จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,149
“เป้าหมายของงานแข่งนานาชาติในปีนี้หรือครับ? ง่ายมาก! สามเหรียญทองไงครับ ฮะฮะ! หือ? เป็นไม่ได้ครับ ผมยังห่างกับกริดอยู่มาก พวกเราทุกคนต่างเลี่ยงลงรายการเดียวกับกริด”
“หืม? เป้าหมายของผมหรือ? เอาชนะกริดและกลายเป็นท้องฟ้าคนใหม่ยังไงล่ะ! แต่ยังไม่ใช่ในปีนี้แน่นอน บางทีอาจเป็นปีหน้า หรือปีถัดไป หรือปีถัดๆ ไปอีก”
คำสัมภาษณ์ของผู้เข้าแข่งขันซาทิสฟายนานาชาติในปีนี้แทบจะเป็นไปในลักษณะเดียวกันทั้งหมด
ในเมื่อกริดตกเป็นเป้าความสนใจจากคนทั่วโลก คำถามหลายข้อจึงเกี่ยวกับกริด และผู้ตอบก็ชื่นชอบจะกล่าวถึงกริด
ยิ่งเป็นผู้เล่นตัวเก๋าเพียงใด ก็ยิ่งมีเป้าหมายในการโค่นล้มกริดมากเท่านั้น แต่ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า ตนยังไม่สามารถล้มกริดได้ในปีนี้แน่นอน ท่าทีของพวกเขาไม่ใช่การถ่อมตน แต่เป็นความจริงจากก้นบึ้ง
ในทางกลับกัน ผู้เล่นหน้าใหม่ล้วนเปี่ยมด้วยพลังงานและความกระตือรือร้น
ส่วนใหญ่ยังเด็กและเพิ่งจะก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับไฮแรงเกอร์ได้ไม่นาน
“ยุคสมัยครอเกล ซึ่งถูกกล่าวขานว่าอยู่คนละมิติกับผู้เล่นทุกคนบนโลก กลับจบลงภายในเวลาสามปีเท่านั้น และนับตั้งแต่กริดกลายเป็นท้องฟ้าคนใหม่ ถึงตอนนี้ก็ครบสามปีพอดี ผมจะโค่นล้มกริดและกลายเป็นท้องฟ้าผืนใหม่เอง!”
“ผมชื่นชอบกริดมาก และเริ่มเล่นซาทิสฟายก็เพราะเขา จนถึงตอนนี้ก็สามปีแล้ว ผมภูมิใจมากเมื่อทราบว่าตัวเองจะได้ลงแข่งซาทิสฟายนานาชาติ ใช่ครับ ถึงกับนอนไม่หลับไปหลายคืน เป้าหมายหรือ? คงเป็นการเข้าร่วมการแข่ง PVP กับกริด สร้างความประทับใจให้เขา และกลับมาโค่นเขาในปีหน้า”
ไฮแรงเกอร์หน้าใหม่และอ่อนประสบการณ์ส่วนมากมักปราศจากความเกรงกลัว
ตรงข้ามกับความประหม่า พวกมันทุกคนล้วนเชื่อมั่นในพรสวรรค์ ขณะเดียวกันก็ต้องการความท้าทายแปลกใหม่
แม้หลายคนจะทราบว่าตนยังห่างไกลจากกริดพอสมควร แต่หากประเมินจากพรสวรรค์อันโดดเด่น การจะให้สัมภาษณ์ในลักษณะสั่นกลัวก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้องนัก
แน่นอน ไม่มีใครหัวเราะเยาะพวกมัน
ถึงตอนนี้จะยังห่างกันมาก แต่ก็ไม่มีใครทราบอนาคต บางที อาจมีเด็กพรสวรรค์สักคนสองคนสามารถก้าวข้ามกริดได้สำเร็จ แบบเดียวกับกรณีของครอเกลในอดีต
“เป้าหมายของผมคือการกอบกู้ชื่อเสียงของประเทศฝรั่งเศส…”
การสัมภาษณ์ยังมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้คนจากแต่ละประเทศต่างให้กำลังใจนักกีฬาของตัวเอง หลายฝ่ายกำลังคาดหวังการแข่งซาทิสฟายนานาชาติอันแสนสนุกตื่นเต้น
สำหรับซาทิสฟายนานาชาติประจำปีนี้ ซึ่งจะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าปีก่อน ผู้ชมจึงพากันเฝ้ารอว่าจะมีไฮไลต์ใดน่าสนใจบ้าง จะมีเหตุการณ์ดราม่าเกิดขึ้นอีกไหม ใครจะได้แสดงฝีมืออย่างเฉิดฉายเหมือนกับพระเอกในการ์ตูน จะมีพรสวรรค์รุ่นใหม่โค่นล้มแรงเกอร์ตัวเก๋าได้กี่คน และเด็กเหล่านั้นจะถูกลาสต์บอสอย่างกริดย่ำยีจนเสียผู้เสียคนแค่ไหน
= เฮ่ย!
