จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,195
บราฮัมยังไม่ลงมือเพราะต้องการหยั่งเชิงฝีมือของคนตระกูลชิลชอนให้แน่ใจ
นับตั้งแต่เริ่มนำทางเข้ามาในโรงเตี๊ยม บราฮัมประเมินว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา
สาเหตุมาจาก มันไม่พบความพิเศษจากกลุ่มคนแต่งกายคล้ายกับผู้เคร่งศาสนาเหล่านี้
จนกระทั่งชิลชอนเริ่มสั่งเมนูนกดุเหว่า
ขณะสั่งอาหาร คนของชิลชอนเริ่มสำแดงพลังแท้จริงจนบราฮัมสัมผัสได้ถึงภัยอันตราย โดยเฉพาะหนอนหนังสือหน้าขาวคนหนึ่ง มันใช้พลังบางอย่างทำให้ละอองมานาภายในบริเวณเกิดความปั่นป่วนรุนแรง
ในทางทฤษฎี ถ้าละอองมานานในอากาศเริ่มกระจัดกระจายอย่างผิดธรรมชาติ จอมเวททั่วไปจะมีสภาพไม่ต่างจากถูกมัดแขนขา ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ใดได้เลย
‘คนพวกนี้ไม่ใช่มดปลวก…’
พวกมันสมควรได้รับการยกย่อง โดยเฉพาะความสามารถด้านปกปิดและเก็บซ่อนตัวได้อย่างแนบเนียน จนแม้แต่มหาจอมเวทในตำนานก็ยังไม่ตระหนักถึง
หลังจากบราฮัมสำรวจจนมั่นใจและยอมรับในฝีมืออีกฝ่าย มันโบกมือแผ่วเบาเพื่อรวบรวมละอองมานาซึ่งกำลังปั่นป่วนมาไว้ยังปลายนิ้ว
“…!”
แต่จู่ๆ พฤติกรรมของหนอนหนังสือหน้าขาวพลันหยุดชะงัก
กึก!
กึก! กึก! กึก! กึก! กึก!
ทั้งชายสวมหน้ากากจำนวนมากซึ่งกรูเข้ามาในห้องอาหาร ทั้งตัวชิลชอน รวมถึงสัตว์เทพจักรราศี ทั้งหมดพลันแข็งเป็นหินอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่มีใครได้รับการละเว้น
‘อะไรกัน…?’ บราฮัมพลันงุนงง
พลังเวทปริศนากำลังพยายามลุกล้ำปลายเท้าของมันและลามขึ้นมายังท่อนขา หากบราฮัมมิใช่มหาจอมเวทในตำนาน มันก็คงได้แข็งเป็นหินไปแล้วเช่นกัน
เทพธรณี
พลังเสือขาวอันมีบ่อเกิดจากไอเท็มสวมใส่ของกริด อานุภาพของมันอยู่นอกเหนือกฎแห่งธรรมชาติจนยากหยั่งถึง
ชิ้ง—
บราฮัมรีบสร้างโลกจินตภาพเพื่อป้องกันมิให้ตนกลายเป็นหินโดยสมบูรณ์
ฉึบ.
เมื่อทุกคนนอกจากกริดและบราฮัมยืนแข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้น ชายหนุ่มลุกยืนอย่างไม่รีบร้อน พลางชักดาบออกมาจ่อลำคอชิลชอน
“พวกเดียวกันขอรับ!”
หลังจากสถานะกลายเป็นหินจบลง ชิลชอนรีบชูสองมือยอมแพ้พลางตะโกนด้วยสีหน้าขึงขัง
มันมิได้ทำไปเพียงเพราะหวังรักษาชีวิต
แต่พอทราบว่ากริดไม่ใช่ศัตรู เจตนาการต่อสู้จึงจบลงทันที
“ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ผมชื่อชิลชอน บุตรชายคนโตของวารยอน และยังเป็นฮวังบินดังตามคำอธิบายเมื่อครู่ ถือเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลอย่างยิ่งกับการได้พบท่านผู้คืนชีพให้แก่เทพฟินิกซ์แดง!”
