จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,148
“จะให้เพิ่มรายการแข่งตอนนี้เนี่ยนะ?”
เช่นเดียวกันกับปีก่อน ผู้นำอวยการยุงซังมินยังคงรับบทบาทหัวหน้าทีมวางแผนของงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติปี 5
มันบินมายังสหรัฐอเมริกาด้วยตัวเองเพื่อควบคุมการจัดงานและเตรียมความพร้อม แต่ก็ต้องขมวดคิ้วหลังจากได้รับโทรศัพท์เร่งด่วนจากบุคคลสำคัญ
น้ำเสียงสั่นเครือของประธานแยนเซ่นดังตามเข้ามาในสาย
> ม…มิสเตอร์กริดได้เป็นราชาโลหิตแล้ว
“คุณกำลังจะบอกผมว่า อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จัดการเฟนเรียร์ไปแล้วหรือ?”
ทีมวิเคราะห์ของ SA กรุปได้ประเมินไว้ว่า แวมไพร์ทายาทลำดับสองรองจากแมรีโรส เฟนเรียร์ มีระดับความแข็งแกร่งเทียบเท่าจอมอสูรลำดับ 19
ปัจจัยในการคำนวณมาจาก ‘การถูกคาดหวังจากเบริอาเช่’ และ ‘การเป็นประตูบานสุดท้ายก่อนครอบครองสมญานามราชาโลหิต’ , ส่งผลให้พลังของเฟนเรียร์สูงกว่าแวมไพร์ทายาทตนอื่นอย่างชัดเจน
แน่นอน ถึงระดับพลังชีวิตจะต่ำกว่าจอมอสูรค่อนข้างมากเนื่องจากเผ่าพันธุ์แวมไพร์เป็นตัวตนระดับต่ำกว่า แต่เฟนเรียร์มาพร้อมทักษะทรงพลังอย่าง ยิ่งศัตรูแข็งแกร่งเท่าใด คุณลักษณะ ‘ดิ้นรน’ ก็ยิ่งทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเท่านั้น และยังมีคุณลักษณะ ‘ปกครอง’ ซึ่งโดดเด่นในด้านช่วงชิงอาวุธและโต้กลับ อัศวินคนหนึ่งของกริดเคยแสดงให้เห็นแล้วว่า พลังในการชิงอาวุธจากศัตรูมีประโยชน์เพียงใด
จนกว่าบราฮัมจะมีเลเวลถึง 500
ทีมวางแผนของ SA กรุปประเมินว่า กริดและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไม่มีทางล่าเฟนเรียร์ไหว อย่างน้อยก็ต้องในอีกหนึ่งหรือสองปีข้างหน้า
แต่เขากลับกลายเป็นราชาโลหิตแล้ว?
“เป็นไปได้ยังไง?”
