จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,134
ซู่ววว—
เมื่อน้ำแข็งพันปีเริ่มละลาย บริเวณโดยรอบก็กลายเป็นแม่น้ำอย่างสมบูรณ์
หลังจากดันเจี้ยนน้ำแข็งถูกเปลี่ยนให้เป็นดันเจี้ยนใต้น้ำ กริดรีบเผ่นหนีออกมาอย่างลนลาน
เหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างขมวดคิ้วขณะเห็นกริดปรากฏตัวในสภาพชุ่มโชก
“เกิดอะไรขึ้น? อุบัติเหตุหรือ?”
“เปล่า…”
กริดอมยิ้มพลางหลังกลับไปมอง
สายตาชำเลืองขั้นบันไดซึ่งเชื่อมต่อจากสุสานดาบลงไปยังดันเจี้ยนน้ำแข็ง
ภายใต้ดันเจี้ยนบาดาลเบื้องล่าง นอกจากเสียงของน้ำไหล ชายหนุ่มยังได้ยินเสียงฝีเท้าอ่อนแรงดังอย่างแผ่วเบา
ใครบางคนบรรจงเดินขึ้นจากขั้นบันไดด้วยฝ่าเท้าเปียกปอน
“ตรงกันข้าม… ทุกอย่างราบรื่น”
เมื่อสิ้นเสียงกริด
[มหาจอมเวทในตำนาน บราฮัม ได้คืนชีพกลับมาอีกครั้ง!!]
ข้อความระบบโลกปรากฏ
“อะ…”
เสียงคร่ำครวญพลันดังระงมจากทุกมุมโลก
พร้อมกันนั้น บุรุษผู้ย่างกรายขึ้นจากบันได กำลังปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างเด่นชัด
ขนตาสีเงินยาวระยิบระยับราวกับน้ำแข็ง จมูกและคางสมส่วนไร้จุดตำหนิ ถึงจะให้ปฏิมากรสัก 10 ล้านคนช่วยกันแกะสลัก ก็ไม่มีทางออกมาสมบูรณ์แบบเช่นนี้แน่
ดวงตามหาจอมเวทในตำนาน ลุ่มลึกลุกโชนราวกับกักขังเปลวเพลิงไม่มีวันดับมอดไว้ด้านใน
บราฮัมในร่างจริง สง่างามเกินกว่าจินตนาการสมาชิกโอเวอร์เกียร์ไปไกลมาก
บางที นี่อาจเป็นนิยามของคำศัพท์ ‘งดงาม’ อย่างแท้จริง
“ฟู่ว…”
เสียงถอนหายใจของบราฮัมดังปกคลุมสุสานดาบซึ่งเคยเงียบงัน
ขณะหายใจเข้าออก หยดน้ำสีใสจะไหลจากกระดูกไหปลาร้า ผ่านไปยังแผ่นอกและเอวอันเปลือยเปล่า
“…อึก!”
เซ็กซี่สคูลเกิร์ลพลันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เลือดกำเดาเด็กสาวไหลซึมโดยไม่รู้ตัว
รูบี้ผู้มีใบหน้าแดงก่ำ กำลังเกิดความกระอักกระอ่วนเหนือคำบรรยาย แต่สุดท้ายก็ไม่คิดเบือนสายตาหนีจากบราฮัม
สมาชิกคนอื่นล้วนเป็นเช่นนี้ทั้งหมด
ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ไม่มีใครหนีรอดจากเสน่ห์ของบราฮัมพ้น
“สวมนี่ไปก่อน”
กริดได้สติเป็นคนแรก ชายหนุ่มรีบถอดผ้าคลุมและยื่นให้บราฮัม
หลังจากบราฮัมสวมผ้าคลุมปกปิดร่างกายจนมิดชิด มันเหยียดท่อนแขนขาวผ่องพร้อมกับใช้ปลายนิ้วสัมผัสแก้มกริด
“… สัมผัสของนายเป็นแบบนี้เองหรือ”
สัมผัสจากปลายนิ้ว ยิ่งไม่ได้ใช้นานวัน ความทรงจำก็ยิ่งเลือนราง
