จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,145
มีหนึ่งเหตุผลสำคัญ ทำให้เบริอาเช่ต้นตระกูลตัดสินใจเลือกเฟนเรียร์เป็นราชาโลหิต
นั่นคือ บุตรชายตนนี้สืบทอดสองคุณลักษณะทรงพลังอย่าง ‘ปกครอง’ และ ‘ดิ้นรน’ ไป
เบริอาเช่มองว่า พลังดิ้นรนจะช่วยให้เผ่าพันธุ์แวมไพร์อยู่รอดสืบต่อไป และพลังปกครองจะช่วยให้คนในตระกูลสามัคคีกลมเกลียว ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีใครเหมาะสมจะร่วมมือกับเธอไปมากกว่าเฟนเรียร์อีกแล้ว
แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม
เนื่องจากพลังปกครองและดิ้นรนมีความขัดแย้งกันในตัว เรื่องไม่คาดฝันจึงถือกำเนิด
ด้วยคุณลักษณะปกครอง เฟนเรียร์จึงมีนิสัยชอบปกครองผู้อื่น มันจึงเกิดความไม่พอใจต่อมารดาของตน เบริอาเช่ ผู้แข็งแกร่งกว่าตนในทุกด้าน และเมื่อเกิดความรู้สึกด้อยกว่า สัญชาตญาณการดิ้นรนจึงรบกวนจิตใจรุนแรง
เฟนเรียร์เชื่อว่า ต่อให้ตนร่วมมือกับมารดาและแก้แค้นทุกฝ่ายสำเร็จ แต่ตัวมันก็ยังจะตกเป็นเบี้ยล่างของเบริอาเช่ไปตลอดชีวิตอยู่ดี
ด้วยเหตุนี้ สัญชาตญาณดิบซึ่งเกิดจากพลังปกครองและดิ้นรน จึงแสดงผลไม่ตรงตามความประสงค์ของเบริอาเช่สักเท่าใด
และนี่คือต้นตอของทุกสิ่ง
เฟนเรียร์ไม่แยแสความแค้นของเบริอาเช่ เอาแต่แอบต่อต้านอย่างลับๆ โดยการนอนในโลงศพตลอดเวลา ไม่ลุกขึ้นมาทำสิ่งใดเลย
การกระทำดังกล่าวได้ส่งผลให้เฟนเรียร์ไม่พัฒนาตัวเองตลอดหลายร้อยปี กลายเป็นคนพึงพอใจในพรสวรรค์เดิมอยู่เช่นนั้น
ใช่แล้ว นี่คือปัญหาเมื่อ ‘คุณลักษณะ’ ถูกแจกจ่ายไปให้ทายาทอย่างไม่สมดุล
ถือเป็นขีดจำกัดใหญ่หลวงสำหรับเบริอาเช่
เหล่าแวมไพร์ทายาทล้วนโอหังเพราะคิดว่าตนเป็นผู้สูงส่ง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย พวกมันก็แค่ผู้บกพร่อง อารมณ์แปรปรวนเนื่องจากถูกมารดาแบ่งความสมดุลออกมาเป็นหลายส่วน
แต่มีอยู่สองแวมไพร์
แวมไพร์ผู้สมดุลในพลังมีสองตน คนแรกคือแมรีโรส ซึ่งเบริอาเช่ให้กำเนิดโดยใช้ดวงวิญญาณของตัวเองเป็นเดิมพัน ทำให้แมรีโรสมีคุณลักษณะของเบริอาเช่ครบถ้วน
และอีกหนึ่งคือ บราฮัม แวมไพร์ผู้เอาชนะขีดจำกัดและคำสาปด้วยตัวเอง หลุดพ้นจากการเป็นแวมไพร์ พร้อมกับสูญเสียชีวิตอันเป็นนิรันดร แต่แลกมาด้วยการมีอารมณ์สมดุลและหลุดพ้นจากคำสาปเกียจคร้าน
‘…ราชาโลหิต!’
ฟ้าว!