ชิลชอนมิได้เคลือบแคลงในตัวกริด
มันเชื่อคำพูดอีกฝ่ายอย่างหมดใจ เชื่อว่ากริดคือผู้คืนชีพให้เทพฟินิกซ์แดงจริง
เหตุผลไม่ซับซ้อน
พลังเสือขาวจากกริดเมื่อครู่ มีกลิ่นอายแตกต่างจากพลังเสือขาวของยังบันอย่างชัดเจน
เป็นหลักฐานว่า กริดถูกยอมรับจากเสือขาว
“ฮวัลบินดังคืออะไร”
ชายหนุ่มถามพลางชักดาบกลับและนั่งลง
ด้วยความสัตย์จริง กริดกำลังตื่นเต้น
คนของชิลชอนนับว่าแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย ชนิดแม้แต่บราฮัมยังให้การยอมรับ
โดยตัวกริดเองก็ไม่ตระหนักมาก่อนว่าคนเหล่านี้ค่อนข้างทรงพลัง ต้องรอให้อีกฝ่ายแสดงฝีมือออกมาก่อน ซึ่งนับว่าอันตรายมากทีเดียว
ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจ และต้องขอบคุณดวง พลังเทพธรณีจึงแสดงผลได้ถูกจังหวะ
‘ทักษะประเภทกึ่งกดใช้งานก็มีประโยชน์เหมือนกัน’
เงื่อนไขแรกของสถานะ ‘เทพธรณี’ คือการต้องมีอวัยวะบางส่วนสัมผัสกับพื้น
ไม่ว่าจะยืนธรรมดาหรือนั่งก็ใช้ได้ทั้งนั้น หากระบบสุ่มให้ทักษะแสดงผล ตัวกริดจะได้รับบัฟร่างเทพธรณีทันที คล้ายกับการสุ่มได้รับบัฟร่าง ‘เทพอัสนี’ จากรองเท้ามังกรคราม ขณะเคลื่อนไหวร่างกายด้วยความเร็วสูงสุด
แต่โอกาสติดสูงกว่าบัฟเทพอัสนีค่อนข้างมาก อาจเป็นเพราะอัตราการสุ่มแสดงผลจากไอเท็มเสือขาวสองชิ้นแยกจากกัน
หลังจากชิลชอนสั่งให้กลุ่มชายสวมหน้ากากถอยหลังกลับ มันเริ่มอธิบายต่อกริด
“ฮวังบินดังคือชื่อกลุ่มกองโจรลับ ถูกก่อตั้งโดยฮวางกิลดง จุดประสงค์เพื่อรับมือกับยังบันไปพร้อมกับเปิดโปงตำนานจอมปลอมซึ่งพวกมันกุขึ้นมาหลอกลวงประชาชน”
“…เข้าใจแล้ว”
กริดกำลังคาดหวังคำตอบเช่นนี้
ในฐานะชาวเกาหลี ชายหนุ่มย่อมเคยได้ยินตำนานของ ‘ฮงกิลดง*’ มามาก และฮวางกิลดงในซาทิสฟายก็กำลังทำสิ่งเดียวกัน
(ฮงกิลดง – โรบินฮู้ดของเกาหลี)
‘แถมฮวางกิลดงยังเป็นผู้มอบฟันปลอมให้แก่ชุมชนเสือเขี้ยวขุด เขาไม่ใช่คนเลวร้าย’
ค่อนข้างเป็นข่าวดีเมื่อได้ทราบว่า ฮวางกิลดงเองก็เป็นศัตรูกับยังบันเหมือนตน
คงได้เป็นมิตรสหายอันดีต่อกันในอนาคต…
“แล้วพวกนายต่อสู้กับยังบันด้วยวิธีใด”
จริงอยู่ คนของชิลชอนนับว่าแข็งแกร่ง และกริดก็ประเมินค่าเฉลี่ยความแข็งแกร่งของสมาชิกกลุ่มฮวัลบินดังไว้ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะหนอนหนังสือหน้าขาว บางที มันอาจมีพลังเกือบทัดเทียม NPC ระดับตำนาน
แต่แค่นั้นยังไม่พอ ยังบันแข็งแกร่งเกินไป
ถึงฮวางกิลดงจะอยู่ในระดับตำนาน และสมาชิกแกนนำของฮวัลบินดังจะอยู่ในระดับกึ่งตำนานหลายคน แต่ก็ไม่มีทางประจัญบานกับยังบันซึ่งหน้าไหวแน่
“พวกเราแอบเปิดโปงความจริงของยังบันให้ชาวบ้านได้ทราบอย่างต่อเนื่อง”
‘ฉลาดมาก…!’