> เวทมนตร์ของบราฮัมทำให้เฟนเรียร์อ่อนแอลงในหลายด้าน โดยเฉพาะโฟรเซ่น·เท็มเพสซึ่งถูกใช้ทางอ้อม บราฮัมทำการดัดแปลงเวทมนตร์ฝังลงในดาบและให้กริดใช้งานด้วยมานาของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะดูดเลือดหมู่ของเฟนเรียร์ยังถูกกริดยกเลิก
“ดยุคแห่งปัญญา…”
ปัญญาประดิษฐ์ของซาทิสฟายสามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้
จากบรรดา NPC ทรงปัญญาจำนวนมาก บราฮัมมาพร้อมความรู้และข้อมูลปริมาณมหาศาล จึงพัฒนาตัวเองไปไกลเกินความคาดหมายของทีมบริหาร SA กรุป
> ดังนั้น ถึงกริดจะไม่บังเอิญได้พบบีบันและกินยามังกรเข้าไป ลำพังสมญานามราชาโลหิตก็มากพอจะทำลายสมดุลการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นอย่างราบคาบ ผมเข้าใจว่าการเพิ่มรายการ PVE จะทำให้งานแข่งขาดความน่าตื่นเต้น แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้กริดโค่นทุกคนอย่างง่ายดายและน่าเบื่อไม่ใช่หรือ? เราไม่ควรทำให้ผู้เล่นคนอื่นสูญเสียความมั่นใจเพียงเพราะผู้เล่นหนึ่งคน
“ท่านประธานใหญ่ต้องไม่ยอมแน่”
> ก็คงงั้น ท่านประธานไม่ต้องการให้ความสนุกของซาทิสฟายนานาชาติลดน้อยลง แต่ถ้าคุณพยายามโน้มน้าวเขา บางทีอาจยอมใจอ่อน…
“คุณลืมไปแล้วหรือ”
ผู้อำนวยการยุนซังมินกล่าวขัดจังหวะประธานแยนเซ่น ขณะเดียวกัน ภายในหัวกำลังนึกย้อนไปถึงบรรยากาศงานแข่งเมื่อหนึ่งปีก่อน
“ผู้เล่นจำนวนมากมีแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเองมาจากท้องฟ้า พวกเขามีท้องฟ้าเป็นไอดอล มีท้องฟ้าเป็นเป้าหมาย ดังนั้น ถึงกริดจะแสดงความเหนือชั้นมากมายเพียงใด แต่กลุ่มผู้เล่นก็ไม่มีทางรู้สึกหดหู่แน่”
> อาจจะถูก หรืออาจจะผิด ผู้เล่นส่วนใหญ่จะมีความสุขหลังจากได้พัฒนาตัวละครในซาทิสฟาย แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาพยายามอย่างหนักตลอดหนึ่งปีเต็มโดยไม่หยุดพัก เพื่อต้องมาพบว่า ช่องว่างระหว่างกริดและตนได้ห่างออกไปไกลยิ่งกว่าเดิม แบบนี้จะไม่เสียกำลังใจและอยากเลิกเล่นเอาหรือ?
“…คุณยังจำได้ไหม เมื่อก่อนเคยมีเกมออนไลน์เกมหนึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนกระทั่งซาทิสฟายของเขาเปิดตัว”
> คุณหมายถึง AOS ของบริษัทอเมริกา?
“ถูกต้อง เกมออนไลน์ซึ่งได้รับความนิยมยาวนานกว่าสามสิบปี นับตั้งแต่มีการจัดแข่งระดับโลก เกมเมอร์ชาวเกาหลีใต้ก็ครองบังลังก์อันดับหนึ่งมาตลอด”
> ผมคิดว่าทุกคนคงทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว
“ในช่วงสองสามปีแรก ผู้เล่นฝั่งตะวันตกต่างอิจฉาการผูกขาดของเกาหลีใต้ และนั่นทำให้เกาหลีใต้โด่งดังขึ้นในวงการเกม”
> …
“หลายครั้งหลายหน ชาวยุโรปและอเมริกาเคยแต่ตัดพ้ออย่างติดตลกว่า ‘ทำไมฉันถึงไม่ได้เกิดมาเป็นคนเกาหลีใต้’
> …
“ในการแข่งอีกหลายปีต่อมา ความพยายามของชาติตะวันตกก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ จนกระทั่งพวกเขายอมตัดใจ หันมาเคารพยกย่องในฝีมือของเกมเมอร์ชาวเกาหลีใต้ ใช้เกมเมอร์ชาวเกาหลีใต้เป็นแบบอย่าง ผลักดันตัวเองโดยไม่ได้ท้อแท้และเลิกเล่นไปเสียก่อน ผมเชื่อว่า ท่านประธานใหญ่คงมองกริดในมุมเดียวกัน”
> คุณไม่มองโลกในแง่ดีเกินไปหน่อยหรือ
“ผมมั่นใจ โดยเฉพาะกลุ่มไฮแรงเกอร์ ส่วนมากจะยังเล่นต่อและพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ โดยมีกริดเป็นเป้าหมายสูงสุด และหากวันใดสามารถโค่นล้มกริดได้ ความพึงพอใจและความสุขก็จะถาโถมเข้ามาอย่างเหนือคำบรรยาย”
> …คุณคิดว่ากริดจะถูกโค่นได้จริงหรือ?