ทุกครั้งเมื่อบุรุษผมดำทำการเหวี่ยงดาบในมือ จะคล้ายกับมีสายลมล่องหนพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของตนเสมอ
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามัวเจ็บปวดกับแผลแขนขาด
ดวงตาเฟนเรียร์กรอกซ้ายขวาตลอดเวลา เพื่อไม่ให้พลาดการเคลื่อนไหวของชายผมดำแม้แต่เสี้ยววินาที
วืด—
หลังจากหลบหลีกการโจมตีของกริดได้อย่างจวนเจียน เฟนเรียร์ทดสอบใช้พลังปกครองควบคุมร่างกายอีกครั้งอย่างเคลือบแคลง
เสียงเหมือนกับสายน้ำถูกกลืนหายเข้าไปในหลุมลึกใต้ดิน…
ในวินาทีนี้ เฟนเรียร์มั่นใจ
‘ราชาโลหิต!’
ตลอดชีวิตของมัน นอกจากเบริอาเช่และแมรีโรส ไม่เคยมีใครรอดพ้นจากอำนาจปกครองของเฟนเรียร์ได้อย่างหมดจดมาก่อน
เหตุผลเพราะว่า พวกเธอทั้งสองมีระดับตัวตนสูงกว่าเฟนเรียร์
หรือก็คือ มนุษย์ผมดำคนนี้มีระดับตัวตนสูงส่งกว่ามัน ถึงจะไม่อยากยอมรับก็ตาม
และคำอธิบายเดียวคือ… ราชาโลหิต
เพราะในอดีต มันเคยเผชิญกับหน้าตำนานและเหนือมนุษย์บางคนมาบ้าง ก็ไม่มีใครรอดพ้นจากอำนาจปกครองได้อย่างสมบูรณ์เหมือนกับชายตรงหน้า
‘เป็นไปได้ยังไง…’
คลื่นความสับสนกำลังถาโถมสมองเฟนเรียร์ไม่หยุดหย่อน
เดิมที ราชาโลหิตต้องเกิดจากผู้ชนะของการแข่งขันทางสายเลือดเท่านั้น
นอกจากแมรีโรสซึ่งเป็นคนพิเศษ แวมไพร์ทายาททุกตนต้องห้ำหั่นกันเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งสถานะราชาโลหิตเต็มตัว โดยก่อนจะถึงตอนนั้น ทุกคนมีฐานะเท่าเทียมกันคือ ‘ผู้ท้าชิงตำแหน่งราชาโลหิต’
และเฟนเรียร์ยังไม่เคยพ่ายแพ้
ในทางทฤษฎี มนุษย์เพศชายตรงหน้าควรอยู่ในสถานะเดียวกับตน คือเป็นหนึ่งในหลายๆ ผู้ท้าชิงตำแหน่งราชาโลหิต ระดับตัวตนของอีกฝ่ายจึงไม่ควรจะสูงกว่าตนได้
แต่แล้วทำไม…
“ร่ายรำ”
“…!!”
เนื่องจากเฟนเรียร์มัวครุ่นคิด จึงคลาดสายตาจากการเคลื่อนไหวของกริดชั่วขณะ
ชายหนุ่มเปลี่ยนจากหนึ่งคลื่นดาบหนักแน่นอันทรงพลังราวกับจะผ่าขุนเขา เป็นคลื่นดาบจำนวนมากแฝงอำนาจคุกคามประหนึ่งหวังผ่าทะเลออกเป็นสองซีก ทุกเส้นเรียงร้อยต่อกันจนแทบไม่มีช่องว่างให้หลบพ้น
ฟุ่บ!
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บ—!!
“แค่ก!”
ร่างกายอันงดงามราวกับงานศิลป์ของเฟนเรียร์ บัดนี้กลายเป็นเพียงเศษผ้าขี้ริ้ว
ท่ามกลางร่างกายอันเต็มไปด้วยบาดแผล มีแผลหนึ่งฉกรรจ์เป็นพิเศษและสาดพ่นหมอกโลหิตออกมาตลอดเวลา
เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!