ฮวางกิลดงและฮวัลบินดังกระแทกใส่จุดอ่อนของยังบันได้แม่นยำ
ในเมื่อพลังของยังบันมีรากฐานมาจากศาสนาและความศรัทธา การจะทำให้อ่อนแอลงก็ต้องตัดขาด ‘บารมีเทพ’ ออกไป
‘ถ้าไม่มีคนเหล่านี้คอยช่วยลดทอนพลังศรัทธามาตลอดหลายปี บางที พวกยังบันอาจทรงพลังกว่านี้หลายเท่า’
และตนจะไม่มีวันเอาชนะการัมได้เลย
เมื่อได้ทราบความจริง กริดเกิดความชื่นชมในตัวกลุ่มฮวัลบินดัง แม้จะเพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรก แต่ก็รู้สึกเป็นมิตรอย่างบอกไม่ถูก
“แล้วพวกนายทราบได้อย่างไร ว่าตำนานของยังบันเป็นเรื่องกุขึ้น”
“ท่านอาจารย์ฮวางกิลดงเล่าให้ฟัง”
‘หืม… แปลว่าบุคคลระดับตำนานหรือเหนือมนุษย์ทั้งหมด จะไม่ถูกเทพหลอกลวงโดยง่าย’
ตัวอย่างชัดเจนคือนักพรตซาบัก มันเองก็ไม่เชื่อตำนานปลอมของยังบันและห้าอาวุโส จึงเตรียมทำสงครามกับอาณาจักรฮวานอย่างเต็มรูปแบบ
เพียงแต่ว่า ซาบักเลือกใช้วิธีผิด แตกต่างจากเส้นทางของตนและฮวางกิลดง
กริดเริ่มมองว่าฮวางกิลดงกับตนมีหลายสิ่งคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะคุณธรรมและเจตนา
“แล้วฉันจะพบฮวางกิลดงได้อย่างไร”
ขณะกริดซักถาม พนักงานร้านได้ยกอาหารมาเสิร์ฟ
โชคยังดี อาหารไม่ใช่นกดุเหว่า แต่เป็นเป็ดย่างกินคู่กับผักห่อ รสชาตินับว่าสุดยอด ยิ่งเมื่อนำหนังเป็ดกรอบไปห่อกับผักและจิ้มซอส กริดเกิดความอยากแอลกอฮอล์ขึ้นมาทันที
“ถึงพวกเราจะคอยรับใช้ฮวางกิลดงมานาน แต่ก็ไม่มีใครเคยทราบว่าท่านฮวางกิลดงจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป”
“…แลกเปลี่ยนข่าวสารกันด้วยวิธีไหน”
“ท่านฮวางกิลดงจะออกคำสั่งผ่านจดหมาย ส่วนพวกเราเพียงแค่ทำตาม ทุกสาขาฮวัลบินดังทั้งหมดบนทวีปล้วนใช้วิธีนี้”
“เคยเป็นฝ่ายติดต่อฮวางกิลดงไปก่อนไหม”
“ไม่เคยครับ”
“งั้นหรือ…”
ระวังตัวจนเกิดพอดี… แต่ก็พอเข้าใจได้
ยิ่งกลุ่มฮวัลบินดังสร้างศัตรูไว้มาก คนเป็นหัวหน้ายิ่งต้องระวังมากกว่าปรกติหลายเท่า
กริด ผู้กำลังลิ้มรสอาหารมื้ออร่อยไปพร้อมกับเหล่าสัตว์เทพจักรราศี เริ่มถามเข้าประเด็น
“ฉันอยากทราบตำแหน่งเก็บรักษาอัญมณีเต่าดำ”
แน่นอน ในฐานะสมบัติแห่งชาติ ตำแหน่งเก็บรักษาอัญมณีเต่าดำไม่ใช่ความลับอะไรนัก
คนส่วนใหญ่ทราบว่าอัญมณีเต่าดำถูกเก็บไว้ในป้อมปราการเฉียวซิน
ทว่า เหตุผลให้กริดเดินทางมายังเมืองหยางโจวเป็นอันดับแรก เพราะสัตว์เทพจักรราศีแนะนำให้ทำ
‘พังอูลีบอกว่า ป้อมเฉียวซินตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของอาณาจักรชิง’
เต่าดำคือเทพแห่งแดนเหนือ
หากถามหาความสมเหตุสมผล อัญมณีเต่าดำก็ควรถูกเก็บรักษาไว้ในหัวเมืองเหนือสุดของอาณาจักรชิง มิใช่ทางตะวันออก
เฉกเช่นการเก็บคันศรฟินิกซ์แดงไว้ยังเมืองแพงเจียซึ่งตั้งอยู่ทางใต้สุด
“ได้ยินมาว่า อัญมณีเต่าดำจะถูกซ่อนไว้ในหนึ่งจากสามเมืองระหว่าง โปกวาน เฮ่า และเฉาจื่อ เป็นความจริงใช่ไหม”
“…?”