บราฮัม ผู้ถูกคืนชีพอีกครั้งหลังจากเสียชีวิตมาได้หนึ่งร้อยปี ย่อมรู้สึกยินดีปรีดาเป็นพิเศษ เมื่อได้โอบกอดโลกใบนี้ด้วยสองมือตัวเองอีกครั้ง
มันกลับมามีตัวตนบนโลกโดยสมบูรณ์
ในวินาทีนี้
***
ชื่อ : บราฮัม·เฮชวาล
เผ่าพันธุ์ : แวมไพร์ทายาทผู้สูญเสียการมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์
คลาส : มหาจอมเวทในตำนาน
* สามารถเรียนเวทมนตร์ได้ทุกชนิดบนโลก และสามารถสวมใส่ไอเท็มเวทมนตร์ได้ทุกชนิดโดยไม่สนใจเงื่อนไข
* พลังทำลายและเอฟเฟคของเวทมนตร์จะถูกยกระดับขึ้นจากเดิมหลายเท่า
* สามารถสร้างเวทมนตร์ใหม่ได้ตามเลเวลของทักษะ <เวทมนตร์พัฒนาของบราฮัม>
สมญานาม : ดยุคแห่งปัญญา
…
สมญานาม : ตำนาน
…
สมญานาม : เจ้าแห่งมานา
* เข้าใจหลักการของมานาอย่างถ่องแท้ สามารถควบคุมมานาได้ดังแขนขา
* ได้รับมานาสูงสุด จากค่าสติปัญญาเพิ่มขึ้น 20 เท่าจากปรกติ
* ขณะโจมตีใส่เป้าหมาย มีโอกาสปานกลางในการลดทอนมานาศัตรู
* สามารถสะสมมานาได้เกินกว่าค่ามานาสูงสุดสามเท่า ระยะหน่วง 24 ชั่วโมง
* หากสะสมมานาไว้เกินกว่าค่าสูงสุด เวทมนตร์โจมตีทุกชนิดจะไม่ต้องร่าย และเพิ่มพลังโจมตีขึ้นจากปรกติ 2 เท่า มีผล 3 ครั้ง
* หากสะสมมานาไว้เกินกว่าค่าสูงสุด เวทมนตร์ป้องกันทุกชนิดจะช่วยให้ร่างกายเป็นอมตะชั่วคราว มีผล 2 ครั้ง
สมญานาม : ผู้คืนชีพ
* สำเร็จเวทมนตร์ชุบชีวิต และสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดแห่งความตาย
* ได้รับพลังชีวิตสูงสุด จากค่าพละกำลังและค่าความอดทนเพิ่มขึ้น 20 เท่าจากปรกติ
* หากเสียชีวิต มีโอกาส 100% ในการคืนชีพกลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ถ้ายิ่งเสียชีวิตบ่อยครั้ง โอกาสในการคืนชีพสำเร็จจะลดลงทีละนิด หากคืนชีพไม่สำเร็จจะเสียชีวิตถาวร
เลเวล : 400 (▼)
พละกำลัง : 108
ความอดทน : 1,690
ความว่องไว : 507
สติปัญญา : 7,880
ความน่าเกรงขาม : 2,511
วิสัยทัศน์ : 4,943
พลังจิต : 5,800
* แม้ว่าร่างเนื้อถูกแช่แข็งมานานกว่าหนึ่งร้อยปี แต่บราฮัมเป็นอัจฉริยะผู้สามารถปรับตัวได้รวดเร็ว อัตราการเพิ่มประสบการณ์จะเพิ่มขึ้น 2000% จนกว่าจะถึงเลเวล 600
— รายการทักษะ —
- เวทโลหิต (S+)
- ดูดเลือด (SS)
- เสริมแกร่งเวทมนตร์ (SS)
- ขวนขวายความรู้ (SS)
- ถอดรหัสเวทมนตร์ (SSS)
- อาละวาด (SSS)
- ห้องแรก : ห้องแห่งความรู้ (SSS)
- ห้องสอง : ห้องวิจัย (???)
- ห้องสาม : ห้องทดลอง (???)
- เวทมนตร์พัฒนาของบราฮัม (???)
แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์และมหาจอมเวทในตำนาน ผู้สูญเสียชีวิตอันเป็นนิรันดร์เนื่องจากทำร้ายเผ่าพันธุ์เดียวกัน เขาเกลียดชังแพ็กม่าและแมรีโรสเข้ากระดูกดำ แต่สำนึกผิดในบาปซึ่งเคยก่อไว้กับมูมัด
* สำหรับตัวละครนี้ สิ่งมีชีวิตอื่นทั้งหมดล้วนเป็นเพียงมดปลวกในสายตา ยกเว้น <กริด> และพวกพ้องของเขา ดังนั้น นอกจาก <กริด> และพวกพ้องของเขา ไม่มีผู้เล่นคนใดสามารถเพิ่มค่าความสัมพันธ์กับบราฮัมได้
‘เพื่อสมดุลของเกมสินะ…’
เป็นไปตามกฎของเกมออนไลน์… ศัตรูทรงพลังจะอ่อนแอลงทันทีเมื่อกลายเป็นมิตร
สิ่งนี้คือกฎเหล็กของซาทิสฟายเช่นกัน กริดสามารถยืนยันได้เพราะเคยเผชิญด้วยตัวเองมาแล้วหลายหน และไม่มีข้อยกเว้นสำหรับบราฮัม
หลังจากผ่านมานานกว่าร้อยปี ดวงจิตของบราฮัมถูกลมฝนกัดกร่อนจนอ่อนแอลงจากเดิมหลายระดับ จำเป็นต้องใช้เวลาปรับตัวกับร่างกายใหม่สักพัก
เลเวลถูกลดเหลือเพียง 400… เรียกได้ว่าน้อยกว่ากริดเสียอีก
อย่างไรก็ตาม
ในสายตากริด บราฮัมไม่ได้อ่อนแอเลยสักนิด
แต้มสติปัญญาระดับสัตว์ประหลาด ใกล้เคียงตัวละครเลเวล 600 เห็นจะได้ แถมสมญานามทั้งหมดยังเทียบเท่า หรือเหนือกว่า สุดยอดสมญานามอันมากมายของกริดด้วยซ้ำ
ในสมัยอดีต ท่ามกลางทะเลแดง กริดเคยประจักษ์ความสุดยอดของสมญานาม ‘เจ้าแห่งมานา’ ด้วยตาตัวเองมาแล้ว
‘และบราฮัมมีทักษะเกรด SSS ถึง 6 ชนิด…’
หากเลเวลสูงกว่านี้อีกสักนิดล่ะก็
ไม่สิ บางที บราฮัมในปัจจุบันอาจแข็งแกร่งแซงหน้าปิอาโร่และเมอร์เซเดสไปแล้ว
ทำเอากริดหวนนึกถึงคำพูดติดปากของคนยุคสมัยปัจจุบันว่า ‘เพชรยังไงก็คือเพชร’
ตำนานรุ่นปัจจุบันไม่ได้ด้อยกว่าเพราะอยู่ระหว่างกระบวนการพัฒนาตัวเอง แต่ด้อยกว่าเพราะตำนานอันยิ่งใหญ่จากอดีต เคยผ่านร้อนผ่านหนาวและสั่งสมบารมีไว้มากมาย จนแม้แต่ระบบปรับสมดุลก็ไม่สามารถระงับความเก่งกาจของบราฮัมไว้ได้
ขณะบราฮัมกำลังทดสอบเวทมนตร์เดิมของตัวเอง มันขยับปากพึมพำ
“โอกาสสำเร็จมากพอสมควร…”
“โอกาสอะไร?”
“ล่าเฟนเรียร์”
“…!”
“ก่อนกลับก็ขอตัดแขนแมรีโรสสักข้าง”
“เดี๋ยวก่อน!”
เฟนเรียร์คือแวมไพร์ระดับมาร์ควิส
ลำดับสองของเหล่าแวมไพร์ทายาท เป็นรองแค่แมรีโรสเท่านั้น สืบทอดคุณลักษณะพิเศษจากเบริอาเช่ถึงสองชนิด โนลล์ประเมินว่าเฟนเรียร์แข็งแกร่งกว่าแวมไพร์เอิร์ลหลายสิบเท่า กริดจึงไม่ต้องการปะทะกับเฟนเรียร์ เพราะการต่อสู้อาจทำให้ตนสูญเสียอัศวินไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ไม่รอให้พลังของนายกลับมาก่อนหรือ?”
บราฮัมหันมาจ้องกริด
“คนฆ่าคือนายต่างหาก”
“หือ?”
“ลืมแล้วหรือ ว่าเพิ่งได้รับพรของซาลิเอล”
“อะ…!”
เพิ่มอัตราดรอปไอเท็ม 500% หนึ่งครั้งขณะพรของซาลิเอลยังคงอยู่!