เพลิงนิรันดร์ของบราฮัมยังคงมอดไหม้
เปลวไฟเริ่มลุกลามเข้าไปในบาดแผล
‘สุดยอด…’
หลังจากเพ่งสมาธิอยู่กับการต่อสู้มาสักระยะ เมื่อกริดได้สติและเริ่มสำรวจข้อความ มันแสดงสีหน้าตกตะลึงไม่น้อย
แม้เฟนเรียร์จะถูกโจมตีด้วยดาบพินาศทัพหนึ่งแสนสองครั้งติด รวมถึงวิชาดาบ 1 ชนิดเข้าไปอีกสามทักษะ แต่หลอดพลังชีวิตของแวมไพร์มาร์ควิสกลับลงไปแค่ 1 ส่วน 10 เท่านั้น
สมกับเป็นสุดยอด NPC พิเศษซึ่งถูกสร้างให้เป็นราชาโลหิต ค่าพลังป้องกันและพลังชีวิตสูงสุดล้วนอยู่ในระดับน่าทึ่ง
อย่างไรก็ตาม เวทเพลิงนิรันดร์ของบราฮัมช่วยแผดเผาและลดทอนพลังชีวิตอีกฝ่ายเป็นระยะ สิ่งนี้นับเป็นเรื่องดีต่อฝ่ายตน
ตามชื่อของเวทมนตร์ เพลิงนิรันดร์คือเพลิงไม่มีวันมอด นอกเสียจากเป้าหมายจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปก่อน
ถ้ามีเวทมนตร์แบบนี้ นายสามารถล่ามังกรได้แล้วไม่ใช่หรือ?
“…!”
ขณะกริดกำลังชื่นชม มันสัมผัสได้ถึงอันตรายฉับพลัน จึงรีบยกดาบขึ้นมาป้องกันโดยจับสลับหัวท้าย
เพียงหนึ่งอึดใจ กำปั้นเฟนเรียร์พุ่งปะทะคมดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมฯ จนเกิดเสียงดังกังวาน
เคร้งงงง—!
[ท่านได้รับความเสียดาย 11,530]
นี่คือตัวเลขความเสียหาย ซึ่งเกิดจากการป้องกันสำเร็จ?
จริงอยู่ หากการโจมตีของศัตรูทรงพลังมากเกินไป การป้องกันด้วยอาวุธประเภทอื่นนอกจากโล่ จะไม่สามารถดูดซับความเสียหายได้ทั้งหมด
แต่นี่ไม่มากไปหน่อยหรือ?
ขณะร่างกายกริดเสียสมดุลเพราะแรงกระแทกส่วนเกิน เฟนเรียร์ฉวยโอกาสหมุนตัวด้วยความเร็วสูงพร้อมกับเหวี่ยงกำปั้นซ้ายเข้าใส่
สิ่งนี้ไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้แต่อย่างใด
เสือโคร่งล่ากวางด้วยสัญชาตญาณสัตว์ป่าฉันใด เฟนเรียร์ก็ล่ามนุษย์ด้วยสัญชาตญาณแวมไพร์ฉันนั้น มันมั่นใจในพละกำลังอันเหนือกว่าหลายขุม
เปรี้ยงงงง!!
กำปั้นซ้ายของมันปะทะใส่ต้นขากริด ไม่ใช่จุดตายอย่างควรจะเป็น
สิ่งนี้คือสัญชาตญาณสำหรับล่ามนุษย์ แวมไพร์มักทำลายขาทิ้งก่อน เพื่อให้เหยื่อเดินหนีไม่ได้ จากนั้นค่อยขย้ำคอดูดเลือดจนหนำใจ
แต่น่าเสียดาย ท่อนขาของมนุษย์ตรงหน้ากลับไม่กระเด็นลอยไปตามใจคิด
การโจมตีสุดทรงพลังของเฟนเรียร์ มีอำนาจถึงขั้นป่นเหล็กกล้าให้แหลกละเอียดได้เหมือนกับเต้าหู้ อย่าว่าแต่ขามนุษย์เลย
แน่นอน ฝ่ายประหลาดใจคือเฟนเรียร์
‘เป็นราชาโลหิตไม่ผิดแน่…! นอกจากจะมีระดับตัวตนสูงกว่าเรา สมรรถภาพร่างกายยังยอดเยี่ยมกว่าเราด้วย…’
แต่ไม่เข้าใจเลยสักนิด ในเมื่อเรายังไม่พ่ายแพ้ แล้วราชาโลหิตถือกำเนิดขึ้นได้อย่างไร
สมองเฟนเรียร์เต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่มันเลือกข่มความอยากรู้ และถอยหลังกลับไปตั้งหลักอย่างไม่บุ่มบ่าม
ในทางกลับกัน สีหน้ากริดกำลังดำมืดประหนึ่งแก่ขึ้นสิบปีกะทันหัน
[<รองเท้ามังกรครามโอหังสยบฟ้าดิน> ช่วยดูดซับความเสียหายทั้งหมด!]
