จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,163
เหนือท้องฟ้าสูงลิบ บาดแผลชุ่มกายา
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เราถูกโจมตีจนตกอยู่ในสภาพปางตาย…
ถึงกระนั้น มันยังไม่อยากยอมรับ
มันคือผู้จะกลายเป็นเทพในวันข้างหน้า
“…เราต้องไม่จบแค่นี้!”
ซู่ว—!
ลมหายใจฟีนิกซ์แดงเริ่มลุกไหม้
ฟินิกซ์แดงคือเทพแห่งพลังอัคคีและชีวิต
เปลวเพลิงแห่งชีวิตกำลังลุกโชนเพื่อเยียวยาบาดแผลฉกรรจ์ทั้งเจ็ดแห่งบนร่างกายฮันกยอล
บึ้มมมมมมมม!!
ร่างฮันกยอลพลันเลือนหายไปพร้อมกับเสียงคำรามดังสนั่นลั่นท้องฟ้า
มังกรครามคือเทพแห่งพลังวายุและอัสนี
ร่างฮันกยอลถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาวโพลนพร้อมกับแสดงผล ‘ประกายอัสนี’ ตลอดเวลา ความว่องไวของมันได้ก้าวข้ามขอบเขตห้วงมิติไปเรียบร้อยแล้ว
“ข้าไม่มีวันแพ้มนุษย์!!”
โฮกกกกกก!!
ร่างกายฮันกยอลในสภาพถือกระบี่อ่อนเริ่มแผ่หมอกหนาออกจากลำตัว
เต่าดำคือเทพแห่งพลังวารีและความตาย
ฮันกยอล ผู้ไม่มีโอกาสได้สั่งสมบารมีเทพ ย่อมมีอำนาจไม่มากพอจะควบคุมความเกรี้ยวกราดของเต่าดำไหว แต่ถึงอย่างนั้น มันจำต้องฝืนก้าวข้ามขีดจำกัดดังกล่าวให้จงได้
ด้วยความเชื่อว่าเต่าดำจะยอมจำนนเมื่อถ่ายเทพลังเข้าไปเป็นเวลานานพอ ฮันกยอลจึงฝืนกัดฟันเพ่งสมาธิอย่างแรงกล้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดมา
มันมั่นใจ
มนุษย์ตรงหน้าคืออุปสรรคและบททดสอบแสนสำคัญจากเหล่าทวยเทพ
ถ้าเราก้าวข้ามวิกฤตินี้ไปได้ ชีวิตจะได้พบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวง…
พรืดดดด!
ฟุ่บ!
กระบี่อ่อนพลันยืดยาวประหนึ่งแส้ แหวกว่ายผ่านอากาศพร้อมกับตวัดฉกใส่กริดจากด้านหลัง
ดุจดังการต่อยของแมงป่อง คมกระบี่วกใส่ต้นคอกริดในมุมอับสายตาอย่างสมบูรณ์แบบ
ฮันกยอลฉีกยิ้มกว้างพลางประสานสายตากับชายหนุ่มผู้ไม่ระวังตัวตรงหน้า
“ลาก่อน… ขอฟังเสียงอันไพเราะขณะกระดูกของเจ้าถูกป่นเป็นผงหน่อยเถอะ—…?”
เคร้ง!
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
ฝ่ามือสีดำสี่ข้างโผล่ออกมาจากความว่างเปล่าและป้องกันปลายกระบี่แหลมได้ทันท่วงที
เมื่อเห็นการโจมตีอันสมบูรณ์แบบกลายเป็นสิ่งไร้ผลราวกับไม่เคยเกิดขึ้น สีหน้าฮันกยอลเริ่มบิดเบี้ยวแกมอึมครึม ฝ่ามือของมันสั่นเทาขณะแหกปากตะโกน
“แกมีเทวภัณฑ์วิญญาณถึงสี่ชิ้นได้ยังไง!!”
