จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,190
ขั้นตอนการฟื้นฟูกรุงคาราสึ ซึ่งถูกทำลายไปหลายส่วนในเหตุการณ์ยังบันรุกราน ถูกจัดการจนเสร็จเรียบร้อยในไม่กี่วัน
สิ่งนี้เกิดจากปัจจัยหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยของอาณาจักรโช ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาวเมือง และความยอดเยี่ยมผู้เล่นเมื่อได้รับบัฟ ‘ฟินิกซ์แดงพิทักษ์’
ถูกต้อง
กลุ่มผู้เล่นยังไม่เดินทางออกจากคาราสึ
พวกมันทุกคนยื่นมือช่วยเหลืออาณาจักรโชขณะกำลังอ่อนแอสุดขีด
หมอเฮล่าก็เช่นกัน
แม้จะมีภารกิจส่วนตัวเป็นการปรุงยา แต่เธอกลับไม่ทอดทิ้งคาราสึ คอยช่วยปฐมพยาบาลชาวเมืองและทหารบาดเจ็บ คอยช่วยปลอบโยนบรรดาเหยื่อผู้สูญเสีย
ภายในใจ ผู้เล่นทุกคนต่างกำลังเคียดแค้นอาณาจักรฮวาน
“ต้องปิดไว้เป็นความลับนะ! เข้าใจไหม!”
ก่อนเดินทางออกจากคาราสึ
ไม่ว่าจะพบเจอผู้เล่นคนใด เฮล่าเอาแต่ย้ำเตือนพวกเขาด้วยถ้อยคำแบบเดิมเสมอ จนใครต่อใครต่างคิดว่าเธอเป็นนกแก้วนกขุนทอง
กลุ่มผู้เล่นจ้องมองหมอเฮล่าด้วยสีหน้าอิดโรยเจือความเหนื่อยหน่าย
“เข้าใจแล้วน่า เธอก็รีบไปสักที”
ในช่วงสองสามวันผ่านมา เฮล่าและกลุ่มผู้เล่นต่างสานสัมพันธ์ต่อกันจนสนิทชิดเชื้อ
ย้อนกลับไปในเหตุการณ์ยังบันรุกราน ทุกคนพยายามรักษาชีวิตชาวเมืองไว้อย่างสุดความสามารถ ไม่มีใครเอาเปรียบใคร ไม่มีใครคำนึงถึงความปลอดภัยตัวเอง และนั่นคือต้นตอบ่อเกิดของมิตรภาพ
ความรู้สึกในตอนแรกมีแค่ หวังจะช่วยเหลือชาวเมืองผู้บริสุทธิ์ให้รอดพ้นอันตราย แต่เมื่อเหตุการณ์ความวุ่นวายจบลง กลับไม่มีใครออกจากเมืองแม้แต่คนเดียว ทุกคนยังอยู่ช่วยฟื้นฟูเมืองหลวงอย่างสุดฝีมือ
มิตรภาพพัฒนาไปเป็นความสนิทสนม
“ห้ามบอกเด็ดขาด! เข้าใจนะ!”