หากไม่ใช่การโจมตีจากกลุ่มสิ่งมีชีวิตประเภทเทพ ครึ่งเทพ หรือมังกร รองเท้ามังกรครามมีโอกาสต่ำมากในการดูดซับความเสียหายจากการโจมตีส่วนล่าง
ถึงโอกาสจะต่ำติดดิน แต่ออปชันสุดโกงกลับแสดงผลในเวลาเหมาะเจาะจนน่าเหลือเชื่อ
กริดไม่อยากจะคิดว่า ถ้าตนโดนหมัดดังกล่าวเข้าไปเต็มเหนี่ยว ด้วยร่างมืดซึ่งมีค่าพลังชีวิตสูงสุดต่ำกว่าปรกติครึ่งหนึ่ง ประกันชีวิตอมตะอาจแสดงผลได้เลยทีเดียว
กริดพุ่งตัวไล่จี้เฟนเรียร์ทันที แต่แวมไพร์มาร์ควิสนังไม่กล้าโจมตีผลีผลาม มันยังคงอยู่ในอาการตกตะลึง
“ทำฟาร์มอิสระ! มันหวานกระหน่ำตี!”
ก่อนหน้านี้ ปิอาโร่ฉวยโอกาสหว่านเมล็ดทำฟาร์มขณะกริดกำลังถ่วงเวลา ปัจจุบันจึงพร้อมลงมือโจมตีเต็มพิกัด
เฟนเรียร์สัมผัสถึงภัยคุกคามจากชาวนาในตำนานได้ทันที ปิอาโร่กำลังขี่รากไม้พลางควงต้นมันหวานในมือ พร้อมกันนั้น มันหวานยักษ์หลายสิบลูก รวมถึงเศษดินหินอีกหลายร้อย กำลังตกลงมาจากฟากฟ้าโดยมีแวมไพร์มาร์ควิสเป็นเป้าหมาย
ถึงเฟนเรียร์จะหลบการโจมตีส่วนใหญ่พ้น แต่ก็มิอาจรอดพ้นจากคมดาบกริดซึ่งโจมตีเข้าใส่ในระยะประชิด
ฉัวะ!
ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!
มันหวานร่วงหล่นกระแทกแผ่นหลังเฟนเรียร์อย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงเท่านั้น ร่างกายของมันยังคงถูกเพลิงสีดำลุกไหม้โดยไม่มีทีท่าว่าจะดับมอด
การกวัดแกว่งดาบของกริดยังทำให้บาดแผลตามลำตัวเฟนเรียร์ลึกลงทุกขณะ
ขณะราชาโอเวอร์เกียร์เต็มประเคนวิชาดาบผสาน 4 ชนิดให้สาแก่ใจ เสียงของอัศวินสาวสวย เมอร์เซเดส ดังแว่วข้างใบหู
“ฝ่าบาท ระวัง!”
“…?”
ชายหนุ่มชะงักร่างกายกะทันหัน พร้อมกับยกเลิกท่ารำดาบและเสียหลักล้มทรุดคุกเข่าหนึ่งข้างอย่างควบคุมร่างกายไม่ได้ เฟนเรียร์เห็นดังนั้นจึงไม่พลาดโอกาสทอง เล็งซัดหมัดใส่ลำคอของกริดแม่นยำ
กำปั้นของแวมไพร์มาร์ควิสแฝงด้วยอำนาจคุกคามเต็มเปี่ยม และกริดในสภาพทีเผลอย่อมปราศจากท่วงท่าป้องกัน
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มมิได้คิดว่าตัวเองจะต้องตายหรืออะไรทำนองนั้น
ฉึก!
เมอร์เซเดสสยายปีกสีเงินและบินโฉบข้ามหัวเฟนเรียร์ พร้อมกับใช้ดาบเสือขาวในมือแทงปักแผ่นหลังเต็มแรง แวมไพร์มาร์ควิสถูกแรงปะทะจากด้านหลัง จนร่างกายล้มเซไปข้างหน้าและทรุดลงเช่นเดียวกันกับกริด
กริดและเฟนเรียร์กำลังคุกเข่าเผชิญหน้าในสภาพไม่สู้ดีนัก ร่างกายทั้งคู่ต่างชุ่มโชกด้วยเลือดสดและเหงื่อไคลในลักษณะคล้ายคลึงกัน
ข้อแตกต่างเดียวระหว่างคนทั้งสองคือ…
“ท่านกริด! ยอดนักรบ! คุรุก! เทรูชานต้องปกป้อง!”