เฉกเช่นการแบ่งระดับของสิ่งมีชีวิต สมบัติวิเศษเองก็มีลำดับชั้นบนทวีปตะวันออก
เทวภัณฑ์วิญญาณ : สมบัติซึ่งสามารถเคลื่อนไหวได้เองราวกับมีสตินึกคิด ต่อสู้เพื่อปกป้องผู้เป็นนาย พูดคุยกับเจ้านาย และยังแบ่งปันการมองเห็นร่วมกับเจ้านาย
‘ชักไม่ง่ายล่ะสิ…’
ฮันกยอลทวีความตึงเครียด
จะไม่เครียดได้อย่างไร ในเมื่อศัตรูผู้นี้มีเทคนิคการรำดาบเหนือชั้นกว่าแพ็กม่า ทุกการโจมตียังมีเวทมนตร์ประหลาดแฝงตามหลัง ครอบครองพลังสี่สัตว์เทพอย่างน้อยหนึ่งชนิด มีเทวภัณฑ์วิญญาณ และยังมีเนตรมาร
เคร้ง—!
ฮันกยอลป้องกันคลื่นดาบ ‘ร่ายรำ’ ชุดแรกไว้ได้ไม่ยากเย็น
และแม้จะยังเหลือคลื่นดาบอีกหลายสิบเส้นกำลังแหวกอากาศตามเข้ามาด้วยความเร็วสูง แต่ฮันกยอลหาได้หวาดหวั่น มันเพียงแปลงกายเป็นสายลมและหลบหลีกการโจมตีทั้งหมดอย่างง่ายดาย
แต่ปัญหาก็คือ
บึ้มบึ้ม!!
เวทมนตร์ซึ่งแฝงมาในทุกคลื่นเส้นดาบ
อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของฮันกยอลมิใช่เพลงดาบหรือศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่แรกแล้ว
ซู่ว ซู่ว ซู่ว ซู่ว!
แผ่นยันต์อักขระจำนวนมากพลันโผล่ขึ้นจากความว่างเปล่ารอบตัวฮันกยอลและสลายพลังเวทมนตร์ได้อย่างหมดจด
ดูเหมือนเวทมนตร์ของบราฮัม ซึ่งแฝงมากับคลื่นดาบ จะไม่มีอำนาจมากพอสำหรับทะลวงผ่านม่านยันต์ของฮันกยอล
นี่คงเป็นขีดจำกัดของเวทมนตร์พื้นฐาน
เพียงแต่ว่า…
แคร้งงงง!!
“คึ่ก…!”
บัฟ ‘เสริมแกร่งอาวุธ’ ยังคงแสดงผลเต็มประสิทธิภาพเช่นเคยแม้จะเป็นเวทมนตร์พื้นฐาน
ดาบในมือกริด ซึ่งถูกเสริมแกร่งโดยเวทมนตร์ของบราฮัม ทำการปลดปล่อยวิชาดาบตามมาอีกหลายระลอกโดยไม่หยุดพัก
บึ้ม!! บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
เคร้ง! เคร้งเคร้งเคร้ง!!
“ให้ตายสิ… มองไม่เห็นอะไรเลย”
กลุ่มกระต่ายด้านล่างกำลังกะพริบตาถี่
พลังการโหมบุกของกริดในสภาพแต้มสถานะถูกยกระดับด้วยปราณต่อสู้เต็มพิกัด และการเคลื่อนไหวของฮันกยอล ผู้กำลังเค้นพลังมังกรครามออกมาจนถึงขีดสุด รวดเร็วเสียจนปรากฏเพียงจุดแสงบนท้องฟ้า
อย่างไรก็ตาม ภาพเช่นนี้ค่อนข้างธรรมดาสำหรับโทซุน ถึงแม้เธอจะอ่อนแอลงเล็กน้อยเพราะสี่สัตว์เทพถูกผนึก
‘เป็นไปไม่ได้… มนุษย์คนนั้นสามารถต่อกรกับยังบันอย่างสูสี…’
ต้องเติบโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นไรกัน?
ขณะโทซุนกำลังตั้งคำถาม
บึ้มบึ้มบึ้ม!!
ปราณดาบกลีบดอกไม้สีฟ้าพลันระเบิดสนั่นหวั่นไหว ส่งผลให้กริดและฮันกยอลต่างกระเด็นถอยหลังไปคนละทิศ แยกออกจากกันชั่วขณะ
“แฮ่ก… แฮ่ก…”
กริด ผู้สูญเสียร่างมืดไปนานแล้ว กำลังหายใจกระเส่าพลางซดโพชั่นพลังชีวิต
“แค่ก! แค๋ก!”