หมายความว่า ในระหว่างพรของซาลิเอลยังไม่หายไป กริดควรงดเก็บเลเวลโดยสิ้นเชิง
และเป้าหมายแรกต้องเป็นมอนสเตอร์ระดับบอสสุดพิเศษเพื่อดรอปไอเท็มสำคัญเท่านั้น
“จากความทรงจำของฉัน เทวทูตทุกตนล้วนเป็นหุ่นเชิดของเทพธิดารีเบคก้า ทุกพฤติกรรมของพวกมันจะทำไปเพื่อเทพธิดา ดังนั้นจะมองเป็นโกเล็มไร้สมองก็ไม่ผิด”
“…”
“ดังนั้น การได้รับพรจากเทวทูตคือโอกาสสุดแสนหายาก… ยากยิ่งกว่าพรจากเทพเสียอีก นายควรใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
“ฉันเองก็คิดแบบเดียวกัน”
เซ็ดนอสก้าวออกมาข้างหน้า
“จนว่านายจะเอาชนะเฟนเรียร์ได้ พวกเราจะคอยฆ่ามอนสเตอร์จิปาถะขณะเก็บเลเวลให้เอง”
เซ็ดนอสเคยเผชิญหน้าเฟนเรียร์ด้วยตัวเองมาแล้วหนหนึ่ง ในคราวนั้น มันถูกสะกดข่มอย่างรุนแรงเพียงแค่สบตา ว่ากันตามตรง เซ็ดนอสรู้สึกหวาดกลัวจนไม่อยากเห็นหน้าเฟนเรียร์อีก
แต่เพื่อช่วยกริดแล้ว ความกลัวในใจก็สามารถขจัดออกไปได้ไม่ยาก เช่นเดียวกันกับสมาชิกโอเวอร์เกียร์คนอื่น
“ทุกคน… ขอบคุณมาก”
กริดไม่ปฏิเสธ
เพื่อรีบใช้พรซาลิเอล ทุกคนจึงเริ่มวางแผนสำหรับจัดการเฟนเรียร์ให้กริด ตามด้วยการวางแผนเร่งเก็บเลเวลให้บราฮัมอย่างก้าวกระโดด
‘แต่ก่อนอื่น เราต้องสร้างไอเท็ม’
อาวุธมีอยู่แล้ว… ไม้เท้าบีเลียล
เพิ่มค่าสติปัญญาและความเร็วร่ายเวท 30% ช่วยให้ร่ายเวทมนตร์ 3 ชนิดพร้อมกัน ถ้าร่ายเวทมนตร์ธาตุไฟและธาตุมืดผสาน จะเพิ่มพลังโจมตีเวทมนตร์ชนิดละ 200%
ทุกครั้งขณะร่ายเวทมนตร์ จะสร้างบาเรียคลุมกายช่วยลดความเสียหาย แถมยังก่ออาการผิดปรกติใส่ศัตรูผู้โจมตีบาเรีย
เพิ่มอัตราคริติคอลเวทมนตร์ ความแรงคริติคอลเวทมนตร์ แถมยังเพิ่มอัตราฟื้นฟูมานาตามธรรมชาติอีก 200%
กริดกล้าพูดได้เต็มปากว่า ไม่มีใครในโลกใช้ไม้เท้าบีเลียลได้ดีกว่าบราฮัมอีกแล้ว แถมบราฮัมยังเคยใช้งานหลายหนจนคุ้นมือ
“เอาล่ะ… กลับไรน์ฮาร์ทกันก่อน”
หลังจากวางแผนเสร็จสรรพ กริดส่งข้อความไปหาลอเอล เพื่อให้ลอเอลส่งสติกส์มารับยังสุสานดาบ
ทันใดนั้น บราฮัมพ่นลมหายใจเหยียดหยัน
“เคลื่อนย้ายมิติแบบกลุ่ม”
ซู่วว—
กริดและสมาชิกทุกคนถูกส่งตัวกลับมาใจกลางไรน์ฮาร์ทในพริบตา ก่อนลอเอลจะได้ส่งข้อความตอบกลับกริดเสียอีก
เวทเคลื่อนย้ายมิติของบราฮัม ใช้เวลาแสดงผลเร็วกว่าสติกส์หลายเท่า แถมยังเกิดผลข้างเคียงด้านอาการวิงเวียนน้อยกว่า
“อะ…”
ขณะสมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนพบว่าฉากรอบตัวเปลี่ยนไปกะทันหัน
> ข้ากำลังอยู่ไหน?
