จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,130
ณ ประตูทิศเหนือของไรน์ฮาร์ท
จุดดังกล่าวเต็มไปด้วยทหารหน่วยรบหัวกะทิของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ สวมใส่ชุดเกราะและอาวุธเซตกริดรุ่นผลิตจำนวนมากคุณภาพสูง เป็นกลุ่มทหารเคร่งระเบียบวินัย
แต่พวกมันกลับไม่ตระหนักถึงตัวตนของสองสภาหอคอยเคยเลยสักนิด
“โอ๊ย! ช่วยปล่อยมือสักทีได้ไหม? อายุปูนนี้แล้ว ทำไมถึงต้องดึงหูไปไหนมาไหนด้วย?”
“ถ้าไม่เงียบ ข้าจะตัดหูเจ้าทิ้ง”
“…”
“กลับหอคอยช้าเช่นนี้ หมายความว่าเกิดอุบัติเหตุอีกแล้วใช่ไหม?”
“ก็ข้าไม่ทราบว่าหัวแถวมีการเปลี่ยนแปลง แม้แต่เจ้าก็คงไม่ทราบใช่ไหม ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยข้าออกมาทำภารกิจคนเดียวแน่”
“นั่นก็จริง”
ลำดับ 8 หอแห่งปัญญา เจสสิก้า
เธอรุ่งเรืองในยุคสมัยเดียวกับบีบัน และรู้จักอุปนิสัยใจคอบีบันมากกว่าใคร
ชายคนนี้ซื่อตรง ขณะเดียวกันก็ซื่อบื้อ นอกจากเรื่องของดาบ ก็แทบไม่ฉลาดในเรื่องไหนอีกเลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อครั้งหัวหน้าหอคอยมอบภารกิจให้บีบัน เธอมิได้แสดงท่าทีคัดค้าน
เนื่องจากหัวแถวคนก่อนคืออริยดาบนามว่าครอเกล ในเมื่อบีบันเป็นอริยดาบเหมือนกัน การเจรจาต่อรองคงง่ายขึ้น
“เห็นไหม ข้าบอกแล้วว่าตัวข้าไม่ได้รับความยุติธรรม ดังนั้นห้ามลงโทษข้าเด็ดขาด”
“ไม่หน้าด้านไปหน่อยหรือ การแพร่งพรายความลับไม่เกี่ยวกับเรื่องเปลี่ยนหัวแถวสักนิด หากเจ้ายังมีสมองอยู่บ้าง ก็ต้องระวังตัวและรักษาความลับได้มากกว่านี้”
“ไม่สงสารกันบ้างหรือไง ได้โปรดช่วยแก้ต่างให้ข้าต่อหน้าลำดับ 2 ด้วย! ข้าไม่อยากทำเรื่องน่าเบื่ออย่างการนั่งจ้องกำแพงนานสิบปี”
“ใครบอกว่าแค่สิบปี?”
“…”
“…”
บีบันและเจสสิก้าพลันชะงักงันพร้อมกัน
สาเหตุเพราะว่า เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนขวางทางเดินของพวกมัน แม้ว่าจะอยู่ในภาวะพรางตัวสมบูรณ์แบบ
และไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
สายตาเด็กหนุ่มกำลังจ้องมองมาทางบีบันและเจสสิก้าไม่ผิดแน่
ทว่า
“คิดไปเองหรือเนี่ย…?”
เด็กหนุ่มคนดังกล่าวส่ายหัว จากนั้นก็เดินผ่านร่างอำพรางของเจสสิก้าและบีบันพร้อมกับเคี้ยวมันฝรั่งในมือ
บีบันยืนแข็งทื่อเช่นนั้นสักพัก ตามด้วยการพึมพำเสียงค่อย
“… โลกนี้ไม่ปรกติอีกแล้ว”
เจสสิก้าคืออดีตมหาจอมเวทในตำนาน
เวทมนตร์พรางตัวของเธอทรงพลังจนยากจะหาใครเทียบ ถึงขั้นสามารถหลบการตรวจจับของบีบันได้พักหนึ่ง
แต่ชาวนาสามัญชน กินอาหารสุกรอย่างมันฝรั่ง กลับระแคะระคายเวทมนตร์พรางตัวของหล่อน…?