ลมหายใจฮันกยอลยังคงปรกติ เพียงแต่มันอาเจียนก้อนเลือดดำตลอดเวลา
เป็นเพราะเสื้อส่วนบนเริ่มหละหลวม รอยแผลสีดำขนาดใหญ่จึงเผยออกมาให้เห็น
อย่างไรก็ตาม ฮันกยอลมิได้ใช้พลังฟินิกซ์แดงเพื่อรักษาบาดแผลฉกรรจ์ดังกล่าว
ไม่สิ มันไม่สามารถต่างหาก
ตลอดการสู้กับกริด มันต้องเพ่งสมาธิอย่างหนักเพื่อคอยควบคุมวังวนพายุหมอกจากลมหายใจเต่าดำ
เนื่องจากใช้พลังจิตไปในปริมาณมาก จึงต้องได้รับการฟื้นฟูร่างกายสักระยะ
หรือในอีกความหมายหนึ่ง มานาของมันลดลงจนถึงขีดอันตราย
“เจ้าคงเศร้ามากแน่… หากต้องสูญเสียสมบัติอันมีค่าประจำตัวไป… คึคึก!”
ฮันกยอลเช็ดเลือดจากมุมปากด้วยสีหน้าพึงพอใจแกมผ่อนคลาย
หมอกหนาทึบซึ่งเกิดจากพลังของเต่าดำ สิ่งนี้มีคุณสมบัติกัดกร่อนและพรากชีวิต
ใช่แล้ว กริดและเทวภัณฑ์วิญญาณไม่มีทางปลอดภัยหลังจากต้องปะทะดาบกับมันนับร้อยกระบวนท่าพร้อมกับการแช่หมอกหนาทึบเป็นเวลานาน ป่านนี้ เทวภัณฑ์ของกริดคงกำลังกรีดร้องอย่างโหยหวนก่อนจะแตกสลาย
‘ยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อ เราก็ยิ่งได้เปรียบ!’
ฮันกยอลมั่นใจ
ในอีกสามวินาทีข้างหน้า ชัยชนะจะตกเป็นของมันอย่างสมบูรณ์
สี่ฝ่ามือเทวภัณฑ์วิญญาณจะถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นผุยผง พร้อมกับการปรากฏตัวของมนุษย์สวมชุดเกราะขึ้นสนิมและผุพัง
สถานการณ์จะเข้าทางเราทุกอย่าง…
แต่ทันใดนั้น ฮันกยอล ผู้เตรียมโจมตีใส่กริดซึ่งถูกทำให้อ่อนแอลง พลันขมวดคิ้วด้วยสีหน้าประหลาดใจสุดขีด
“…อะไรกัน?”
เทวภัณฑ์วิญญาณสี่ข้างกลับไม่สลายเป็นผุยผงตามความคาดหมาย ไม่แม้แต่จะเกิดสนิมหรือร่องรอยกัดกร่อน
‘มันทำมาจากอะไรกันแน่…!’
ผิดความคาดหมายไปไกลมาก
ความกังวลพลันสุมอกอีกครั้ง
แผนกระหน่ำโจมตีจำเป็นต้องพันเก็บไว้ก่อนอย่างมิอาจเลี่ยง สมาธิเริ่มจดจ่อว่าตนสามารถใช้ชุนโปครั้งถัดไปได้เมื่อไร
แต่ในเวลาเดียวกัน
เปรี้ยะ—!
เปรี้ยะ! เปรี้ยะ! เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!
ดาบสีดำสนิทราวกับหมึกในมือมนุษย์
ดาบระยำซึ่งเคยฟาดฟันมันจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์หลายจุด ยามนี้กลับเกิดเสียงเปราะแตกดังลั่นเป็นระยะ
แกร่ก!