สันตะปาปาฟรานซ์ผุดเครื่องหมายคำถาม (?) เหนือศีรษะ
เมื่อบราฮัมคืนชีพ แปลว่าเป้าหมายของมันในสุสานดาบก็จบลงแล้วเช่นกัน ฟรานซ์จึงได้โอกาสไปผุดไปเกิด
ในทางทฤษฎี ไม่มีใครสามารถย้ายดาบฟรานซ์ออกจากตำแหน่งเดิมได้ และไม่มีใครปลดปล่อยวิญญาณออกจากดาบได้เช่นกัน
แต่แพ็กม่าได้สร้างเงื่อนไขไว้ว่า หากร่างเนื้อของบราฮัมกลายเป็นอิสระ ดาบของฟรานซ์จะถูกดึงออกได้ และดวงวิญญาณภายในดาบสามารถไปผุดไปเกิดได้เช่นกัน
แต่เมื่อฟรานซ์รู้สึกตัวอีกที มันก็ไม่ได้อยู่ในสุสานดาบแล้ว
ขณะฟรานซ์ ซึ่งถูกห้อยอยู่ตรงเอวบราฮัม กำลังประหลาดใจสุดขีด มหาจอมเวทในตำนานเปล่งเสียงเย็นชา
“การฆ่าแมรีโรสจำเป็นต้องใช้พลังศักดิ์สิทธิ์”
ถูกต้อง
“ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ฉันจะใช้นายเป็นอาวุธสังหารแมรีโรส”
> ดยุคแห่งปัญญา! เจ้าทำเกินไปแล้ว!
“…”
> เฮ้! พวกเจ้าน่ะ! กำลังมองอะไรกันอยู่ ไม่มีใครคิดช่วยข้าเลยหรือไง?
แม้จะประหลาดใจเมื่อเห็นฟรานซ์ถูกลักพาตัวอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีสมาชิกโอเวอร์เกียร์คนใดโง่พอจะยื่นมือเข้าไปสอด
***
“คงเป็นการพบกันครั้งแรกสินะ”
“…!”
สิบปีนับตั้งแต่ดาเมี่ยนกลายเป็นสันตะปาปาแห่งโบสถ์รีเบคก้า
หน่วยพิเศษอิสระแห่งโบสถ์ เท็มพล่า ได้ขอเข้าพบสันตะปาปาเป็นหนแรก
“ถึงเจ้าถูกเลือกให้เป็นอัครทูตแห่งเทพธิดา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เจ้ากลายเป็นสันตะปาปาได้เพราะความช่วยเหลือจากผู้อื่น ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงเคลือบแคลงในความสามารถของเขามาตลอด แต่ปัจจุบันไม่ใช่อีกแล้ว ข้าวางใจให้เจ้าบริหารโบสถ์รีเบคก้าได้โดยไม่ติดขัด”
พรึบ—!
เมื่อถอดชุดคลุมออก อัครเทวทูตซาลิเอลสยายปีกสีขาวบริสุทธิ์
นี่คือหนแรกนับตั้งแต่ปฐมสันตะปาปาประกาศก่อตั้งศาสนารีเบคก้าอย่างเป็นทางการ
“ข้ายอมรับเจ้าในฐานะสันตะปาปา เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ข้าจะปลดผนึกบางส่วนของดาบศักดิ์สิทธิ์รวมถึงถ่ายทอดพลังให้เจ้า”
“…”
“ดังนั้น จงรีบแข็งแกร่งขึ้น เมื่อวันใดแวมไพร์สองตนสุดท้ายของโลกปะทะกันและอ่อนแอลง งานของเจ้าคือการทำลายพวกมันให้สิ้นซาก และฉาบโลกใบนี้ให้กลายเป็นสว่าง”
“ขอปฏิเสธ”
“…?”