“เฮ่อ… ให้ตายสิ พวกเราก็ไม่ได้เกลียดกริดสักหน่อย แล้วก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวด้วย ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีใครแพร่งพรายออกไปแน่ ว่ากริดทำอะไรบ้างในกรุงคาราสึ”
ความจริงอันน่าตกใจหลายข้อ ไม่ว่าจะเรื่อง กริดแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อครั้งปราบจอมอสูรเฟย์ริสหลายเท่าตัว เรื่องพลังอันเกินขีดจำกัดของมนุษย์และผู้เล่น เรื่องกริดกลายเป็นศัตรูของอาณาจักรฮวาน และเรื่องมหาจอมเวทบราฮัมคอยคุ้มครองกริด
ผู้เล่นคาราสึได้ทราบข้อมูลสำคัญเข้าโดยบังเอิญ แต่ก็ไม่มีใครคิดป่าวประกาศให้คนทั่วโลกรับรู้
ผลเสียมีมากกว่าผลดี ทุกคนจึงระวังตัว
เกือบทั้งหมดเป็นแรงเกอร์ พวกมันจึงมีอะไรให้สูญเสียมากมาย การเดินหมากพลาดเพียงก้าวเดียว อาจทำให้มีจุดจบไม่ต่างจากเวอราดิน
“เข้าใจแล้ว… ไว้พบกันใหม่ ถ้ามีอะไรสามารถติดต่อหาฉันได้ทุกเมื่อ”
เมื่ออีกฝ่ายปากรับคำ เฮล่าตัดสินใจเดินทางออกจากคาราสึอย่างหมดห่วง
หลังจากทราบว่าผู้มีพระคุณของตน เคนดริก แท้จริงแล้วคือกริด เธอต้องการตอบแทนกริดในรูปแบบของตัวเอง หนึ่งในนั้นคือการขอให้ทุกคนช่วยปิดข้อมูลเป็นความลับ
หากกริดปลอมตัว หมายความว่าเขาไม่ต้องการให้ใครทราบความจริง
‘เราไม่เคยคิดมาก่อน ว่าชายคนนั้นจะเปี่ยมด้วยคุณธรรมเต็มหัวใจ…’
ในทางสามัญสำนึก ‘ท้องฟ้า’ มักอยู่คนละโลกกับผู้เล่นปรกติ ก่อนจะถกเถียงเรื่องความดีความชั่ว ต้องเข้าใจเสียก่อนว่า อีกฝ่ายในชีวิตในรูปแบบไม่เหมือนกับคนธรรมดา
ท้องฟ้ามักมองไปข้างหน้าเสมอ สนใจแต่สิ่งสำคัญรอบตัว จึงไม่แปลกหากจะมองข้ามชีวิตของผู้อ่อนแอเบื้องล่าง
นี่ไม่ใช่เรื่องผิด มันเป็นสิทธิ์ของท้องฟ้า
แต่กริดกลับทำให้เธอเห็นท้องฟ้าในมุมใหม่
เขาพยายามปกป้องชาวเมืองอ่อนแอ แม้ว่าคนเหล่านี้จะเป็นพลังให้ไม่ได้ แถมยังคอยถ่วงแข้งถ่วงขาในการต่อสู้
เขาต่อสู้เพื่อคนแปลกหน้า ต่อสู้เพื่อปกป้องชาวเมืองบนดินแดนต่างถิ่น โดยไม่สนว่าจะมีใครจดจำและยกย่องในภายหลังหรือไม่
‘ทำไมถึงมีพัฒนาการในทิศทางนี้ได้…’
นายเคยทุกข์ทรมานยิ่งกว่าใครไม่ใช่หรือ
นายเคยถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรี เคยเป็นคนอ่อนแอและถูกตราหน้าว่าไร้ประโยชน์
แล้วทำไมถึงไม่นำความแค้นในอดีตมาลงกับทุกคน เมื่อชีวิตของตนมีพร้อมแล้วทุกอย่าง
เราเคยดูทีวี ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาวิเคราะห์เอาไว้ว่า กริดจะมีแผลใจอย่างรุนแรงและเกิดเป็นปมด้อย เนื่องจากเคยเป็นผู้ถูกกระทำมาก่อน เขาไม่มีทางเห็นใจผู้อื่น ไม่มีทางให้อภัยโลกอันโหดร้ายใบนี้ เขาจะเสพสุขกับชีวิตบั้นปลายไปพร้อมคนใกล้ตัวเท่านั้น
เหลวไหลทั้งเพ…
กริดไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด
เขาคือสุภาพบุรุษผู้ควรค่าแก่การยกย่อง
ซึ่งนับว่าหาได้ยากขึ้นทุกวันบนโลกอันบ้าคลั่ง