“หากเป็นในด้านกองทัพ คงไม่มีฝ่ายใดแข็งแกร่งไปกว่าโอเวอร์เกียร์อีกแล้ว แต่ถ้าเป็นฝีมือส่วนบุคคล ความพ่ายแพ้ของกริดก็ไม่ใช่เรื่องเกินเอื้อมถึงขั้นจินตนาการไม่ออก อาจมีใครสักคนก้าวข้ามกริดได้ในอนาคต ใครจะรู้”
และในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ยุนซังมินกำลังจะได้พบกับหนึ่งในผู้ท้าชิงของกริด
“ถึงเวลาถ่ายทำวิดีโอเปิดตัวแล้ว แค่นี้นะ”
ยุนซังมินวางสายและทิ้งตัวลงบนแคปซูล
…
ภายในซาทิสฟาย อาณาจักรวัลฮัลล่า
“ยินดีต้อนรับ ท่านผู้อำนวยการ”
พนักงานหลายสิบคนซึ่งเชื่อมต่อกับซาทิสฟายรอล่วงหน้า กล่าวคำทักทายกับยุนซังมิน
“วันนี้ก็รบกวนด้วยนะ”
ขณะยุนซังมินกล่าวทักทายกับสมาชิกทีม คนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามาจากระยะไกล
สำหรับปีนี้ แรงเกอร์สังกัดอาณาจักรวัลฮัลล่าก็จะเข้าร่วมงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติด้วยเช่นกัน
พวกมันถูกขนานนามว่า ‘กองทัพอาเรส’
“ต้องขอโทษด้วย กับการเสียมารยาทให้คุณมาเยือนด้วยตัวเองเช่นนี้”
เทพสงคราม อาเรส
ในช่วงหลายปีหลัง อาเรสซุ่มทำตัวเป็นแรงเกอร์นอกบัญชีมาตลอด ก่อตั้งอาณาจักรหลังจากกริดไม่นาน และคอยพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องโดยมีเหล่าขุนพลรายล้อม
ปัจจุบัน คลาสของอาเรสได้พัฒนาจนถึงจุดพลิกผันสำคัญ มันได้ทักษะติดตัวสุดทรงพลังซึ่งมีความสามารถประเภท ‘ยิ่งจำนวนบริวารมาก ค่าสถานะก็ยิ่งมาก’
อาเรสเดินเข้ามาทักทายยุนซังมินและทีม
ยุนซังมินถ่อมตน
“ไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด เป็นเกียรติทางฝ่ายผมมากกว่า กับการได้คุณมาร่วมถ่ายทำวิดีโอเปิดตัวซาทิสฟายนานาชาติ”
เดิมที การถ่ายทำวิดีโอเปิดตัวซาทิสฟายนานาชาติเคยเป็นปัญหาของเหล่านักแข่งมาก่อน เพราะแต่ละคนต้องเดินทางไปยังกองถ่ายทำด้วยตัวเอง ส่งผลให้เสียเวลาเล่นเกมค่อนข้างมาก
ถึงแม้จะถ่ายทำในซาทิสฟาย แต่ก็ต้องประชุมรวมตัวบนโลกจริงเพื่อแจกแจงรายละเอียดสำคัญ ส่งผลให้ใครหลายคนไม่พอใจ
ด้วยเหตุนี้, SA กรุปจึงตัดสินใจดำเนินการถ่ายทำภายในเกม เพื่อให้เกิดผลดีกับทุกฝ่าย
“พวกเราต้องทำอะไรบ้าง? ยืนมองกล้องด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนนักแข่งปีก่อนใช่ไหม?”