= สุดยอด!
ขณะผู้ชมทั่วโลกกำลังดื่มด่ำไปกับวิดีโอเปิดตัวงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติปีล่าสุด เสียงอุทานอย่างตกตะลึงพลันดังขึ้นจากทั่วทุกมุมโลกพร้อมเพรียง
สาเหตุมาจากการปรากฏตัวในวิดีโออย่างไม่มีใครคาดคิดของเทพสงคราม ‘อาเรส’ ผู้เล่นซึ่งก่อตั้งอาณาจักรถัดจากกริด
“ถึงฝีมือของผมจะเป็นได้แค่ตัวประกอบเมื่อเทียบกับกริด แต่ขอสัญญากับทุกคนว่า สักวันผมจะเกิดใหม่ในระดับเดียวกับกริดให้ได้! วะฮ่าฮ่าฮ่า! แต่อย่าได้ประมาทกันเชียว ในปัจจุบัน ยังไม่มีกองทัพผู้เล่นฝ่ายใดสามารถต่อกรกับโอเวอร์เกียร์ได้สูสีเท่าวัลฮัลล่าอีกแล้ว!”
สก็อต, ลัค, เฮริล, สตีม่า และอีกหลายคน
เมื่อกล้องจับภาพเหล่าขุนพลใหญ่ของกองทัพอาณาจักรวัลฮัลล่า ผู้ชมช่องแชตเริ่มพรั่งพรูความตื่นเต้นออกมาทันที
ต่างฝ่ายต่างพากันคาดหวังว่า งานแข่งในปีล่าสุดจะไม่ใช่การกอบโกยผลประโยชน์ของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เหมือนปีก่อนๆ อีกแล้ว
ท่ามกลางความฮือฮา
“จะทำแบบนั้นได้ ต้องผ่านผมไปก่อน”
ภาพฉายกองทัพอาเรสดับลงพร้อมกับเสียงคำพูดของใครบางคน
ฉากใหม่ปรากฏขึ้นแทนของเก่า
ในช่วงแรก กล้องซูมจับภาพนกเหยี่ยวกำลังบินร่อนบนท้องฟ้า ก่อนจะซูมลึกเข้าไปบนยอดภูเขาปริศนาแสนห่างไกล
มังกรสีเหลืองทองกำลังลอยผงาดด้วยท่าทางน่าเกรงขาม
= โห…!
= เท่ฉิบหาย!
ทุกคนพลันตื่นเต้น
บุรุษผมดำผู้กำลังยืนบนหินก้อนใหญ่ จ้องมองลงมาด้วยสายตาเหยียดหยันทุกสรรพสิ่ง
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอริยดาบครอเกล
“ถ้าใครหวังโค่นกริด ต้องชนะผมให้ได้ก่อน”
ครืนนนน!