‘ขอให้อนาคตของคุณมีแต่ความสดใส’
ถ้อยคำภาวนาของเฮล่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
เพราะในอนาคต จะมีผู้คนสวดวิงวอนถึงกริดอีกนับไม่ถ้วน
***
กริดกำลังจดจ่อ
หากกล่าวให้เกินจริงไปสักนิด ก็สามารถพูดให้น่าตื่นเต้นได้ว่า กริดกำลังเพ่งสมาธิอย่างแน่วแน่ในระดับ ‘ถอดจิต’
สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ สมาธิและความไม่ย่อท้อของชายหนุ่ม อยู่ในระดับเกินมาตรฐานมาตั้งแต่สมัยยังไม่ประสบความสำเร็จแล้ว
แต่เพราะตอนนั้นเป็นคนโง่และอับโชค ถึงจะมีความพยายามมากเพียงใด แต่ชีวิตก็ยากจะหลุดพ้นจากความล้มเหลว
ดังคำกล่าวว่า :
‘ปลูกข้าวในทะเลทราย รดน้ำให้ตายก็ไม่โต’
แต่ในระยะหลัง กริดเริ่มตระหนักถึงพรสวรรค์ชนิดพิเศษของตน
นั่นคือการไม่ยอมถอดใจ แม้จะต้องเผชิญเหตุการณ์ความอับโชคติดต่อกันหลายๆ ครั้ง
‘ในตอนนั้น เราไม่มีโอกาสได้ทดลอง’
หลังจากสร้างเตาหลอมขนาดพกพาอันใหม่เสร็จ กริดนั่งนึกทบทวนความทรงจำเมื่อครั้งได้แข่งตีเหล็กกับเฮ็กเซเทีย
ในช่วงนั้น หัตถ์เทวะยังนับว่ามีประโยชน์ต่อกริดมาก แต่ชายหนุ่มกลับยอมสละพวกมันโดยปราศจากความลังเล
กริดไม่สนว่าค่าประสบการณ์สะสมของหัตถ์เทวะจะอยู่ในระดับสูงแค่ไหน มันโยนฝ่ามือสีทองสี่ข้างลงเตาหลอมเพื่อให้ตนได้สุดยอดวัสดุมาต่อกรกับตัวตนระดับเทพ แม้จะตระหนักดีว่า โอกาสชนะมีเพียงน้อยนิดก็ตาม
ชายหนุ่มทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างของตนลงไปในการแข่งตีเหล็กครั้งนั้นทั้งหมด
ใช่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง
ทุกอย่างภายในขีดจำกัดของผู้เล่นคนหนึ่ง
แน่นอน การผสานลมหายใจเทพผู้พิทักษ์สองชนิดเข้าด้วยกัน ไม่เคยมีอยู่ในหัวเลยสักนิด
เป็นการถูกตีกรอบจากสมองว่า :
‘เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้แน่’
อย่างไรก็ตาม กริดประเมินไม่ผิด สำหรับวินาทีดังกล่าว ชายหนุ่มไม่มีศักยภาพมากพอจะถลุงลมหายใจเทพผู้พิทักษ์สองชนิดเข้าด้วยกัน
หากอ้างอิงจากรางวัลงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติ ลมหายใจเทพผู้พิทักษ์คือวัสดุคุณภาพสูงสุดสำหรับสร้างไอเท็ม
ลำพังลมหายใจก้อนเดียวก็มากพอจะให้กำเนิดไอเท็มเกรดมิธได้แล้ว
จะให้ลงทุนผสานสองก้อนกลายเป็นหนึ่ง?
เหลวไหลสิ้นดี
สิ่งนี้ไม่เคยมีอยู่ในหัวกริด เพราะมันก้าวข้ามสามัญสำนึกปรกติมากเกินไป
ลำพังไอเท็มจากลมหายใจแค่ก้อนเดียวก็โกงมากพออยู่แล้ว กริดเคยเชื่อโดยไม่เคลือบแคลง ทาง SA กรุปผู้คลั่งไคล้ในความสมดุล ไม่มีทางปล่อยให้การผสานลมหายใจเทพผู้พิทักษ์สองชนิดเป็นจริงขึ้นมาได้
แต่นั่นเป็นเรื่องสมัยอดีต
สำหรับปัจจุบัน ยิ่งชายหนุ่มพัฒนาตัวเองมากขึ้นเพียงใด ศัตรูก็ยิ่งแข็งแกร่งจนยากจะรับมือได้ด้วยวิธีการปรกติ
การผสานลมหายใจเทพสองชนิดเริ่มมีความเป็นไปได้ทั้งในเชิงสามัญสำนึกและในเชิงระบบ
ทว่า นั่นเป็นแค่การ ‘คาดเดา’
“ฟู่ว!”