ชิลชอนพลันเผยรอยยิ้ม สีหน้าเจือความประหลาดใจเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน ใบหน้าของหนอนหนังสือหน้าขาว ‘ฮวากยอง’ พลันเปลี่ยนสีอย่างชัดเจน
“คิดไว้ไม่มีผิด ท่านแตกต่างจากคนอื่นมาก ไม่เหมือนกับคนทั่วไปซึ่งเข้าใจว่าอัญมณีถูกเก็บไว้ในป้อมเฉียวซิน ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว อัญมณีเต่าดำถูกสงสัยว่าจะอยู่ภายในสามเมืองดังกล่าว”
“แล้วคิดว่าเมืองไหน”
“ความเห็นส่วนตัว เฉาจื่อครับ”
“เพราะ?”
“เพราะหลังจากข่าวคันศรฟินิกซ์แดงถูกขโมยไปจากแพงเจีย กำลังทหารรอบเฉาจื่อก็เพิ่มขึ้นมากทันที”
“งั้นหรือ…”
“การสูญหายของคันศรฟินิกซ์แดงคงทำให้อาณาจักรฮวานเกิดความระแวง จึงกำชับกษัตริย์ชิงว่าห้ามทำหายอย่างเด็ดขาด”
“ดังนั้น การเพิ่มขึ้นของกำลังรบในเขตเมืองเฉาจื่อจึงช่วยบอกเป็นนัยว่า เมืองดังกล่าวมีอัญมณีเต่าดำเก็บรักษาไว้!”
“อาจเป็นการซ้อนแผนได้เช่นกัน”
บราฮัมพูดแทรก
“ยังมีความเป็นไปได้อีกหนึ่งทาง อัญมณีเต่าดำจะถูกเก็บไว้เมืองซึ่งมียังบันคอยเฝ้า อาจเป็นไปได้ทั้งโปกวาน เฮ่า และเฉาจื่อ”
ในเมื่อทราบข่าวเทพฟินิกซ์แดงคืนชีพ อาณาจักรฮวานย่อมต้องเพิ่มระดับความปลอดภัยให้มากขึ้น บางทีอาจถึงขั้นส่งยังบันมาคุ้มกัน
ฮวากยองพยักหน้ารับเชิงเห็นพ้อง
“เห็นด้วย ถ้าอย่างนั้น ทางเราจะเขียนจดหมายไปหาสมาชิกในละแวกใกล้เคียง ให้ช่วยสืบข่าวของยังบันภายในสามเมืองดังกล่าว”
“ขอบคุณมาก”
การสนทนาดำเนินต่อไปอีกยาวนาน
จนกระทั่ง
“แล้วทำไมท่านถึงอยากทราบตำแหน่งของอัญมณีเต่าดำหรือครับ”
ชิลซอนซักถามอย่างสงสัย
กริดแสดงสีหน้า ‘มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือ’ ก่อนจะมอบคำตอบ
“จะขโมยออกมาและคืนชีพเทพเต่าดำ”
“…!”
