จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,133
‘เท็มพล่า!’
เนบีเรียส อดีตข้ารับใช้ยาธานลำดับ 4
มันถูกกริดสังหาร จนทำให้กริดกลายเป็นดาวดังค้างฟ้าของโลกมาจนถึงปัจจุบัน
ในคราวนั้น กริดมีโชคเล็กน้อยจากออปชันโจมตี 5 เท่าของถุงมือแสงศักดิ์สิทธิ์และดาบความผิดพลาด รวมถึงออฟชันผ่าสองซีก ส่งผลให้เอาชนะเนบีเรียสมาได้อย่างไม่ยากเย็น
และประโยคสุดท้ายจากปากอดีตข้ารับใช้แห่งยาธานก็คือ…
“ฉันได้ยินมาว่า โบสถ์รีเบคก้ามีวิหารลับคอยชุบเลี้ยงสัตว์ประหลาดอย่างบุตรีทั้งสามและหน่วยเท็มพล่า… แกมาจากวิหารนั้นหรือ”
นับแต่นั้น เท็มพล่าก็ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้ง
โดยเฉพาะจากปากสมาชิกวิหารยาธาน กริดสัมผัสได้ว่าพวกมันมอบความหวาดกลัวต่อหน่วยเท็มพล่ามากเป็นพิเศษ
แต่กริดก็ไม่เคยพบเท็มพล่าเลยสักครั้ง เพราะดาเมี่ยนไม่เคยเอ่ยถึง แม้จะเป็นสันตะปาปามานานหลายปี
‘เราเข้าใจว่าเป็นองค์กรลับและสำคัญมาก’
แต่ก็ไม่ได้กังวลหรือหวาดระแวง
แน่นอนอยู่แล้ว
ต่อให้โบสถ์รีเบคก้ามีองค์กรลับซุ่มซ่อนแล้วอย่างไร? ในเมื่อสันตะปาปาและโบสถ์คือหนึ่งในพันธมิตรอันเหนียวแน่นของโอเวอร์เกียร์มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งอาณาจักร แถมสภาอาวุโสทุกคนก็ยังชื่นชอบกริดมาก มันจึงไม่เคยกังวลว่าหน่วยเท็มพล่าจะเป็นภัยคุกคาม
แต่ปัจจุบัน พฤติกรรมของพวกมันกลับเริ่มไม่ชอบมาพากล
สำหรับโลกใบนี้ บราฮัมได้ถูกจารึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ในนามมหาจอมเวทในตำนาน
มีเพียงน้อยคนนัก จะทราบว่าแท้จริงแล้ว บราฮัมคือหนึ่งในเผ่าพันธุ์อสูรแวมไพร์
แน่นอน บุคคลระดับสูงของโบสถ์รีเบคก้าคือหนึ่งในคนเหล่านั้น พวกมันล้วนทราบความจริง แต่ใช่ว่าพอทราบแล้วจะส่งคนออกไปค้นหาทำลายร่างเนื้อทิ้งเสียเมื่อไร
สันตะปาปาดาเมี่ยนเป็นสหายกริด
ดาเมี่ยนย่อมต้องการปกป้องร่างเนื้อบราฮัมยิ่งชีพ จึงไม่ควรมีสมาชิกคนใดของโบสถ์กล้าบุกรุกจุดฝังร่างเนื้อ
ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ถ้ากลุ่มเท็มพล่าพยายามค้นหาและทำลายร่างบราฮัมจริง พวกมันก็กำลังฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของโบสถ์รีเบคก้าอย่างร้ายแรง
‘ดาเมี่ยนสูญเสียอำนาจบริหาร? หรือเกิดความขัดแย้งภายในโบสถ์?’
หลังจากจัดระเบียบความคิดตัวเองอย่างถี่ถ้วน กริดตัดสินใจซักถาม
“โบสถ์รีเบคก้าประกาศให้สาวกทุกคนทราบแล้วหรือว่าบราฮัมเป็นแวมไพร์?”