“จู๊ด. ปกป้อง. ท่านกริด!”
“กริด!”
พวกพ้องและบริวาร
แผ่นหลังของจู๊ดและเทรูชานกำลังปรากฏในการมองเห็นกริด อัศวินทั้งสองคอยป้องกันอันตรายจนกว่าราชาโอเวอร์เกียร์จะลุกขึ้น
เมื่อกริดลุกขึ้นพลางลงมือโจมตีต่อ ดาบของจู๊ดและเทรูชานเริ่มขยับในจังหวะเดียวกัน
ฉึก!
“แค่ก…!”
เทรูชานสับลงไปบนหัวไหล่ของเฟนเรียร์โดยไม่ออมมือ ความเสียหายรุนแรงยิ่งกว่าการโจมตีจากกริดเสียอีก
ฉัวะ!
จู๊ดผู้มีพลังโจมตีต่ำกว่ากริดเล็กน้อย เล็งฟันขวางเข้าใส่สะโพกแวมไพร์มาร์ควิส
ขณะทั้งสองกำลังถอยกลับ เฟนเรียร์ฉวยโอกาสโจมตีใส่จู๊ดซึ่งท่าทางอ่อนแอกว่า
บึ้มมมมม!!
โนลล์ยิงเวทมนตร์โลหิตช่วยชะงักการกระทำของเฟนเรียร์ได้ทันท่วงที
เมื่อเห็นการต่อสู้ดำเนินไป สีหน้าของกริดยิ่งทวีความอึมครึม
‘ทำไมมันถึงไม่ใช่เวทมนตร์?’
กริดเคยสู้กับแวมไพร์ทายาทมากมาย
นอกจากแวมไพร์เอิร์ล เอลฟินสโตน เจ้านายเก่าของยารุกต์ แวมไพร์ทายาทตนอื่นมักพึ่งพาเวทมนตร์โลหิตเป็นหลัก ไม่ค่อยสนใจศิลปะการต่อสู้หรือวิชาดาบมากนัก
กริดเชื่อว่า หากเฟนเรียร์ใช้เวทมนตร์ ต่อให้เมอร์เซเดส ปิอาโร่ และอัสโมเฟลร่วมมือกันก็คงเอาชนะได้ไม่ง่าย
แต่ในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้ เฟนเรียร์กลับไม่ยอมใช้เวทมนตร์ออกมาเลย
มันกำลังเล็งบางสิ่งเอาไว้…
ขณะความกังวลใจกริดเริ่มทวีคูณ
“อันตราย…!”
เมอร์เซเดสพุ่งมายืนหน้ากริดพร้อมกับปีกสีเงินระยิบระยับราวกับนางฟ้า มือของเธอยกโล่ใบใหญ่ขึ้นมาป้องกัน
เธอคนเดียวสามารถปกป้องได้ทั้งกริด เทรูชาน จู๊ด และโนลล์ไปพร้อมกัน
ทันใดนั้น
ปึด. ปึด.
เสียงอันไม่เป็นมงคลดังเล็ดลอดมาจากบาดแผลขนาดใหญ่กึ่งกลางหน้าอกเฟนเรียร์
แคว่กกกกก—
ประหนึ่งจักจั่นลอกคราบ ผิวหนังเฟนเรียร์แยกออกเป็นสองส่วนซ้ายขวา เผยให้เห็นร่างใหม่ด้านในเต็มสองตา
ผิวพรรณของเฟนเรียร์แวววาวเงางามราวกับภาชนะกระเบื้องเคลือบ
“อะไรกัน…!”
กริดและทุกคนต่างตะลึงงัน เมื่อได้เห็นการเปลี่ยนแปลงชนิดมิอาจหาคำอธิบายรองรับ
ทันใดนั้น สายตาทุกคนเริ่มมองเห็นสิ่งแปลกประหลาด
ภายในห้องมืดมิดแห่งนี้ เดิมที ทุกคนจะมองเห็นภาพได้กระจ่างชัดเพราะแสงจากดาบภูตแสงประจำตัวกริด แต่ปัจจุบัน กึ่งกลางหน้าอกเฟนเรียร์กลับมีวัตถุสีดำมืด ราวกับสามารถดูดกลืนแสงสว่างได้อย่างสมบูรณ์
และวัตถุดังกล่าวมีรูปทรงคล้ายเปลวไฟ!