หลังจากกล่าวตักเตือนผู้เข้าแข่งขันทุกคน อริยดาบครอเกลหันหลังกลับพร้อมกับภาพของโลกถูกผ่าออกเป็นสองซีก
พร้อมกับการปรากฏตัวของบุคคลอันดับหนึ่ง
ฉากตัดไปยังท้องพระโรงใหม่สุดแสนอลังการของปราสาทโอเวอร์เกียร์ พรมแดงผืนใหญ่ทอดยาวจากประตูไปจนถึงบัลลังก์ขนาดมหึมา
กริดถูกขนาบข้างซ้ายขวาด้วยชาวนาในตำนาน ปิอาโร่ และอัศวินในตำนาน เมอร์เซเดส
ถัดจากทั้งคู่ยังมีแถวของกลุ่มบุคคลมากหน้าหลายตา ทั้งคุ้นหน้าและไม่คุ้นหน้า กำลังยืนเรียงรายด้วยมาดสง่างามตามแนวสองฝั่งพรมแดง แต่ละคนล้วนแผ่กลิ่นอายอันน่าเกรงขามซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าอริยดาบครอเกลเลยสักนิด ผู้ชมทางบ้านต่างพากันกลืนน้ำลายคำโต
กริดในท่านั่งไขว่ห้าง เอียงคอเท้าคาง สายตาจ้องมองกล้องอย่างสุขุม ก่อนจะเชิดคางขึ้นเล็กน้อยพลางขยับปากส่งเสียง
“น่าเบื่อ”
“หือ?”
พิธีกรสาวสวยผู้รับบทบาทสัมภาษณ์กริด พลันแสดงสีหน้าประหลาดใจทันที
กริดไม่แยแส ยังคงกล่าวต่อไป
“การแข่งขันซึ่งปราศจากคู่ต่อสู้สมน้ำสมเนื้อจะไปมีประโยชน์อันใด? สำหรับผม ซาทิสฟายนานาชาติเป็นได้เพียงกิจกรรมเปล่าประโยชน์ ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น”
“…!”
เธอตะลึงจนเกือบลืมว่าต้องทำสิ่งใดต่อ
สิ่งนี้เหล่าไม่มีเขียนไว้ในบทพูด แต่ด้วยไหวพริบอันชาญฉลาด พิธีกรสาวสวยรีบซักถามกริดกลับไป
“คุณจะไม่เข้าแข่งซาทิสฟายนานาชาติในปีนี้หรือคะ?”
หงึก.
กริดพยักหน้ารับ ดวงตายังคงมองตรงมายังกล้อง มุมปากยกโค้งอย่างเหยียดหยัน
“คงต้องรอให้อริยดาบของพวกเราเติบโตกว่านี้อีกสักหน่อย”
***
วิดีโอเปิดตัวซาทิสฟายนานาชาติจบลงด้วยบทสัมภาษณ์ของกริด
= เตือนความจำ) ) ในปีก่อน กริดเคยพูดว่าจะไม่เข้าร่วมซาทิสฟายนานาชาติ!
= ถูกต้อง แล้วหลังจากนั้นก็ปรากฏตัวในฐานะราชาอสูร ตีท้ายทอยพวกเราเข้าอย่างจัง
= อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้! เหรียญทองของซาทิสฟายนานาชาติมีมูลค่ามหาศาลสำหรับไฮแรงเกอร์ทุกคน!
= หืม แต่ถ้าฉันจำไม่ผิด ตำแหน่งราชาอสูรจะเป็นซ้ำไม่ได้ไม่ใช่หรือ?
= จริงด้วย ถ้าอย่างนั้น มีการแข่งประเภทใดคล้ายกับ ‘ตะลุมบอนราชาอสูร’ อีกบ้างไหม?
= บางที กริดอาจไม่เข้าร่วมจริงๆ ก็ได้
= ถ้าฉันเป็นกริด งานแข่งคงน่าเบื่อเกินไป ไม่มีแรงจูงใจให้อยากเข้าร่วมสักเท่าไร
= (-_-) ดาราดังอันดับหนึ่งไม่เข้าร่วมงานแข่ง
= นั่นสินะ หากซาทิสฟายนานาชาติไม่มีกริด แล้วจะยังเป็นซาทิสฟายนานาชาติได้ยังไง?