ข้อเสนอของซาลิเอลช่างล่อตาล่อใจจนยากจะหาใครปฏิเสธลง
แต่ไม่ใช่กับดาเมี่ยน
มันไม่ใช่คนธรรมดา
“ในอดีต ไม่ว่าโบสถ์จะเดือดร้อนสักเพียงใด ฉันก็ไม่เคยเห็นเท็มพล่าโผล่หัวออกมาช่วยเลยสักครั้ง แต่วันนี้กลับเข้าพบปุบปับโดยไม่แจ้งล่วงหน้า และพูดเอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียว สามัญสำนึกของท่านอยู่ตรงไหน? หรือเพราะเป็นเทวทูต? ฉันพูดผิดตรงไหนหรือไม่ อิสซาเบล”
“ไม่ค่ะ”
ในช่วงหลายปีหลัง โบสถ์รีเบคก้าต้องเผชิญอันตรายหนักหน่วงหลายต่อหลายหน
สันตะปาปาชั่วช้า เดรวิโก้ แหกกฎระเบียบและทำให้โบสถ์ตกต่ำ อาวุโสของโบสถ์ ปาสคาล ผู้ยอมขายโบสถ์ให้กับจักรวรรดิ จนเกือบถูกอำนาจภายนอกยึดครอง รวมถึงเหตุการณ์กองทัพยาธานบุกถล่มวาติกัน…
ทุกครั้ง ดาเมี่ยนและบุตรีแห่งรีเบคก้าต้องต่อสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
และทุกครั้ง บุคคลผู้มอบแสงสว่างให้ดาเมี่ยนคือกริด ไม่ใช่เท็มพล่า
ในเมื่อเท็มพล่าไม่เคยช่วยโบสถ์ ดาเมี่ยนจึงไม่พอใจอย่างมากเมื่อพวกมันพยายามทวงคืนตำแหน่งภายในโบสถ์กลับไป
“สันตะปาปา กรุณาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน โอกาสเพิ่มความแข็งแกร่งหาได้ไม่ง่ายนัก”
ซาลิเอลพยายามโน้มน้าว แต่ก็ไม่สำเร็จ
“ความแข็งแกร่ง?”
ดาเมี่ยนอมยิ้มพลางหันไปมองอิสซาเบล
“พวกเราไม่ได้อ่อนแอถึงขั้นต้องพึ่งพาท่าน”
นั่นมิใช่คำพูดโอ้อวด
หลังจากผนึกแมรีโรสล้มเหลว ดาเมี่ยนและสามบุตรีแห่งรีเบคก้าได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากสภาอาวุโส ให้เปิดวิหารลับสำหรับฝึกฝนพัฒนาฝีมืออย่างก้าวกระโดด
และนั่นทำให้ดาเมี่ยนทรงพลังขึ้นมาก
“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากท่าน แต่ถ้าท่านหวังดีต่อโบสถ์จริง ก็ช่วยสร้างคุณประโยชน์และชนะใจพวกเราทุกคนให้ได้”
“… เข้าใจแล้ว”
แม้จะตรงความตั้งใจเดิมของซาลิเอล คือการให้หน่วยเท็มพล่าเข้าร่วมกับโบสถ์รีเบคก้า แต่วิธีการและขั้นตอนกลับผิดไปจากความคาดหมายค่อนข้างมาก
ในเวลาถัดมา การปรากฏตัวของเทวทูตทำให้เกิดเสียงฮือฮาภายในหมู่สาวกของโบสถ์อยู่พักใหญ่
แต่เหล่าอาวุโสกลับเฉยเมยผิดคาด
สำหรับพวกมัน ผู้ได้เห็นศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของ ‘องค์ชายลอร์ด’ เต็มสองตา ตัวตนระดับเทวทูตจึงไม่ได้น่ายกย่องสักเท่าใด
“ก็แค่ผู้รับใช้เทพ… ไม่มากไปกว่านั้น”
“เห็นด้วยเลย”
“…?”
ขอบคุณสำหรับงานแปลดีๆครับผม
ReplyDeleteลูกกริดคือตัวบัคของเรื่องสินะ
ReplyDeleteขอเวลาอีกไม่นาน ลอร์ดโตเมื่อไหร่ รู้เรื่อง
Delete👍👍👍
ReplyDeleteขอบคุณมากๆครับ🙏
สรุปผู้อาวุโสนับถือใครกันเเน่ เทพธิดารีเบคก้าหรือก็อดกริด 5555
ReplyDeleteนับถือก็อดลอร์ดต่างหาก
Deleteอีกไม่นานบราฮัมจะกลายเป็นเบ้เคลื่อนที่
ReplyDeleteแทนสติก