มงกุฎสุดโอหัง ถุงมือเพิ่มความเร็ว ผ้าคลุมคละคลุ้งด้วยกลิ่นเลือด…
อาวุธและเครื่องป้องกันบนร่างกายมนุษย์เริ่มผุกร่อนจากพลังพรากชีวิตของเต่าดำ
ค่อนข้างน่าประหลาดใจเล็กน้อย เกราะบางชิ้นและรองเท้ากลับยังไม่ออกอาการเสื่อมสภาพเหมือนกับอุปกรณ์ชิ้นอื่นบนร่างกาย แต่ถึงกระนั้น ฮันกยอลก็มิได้ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย
มันฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
“คึก…! คึฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!”
การเอาชนะมนุษย์แสนต่ำต้อย ช่วยมอบความรู้สึกหอมหวานขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
หลังจากเป็นฝ่ายคุมเกม ฮันกยอลเริ่มผ่อนคลายตัวเอง มันหัวเราะร่วนอย่างสะใจ
“สามัญชนผู้โง่เขลาเอ๋ย… จงคุกเข่ายอมศิโรราบและตอบคำถามของข้ามาแต่โดยดี…! เจ้ามีท่วงท่ารำดาบของแพ็กม่าได้อย่างไร? แล้วเจ้าเคยสร้างความอับอายใดให้การัมบ้าง! ขอเพียงยอมเล่า ข้าสัญญาว่าจะไม่เอาชีวิตเจ้า!”
“…”
กริดกำลังเงียบงัน
แต่ในความเป็นจริง มันไม่สะดวกจะตอบ
ศัตรูคือผู้โบยบินบนท้องฟ้าได้ด้วยพลังของมังกรคราม แต่ถึงจะไล่ตามทันและโจมตีเข้าเป้าอย่างจัง อีกฝ่ายก็ยังฟื้นฟูร่างกายได้ด้วยพลังของลมหายใจฟินิกซ์แดงอยู่ดี ไม่เพียงเท่านั้น การโจมตีสำคัญก็ยังถูกกีดขวางด้วยพลังเสือขาวหรือไม่ก็หลบหลีกชุนโป
การต้องดวลกับคู่ต่อสู้เช่นนี้ ถ้ากริดไม่เหน็ดเหนื่อยก็คงจะแปลกเกินไปสักหน่อย
โดยเฉพาะหมอกกัดกร่อนของเสือดำ สิ่งนี้คอยรบกวนสภาพจิตใจและสมาธิของชายหนุ่มสถานหนัก
‘ทุกอย่างคงง่ายกว่านี้ถ้าอัตราความสำเร็จของเนตรทำหมันคือ 100%…’
<เนตรทำหมัน>
เนตรมารชนิดหนึ่ง
* เป้าหมายการจ้องมองจะถูกปิดกั้นผลลัพธ์ด้านบวกบางชนิดแบบสุ่ม
* มีโอกาสสูงในการปิดกั้นผลลัพธ์ด้านบวกทุกชนิดของเป้าหมาย
* เป้าหมายต้องห่างจากผู้ใช้ไม่เกิน 12 เมตร
มานาที่ใช้ : 500
เนตรทำหมันจะลบ ‘บัฟดี’ บางบัฟแบบสุ่มบนร่างกายเป้าหมายได้ 100%
แต่เอฟเฟค ‘ลบบัฟดีทั้งหมด’ จะไม่เกิดขึ้นเสมอไป ยังต้องพึ่งพาดวงอีกเล็กน้อย
‘เราไม่ใช่พระเอกในการ์ตูนสักหน่อย’
การต่อสู้ตรงหน้า มันต้องเผชิญความยากลำบากอย่างแท้จริง
หรือในอีกความหมายหนึ่ง ฮันกยอลคือหนึ่งในตัวละครสุดโกงของเกมซาทิสฟาย
มันสามารถพัฒนาตัวเองขณะต่อสู้
ยิ่งการดวลยืดเยื้อ ฝีมือดาบของมันก็ยิ่งพัฒนาในทุกมิติ จนสามารถกลบจุดอ่อนด้านอ่อนด้อยประสบการณ์ได้มิดชิด
น่ากลัวชะมัด… แม้จะยังบันผู้ไม่มีโอกาสได้สั่งสมบารมีเทพ แต่กลับมีฝีมือสูงกว่าปิอาโร่และเมอร์เซเดสในแง่ของเทคนิค ซึ่งผิดไปจากความคาดหมายของกริดค่อนข้างมาก
ฮันกยอลมีแต้มสถานะระดับทัดเทียมเทรูชาน ทักษะสุดโกงระดับเมอร์เซเดส และเทคนิคอันเหนือชั้นของปิอาโร่
‘ถ้ายืดการต่อสู้ออกไป เราคงเสร็จแน่’
ในเมื่ออีกฝ่ายเติบโตด้วยความเร็วระดับสัตว์ประหลาดขณะต่อสู้จริง ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องยืดการต่อสู้ออกไปเหมือนกับพระเอกในการ์ตูนเด็กผู้ชาย
เมื่อตัดสินใจหนักแน่น ชายหนุ่มนำเตาหลอมขนาดพกพาและค้อนตีเหล็กออกมาถือ
จากนั้นก็ใช้ ‘เทคนิค’ ของช่างตีเหล็กในตำนานเพื่อเร่งอุณหภูมิเตาหลอมให้สูงถึงระดับเหมาะสม ตามด้วยการนั่งก้มหน้าซ่อมแซมบรรดาไอเท็มชำรุดอย่างรวดเร็ว
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
“…?”