ลัคโพล่งถาม
มันค่อนข้างไม่สบอารมณ์ เนื่องจากการผละออกจากแม็ปเก็บเลเวลแม้แต่วินาทีเดียว ก็อาจทำให้อันดับของตนร่วงลงไปได้
ถึงแม้ว่าท่าทางของเหล่านักแข่งในวิดีโอเปิดตัวจะน่าตลกขบขันไปบ้าง แต่ลัคก็ยอมให้ความร่วมมือในการถ่ายทำแต่โดยดี เพราะการได้ปรากฏตัวในวิดีโอเปิดตัวถือเป็นโอกาสสำคัญในชีวิตผู้เล่นซาทิสฟาย เงินทองจะหลั่งไหล สปอนเซอร์จะติดต่อมาหาไม่ขาดสาย
เนื่องจากกองทัพอาเรสเกือบทั้งหมดเพิ่งเคยเข้าร่วมการแข่งซาทิสฟายนานาชาติเป็นปีแรก พวกมันจึงหวังทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองโดดเด่นเป็นพิเศษในวิดีโอ
“สำหรับปีนี้ พวกเราจะถ่ายทำวิดีโอเปิดตัวในรูปแบบการสัมภาษณ์”
“สัมภาษณ์?”
“ถูกต้อง ทางเราต้องการเพิ่มความน่าสนใจของวิดีโอด้วยการให้ผู้เล่นบอกเล่าเป้าหมายของตัวเอง บอกเล่าแนวคิด และเหตุผลว่าทำไมถึงตัดสินใจเข้าร่วมแข่ง”
“ก็ไม่เลว”
ให้ตายสิ… ตรงข้ามกับลัค สก็อตต์เริ่มออกอาการประหม่า
“วิธีนี้จะช่วยให้คนทั่วโลกรู้จักเรามากขึ้น”
“ใช่ พวกเราต้องการให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว”
การมีแฟนคลับถือเป็นเรื่องสำคัญ
กริด ครอเกล และยูร่าได้พิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักษ์มาแล้ว
ในทางกลับกัน ยิ่งแรงเกอร์มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก เกมซาทิสฟายก็ยิ่งได้รับความนิยมอย่างเหนียวแน่นตามไปด้วย
ทั้ง SA กรุปและบรรดาแรงเกอร์จึงมีผลประโยชน์ร่วมกันในสถานการณ์เช่นนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุคคลซึ่งมีอาณาจักรเป็นของตัวเองอย่างกองทัพอาเรส หากได้รับความนิยมมากขึ้น ประชาชนก็จะยิ่งเพิ่มจำนวน ส่งผลให้เศรษฐกิจเจริญก้าวหน้า
“ถ้าอย่างนั้น เริ่มจากอาเรสดีไหม?”
เมื่อผู้อำนวยการยุนซังมินส่งสัญญาณ ทีมงานรีบขยับตัวอย่างคล่องแคล่ว
อุปกรณ์กำเนิดแสงและแผ่นสะท้อนถูกนำมาติดตั้งรอบจุดถ่ายทำ ส่งผลให้มงกุฎและชุดเกราะของอาเรสส่องประกายแวววาวเป็นพิเศษ
ใบหน้าของเทพสงครามถูกตกแต่งอย่างเหมาะสมด้วยช่างแต่งหน้าฝีมือดี
ถัดมาไม่นาน อาเรสปรากฏตัวในกล้องด้วยมาดสง่างามและน่าเกรงขาม
“อาเรส คุณเป็นแรงเกอร์ปกปิดตัวตนมาหลายปี และเป็นกษัตริย์ลำดับสองต่อจากราชาโอเวอร์เกียร์ กริด แต่กลับไม่เคยเข้าร่วมงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติเลยสักครั้ง ทำไมปีนี้ถึงตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งหรือคะ?”