โต้แย้ง, ยอมรับ, ผิดหวัง
ท่าทีตอบสนองของผู้คนเป็นไปอย่างหลากหลาย
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อ SA กรุปได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า กริดจะไม่เข้าร่วมการแข่งในปีนี้ สถานีข่าวทั่วโลกจึงพากันแตกตื่น
แต่หลายฝ่ายกลับมองในแง่บวก การขาดหายไปของท้องฟ้าถือเป็นผลดี เฉกเช่นงานแข่งซาทิสฟายปีแรกซึ่งไม่มีครอเกล บรรยากาศการแข่งจึงเป็นไปอย่างคู่คี่สูสีและน่าตื่นเต้นมากกว่า
บทสรุปจึงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก…
『พระเอกของงานแข่งปีนี้คือครอเกล!』
ไม่ผิดจากความคาดหมาย
『พระเอกในงานแข่งปีแรกคือกริด จากนั้นในปีถัดมา เขาดวลกับครอเกลในรอบชิงชนะเลิศอย่างสูสีและพ่ายแพ้ด้วยภาพช้า ก่อนจะกลับมาชิงบัลลังก์ท้องฟ้าได้สำเร็จในปีถัดไป หากมองจากแพทเทิร์นดังกล่าว พระเอกในงานแข่งปีนี้ อริยดาบครอเกล จะต้องต่ออย่างสูสีกับท้องฟ้าคนปัจจุบัน กริด ในปีถัดไปแน่นอน』
ความสนใจจากมวลชนทั่วโลกกำลังพุ่งเข้าหาครอเกลหนักหน่วง และสำนักข่าวเจ้าใหญ่ย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสเช่นนี้หลุดลอย
ครอเกลจะต่อสู้กับเหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ได้อย่างสูสีหรือไม่? จะรับมือกองทัพอาเรสจำนวนมากได้ไหม? จะเอาชนะราชาอสูรในปีปัจจุบัน ซึ่งคาดหมายกันว่าจะดาเมี่ยน ด้วยวิธีใด? และจะบดขยี้เด็กใหม่ได้ราบคาบหมดจดแบบกริดหรือไม่? สังคมกำลังตั้งคำถามในเรื่องเหล่านี้
ความนิยมของอริยดาบครอเกลตลอดหลายปีหลังไม่ได้ด้อยไปกว่ากริด ฉะนั้น การขาดหายไปของราชาโอเวอร์เกียร์ จึงไม่ได้ส่งผลต่อคนทั่วโลกมากมายอะไรนัก
***
< (คอลัมน์) ‘น้ำนิ่งมักเน่าเสีย’ กริดกำลังหมดไฟในการพัฒนาตัวเอง!>
< (คอลัมน์) ท้องฟ้าอย่างกริดกำลังเบื่อหน่าย เขาต้องการคู่ต่อสู้หน้าใหม่!>
< (คอลัมน์) ครอเกลจะกลับมาเป็นคู่ต่อสู้ของกริดได้อีกครั้งหรือไม่? >
ทั่วโลกกำลังสืบสาวหาสาเหตุการไม่เข้าร่วมแข่งซาทิสฟายนานาชาติของกริด
หลายฝ่ายต่างสงสัยว่า ทำไมกริดถึงยอมละทิ้งการแข่งสำคัญและมีรางวัลตอบแทนสูง
ความอยากรู้อยากเห็นดังกล่าวทำให้ผู้คนหันมาสนใจในตัวกริดยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงแข่งก็ตาม