ฮันกยอลพลันฉงน
ขณะกำลังต่อสู้ซึ่งต้องแลกชีวิต มันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่า ทำไมอีกฝ่ายถึงกล้านั่งยองลงกับพื้นและทุบค้อนส่งเสียงโครมคราม
ทันใดนั้น
“บัดซบ!!!”
เมื่อเห็นอาวุธและเครื่องป้องกันของอีกฝ่ายซึ่งเคยชำรุดและใช้การไม่ได้ เริ่มกลับคืนสภาพเดิมด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ฮันกยอลพลันแหกปากคำรามพลางรีบปรี่เข้าหา
แต่ก็ถูกหัตถ์เทวะขัดขวางไว้
หัตถ์ข้างหนึ่งเปลี่ยนจากการถือดาบผุกร่อนเป็นมโยลเนียร์ มันลอบโจมตีใส่จุดอับสายตาของฮันกยอลอย่างแม่นยำ
ทว่า ถึงจะมีบรรยากาศคุกคามสักเพียงใด แต่ฮันกยอลก็หาได้แยแส
ปัจจุบัน มันสามารถหลบหลีกหัตถ์เทวะได้ไม่ยากเย็นนัก เนื่องจากคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายมาสักพักแล้ว
“เลิกดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชน์สักที!!”
หลังจากฝ่าด่านหัตถ์เทวะและเข้าใกล้กริดสำเร็จ ฮันกยอลตวัดข้อมือเหวี่ยงกระบี่อ่อนใส่
มันมิได้ใช้งานอาวุธในมือเยี่ยงกระบี่ทั่วไป แต่เป็นการแสดงเทคนิคใหม่คล้ายแส้ ซึ่งคิดค้นขึ้นเองจากประสบการณ์ขณะต่อสู้กับกริดเมื่อครู่
พรืดดด!
การสะบัดแส้เป็นมีลักษณะคล้ายแส้หนังทั่วไป อานุภาพเปี่ยมด้วยความรุนแรงและความเร็ว เป้าหมายการโจมตีคือจุดหว่างคิ้วกริด
ทันใดนั้น
“เคี๊ยกเคี๊ยก!”
โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์โผล่ขึ้นจากดินเพื่อทักทายฮันกยอลแทนกริดและสลายตัวกลับไปเป็นเถ้าธุลี
“เฮ่อะ! ลูกไม้เยอะนักนะ!!”
ฮันกยอลดึงดาบกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ในคราวนี้ ปลายกระบี่ได้แยกออกเป็นประกายคมแสงหลายร้อยเส้นและพุ่งเข้าหากริดอย่างพร้อมเพรียง
“ไสหัวไปซะ!”
โนเอะกระโจนสองขาใส่ฮันกยอลพร้อมกับกางม่านสายฟ้าเพื่อสลายการโจมตีประเภทระยะไกลทุกชนิด
ถัดมา เจ้าแมวอ้วนขาสั้นป้อมพยายามใช้ ‘กลืนวิญญาณ’ เพื่อขโมยแต้มสถานะให้เจ้านาย แต่กลับถูกฮันกยอลตวัดกระบี่สังหารใส่จนใบหน้ากลายเป็น (X ㅅ X)
“คึฮ่าฮ่าฮ่า!!”
