่มีข้อสงสัยในตัวเจ้าอีก และข้าดีใจที่พวกเราจะได้เพื่อนกัน”
“…?”
“ในเมื่อมีจำนวนไม่มาก เหล็กมังกรคลั่งจะยังคงเป็นของเจ้าตามเดิม เพราะพวกเราไม่มีเหตุผลให้ยึดครอง เมื่อเจ้าของยืนกรานว่าสามารถควบคุมมันได้… เป็นผู้ทรงอิทธิพลของทวีปไม่ใช่หรือ กับแค่การปกป้องแร่ก้อนเล็ก ๆ ก้อนเดียว คงไม่ยากเกินกำลังกระมัง”
“แบบนี้ดีแล้วจริงหรือ… ผมเกรงว่าจะถูกใครแอบขโมย”
“หากกล่าวถึงเหล็กมังกรคลั่งที่ผสานเป็นเนื้อเดียวกับพาเฟรเนี่ยม ด้วยคุณสมบัติพิเศษในเชิงอีโก้ คงไม่มีใครในโลกสามารถครอบครองได้นอกจากเจ้า… หากถามถึงปัญหาที่ยังเหลือ ก็คงเป็นเหล็กมังกรคลั่งก้อนเล็กที่เจ้ายังคงเก็บเอาไว้กับตัว… แต่ถ้าเจ้ามั่นใจว่ามีวิธีควบคุม พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าเวทมนตร์มังกรจะขยายตัวจนมีใครสัมผัสถึง”
“ทำไมคุณถึงเชื่อใจผมขนาดนี้…”
เป็นมิตรจนกริดรู้สึกผิด
ฮายาเตะ ผู้เหลือบเห็นถ้วยชากริดว่างเปล่าและเตรียมรินเติม อธิบายด้วยน้ำเสียงแฝงความอ่อนโยน
“เหตุผลที่ข้าต้อนรับเจ้าด้วยดี มิใช่เพราะชื่นชอบในความแข็งแกร่ง…”
จ๊อก—
ถ้วยชาถูกรินจนเกือบเต็ม
ใบชาในถ้วยหยุดหมุน ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำอย่างสงบ
“แต่เพราะบทกวีมหากาพย์ของเจ้า…”
“…!”
“คุณงามความดีที่เจ้าต่อสู้เพื่อโลกจนถูกจารึกชื่อ ทำให้พวกเราทุกคนเลื่อมใสศรัทธา และกลายมาเป็นพื้นฐานของความเชื่อใจ… พวกเราเชื่อใจเพราะว่าเจ้าคือเจ้า”
“…”
ความสับสนและความคลางแคลงในใจกริดถูกขจัดโดยสมบูรณ์
สีหน้าอันซับซ้อนเริ่มกลับมาสุขุม ดวงตาที่เคยสั่นเทากลับมาเพ่งจ้อง
“ผมจะตอบแทนความเชื่อใจให้ดีที่สุด”
เหตุผลที่กริดเหลือเหล็กมังกรคลั่งไว้จำนวนหนึ่งนั้นไม่ซับซ้อน
แค่ต้องการสำรองเผื่อเอาไว้ อาจมีเหตุให้ใช้ในวันข้างหน้า ดีกว่าผสมให้หมดไปจากโลกในคราวเดียวและไม่มีใช้งานในยามต้องการ
แต่ในความเป็นจริง ของแบบนั้นไม่จำเป็นเลยสักนิด
มันมีละโมบอยู่แล้ว
ละโมบสามารถทดแทนเหล็กมังกรคลั่งได้ในทุกประเภทการใช้งาน
แต่เหล็กมังกรคลั่งแทนละโมบไม่ได้
“ผมขอเสียมารยาทสักครู่”
กริดกล่าวขอโทษฮายาเตะล่วงหน้า พลางนำเตาหลอมชนิดพกพาและฟืนฟอสฟอรัสขาวออกมาจุดฟืน ตามด้วยการโยนเหล็กมังกรคลั่งเข้าไปในกองไฟเพื่อหลอมละลาย
“เพียงเท่านี้ คุณก็ไม่ต้องกังวลว่าเหล็กมังกรคลั่งจะสร้างปัญหาให้โลกอีก”
“หือ…”
ฟู่ว. ฟู่ว. ฟู่ว.