แน่นอน ทั้งสองตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ในทางสามัญสำนึกของหอแห่งปัญญา เรื่องเช่นนี้นับว่าอยู่นอกความคาดหมาย
หลังจากไม่ได้เดินทางออกจากหอนานกว่าหนึ่งร้อยปี บีบันอดคิดไม่ได้ว่า โลกใบนี้แปลกประหลาดผิดหูผิดตา ราวกับเป็นโลกคนละใบกับสมัยตน
อย่างไรก็ตาม เจสสิก้า ผู้เพิ่งออกจากหอคอยหนล่าสุดเมื่อราวสิบปีก่อน กลับมีความเห็นแตกต่าง
“ไม่ใช่”
เจสสิก้าจ้องมองไปทางทุ่งข้าวด้วยดวงตาลุกวาว หลังจากยืนพิจารณากลุ่มชาวนาอยู่พักหนึ่ง เธอเผยเผยรอยยิ้มมุมปาก
“ไม่ใช่โลก… แต่เป็นอาณาจักรนี้ต่างหาก”
***
[แล้วพบกันในหอคอย]
กริดถูกทิ้งให้ฉงนเนื่องจากคำพูดของหนึ่งในสภาหอแห่งปัญญา
‘ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น?’
หรือเธอมั่นใจว่า เราสามารถแก้ไขปัญหาเหล็กมังกรคลั่งได้รวดเร็ว…?
ด้วยเหตุผลใด?
“หืม…”
กริดก้มมองรองเท้ามังกรครามและหันไปมองหัตถ์เทวะสี่ข้าง
ไม่ปรากฏสัญญาณของเหล็กมังกรคลั่ง
ละโมบเป็นแร่ชนิดใหม่ของโลก และถ้านำมาสร้างเป็นไอเท็ม มันจะสูญเสียอำนาจงอกเงย ต่อให้เป็นสภาหอคอยก็ไม่มีทางทราบว่าละโมบมีส่วนประกอบของเหล็กมังกรคลั่ง
‘เราอาจคิดมากเกินไป…’
คงเพราะได้เห็นพลังอันไร้ขีดจำกัดของบีบันเต็มสองตา
และในเมื่อสตรีรูปร่างสูงคือบุคคลระดับเดียวกับบีบัน กริดจึงตีความคำพูดไปเลยเถิด
“ถึงแล้วเพคะ”
ขณะชายหนุ่มกำลังจมดิ่งในภวังค์ความคิด มันถูกกระชากกลับสู่โลกความจริงด้วยน้ำเสียงใสกังวานของเมอร์เซเดส
ณ ลานฝึกซ้อมภายในวังหลวง
เราต้องรีบทดสอบพลังใหม่ให้แน่ใจ…
อย่างแรกคือพลังจิตไร้เทียมทาน
<พลังจิตไร้เทียมทาน> Lv.1
หลังจากอริยดาบบีบันทำการค้นคว้าวิจัยอย่างยาวนาน เขาสามารถปรับเปลี่ยนจุดไหลเวียนพลังภายในร่างกาย ส่งผลให้ปราณดาบพวยพุ่งประหนึ่งบ่อน้ำพุไม่มีวันเหือดแห้ง
หากปิดใช้งานทักษะ : ฟื้นฟูปราณดาบ 10 หน่วยต่อหนึ่งวินาที
หากเปิดใช้งานทักษะ : ท่านจะได้รับปราณดาบครึ่งหนึ่งของค่าสูงสุดทันที แต่จะส่งผลให้ปราณดาบฟื้นฟูวินาทีละ 1 หน่วยเป็นเวลาสิบนาที ระยะหน่วงหลังใช้ 1 ชั่วโมง
“…!”