แม้จะถูกขัดขวางหนแล้วหนเล่า แต่ฮันกยอลก็ยังหัวเราะอย่างมีความสุข
ยิ่งได้ทำลายไพ่ลับของกริด มันก็ยิ่งมั่นใจว่าตนจะได้รับชัยชนะ
ฉึบ!
การโจมตีถัดไปเริ่มต้นขึ้น
แตกต่างจากทุกครั้ง คราวนี้เป็นการโจมตีพื้นฐานอย่างซื่อตรง ปราศจากเทคนิคใดให้วุ่นวายซับซ้อน
มันต้องการผ่าร่างกริดออกเป็นของซีก
แต่ก็ไม่สำเร็จ
“วังวน”
แรนดี้ปรากฏกายในสภาพจำแลงเป็นกริด
“คึ่ก!”
ฮันกยอลถูกดาบของตัวเองเล่นงาน
“เจ้ามนุษย์…! บังอาจนักนะ!!”
คิดจะทำให้ข้าคนนี้อับอายไปอีกกี่ครั้งกี่หน?
ฮันกยอลเริ่มเดือดดาล หลังจากจัดการโนเอะเรียบร้อย มันลงมือเชือดแรนดี้ต่อทันที
เมื่อฝ่าด่านทั้งหมด คมกระบี่ของมันกำลังพุ่งใส่ลำคอกริด ผู้เอาแต่ก้มหน้าเพ่งสมาธิอยู่กับการตีเหล็กโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
ฉึก!
[ท่านได้รับความเสียหายรุนแรง!]
“คึ่ก…!”
แต่กริดยังไม่ตาย และมือยังไม่หยุดทุบค้อน
ปัจจุบัน บัฟความอดทนของช่างตีเหล็กช่วยเสริมพลังป้องกัน แถมยังมีสมญานามกษัตริย์คนแรกและเข็มขัดทีราเม็ทช่วยกันฟื้นฟูพลังชีวิต
“ตายยากตายเย็นนักนะ!!”
ฮันกยอลเหวี่ยงดาบซ้ำสอง
ผลลัพธ์ก็คือ
เคร้ง—!
กริดยกค้อนตีเหล็กขึ้นมารับไว้
ชายหนุ่มซ่อมดาบอัสนีฯ เสร็จทันเวลาพอดิบพอดี จึงเงยหน้าขึ้นและเปล่งเสียงซักถามยังบันฮันกยอลด้วยสายตาเย็นชา
“ทำไมแกถึงชอบดูถูกมนุษย์”
“…!”
ไม่ว่าจะมองมุมใด สภาพของกริดก็ไม่ต่างจากคนปางตายเลยสักนิด
ทว่า กลับเป็นฝ่ายฮันกยอลเสียเอง ผู้กำลังเกิดความสั่นกลัวจากก้นบึ้ง
นี่คืออิทธิพลของทักษะ ‘เสมือนเทพ’
[ท่านกำลังสำแดงอำนาจของช่างตีเหล็กผู้ถูกยกย่องเยี่ยงเทพ! ระยะหน่วงและการร่ายทักษะเกี่ยวกับช่างตีเหล็กทั้งหมดจะถูกยกเลิก มีผลกับทักษะละ 2 ครั้ง]
‘อะไรกัน… เป็นไปไม่ได้!’
ใบหน้าของเหล่าห้าอาวุโสพลันปรากฏซ้อนทับฉากตรงหน้าฮันกยอล เหล่าห้าอาวุโสซึ่งตัวมันทำได้เพียงก้มศีรษะหมอบกราบ
ทวยเทพ
ความสง่างามของทวยเทพ
ฮันกยอลเริ่มสัมผัสถึงเศษเสี้ยวออร่าเทพจากกริดได้อย่างเจือจาง
ไม่ยอมรับเด็ดขาด!!
“มนุษย์เป็นพวกอ่อนแอ… การดูถูกคนอ่อนแอแล้วมันผิดตรงไหน!?”