นักวิเคราะห์ด้านการตลาดเริ่มประเมินไว้ว่า ด้วยความสนใจระดับนี้ กริดจะได้รับการติดต่อขอเป็นสปอนเซอร์ด้วยข้อเสนอก้อนโตกว่าปีใดทั้งหมด
แน่นอน กริดปฏิเสธข้อเสนอ
และยังบอกเหตุผลด้วยว่า เขาไม่ลงแข่งซาทิสฟายนานาชาติเพราะต้องการเวลาส่วนตัว
> ฉันขอโทษกับคำพูดโอหังในวิดีโอเปิดตัว
> นายก็แค่พูดความจริง ไม่จำเป็นต้องขอโทษ
นับตั้งแต่จบงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติในปีก่อน ครอเกลได้เก็บตัวฝึกฝนกับคิรินัสตลอดสามปีเต็มตามเวลาในเกม
มันได้รับวิชาหอกทรงพลัง แข็งแกร่งกว่าเดิมทั้งในเชิงหอกดาบ ไม่ปิดกั้นตัวเองอยู่ในกรอบของนักดาบทั่วไป และยังมีเทคนิคการใช้งานดาบบินอันน่าทึ่ง เพราะได้รับแนวคิดมาจากเคล็ดวิชาหอกขว้าง
แต่ปัญหาคือ เลเวลตัวละครกลับไม่พุ่งกระฉูดเหมือนสมัยก่อน เรียกได้ว่าค่อนข้างเชื่องช้า แทบไม่เพิ่มไปจากหนึ่งปีก่อนสักเท่าไร
จริงอยู่ อาจได้รับทักษะระดับสูงมากมายเพิ่มเข้ามา รวมถึงเทคนิคซึ่งสามารถมองข้ามส่วนต่างของเลเวล แต่ถึงอย่างนั้น เลเวลก็ยังห่างจากกริดเกินไปอยู่ดี
มันเคยสาบานกับตัวเองไว้ว่า ปีนี้จะช่วยเป็นคู่ต่อสู้ให้กริดอย่างสมน้ำสมเนื้อ แต่ดูเหมือนจะเป็นจริงได้ยากแล้ว
ครอเกลต้องการเวลาอีกสักนิด และกริดก็ทราบเรื่องนี้ดีกว่าใคร
‘ปีหน้า เราทำได้แน่…’
[เลเวลอัพ!]
เหลือเวลาอีกไม่มากก่อนการแข่งซาทิสฟายนานาชาติปี 5 จะเริ่มขึ้น
ครอเกลตัดสินใจออกจากกระท่อมคิรินัสเพื่อเข้าสู่แม็ปเก็บเลเวลซึ่งตนห่างหายไปแสนนาน
หลังจากนี้จะเป็นช่วงเวลา ‘เก็บเลเวลเต็มสูบ’
***
<ผ้าคลุมเฟนเรียร์>
เกรด : อีปิก (เติบโต)
ความคงทน : 285/285 พลังป้องกัน : 190
* ความเสียหายทั้งหมดลดลง 15%
* ค่าต้านทานทุกชนิดเพิ่มขึ้น 10%
* ขณะโจมตี ผ้าคลุมมีโอกาสกลายร่างเป็นค้างคาวจำนวนมากในอัตราต่ำ
- ในร่างค้างคาว พลังป้องกันและออปชันอื่นจะยังแสดงผลตามปรกติ โดยค้างคาวจะพุ่งโจมตีเป้าหมายซึ่งผู้สวมมองว่าเป็นศัตรู เกิดเป็นเอฟเฟคบดบังการมองเห็น พร้อมกับฟื้นฟูพลังชีวิตเทียบเท่าความเสียหายของค้างคาวให้กับผู้สวมผ้าคลุม ค้างคาวแต่ละตัวจะโจมตีด้วยความเสียหายตายแบบตายตัว 500 หน่วย