พิธีกรสาวซักถามตามบท
แน่นอน เสียงของพิธีกรจะถูกตัดออกในวิดีโอฉายจริง
สิ่งนี้คือแนวคิดของยุนซังมิน มันต้องการซักถามนักแข่งในหลายแง่มุม หลายประเด็น จากนั้นก็คัดเลือกเฉพาะคำตอบน่าสนใจ
การสัมภาษณ์นักกีฬาคนดังทั่วโลก ซึ่งจะบินลัดฟ้ามาแข่งขันซาทิสฟายนานาชาติภายใต้สภาพแวดล้อมอันงดงามของสหรัฐอเมริกา สิ่งนี้ย่อมเรียกความสนใจจากผู้ชมได้ดี
“เพื่อให้ทุกคนเข้าใจเสียใหม่ ว่าผมไม่ใช่แค่ตัวประกอบ”
เมื่อเริ่มการถ่ายทำ กลิ่นอายคุณลุงใจดีรอบตัวอาเรสพลันเลือนหายในพริบตา
น้ำเสียงใสกังวานและกระจ่างชัดได้สะกดผู้ฟังจนอยู่หมัด ดวงตาไม่สั่นคลอนประหนึ่งไม่มีสิ่งใดในโลกทำอันตรายตนได้
ชายคนนี้ไม่ได้จับสลากขึ้นมาเป็นราชา
อาเรสไต่เต้าจนถึงจุดสูงสุดด้วยพลังและความสามารถส่วนตัว
“ทุกการกระทำหลังจากผมก่อตั้งอาณาจักรวัลฮัลล่า ล้วนถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ถูกนำไปเทียบกับกริด และมักได้รับเสียงต่อว่าในทางเสื่อมเสียอยู่เสมอ ฝ่ายผมล้มเหลว ส่วนกริดประสบความสำเร็จและสามารถจับมือเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิซาฮารัน
“แน่นอน ผมคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ตัวเองยังด้อยกว่ากริดอยู่มาก และอาณาจักรวัลฮัลล่าก็ตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง
“แต่ผมต้องการพิสูจน์ให้โลกเห็นถึงศักยภาพแท้จริงของตัวเอง ถึงแม้ฝีมือในวันนี้จะเป็นได้แค่ตัวประกอบเมื่อเทียบกับกริด แต่ผมขอสัญญา สักวันผมจะเกิดใหม่และอยู่ในระดับเดียวกับกริดให้จงได้”
‘คิดไว้แล้ว’
ยุนซังมินเริ่มมั่นใจในทฤษฎีของตัวเอง
ท่าทีตอบสนองของอาเรสตรงข้ามกับความกังวลของประธานแยนเซ่น
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เพราะหากธรรมชาติของมนุษย์คือการยอมแพ้ต่ออุปสรรค ไม่คิดไต่เต้าขึ้นไปโค่นล้มผู้เหนือกว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์จะดำรงจนถึงปัจจุบันได้อย่างไร?
ไม่มีทาง
มนุษย์พัฒนาตัวเองด้วยการเคารพผู้อื่นและมุ่งมั่นจะแซงหน้า ไม่ใช่เพราะริษยาหรือถอดใจยอมแพ้ต่ออุปสรรค
อาจมีชาวเน็ตบางส่วนกล้าพิมพ์ถ้อยคำขยะบนโลกออนไลน์เพราะคิดว่าคงไม่มีใครทราบตัวจริง แต่คนจำพวกนี้ก็มีจำนวนไม่มาก เป็นเพียงเศษเดนส่วนน้อยของสังคม
‘การแข่งใหม่… ไม่จำเป็นอีกแล้ว’
ผู้อำนวยการยุนซังมินมั่นใจ
ในอีกหลายวันถัดมา
ทั่วโลกกำลังรอชมวิดีโอเปิดตัวงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติด้วยใจจดจ่อ ไม่ว่าจะช่องทางโทรทัศน์หรืออินเทอร์เน็ต
และทุกคนมีอันต้องตะลึง เมื่อพบว่ากริดปรากฏตัวในฉากสุดท้ายของวิดีโอ
มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่าน😊
ReplyDeleteขอบคุณมากๆครับแอด🙏