เมอร์เซเดสรีบใช้ฝ่ามือผลักกริดให้กระเด็นไปด้านหลัง
จากนั้น อัศวินในตำนานตะโกนกึกก้อง
“ทุกคนถอยห่าง!”
บึ้มมมมมมม!!
ความมืดมิดรูปร่างคล้ายเปลวเพลิง พลันระเบิดออกจากตัวเฟนเรียร์พร้อมกับแผ่พลังทำลายไปทุกทิศ
ถูกต้อง ตัวตนแท้จริงของเพลิงดังกล่าวก็คือ
เพลิงนิรันดร์
เวทมนตร์ของบราฮัมเมื่อครู่
เฟนเรียร์ใช้พลังปกครอง แย่งชิงเพลิงสีดำบนร่างกายไปเป็นของตัวเอง แม้สิ่งนี้จะทำให้มันไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้สักระยะ แต่ก็นับว่าคุ้มค่าเมื่อบราฮัมมิอาจตระหนักถึงความผิดปรกติ
นอกจากแรงระเบิด สะเก็ดเพลิงสีดำได้พวยพุ่งขึ้นฟ้าและร่วงกราวลงบนพื้นในบริเวณใกล้เคียง งดงามประหนึ่งน้ำตกสีดำก็มิปาน แต่หากสัมผัสใครเข้า ร่างกายถูกแผดเผาจนไหม้เกรียมอย่างไม่ต้องสงสัย
“บัดซบ!”
ขณะกริดกำลังลอยตัวกลางอากาศเพราะถูกเมอร์เซเดสผลักให้พ้นจากแรงระเบิด มันรีบเค้นสมองคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสะเก็ดเปลวเพลิงซึ่งกำลังจะตกใส่หัว
ทันใดนั้น
ชิ้ง—!
หัตถ์เทวะสี่ข้างลอยขึ้นและช่วยบดบังสะเก็ดเพลิงสีดำเหนือศีรษะกริด
โนเอะและแรนดี้โผล่ขึ้นจากความว่างเปล่า เจ้าแมวอ้วนใช้ ‘อย่ามาแหย็ม’ สร้างบาเรียป้องกันการโจมตีจากระยะไกล ส่วนแรนดี้ใช้วิชาดาบ ‘วังวน’ สะท้อนเปลวเพลิงบางส่วนเพื่อช่วยเหล่าอัศวินและสมาชิกกิลด์
แกร่ก! แกร่ก!
ขณะจู๊ดและเทรูชานรีบวิ่งตามมาปกป้องกริดและเมอร์เซเดสโดยไม่ใช้สมองคิด พวกมันต่างถูกโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สกัดขาจนหัวคะมำ ทำไปเช่นนี้ก็เพื่อความปลอดภัยทั้งสองคนเอง
“ทีราเม็ท ปล่อยข้า!!”
โนลล์หวังไปช่วยกริด แต่กลับถูกพี่ชายร่างใหญ่ใช้ท่อนแขนกอดรัดไว้แน่น
“วังวน!”
โชคยังดี ร่างมืดยังเหลือระยะเวลาของบัฟอีกเล็กน้อย กริดซึ่งเอาตัวรอดได้แล้ว จึงรีบพุ่งไปหารูบี้และเซ็กซีสคูลเกิร์ลทันที ชายหนุ่มใช้ท่อนแขนโอบกอดสองสาว พร้อมกับปลดปล่อยวังวนขึ้นไปด้านบนเพื่อสะท้อนสะเก็ดเพลิง ‘บางส่วน’
“พี่…”
ครั้งหนึ่งในอดีต วันสายฝนพรำ
ดวงตารูบี้พลันแดงก่ำเมื่อย้อนนึกกลับไปถึงเหตุการณ์ในวันวาน เป็นภาพของพี่ชายใจดีกำลังกางร่มคันเล็กให้เธอ โดยเขายอมเป็นฝ่ายเปียกฝนแทน
ขณะตระหนักว่าความร้อนจากสะเก็ดเพลิงดำเริ่มขยับเข้ามาใกล้ กริดอมยิ้มอ่อนโยนพลางเลื่อนมือขึ้นมาลูบหัวน้องสาว
พี่จะปกป้องเธอเอง
ตลอดไป
กริดหลับตาลงทั้งสองข้าง และเกร็งตัวรอรับความเจ็บปวด
แต่สิ่งนั้นกลับไม่เกิดขึ้น
เหนือศีรษะกริด อัศวิน และสมาชิกโอเวอร์เกียร์ในละแวกใกล้เคียง แผ่นม่านบาเรียขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้น คอยป้องกันมิให้เปลวเพลิงสีดำจากด้านบนทำอันตรายผู้ใด
ตามด้วยน้ำเสียงแสนโอหังของบราฮัม
“ถ้านายยังไม่เก่งไปกว่าฉัน อย่าแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว”
“บราฮัม…!”