หลังจากทำสีหน้าอึมครึมมาสักพัก กริดถอนหายใจยาวเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด
ด้วยแววตาแสนมุ่งมั่น ชายหนุ่มเตรียมจุดเตาหลอมซ้ายขวาพร้อมกัน
‘คงยากกว่าการร่ายเวทขนานแน่’
<ไม้เท้าบีเลียล> ช่วยให้ร่ายเวทมนตร์ได้สามชนิดพร้อมกัน บราฮัมเคยแสดงศักยภาพให้ประจักษ์มาแล้วในร่างกริด
แต่นั่นคือบราฮัม
กริดทำไม่ได้ และไม่ได้ใกล้เคียงเลยสักนิด
ลำพังร่ายเวทขนานสองชนิดก็แทบแย่แล้ว
หลักการร่ายเวทมนตร์ขนานคือ ปากท่องชื่อเวทมนตร์ชนิดหนึ่ง สมองท่องชื่อเวทมนตร์อีกชนิดหนึ่ง สิ่งนี้เป็นเรื่องยากมากสำหรับคนสมองค่อนข้างช้าแบบกริด
ด้วยหลักการเดียวกัน การถลุงแร่สองชนิดพร้อมกันในช่วงอุณหภูมิแตกต่าง จึงไม่มีทางเป็นเรื่องง่าย
การถลุงแร่ไม่เพียงใช้แต่มือ แต่ยังรวมถึงสองขาสำหรับเหยียบเครื่องเป่าลม
มือสองข้างต้องขยับในจังหวะและท่าทางแตกต่างโดยสิ้นเชิง เพราะการถลุงลมหายใจแต่ละชนิดจะใช้หลักการไม่เหมือนกันเลย
หรือก็คือ แขนขาทั้งสี่ข้างต้องแยกประสาทเคลื่อนไหวโดยอิสระ และไม่มีโอกาสได้หยุดพัก
‘ปัญหายังไม่จบแค่นั้น’
ขณะนำลมหายใจเทพทั้งสองก้อนออกจากเตาหลอมพร้อมกัน กริดต้องจัดการนวดให้เป็นเนื้อเดียวภายใน 30 วินาที
สาเหตุมาจาก โลหะจะเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วเมื่อออกจากเตามาอยู่ในอุณหภูมิห้อง
แค่ 20 วินาทีก็เริ่มเห็นผลชัดเจนแล้ว
ภายในระยะเวลาดังกล่าว โลหะจะต้องถูกนวดคลึงจนเป็นเนื้อเดียวกันอย่างสมบูรณ์
‘ถ้าทำไม่สำเร็จ เราจะเสียลมหายใจเทพผู้พิทักษ์ไปหนึ่งก้อน’
สืบเนื่องมาจาก วิธีการแยกโลหะสองชนิดออกจากกัน คือการใส่โลหะไม่สมบูรณ์กลับเข้าไปในเตาหลอมอีกครั้ง และนั่นจะทำให้ลมหายใจก้อนหนึ่งเสียหายอย่างเลี่ยงไม่ได้
‘…ห้ามคิดถึงความล้มเหลว’
ชายหนุ่มพยายามขจัดอารมณ์ด้านลบ
พร้อมกัน มันเตรียมงัดจุดแข็งของตนมาใช้ จุดเด่นซึ่งแม้แต่เทพเฮ็กเซเทียก็ยังไม่มี
หัตถ์เทวะ
ไม่เพียงจะสืบทอดแต้มสถานะบางส่วนไปจากกริด พวกมันยังสืบทอดทักษะตีเหล็กอย่างหยาบติดตัวมาด้วย
‘อย่างน้อย เราสามารถใช้หัตถ์เทวะในขั้นตอนการถลุงได้’
โดยเฉพาะงานไม่ซับซ้อนอย่างการเป่าลมเพื่อควบคุมอุณหภูมิให้นิ่ง