ประสิทธิภาพยอดเยี่ยมเหนือจินตนาการกริดไปมาก
ถือเป็นข่าวดี เพราะท่ารำดาบของตนนับวันจะยิ่งสิ้นเปลืองปราณดาบเข้าไปทุกขณะ
เดิมที ปราณดาบคือทรัพยากรพิเศษซึ่งได้จากการเหวี่ยงดาบเท่านั้น ส่งผลให้กริดต้องหมั่นแกว่งดาบราวกับคนบ้า เพื่อให้ตัวเองมีทรัพยากรเพียงพอสำหรับใช้งานทักษะถัดไป
‘สิบหน่วยต่อวินาที!’
ชายหนุ่มต้องการตะโกนแหกปากดีใจ แต่สุดท้ายก็เลือกเก็บงำอารมณ์ไว้
เมอร์เซเดสกำลังยืนมองด้านข้าง มันจะทำตัวน่าละอายไม่ได้เด็ดขาด
หลังจากใจเย็นลง กริดหันไปถามหล่อน
“เธอเองก็ได้รับพลังจิตไร้เทียมทานด้วยใช่ไหม…? ไม่เกิดข้อผิดพลาดเลยหรือ?”
“ไม่เพคะ”
เมอร์เซเดสเลิกร้องขอความตายจากกริดมาสักพักหนึ่งแล้ว
เพราะยิ่งพูด กริดก็ยิ่งเดือดดาลราวกับภูเขาไฟพร้อมปะทุ
“ทำดีมาก จงขัดเกลาฝีมือตัวเองให้แข็งแกร่ง ฉันจะได้อุ่นใจเวลามีเธอเคียงข้าง”
“…แน่นอนค่ะ”
เมอร์เซเดสตัดสินใจแน่วแน่
เธอไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปต่อบีบันได้
ถึงจะทราบว่าหอแห่งปัญญามีจุดประสงค์เพื่อปกป้องมนุษย์จากมังกร แต่นั่นก็มิได้ทำให้เมอร์เซเดสรู้สึกสบายใจ
งานการปกป้องเจ้านายคือการคอยระแวงบุคคลแข็งแกร่งรอบตัวเอาไว้เสมอ ถึงวันนี้อาจไม่ใช่ศัตรู แต่วันหน้าก็ไม่แน่
‘สีหน้าแบบนี้อีกแล้ว…’
กริดจ้องเมอร์เซเดสผู้กำลังมีแววตามุ่งมั่น ก่อนจะมอบไอเท็มให้หนึ่งชิ้น
รองเท้ามังกรคราม
โชคดีชะมัด… ไม่มีกลิ่นตีนติดอยู่
“สวมมัน”
“…?”