★ หากผ้าคลุมกลายเป็นเกรดเลเจนดารี ท่านสามารถอัญเชิญแวมไพร์มาร์ควิส เฟนเรียร์ ออกมาช่วยต่อสู้ได้ และในร่างดังกล่าว ท่านสามารถใช้พลังของ <ราชาโลหิต> ปลดปล่อยให้เขาเป็นอิสระ
เงื่อนไขสวมใส่ : ราชาโลหิต
น้ำหนัก : 510
ต้องขอบคุณพรของเทวทูต ไอเท็มดรอปจากเฟนเรียร์จึงมีพร้อมทั้งคุณภาพและปริมาณ
โดยเฉพาะผ้าคลุมเฟนเรียร์อันน่ามหัศจรรย์ ประสิทธิภาพโดยรวมไม่ได้ด้อยไปกว่าผ้าคลุมลันเทียร์เลยสักนิด
ไอเท็มเกรดเลเจนดารีอย่างผ้าคลุมลันเทียร์ มีออปชันช่วยลดทอนความเสียหายจากการโจมตีประเภท แทง ฟัน และขว้าง 20% แต่ผ้าคลุมเฟนเรียร์นั้นลด ‘ทุกสิ่ง’ 15% โดยแม้จะเป็นเพียงเกรดอีปิก
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่เหมือนกับผ้าคลุมลันเทียร์ซึ่งจะเพิ่มค่าต้านทานตามอุณหภูมิบรรยากาศ ด้านผ้าคลุมเฟนเรียร์จะเพิ่มค่าต้านทานโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขให้ซับซ้อน
จริงอยู่ ผ้าคลุมลันเทียร์อาจมีโอกาส 10% ในการปัดป้องการโจมตีกายภาพ แต่ผ้าคลุมเฟนเรียร์นั้นมีค้างคาวจำนวนมาก
การทดสอบเบื้องต้นได้ผลลัพธ์ออกมาว่า ผ้าคลุมเฟนเรียร์จะสร้างค้างคาวทั้งหมด 31 ตัว และในเมื่อทุกตัวสร้างความเสียหาย 500 หน่วยโดยไม่สนใจพลังป้องกัน หมายความว่าผู้สวมจะได้รับพลังชีวิตกลับคืนมา 15,500 หน่วยพร้อมกับสร้างความเสียหายให้อีกฝ่าย
สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ ค้างคาวจะช่วยบดบังการโจมตีของศัตรู
ยิ่งระดับของผ้าคลุมพัฒนาขึ้น จำนวนของค้างคาวย่อมมากขึ้น รวมถึงเพิ่มความเสียหายและประสิทธิภาพในการบดบังสายตา กริดจึงประเมินว่าผ้าคลุมผืนนี้มีศักยภาพสูงกว่าผ้าคลุมลันเทียร์พอสมควร
และอีกหนึ่งสุดยอดไอเท็มซึ่งตีคู่มากับผ้าคลุมเฟนเรียร์ก็คือ ‘ศิลาเวทมนตร์ปริศนา’
<ศิลาเวทมนตร์ปริศนา>
เกรด : เลเจนดารี (เติบโต)
ท่านสามารถเพิ่มระดับไอเท็มเป้าหมายให้เท่ากับระดับศิลาก้อนนี้
* จะทำการดูดกลืนพลังเวทมนตร์หลังจากสังหารสิ่งมีชีวิตประเภทจอมอสูร เหนือมนุษย์ อัครเทวทูต และครึ่งเทพ (ปัจจุบัน0/5)
* ศิลาจะพัฒนาขึ้นอีกหนึ่งระดับหากสะสมพลังเวทมนตร์ครบจำนวน
น้ำหนัก : 1
กริดคิดไม่ตกอยู่หลายวัน
‘ควรใช้กับศิลากับเฟนเรียร์ดีไหม?’