> คงไม่ เพราะฉันจงใจปกปิดตัวจริงของบราฮัม
“เพราะเหตุใด?”
> มนุษยชาติจะเป็นฝ่ายเสียหายมากกว่า หากพวกเราลงโทษบราฮัมเพียงเพราะเขาเป็นเผ่าอสูรแวมไพร์ เวทมนตร์ของบราฮัมเป็นประโยชน์ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ในวงกว้าง
> แม้ว่าบุคคลผู้ถ่ายทอดเวทมนตร์ของบราฮัมจะเป็นศิษย์อย่างมูมัดก็ตาม แต่นั่นก็ไม่เปลี่ยนความจริงไป… ช่างเถอะ เรื่องนั้นไม่สลักสำคัญ
กริดตั้งใจฟังโดยไม่ขัด
> เท็มพล่าคือหน่วยพิเศษซึ่งเป็นอิสระจากโบสถ์และสันตะปาปาโดยสมบูรณ์ พวกเขาทราบว่าบราฮัมคือเผ่าอสูร และเคยเป็นกังวลอยู่ช่วงหนึ่ง
> แต่เนื่องจากบราฮัมเสียชีวิตลงในเวลาถัดมา ความกังวลดังกล่าวจึงสลายไป
> อย่างไรก็ตาม การมีตัวตนของใครบางคนได้ทำให้เท็มพล่าหันกลับมาสนใจบราฮัมอีกครั้ง
“ใครบางคน? ใครกัน…?”
กริดผู้รู้อยู่เต็มอกว่าตนคือต้นตอสาเหตุ แต่ก็ยังตัดสินใจถามหยั่งเชิงฟรานซ์กลับไป
ขณะเดียวกัน สมาชิกโอเวอร์เกียร์จำนวนมากซึ่งเฝ้ามองบทสนทนามาสักพัก ต่างหันมองกริดเป็นตาเดียว
ชายหนุ่มเริ่มผุดเหงื่อไคลเย็นเฉียบ
“หมายถึงฉัน?”
> ฮะฮะ! ถูกต้อง
“…”
> ดูเหมือนเท็มพล่าจะรู้นานแล้วว่าข้าครอบครองดวงวิญญาณบราฮัม พวกเขาสืบสวนจนพบความสัมพันธ์อย่างละเอียด จนกระทั่งทราบว่าร่างเนื้อของบราฮัมอยู่ในสุสานดาบ จึงชิงบุกรุกตัดหน้าเพื่อขัดขวางมิให้เจ้าคืนชีพบราฮัมสำเร็จ
“แต่พวกเขาควรทราบว่าคุณคืออดีตสันตะปาปาลำดับห้า”
ในปัจจุบัน พลังของโจมตีของดาบฟรานซ์มีเพียง 8,000 หน่วยเท่านั้น
เมื่อพิจารณาตามความเป็นจริง ฟรานซ์แทบไม่มีโอกาสเอาชนะหน่วยเท็มพล่าได้เลย เพราะสมาชิกแต่ละคนก็มิได้ด้อยไปกว่าบุตรีแห่งรีเบคก้าสักเท่าไร
จึงสมเหตุสมผลมากกว่า เมื่อลองคาดเดาว่า หน่วยเท็มพล่าทราบถึงตัวตนของฟรานซ์และยอมถอยกลับแต่โดยดี
ทว่า ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น
> แน่นอน พวกเขาจำได้ แต่เพราะข้าพยายามปกป้องสุสานของแวมไพร์ สภาพจึงกลายเป็นเช่นนี้ยังไงล่ะ! นึกว่าจะไม่รอดแล้วเชียว ฮะฮะ!