“ฉันต้องการทดสอบบางสิ่ง”
ขณะต่อสู้กับเทพสงครามลีจอง เมอร์เซเดสได้ตั้งปณิธานอัศวินข้อใหม่
เธอลั่นวาจาว่า ศาสตร์แห่งโอเวอร์เกียร์คืออันดับหนึ่งเหนือวิชาทุกชนิด ส่งผลให้ตัวเมอร์เซเดสสามารถสวมใส่ไอเท็มทั้งหมดบนโลกโดยไม่ต้องสนใจเงื่อนไข แถมยังเพิ่มประสิทธิภาพไอเท็มอีก 15%
เมื่อรวมกับปณิธานข้อก่อนหน้า ซึ่งจะช่วยให้เมอร์เซเดสได้รับโบนัสค่าสถานะตามเกรดไอเท็มสวมใส่ ความโกงบัดซบเช่นนี้ช่วยให้เธอได้รับโบนัสมากกว่าคลาสผู้สืบทอดแพ็กม่าตัวจริงเสียอีก
แต่กริดเคลือบแคลง
เมอร์เซเดสจะสวมไอเท็มประจำคลาสอย่างละโมบได้จริงหรือ รวมถึงไอเท็มพิเศษจากภารกิจอย่าง ‘ปฐมดาบศักดิ์สิทธิ์’
ทันใดนั้น
“รองเท้าปฏิเสธดิฉัน…”
เมอร์เซเดสสวมรองเท้ามังกรครามไม่ได้
ไม่สามารถเอาชนะเงื่อนไข ‘กริดเท่านั้น’
‘คงเพื่อสมดุลของเกม’
ถ้า SA กรุปไม่มองผู้สืบทอดแพ็กม่าเป็นแค่อึหมาก้อนหนึ่ง ก็ไม่ควรมีใครมาทดแทนตัวตนผู้สืบทอดแพ็กม่าได้
และยังอธิบายได้ว่า เหตุใดกริดถึงเรียนเวทมนตร์แบบพิเศษได้แค่หางอึ่ง ในเมื่อตนครอบครองดวงจิตบราฮัมไว้กับตัว
‘ไม่ใช่เพราะเราโง่เกินกว่าจะเข้าใจสูตรเวทมนตร์แบบพิเศษ’
และไม่ใช่เพราะแต้ม ‘สติปัญญา’ ต่ำ
ถึงจะเป็นผู้เล่นสายเวทมนตร์และนำแต้มทั้งหมดไปอัปสติปัญญา แต่ก็ไม่มีทางเรียนเวทมนตร์บราฮัมได้มากกว่าระดับพื้นฐานแน่นอน
สมดุลก็คือสมดุล
‘แต่สำหรับคลาสมหากาพย์จอมดาบเวทของเรา ดูเหมือนสิ่งนี้จะแหกกฎความสมดุลมากไปหน่อย’
คลาสมหากาพย์จอมดาบเวทเกิดจากการผสมผสานระหว่างสามตำนาน ประกอบด้วยแพ็กม่า บราฮัม และกริด ชายหนุ่มจึงประเมินให้มีศักยภาพสูงมาก ไม่เพียงเท่านั้น ระบบเกมยังบอกใบ้ว่า สามารถพัฒนาไปเป็นคลาสเกรดมิธเต็มตัวได้ในอนาคต
“ฉันจะรีบสร้างรองเท้าคู่ใหม่ให้เธอ”
“รองเท้า… ดิฉันไม่ชอบ”
“แต่ถ้าฉันให้ เธอก็ต้องสวม เพราะฉันจะสร้างให้เธอจนครบทุกชิ้นในตอนสุดท้ายอยู่ดี”
“…”
“…”
ขณะกำลังโมโหความเกรงใจเกินเหตุของเมอร์เซเดส กริดพลันตระหนักว่า ตนยังไม่ได้ตรวจสอบวิชาดาบทัพหนึ่งแสนและสองแสนใหม่สักที
<ดาบสกัดทัพหนึ่งแสน (ลดระดับ) > Lv.1
กวัดแกว่งดาบหนึ่งครั้ง
สร้างความเสียหาย 100% จากพลังโจมตีทางกายภาพแก่ศัตรูทุกเป้าหมายในระยะการมองเห็น พร้อมกับสร้างอาการ ‘ถูกผนึก’ เป้าหมายของอาการถูกผนึกจะไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกาย ห้ามใช้ทักษะและเวทมนตร์ทุกชนิด
★ อริยดาบบีบันช่วยปลดพันธนาการบางส่วนของวิชาดาบ
ทรัพยากร :
- มานา 8,000
- ปราณดาบ 100
ระยะหน่วง : 30 นาที
<ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน (ลดระดับ) > Lv.1
กวัดแกว่งดาบหนึ่งครั้ง