ในอดีตกาลเมื่อนานมาแล้ว ชองโฮ (เสือคราม) ขโมยคันศรฟินิกซ์แดงออกมาสำเร็จ เพราะตอนนั้นยังมีระดับความปลอดภัยไม่เข้มงวดมากนัก
แต่ปัจจุบัน หลังจากเทพฟินิกซ์แดงเพิ่งคืนชีพได้ไม่นาน อาณาจักรฮวานย่อมตื่นตัวมากเป็นพิเศษ เพื่อมิให้เกิดกรณีเหมือนกับเทพฟินิกซ์แดงขึ้นอีก
มนุษย์สามารถขโมยอัญมณีเต่าดำจากเงื้อมมือการเฝ้าระวังของยังบันได้จริงหรือ…
ชิลชอนยังคงเคลือบแคลง แต่อีกใจหนึ่งก็เริ่มคาดหวัง เพราะหากเป็นชายคนนี้ มันรู้สึกว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
***
“จังหวะไม่เหมาะเอาเสียเลย”
“แบบนี้อาจกระทบงานแข่งนานาชาติเอาได้นะครับ”
ทีมบริหารของ SA กรุปรีบจัดประชุมด่วน
สาเหตุเพราะ ‘โอเปอเรเตอร์’ เริ่มมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง
รหัส : S-001
ชื่อในซาทิสฟาย : ฮานึล
NPC ระดับบนสุด มีอำนาจในการมอบภารกิจแก่ผู้เล่นจำนวนมาก
หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ของทวีปตะวันออก ‘ฟินิกซ์แดงคืนชีพ’ ฮานึลเริ่มลงมือกระทำบางสิ่งอีกครั้ง
“โอเปอเรเตอร์คิดจะตามคนไปช่วย?”
ประธานลิมชอลโฮรีบร้อนเดินเข้าห้องประชุมพลางซักถามขณะทิ้งตัวนั่ง
บนจอฉายภาพ
ฮานึล ผู้เติบโตขึ้นทุกปีตามวงจรยกระดับตัวตนของเทพ ก้มหน้ามองลงมายังโลกเบื้องล่าง
สายตาของมันไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“ใช่ครับ เป็นเพราะระบบสร้างความสมดุลของมอร์เฟียส ห้าอาวุโสจึงไม่สามารถลงมือกับผู้เล่นโดยตรงได้”
“ปัญหาคราวนี้สาหัสเอาเรื่อง… ไม่อยากเชื่อว่าฟินิกซ์แดงจะคืนชีพเร็วแบบนี้”
แม้กระทั่งลิมชอลโฮ ผู้ประเมินกริดไว้สูงกว่าทุกคนเสมอ ก็ยังคาดไม่ถึงเช่นกัน
ไม่มีใครคาดคิดว่ากริดจะคืนชีพให้ฟินิกซ์แดงได้ง่ายดายภายในระยะเวลาแสนสั้น
‘จริงอยู่ เรามักสนุกไปกับการรับชมเรื่องไม่คาดฝัน… แต่คงไม่ใช่กับคราวนี้’
ฮานึลในสภาพหลับตา กำลังโบกมือสองข้างอย่างเชื่องช้าแต่ชดช้อย
ประหนึ่งวาทยกรผู้กำลังควบคุมวงออเครสต้าขนาดใหญ่ด้วยตัวคนเดียว
ตามฉายาของมัน
โอเปอเรเตอร์ - ผู้ควบคุม
และผลลัพธ์ก็คือ
<เสียงเพรียกจากสวรรค์>
★ภารกิจลับ★
สิ่งมีชีวิตชั้นสูงบางตนกำลังต้องการความช่วยเหลือจากท่าน
จงเดินทางไปยัง ‘เฉาจื่อ’ แห่งอาณาจักรชิง ประเทศซึ่งสมบัติแห่งชาติกำลังตกอยู่ในอันตรายเนื่องจากถูกหมายปองโดยวายร้ายบางกลุ่ม ท่านจำเป็นต้องช่วยพวกเขา!
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : เดินทางไปถึงเฉาจื่อภายในหนึ่งสัปดาห์
รางวัลภารกิจ :
- เลเวลอัพ 2 ระดับ
- เปิดใช้งานภารกิจลับต่อเนื่อง
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว : ไม่มี
ภารกิจข้างต้นถูกส่งไปยังแรงเกอร์ทุกคนซึ่งอยู่ในอันดับท็อป 1,000 แบบรวมทุกอาชีพ
ค่าตอบแทนภารกิจคือ 2 เลเวล
…ขอแค่เดินทางไปให้ถึง
ไม่มีใครปฏิเสธความเย้ายวนในครั้งนี้ได้
เหมือนจะค้าง~
ReplyDeleteดองไว้สักเดือนก่อนดีกว่า
ขอบคุณมากๆครับ😊🙏