ฮันกยอลตอบเสียงสั่น แม้มันจะพยายามทำตัวเยือกเย็นแล้วก็ตาม
มันกำลังปฏิเสธความจริง
มันไม่อยากยอมรับบุคคลตรงหน้า ผู้ใช้วิชารำดาบสุดกระจอก และยังเป็นเพียงมนุษย์สามัญชนต่ำต้อยด้อยค่า
กริดจ้องมองกลับด้วยดวงตาเย็นชา
“แล้วแกไม่ใช่มนุษย์หรือไง”
“สามหาว!!”
วลี ‘มนุษย์’ ได้หักหาญน้ำใจและศักดิ์ศรีของฮันกยอลอย่างรุนแรง
มันพลันเอาชนะความกลัวด้วยโทสะ จากนั้นก็ปรี่เข้าหากริดด้วยจิตสังหารท่วมท้นท้องฟ้า
ปราณกระบี่พลันกระจายตัวออกเป็นคลื่น ลักษณะคล้ายแพนหางของนกยูง ก่อนจะรวมตัวกลายเป็นเส้นเดียวและพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจกริด
ฉึก.
การต่อสู้อันยาวนานและเต็มไปด้วยความอับอาย ตอนนี้คงถึงคราวจบลงได้เสียที
…ไม่ มันยังไม่จบ
ตึกตัก! ตึกตัก!
“…!”
หัวใจกริดซึ่งควรถูกทำลายไปแล้ว กลับส่งเสียงดังโครมครามจนฮันกยอลเกิดความหวาดผวาและต้องรีบถอยกลับมาตั้งหลัก
กึก.
กริดย่างกรายตามติด
กริด ผู้เข้าสู่ภาวะไร้ตัวตนจากการเพ่งสมาธิตีเหล็กอย่างจดจ่อ เริ่มมองเห็นทุกสิ่งช้าลงและตระหนักว่า การต่อสู้แลกชีวิตอย่างเอาเป็นเอาตายในคราวนี้ ตนมิได้ประสบความเหน็ดเหนื่อยอยู่ฝ่ายเดียว
บาดแผลฉกรรจ์ตามลำตัวฮันกยอลหยุดสมานมาสักพักแล้ว
“ผสานไอเท็ม. เปลี่ยนรูปไอเท็ม.”
ดาบอัสนีฯ ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับดาบใหญ่กริดเพื่อรีดเร้นเค้นความรุนแรงทักษะ
ละโมบลอยออกจากช่องสัมภาระพร้อมกับคัดลอก <ดาบอัสนีฯ + ดาบใหญ่กริด> ขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งเล่ม เพื่อให้ชายหนุ่มได้ถือสุดยอดศาสตราแบบเดียวกันในมือสองข้าง
“เขตแดนพายุสายฟ้าอสูร”
เปรี้ยงงงง!
หมอกหนาทึบจากพลังเต่าดำเริ่มเสื่อมฤทธิ์ลงเนื่องจากถูกพายุพัดพากระจัดกระจาย
ขณะสายฟ้ากำลังฟาดผ่าและช่วยมอบแสงสว่างท่ามกลางบรรยากาศมืดสลัว เงาดำของกริดพุ่งผ่านลำตัวฮันกยอลด้วยความเร็วสูงลิบ
ศีรษะฮันกยอลกระเด็นหลุดจากบ่าในพริบตา
ฉากตรงหน้าจะถูกบันทึกลงในตำนานของซาทิสฟายไปตลอดกาล
“อะ… อะ…!”
โทซุน ผู้ไม่เคยจินตนาการถึงภาพเช่นนี้มาก่อน เอาแต่ส่งเสียงซ้ำเดิมอย่างตะกุกตะกัก ทางด้านกระต่ายตัวอื่นต่างพากันยกหูตั้งชันด้วยอากัปกิริยาสั่นเทา
[ใครบางคนได้สังหารครึ่งเทพ]
ข้อความโลกแสนสั้น แต่แฝงพลังและความหมายไว้อย่างมหาศาล
สุดยอดดด ตบครึ่งเทพได้แล้ววว
ReplyDeleteส่งท้ายปีเก่า
ReplyDeleteขอให้ ทุกข์โศกโรคภัยทิ้งไว้ในปีเก่า
ขอบคุณมากครับ😊🙏
ขอบคุนค้าบบบ
Delete