สะเก็ดเพลิงจำนวนมากบนอากาศ ล้วนมีต้นตอมาจากแรงระเบิดขนาดใหญ่ของเฟนเรียร์
หมายความว่า ยากจะคาดเดาทิศทางของพวกมันได้ถูกเผง เพราะมิได้ตกเป็นเส้นตรงจากด้านบนเพียงอย่างเดียว
กริดส่งเสียงตะโกนเมื่อเห็นสะเก็ดเปลวเพลิงจำนวนหนึ่ง กำลังลอยเป็นวิถีโค้ง เตรียมตกใส่ส่วนขาของบราฮัม แต่มหาจอมเวทในตำนานกลับไม่ยอมขยับตัวแม้แต่ก้าวเดียว
ทันใดนั้น ใบไม้ของพืชพรรณนานาชนิดพลันผุดขึ้นจากพื้นด้านล่างซึ่งแปรสภาพกลายเป็นทุ่งข้าวไปแล้ว ช่วยปกป้องส่วนขาของบราฮัมไว้ได้ทันเวลา
ไม่เพียงขาของบราฮัม แต่ยังรวมถึงสมาชิกโอเวอร์เกียร์อีกหลายคน
ทั้งโนเอะ แรนดี้ โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ และทีราเม็ท ผู้เตรียมใจเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องอัศวินและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ ต่างก็ได้รับการปกป้องจากใบไม้ขนาดมหึมาของต้นมันหวานไม่ต่างกัน
“ปิอาโร่…!”
บึ้มมมม!!
เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นจนแม้แต่กริดยังสะดุ้ง
ซินกูเล็ดปลดปล่อยเคล็ดสังหาร ส่วนอัสโมเฟลรีดเร้นประสิทธิภาพของดาบพิโรธจนถึงขีดจำกัด ทั้งคู่โจมตีประสานใส่ร่างใหม่ของเฟนเรียร์อย่างเต็มกำลังโดยไม่ห่วงใยชีวิตตัวเอง
เมื่อเห็นสองอัศวินของตนลงมืออย่างกล้าหาญแม้ศัตรูจะเป็นถึงตัวตนทัดเทียมจอมอสูร กริดพลันเกิดความรู้สึกหนึ่ง
…เราช่างโชคดีเหลือเกิน
“กริด อย่าปล่อยให้การต่อสู้ยืดเยื้อ”
แกร่ก! แกร่ก!
เวทมนตร์ใหม่ของบราฮัม ทำการสร้างพื้นน้ำแข็งใต้ฝ่าเท้ากริด
ครืนนน!!
ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่า ใต้ฝ่าเท้าของตนมีบางสิ่งขนาดใหญ่จนมิอาจวัดขนาด กำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงคล้ายเตรียมอาละวาด
“จัดการมัน”
ครืนนนนนนน!!
เมื่อสิ้นเสียงสัญญาณของบราฮัม พื้นน้ำแข็งใต้กริดพลันแยกออกจากกันทันที
เศียรมังกรน้ำแข็งขนาดมหึมาผุดขึ้นใต้ฝ่าเท้าชายหนุ่มพอดิบพอดี มันรีบใช้ปลายเท้าเหยียบให้แน่นถนัดและทะยานขึ้นไปในอากาศ
ภาพของราชาโอเวอร์เกียร์กำลังรำดาบเหนือศีรษะมังกรน้ำแข็ง ได้สะกดทุกคนภายในห้องเฟนเรียร์จนอยู่หมัด
👍👍👍👍👍👍👍
ReplyDeleteมันส์~~
สนุกมากๆ
ขอบคุณครับ