สร้างความเสียหาย 3,000% จากพลังโจมตีกายภาพใส่สิ่งมีชีวิตทุกชนิด (ไม่แยกมิตรศัตรู) รอบจุดเป้าหมายการโจมตีภายในรัศมี 30 เมตร หากมีเป้าหมายเสียชีวิต เป้าหมายใกล้เคียงจะได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้น 100% (ซ้อนทับได้ ไม่มีขีดจำกัดค่าสูงสุด)
★ อริยดาบบีบันช่วยปลดพันธนาการบางส่วนของวิชาดาบ
ทรัพยากร :
- มานา 12,000
- ปราณดาบ 150
ระยะหน่วงหลังใช้ : 10 นาที
<ดาบสลายทัพสองแสน (ลดระดับ) > Lv.1
กวัดแกว่งดาบหนึ่งครั้ง
สร้างความเสียหาย 400% ต่อทุกศัตรูในการมองเห็น พร้อมกับ ‘สลาย’ ทักษะโจมตีของศัตรูทั้งหมด ทักษะโจมตีเหล่านั้นจะสูญเสียอำนาจทำลายล้างและสลายตัวไป
อย่างไรก็ตาม ยิ่งสลายทักษะมากเท่าใด ผลข้างเคียงก็ยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น
★ อริยดาบบีบันช่วยปลดพันธนาการบางส่วนของวิชาดาบ
ทรัพยากร :
- มานา 12,000
- ปราณดาบ 200
ผลข้างเคียง : ลดพลังชีวิต (ต่ำสุด 10% สูงสุด 50%)
ระยะหน่วง : 30 นาที
ก่อนอื่นเลย ทุกทักษะจะมีสิ่งหนึ่งร่วมกัน
ใช้ทรัพยากรเพิ่มขึ้นจากเดิมมหาศาล
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับกริด
ชายหนุ่มมีแหวนสุดโกง สามารถลดการใช้ทรัพยากรทุกชนิดได้ครึ่งหนึ่ง
แลกมากับประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม และเมื่อคำนึงว่าตนครอบครองทักษะ ‘พลังจิตไร้เทียมทาน’ จุดอ่อนด้านทรัพยากรก็แทบไม่เป็นปัญหา
แต่เรื่องน่าเศร้าก็คือ จุดเด่นด้าน ‘ความถี่’ ซึ่งคอยทำคอมโบกับดาบอัสนีฯ มาตลอดได้สูญหายไป…
‘หวังพึ่งพาระเบิดเพลิงทมิฬไม่ได้แล้ว แต่ความเสียหายก็จะตายตัวมากขึ้น แถมค่าพลังโจมตีก็ยังเพิ่มขึ้นมาก’
ถือว่าไม่แย่
กริดได้เป้าหมายใหม่
ประการแรก สร้างอาวุธชนิดใหม่ ให้ดึงประสิทธิภาพของทักษะนี้ได้ถึงขีดสุด
แน่นอน อาวุธประเภทดังกล่าวจะช่วยยกระดับท่าโจมตีทุกชนิดซึ่งมี ‘สังหาร’ เป็นส่วนประกอบ รวมถึงวิชาดาบมาดรา
หลังจากนั้น ดาบอัสนีฯ จะถูกสลับมาใช้เฉพาะทักษะซึ่งมีความถี่สูง จำพวกทักษะผสานของ ‘ร่ายรำ’ ชนิดต่างๆ
เป้าหมายถัดมาคือ หาวิธีครอบครองวิชาดาบมาดราต้นตำรับให้ได้
วิชาดาบมาดราของแท้จะยอดเยี่ยมสักแค่ไหนกัน เพราะขนาดว่ากริดได้อริยดาบบีบันแห่งสภาหอคอยช่วยปรับแต่งให้ แต่ชื่อทักษะยังคงถูกกำกับด้วย ‘ลดระดับ’ เหมือนเดิม
ในตอนแรก กริดคิดว่าบีบันจงใจกำกับไว้เพื่อให้เกียรติมาดรา แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย มันคือทักษะลดระดับของแท้
ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากได้พลังต้นตำรับ…
“หรือว่าข้อมูลของวิชาดาบต้นตำรับจะอยู่ในไดอารีมาดราบทหลัง?”