“…”
สีหน้าแววตาของสมาชิกโอเวอร์เกียร์พลันอึมครึมทันที
หากใครสักคนเล่าว่าตัวเองเกือบตายแล้วยังหัวเราะอย่างร่าเริงได้ หมายความว่ามันผู้นั้นไม่ปรกติอีกแล้ว
‘ถ้าพวกนายได้เห็นเครย์เชย์ คงถึงคราวสติแตกแน่นอน’
เครย์เชอร์ สันตะปาปาลำดับสอง ชายคนนั้นมีความฝันหนึ่งเดียวในชีวิตคือ ต้องการเป็นโลงศพให้แมรีโรสหนุนนอนตราบนานเท่านาน
เมื่อเทียบกับเครย์เชอร์ ฟรานซ์จะกลายเป็นคนปรกติทันที
“แล้วคุณรอดจากวิกฤติได้ยังไง?”
ทำไมถึงไม่ถูกเท็มพล่าฆ่าตาย และทำอย่างไรถึงสามารถปกป้องร่างเนื้อบราฮัมไว้ได้
ขณะกริดกำลังฉงน ฟรานซ์มอบคำตอบอันไม่มีใครคาดคิด
> ฮะฮะ! ข้าเลือกรักษาชีวิต จึงยอมร่วมมือกับพวกเขาแต่โดยดี
“แบบนี้นี่เอ—… อะไรนะ?”
> ข้าช่วยเท็มพล่าฝังข่ายเวทมนตร์ตรวจจับไว้ใต้สุสาน ฉะนั้น พวกเขาจะมาถึงตรงนี้ในอีกไม่ช้า
“ระยำเอ้ย!!”
ไม่มีศักดิ์ศรีเลยหรือไง?
กริดกัดฟันกรอด มันรีบหันไปมองด้านหลัง
จุดห่างไกลออกไป คนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งไต่หน้าผาสูงชันขึ้นมาหาอย่างไม่ยากเย็น
จำนวนราว 20 เห็นจะได้ ถือว่าน้อยกว่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์สองเท่า แต่ความเร็วในการวิ่งขึ้นทางลาดชันกลับสูงจนน่าหวาดหวั่น
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนต่างนำอาวุธประจำกายออกมาถือ จากนั้นก็หันมองกริดด้วยสีหน้าแววตาเห็นอกเห็นใจ
“กริด ภารกิจของนายยากบัดซบแบบนี้ทุกครั้งเลยสินะ”
“ถ้าฉันเป็นกริด คงได้ล้มเหลวตั้งแต่เอิร์ลอัชเชอร์สั่งให้ตามหาคัมภีร์ลับของแพ็กม่า”
“…”
กริดทำเพียงเงียบงัน ไม่กล้าปฏิเสธ
ขณะชายหนุ่มหันกลับมาจ้องฟรานซ์ด้วยสีหน้าโกรธเคือง อีกฝ่ายกลับสาธยายต่อด้วยเสียงสดใสราวกับตนไม่ได้ทำอะไรผิด
> สันตะปาปาทุกรุ่นล้วนเคารพและยอมให้หน่วยเท็มพล่าแยกตัวเป็นอิสระ สามารถเคลื่อนไหวได้ตามอำเภอใจ… เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?
“จะไปรู้ได้ยังไง”
> เป็นเพราะพวกเขาแข็งแกร่งมาก และหัวหน้าหน่วยเท็มพล่ายังเป็นคนพิเศษ ท่านคอยทดสอบความเหมาะสมของสันตะปาปาทุกรุ่นอยู่เสมอ ด้วยวิธีการอันซับซ้อนซึ่งมนุษย์ไม่มีวันเข้าใจ ส่งผลให้ ไม่มีสันตะปาปาองค์ใดกล้าขัดขืนเท็มพล่า
“คนพิเศษ?”
> ข้าสันนิษฐานว่า… ท่านไม่ใช่มนุษย์ พลังของท่านเกินขอบเขตมนุษย์ไปไกล และใครบางคนคาดเดาว่าท่านอาจจะเป็น… เทวทูต
“เทวทูต? เทวทูตในความหมายเดียวกันกับผมใช่ไหม?”
> ก็คงใช่ และเป้าหมายปัจจุบันของท่านคือ… ทำลายดวงวิญญาณบราฮัมในตัวเจ้า
“ระยำเอ้ย!!”