จริงอยู่ หากเป็นการเพิ่มความร้อนให้ถึงจุดกำหนด กริดต้องทำด้วยตัวเอง แต่ถ้าเป็นการรักษาระดับอุณหภูมิให้คงตัวสักพัก ของแค่นี้ยังอยู่ในขอบเขตหัตถ์เทวะ
‘ถ้าปล่อยให้หัตถ์เทวะจัดการเครื่องเป่าลมแทนเท้าทั้งสองข้าง งานของเราจะเหลือแค่การขยับสองมือเพื่อถลุงโลหะ…’
วิธีนี้จะช่วยแบ่งเบาสมาธิได้มาก
เราจะนวดให้เสร็จภายใน 30 วินาทีได้ไหม…
กริดประเมินว่ามีโอกาสเป็นไปได้ แต่ระยะเวลากระชั้นชิดอย่างมาก
ระหว่างกำลังอยู่ในโหมด ‘การผลิตของช่างตีเหล็กทัดเทียมเทพ’ ระบบช่วยเหลือทำให้กริดทราบว่า ตนสามารถถลุงลมหายใจเทพสองชนิดเสร็จภายใน 29 วินาทีถึง 36 วินาที ขึ้นอยู่กับสมาธิและฝีมือ
‘ถ้ามีเวลามากกว่านี้สัก 6 วินาที เราคงถลุงได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่ต้องกังวล’
น่าเสียดาย แค่นิดเดียวเท่านั้น
ด้วยความแตกต่างดังกล่าว กริดตัดสินใจใช้สมาธิของตนเข้าชดเชย
‘ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวเราแล้ว’
พรึบ!
ชายหนุ่มนำฟืนใส่ในเตาหลอมทั้งสองและเริ่มทำการจุดไฟ
เพียงไม้ฟอสฟอรัสขาวเกิดประกายไฟ อุณหภูมิของเตาหลอมก็เพิ่มขึ้นสูงจนผิวภายนอกเปลี่ยนเป็นสีแดงสว่าง
กริดมีแผนผสานลมหายใจเสือขาวและมังกรครามเข้าด้วยกัน ออปชันของทั้งสองลมหายใจช่วยส่งเสริมในด้านพลังป้องกัน และยังมีโอกาสเกิดเป็นไอเท็มเซตอีกด้วย
มันเคยสร้างรองเท้ามังกรครามแล้วหนึ่งชิ้น จึงมีโอกาสสะสมให้ครบเซตเหมือนกับเสือขาว หากทำการสร้างไอเท็มจากลมหายใจมังกรครามเพิ่มอีกสองชิ้น
ขณะกริดตัดสินใจแน่วแน่ และเตรียมโยนลมหายใจเสือขาวกับมังกรครามเข้าไปในเตาหลอม
“เดี๋ยวก่อน!”
ใครบางคนขัดขวางอย่างไม่คาดฝัน
“แบบนี้ไม่เหมาะ”
เป็นโทซุน
“หมายความว่ายังไง”
กริดขมวดคิ้ว มันไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์สักเท่าไร เนื่องจากเป็นโทซุนเอง ผู้เสนอให้ตนผสานลมหายใจสองชนิดเข้าด้วยกัน
เมื่อเห็นกริดชะงักมือและทำหน้าสงสัย โทซุนเริ่มอธิบายอย่างละเอียด
“ท่านทราบใช้ไหม เทพผู้พิทักษ์เกิดจากความปรารถนาอันแรงกล้าของมนุษย์”
“รู้อยู่แล้ว แต่มันเกี่ยวกันยังไง”
“เทพผู้พิทักษ์จะมอบความเมตตาให้กับมนุษย์เท่านั้น”
“…?”