ขณะเกิดความคาดหวัง กริดนำวัตถุทรงกลมขึ้นมาวางบนฝ่ามือ
สีของมันดำสนิทเหมือนกับสมุนไพรยาลูกกลอนของจีน แต่กลิ่นแตกต่างมาก ทั้งหอมและสดชื่นเหมือนกับดอกไม้
‘สิ่งนี้คือโอสถระดับสูงสุด?’
[ดวงตาของเหนือมนุษย์มีประสิทธิภาพสูงกว่ามนุษย์ทั่วไปมาก หากวัตถุชิ้นใดมีความลับซ่อนอยู่ ท่านสามารถค้นพบมันได้]
[ท่านไม่พบความลับ]
<ยามังกร>
เกรด : มิธ
สร้างโดยการผสมหัวใจมังกรศิลา กูเซล เข้ากับโอสถหลายชนิด
หอแห่งปัญญาต้องใช้เวลานานกว่าหนึ่งร้อยปีจึงจะสร้างยาเม็ดนี้ได้
แม้แต่ทวยเทพบนสวรรค์ยังปรารถนาจะครอบครองมัน ยาเม็ดนี้มีสรรพคุณขยาย ‘แก่นมานา’ ของผู้ใช้งานได้หลายเท่า
* ยิ่งกินมาก แก่นมานาก็ยิ่งขยายได้น้อยลง และจะไม่เกิดผลใดหลังจากกินครบสามครั้ง
น้ำหนัก : 0.1
‘แก่นมานา?’
แก่นมานาคือระบบซึ่งเหล่าจอมเวทคุ้นเคย
ยิ่งขยายแก่นมานาได้มากเท่าใด ปริมาณมานาสูงสุดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น มานาจะยิ่งแหลมคมมากขึ้น นำพาไปสู่การเพิ่มพลังโจมตีเวทมนตร์ ช่วยให้เรียนเวทมนตร์ระดับสูงได้ และช่วยเร่งความเร็วร่ายเวท
คล้ายกับค่าสติปัญญา แต่เป็นระบบซับซ้อนกว่า แก่นมานาสามารถขยายได้จากภารกิจประจำคลาสและภารกิจลับทีละนิด
แต่สำหรับคลาสนอกเหนือจากจอมเวท แก่นมานามิใช่สิ่งสำคัญอะไรนัก ประโยชน์หลักคือการนำไปสร้างโกเล็มมากกว่า
“เราเคยได้ยินมาว่า ยิ่งแก่นมานาขยายก็ยิ่งเป็นเรื่องดี… แต่เข้าใจมาตลอดว่าเป็นระบบสำหรับจอมเวทเท่านั้น”
น่าผิดหวังชะมัด แบบนี้เอาเป็นโอสถช่วยเพิ่มแต้มสถานะโดยตรงยังดีเสียกว่า
‘… แต่ในเมื่อเป็นถึงเกรดมิธ เราคงไม่มีทางเลือกนอกจากกินเข้าไปเอง’
ก็ไม่เลวนักเมื่อลองจินตนาการว่า เวทมนตร์แบบพิเศษของบราฮัมจะมีประโยชน์กับเราในสักวัน
‘เดี๋ยวสิ…’
ขณะกริดกำลังจะกินยามังกร มันชะงักมือค้างไว้เล็กน้อย
‘ต้องเก็บไว้เป็นหลักฐานก่อน’
ระหว่างสนทนากับบีบันในห้วงมิติเวทมนตร์ กริดเป็นห่วงเด็กคนหนึ่งตลอดเวลา
เนเฟลิน่า
แฮชลิ่งภายในปราสาทโอเวอร์เกียร์
ถึงเด็กคนนั้นจะกินวัววันละ 4 ตัวและหมูวันละ 4 ตัว แต่กริดก็เอ็นดูเนเฟลิน่ามาก