ไม่ได้… ไม่เหมาะ
ผ้าคลุมคือส่วนสำคัญของการต่อสู้ ถือเป็นวัตถุขนาดใหญ่และมีโอกาสถูกโจมตีใส่บ่อยครั้ง ถือเป็นอีกหนึ่งประเภทไอเท็มซึ่งง่ายต่อการเก็บเลเวล
ขณะเดียวกัน การนำศิลาเวทมนตร์ปริศนาไปใช้กับแหวนเอลฟินสโตน หรือสร้อยลาทีน่าก็นับเป็นการฟุ่มเฟือยเกินไป
เช่นเดียวกันกับดาบใหญ่เยติม่าและกำไลข้อมือเครย์ ไอเท็มทั้งสองชิ้นถูกนำไปให้คริสและยูเฟอมิน่าช่วยเก็บค่าประสบการณ์
ตอนนี้จึงเหลือเพียงตัวเลือกเดียว
รองเท้า ‘ลูซอน’
แต่การใช้ศิลาเวทมนตร์ปริศนากับรองเท้าลูซอนทันทีคงไม่ใช่เรื่องฉลาดนัก
หากหินก้อนนี้พัฒนาไปเป็นเกรดมิธ มันจะเปลี่ยนให้ไอเท็มใดก็ได้บนโลกซาทิสฟายกลายเป็นเกรดมิธเหมือนกับตัวเอง ดังนั้น การนำไปใช้กับรองเท้าคุณภาพต่ำ ไม่มีข้อดีอะไรนอกจากออปชันดูดเลือด อย่างรองเท้าลูซอน ฟังดูไม่ใช่เรื่องเข้าท่าสักเท่าไร
‘คงไม่มีทางเลือก เราต้องเลเวลของรองเท้าด้วยการฆ่ามอนสเตอร์’
รองเท้าลูซอนเป็นประเภทหนัง พลังป้องกันจึงต่ำเป็นทุนเดิม ข้อดีเดียวคือออปชันดูดเลือด แต่ก็ดันไปซ้ำกับแหวนเอลฟินสโตนอีก
เป็นสาเหตุให้กริดไม่เคยใช้งานมันมาก่อน
และกริดยังตัดสินใจเก็บรองเท้าลูซอนไว้กับตัวเอง เพราะมองไม่เห็นว่าจะมีใครเหมาะสมและไว้ใจได้ สำหรับช่วยอัปเลเวลรองเท้าคู่นี้
แต่ปัจจุบัน สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว
กริดกลายเป็นราชาโลหิตผู้มีพลังปลดปล่อยแวมไพร์ทายาทให้เป็นอิสระ และพวกมันก็จะกลายเป็นบริวารรับใช้อันซื่อสัตย์
เพื่อจะเพิ่มขุมกำลังรบให้ตัวเอง รองเท้าลูซอนจึงจำเป็นต้องกลายสภาพเป็นเกรดเลเจนดารีโดยด่วน
นั่นคือสาเหตุสำคัญให้กริดตัดสินใจไม่เข้าร่วมงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติ
มันประเมินว่า หากตนต้องบินไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อร่วมงานแข่งหลายวัน ขอเอาเวลาตรงนั้นมาพัฒนาเกรดไอเท็มอัญเชิญแวมไพร์ทายาทดีกว่า
ขณะเดียวกัน มันยังต้องการเพิ่มระดับของศิลาเวทมนตร์ปริศนา
‘แต่เราเป็นศัตรูกับเทวทูตไม่ได้ ส่วนเหนือมนุษย์และครึ่งเทพก็มีแค่สภาของหอแห่งปัญญา กับร่างจุติมารอย่างแกรนมาสเตอร์’
มนุษย์ไม่สามารถบุกรุกขุมนรกได้ตามใจชอบ ยิ่งไปกว่านั้น การนำพาตัวเองลงไปสู้กับจอมอสูรในขุมนรก ก็ไม่ต่างอะไรกับอ้อยวิ่งเข้าปากช้างสักเท่าไร
ในทางทฤษฎี เราทำได้แค่รอให้จอมอสูรปรากฏตัวเท่านั้นหรือ?
ทันใดนั้น กริดพลันนึกถึงใครบางคน
‘ยังบัน?’
สาวกเทพสงคราม ลีจอง เคยเล่าว่ายังบันจากอาณาจักรฮวานล้วนเป็นเทพตกสวรรค์
อย่างไรก็ตาม การัม ยังบันคนเดียวในความทรงจำของกริด กลับไม่ใช่ตัวตนใกล้เคียงเทพ
มีเพียงห้าอาวุโสและกลุ่มซือโหยวเท่านั้น จึงจะเป็นเหล่าทายาทของเทพตัวจริง
พวกมันน่าจะอยู่ในหมวดหมู่ครึ่งเทพ…
‘…การัม’
เมื่อกริดตระหนักได้ว่าการแก้แค้นของตนอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม สายตาพลันจ้องมองไปยังทิศทางของทวีปตะวันออก
ขอบคุณมากๆครับ😊
ReplyDelete