“หากไม่ใช่มนุษย์ พวกท่านจะเผยบุคลิกแท้จริงของแต่ละตนออกมา”
“…”
“จากบรรดาทั้งสี่เทพ เสือขาวและมังกรครามมักมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง ถึงขั้นเคยลงไม้ลงมือกันในสมัยอดีต”
“…”
“เทพขัดแย้งกันอย่างรุนแรงและไม่มีวันปรองดองกันได้ ลมหายใจก็เช่นกัน”
“…เสือขาวเป็นผู้ชนะในศึกล่าสุดใช่ไหม”
“ท่านทราบได้อย่างไร…! นอกจากเหล่าสัตว์จักรราศีเสือขาวและมังกรคราม ไม่มีใครเคยรู้ความลับนี้มาก่อน!”
“ช่างมันเถอะ…”
กริดเบือนหน้าออกมาด้วยแววตาอึมครึม
“แล้วต้องใช้อะไรผสาน ลมหายใจเต่าดำ? ไม่ใช่ว่าเต่าดำดุร้ายกว่าใครเพื่อนหรือ”
เทพตนเดียวในขอบเขตความตายและการทำลายล้าง แถมยังมีนิสัยดูแคลนสิ่งของเทียม ลมหายใจเต่าดำจึงเป็นของแสลงสำหรับช่างตีเหล็กทุกคน
กริดเกิดอติ มันเชื่อว่า ลมหายใจเต่าดำคงไม่มีทางผสานเข้ากับลมหายใจชนิดใดได้เลย
แต่คำตอบของโทซุนนั้นผิดคาด
“เทพเต่าดำอ่อนโยนกว่าใครทั้งหมด”
“…งั้นหรือ”
แม้จะทำใจเชื่อได้ยาก แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดเสียเวลาโต้เถียงประเด็นไร้สาระ มันไม่มีความคิดจะถลุงลมหายใจเต่าดำอยู่แล้ว เนื่องจากยังหาวิธีสยบออร่าความตายไม่ได้
‘ไม่มีทางเลือก คงต้องผสานลมหายใจฟินิกซ์แดงเข้ากับเสือขาว’
ค่อนข้างน่าเสียดายเมื่อต้องโบกมืออำลาเซตไอเท็มมังกรคราม แต่การเลือกใช้ลมหายใจฟินิกซ์แดงซึ่งเข้ากับเสือขาวได้ดีกว่า ย่อมเกิดประโยชน์ในวงกว้างมากกว่า
เมื่อกริดตั้งสติแน่วแน่อีกครั้ง มันเริ่มควบคุมอุณหภูมิเตาหลอมทั้งสองให้เหมาะสมกับช่วงจุดเดือดของลมหายใจฟินิกซ์แดงและเสือขาว
พรึ่บ—!
ขาของกริดทั้งสองข้างกำลังขยับไม่หยุดพักด้วยจังหวะแตกต่างกัน
ชายหนุ่มไม่ผ่อนสมาธิแม้แต่วินาทีเดียว จนกระทั่งลมหายใจเทพทั้งสองเริ่มละลายภายในเตาหลอม
“หัตถ์เทวะ!”
เมื่อถึงคิวต้องใช้มือถลุง กริดรีบออกคำสั่งให้หัตถ์เทวะช่วยเหลือ
ปล่อยให้พวกมันจัดการงานเป่าลมแทนเท้า สมาธิของตนจะได้เพ่งอยู่กับสองมืออย่างแน่วแน่
ซู่ววว…!
ยิ่งเวลาผ่านไป ลมหายใจเทพทั้งสองเริ่มกลายเป็นสีแดงฉานขณะถูกหลอมด้วยจุดเดือดของตัวเอง
เมื่อได้จังหวะเหมาะสม กริดรีบนำวัสดุทั้งสองชนิดออกมาวางบนทั่งเหล็กและเริ่มกระหน่ำทุบค้อนอย่างตั้งใจ
เคร้ง—!
‘ได้โปรด…!’
กริดวิงวอน
วิงวอนขอสุดยอดไอเท็ม
วิงวอนขอสุดยอดพลัง!
ได้โปรดดดด
ReplyDeleteได้โปรด
ReplyDeleteplease
ReplyDeleteกริดต้องถือค้อนคู่ด้วยป่ะ เหมือนตีกลอง
ReplyDelete