นอกจากจะมอบบัฟช่วยเพิ่มประสบการณ์เก็บเลเวล กริดยังผูกพันกับเนเฟลิน่าตั้งแต่ยังไม่ฟักออกจากไข่ ราวกับโชคชะตานำพาให้ตนรู้จักเผ่าเนตรมาร จนกระทั่งได้รับเลี้ยงเธอ
กริดต้องการให้เธอปลอดภัย เติบโตอย่างแข็งแรงและสุขภาพดี ไม่ถูกหอแห่งปัญญากำจัดทิ้งก่อนจะโตเต็มวัย
เมื่อคำนึงว่าหอแห่งปัญญาทรงพลังขนาดนำหัวใจมังกรมาปรุงเป็นยาสำเร็จ ชายหนุ่มพลันตื่นตัวและเริ่มกังวลทันที
***
“เรานึกสงสัยมาตลอดว่าทำไมมังกรดุร้ายถึงแทบไม่เคยออกอาละวาด และวันนี้ก็ได้คำตอบเสียทีว่าเป็นฝีมือของมนุษย์กลุ่มหนึ่ง”
ภายในห้องนอนของเนเฟลิน่า
ครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องนอนกริด แต่ตอนนี้กลายเป็นห้องสำหรับขลุกตัวกลิ้งไปมาและส่ายหางดุกดิกของมังกรสาวตัวน้อย
“เข้าใจแล้ว เรายังเด็กและอ่อนแอ ต้องคอยระวังพวกเขาให้มาก เราจะรีบพัฒนาตัวเองโดยเร็ว รวมถึงระงับพลังไม่ให้ห้วงมิติเวทมนตร์แห่งนี้ดึงดูดสายตาเกินไป ดังนั้นเจ้าสบายใจได้”
แม้จะกล่าวด้วยมาดอาอาจสง่างาม แต่สุ้มเสียงกลับยังเป็นของเด็กสาว
ร่างกายอวบอ้วนขึ้นเล็กน้อย จากการแดกไม่บันยะบันยังตลอดหลายปี แต่กริดกลับมองว่าเธอน่ารักและน่าหลงใหลยิ่งกว่าเดิม
โดยเฉพาะดวงตา
ราวกับนำอัญมณีงดงามอันดับหนึ่งของโลกยัดไว้ในเบ้าตาทั้งสองข้าง
กริดผงกศีรษะรับ ภายในใจพยายามระงับความต้องการจะเดินเข้าไปลูบเกล็ดระยิบระยับของหล่อน
“ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ ถ้าอย่างนั้น ผมตัวกลับก่อน…”
หากอยู่นานกว่านี้ เกรงว่าตนอาจถูกลมหายใจเพลิงเป่าจนไหม้เกรียม
ขณะชายหนุ่มรีบเผ่นป่าราบ เสียงแผ่วเบาของเนเฟลิน่าดังลอยมาตามลม
“… ขอบใจมาก กริด”
ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง
เมื่อได้กลับออกมาครบสามสิบสอง มันรีบยัดยามังกรใส่ปากโดยไม่ลังเล
“คึ่ก…!”
ใบหน้ากริดพลันยับยู่ยี่ประหนึ่งกระดาษถูกขยำด้วยมือ
ความรู้สึกร้อนรุ่มเหนือคำบรรยายเริ่มผุดขึ้นตรงท้องน้อยกะทันหัน ก่อนจะลามแพร่กระจายออกไปทั่วลำตัว
ชายหนุ่มกำลังเจ็บปวดแสนสาหัส แต่กลับไม่สามารถดิ้นรนหรือส่งเสียงกรีดร้องออกมา
ผลลัพธ์ละ...
ReplyDeleteค้างงงงงงง~
ขอบคุณมากๆครับ🙏
กริดลืมรึเปล่า คลาสตัวเองเป็นดาบเวทย์ มันต้องโหดสุดๆอยู่แล้ววว
ReplyDeleteขอบคุณสำหรับงานแปลครับ