กริดเพ่งสมาธิกับเครื่องเป่าลม
ฮายาเตะพบว่าอีกฝ่ายกำลังเอาจริงเอาจังจนเกือบเข้าสู่ภาวะไร้ตัวตน
‘ฮุฮุ… ดูเหมือนคำกล่าวที่ว่า เหล่าอัจฉริยะมักไม่ค่อยปรกติ จะไม่เกินความจริงสักเท่าไร’
“ฟู่ว. ฟู่ว. ฟู่ว.”
กึก. กึก. กึก.
ณ ชั้น 10 ของหอแห่งปัญญา
ภายในห้วงมิติแสนศักดิ์สิทธิ์ที่นักล่ามังกรในตำนานพักอาศัย เสียงแผดร้องของเครื่องเป่าลมกำลังดังกังวานอย่างต่อเนื่อง
สำหรับภาพเช่นนี้ คงไม่มีใครจินตนาการออกมาก่อน
***
“ข้ามิได้จะสอนวิชาดาบพิฆาตมังกร”
ปราณดาบอนันต์คือรากฐานของวิชาดาบพิฆาตมังกร ฮายาเตะจึงต้องการถ่ายทอดมันให้กริด
“ร่างกายของเจ้ายังมีอาจทนรับผลข้างเคียงจากดาบพิฆาตมังกรไหว และไม่เพียงเท่านั้น การใช้งานดาบพิฆาตมังกรอาจทำให้ปราณต่อสู้ของเจ้าถูกกลืนกินถาวร”
“ผมเข้าใจ เท่านี้ก็รู้สึกซาบซึ้งและเป็นเกียรติอย่างมากแล้วครับ”
ลานฝึกซ้อมมีลักษณะขาวโพลนรอบทิศ
ว่างเปล่า ปราศจากสิ่งกีดขวางทุกชนิด
ขณะกำลังยืนเผชิญหน้าฮายาเตะท่ามกลางลานประลองไร้ขอบเขต กริดไม่สามารถข่มอาการตื่นเต้นไว้ได้เลย
ตำนานคนแรกของมนุษย์
บางที เราอาจได้กอบโกยผลประโยชน์มหาศาลจากนักล่ามังกร ชายผู้กลายเป็นเทวตำนานเรียบร้อยแล้ว…
เพียงจินตนาการ หัวใจกริดก็เต้นระรัวจนแทบระเบิด
ฉึบ.
ฮายาเตะชักดาบ
ทันใดนั้น ละอองปราณดาบปริมาณมหาศาลได้แผ่กระจายจนท่วมท้นห้วงมิติที่ราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด
“แล้วแต่ความถนัดของคน มนุษย์สามารถดึงปราณออกมาใช้ด้วยเทคนิคที่แตกต่างกัน บางคนใช้เทคนิครวบรวม บางคนใช้เทคนิคสั่งสม ยกตัวอย่างเช่น หลักการของปราณธรรมชาติคือการรวบรวมละอองพลังรอบตัว ส่วนหลักการของพลังจิตไร้เทียมทานคือการสั่งสมปราณภายในร่างกาย… แต่ในส่วนของดาบพิฆาตมังกรนั้น”
ฟ้าววววว!!
ทั้งที่ไม่มีใครขยับ แต่ปราณดาบในอากาศกลับผันผวนและโกลาหลมากขึ้นทุกขณะ
ดาบของฮายาเตะเริ่มส่องแสงสีขาวเจิดจ้า
“ปราณของข้าเกิดจากจินตนาการ จึงไม่มีข้อกำจัดใดให้วุ่นวาย”
“…!”
ถ้อยคำดังกล่าวทำให้กริดหวนนึกถึงวิชาดาบที่สามารถสะบั้นอวัยวะจอมอสูรเฟย์ริสจนขาดออกจากร่าง
ถูกต้อง… ดาบจิตของอริยดาบครอเกล
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,618
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
ขอบคุณครับ
ReplyDeleteจะเก่งขึ้นอีกแล้วสินะ
ReplyDeleteขอบคุณมากครับ😊🙏