ท่าทีผ่อนคลายของฟรานซ์ทำให้กริดพลันระเบิดโทสะ ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดคนทรยศถึงกล้าเล่าเรื่องราวโดยไม่รู้สึกผิดได้เช่นนี้
ฟรานซ์ป้องกันการโจมตีจากกริดได้อย่างไม่ยากเย็นนัก น้ำเสียงของมันเริ่มหงุดหงิด
> โจมตีข้าทำไม?
“แกมันคนทรยศ! ยังมีหน้ามาพูดอีกหรือ”
> คนทรยศ? ข้าเพียงเลือกทำตามเป้าหมายสำคัญ นั่นคือการปกป้องร่างเนื้อบราฮัมให้ปลอดภัย เจ้าลองนึกดูให้ดี หากข้าขัดขืนและไม่ร่วมมือกับพวกเขา ร่างเนื้อของบราฮัมจะปลอดภัยจนถึงทุกวันนี้หรือ?
“…”
> เลิกโจมตีข้าอย่างเปล่าประโยชน์ จงเพ่งสมาธิรับมือกับศัตรูตรงหน้าให้ดี หากเจ้าเอาชนะพวกเขาได้ บราฮัมก็จะปลอดภัย แต่ถ้าเจ้าพ่ายแพ้ บราฮัมก็จะหายไปตลอดกาล
“…บัดซบ!”
ไอ้ดาบเวรตะไลพูดถูกต้องทุกคำ
เมื่อทราบเหตุผลว่าทำไมฟรานซ์ถึงต้องร่วมมือกับเท็มพล่า กริดเริ่มใจเย็นลงพร้อมกับออกคำสั่งพวกพ้อง
“อย่าเพิ่งลงมือ! ให้ฉันวัดระดับพวกมันก่อน”
กึก. กึก.
กริดพุ่งไปข้างหน้าสองก้าว
พร้อมกันนั้น หัวไหล่ของชายหนุ่มขยับเล็กน้อย ถือว่าเข้าเงื่อนไขของท่วงท่ารำดาบ
“มายาร่ายรำสะพรั่ง!”
“…!?”
สมาชิกกิลด์ทุกคนพลันตะลึง
พวกมันต่างไม่เชื่อว่า กริดสามารถปลอดปล่อยวิชาดาบผสาน ‘สามท่า’ ด้วยการก้าวขาเพียงสองครั้ง
บึ้มบึ้ม!
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
ปราณดาบปริมาณมหาศาลพร้อมกับกลุ่มก้อนเวทมนตร์ชนิดพิเศษของบราฮัม ถูกระดมยิงใส่กองทัพเท็มพล่าอย่างพร้อมเพรียง
ทันใดนั้น
ชิ้ง—
ชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้ง—!
แผ่นจานสีฟ้าจำนวนมากพลันปรากฏขึ้นจากความวางเปล่า ทั้งหมดคอยสลายคลื่นดาบและเวทมนตร์ของกริดให้หายไปจากโลก ราวกับไม่มีสิ่งใดเคยเกิดขึ้นมาก่อน
บราฮัมผู้เฝ้ามองเหตุการณ์อย่างเงียบงันมาตลอด ตัดสินใจเปิดปากเป็นหนแรก
> … เทวทูตตัวจริง
“…!”
> เทวทูตและกองทัพซึ่งนำโดยเทวทูต จะไม่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีระยะไกลทุกชนิด ด้วยกฎเหล็กอันมีใจความว่า ‘หากมารชั่วร้ายตนใดไม่มีความกล้ามากพอจะเข้าประชิดตัวสาวกแห่งเทพ มารเหล่านั้นจะไม่มีวันทำอันตรายแก่ผู้ถูกเทพอวยพรได้’ ไอ้พวกสุนัขนั่นจะยินยอมให้การโจมตีระยะประชิดผ่านเข้าไปได้เพียงอย่างเดียว
‘แปลว่าจอมเวทจะไม่มีวันสู้ได้เลย?’
> แน่นอน จอมเวทตนใดอาจหาญต่อกรกับเทวทูตโดยตรง จอมเวทตนนั้นคือคนบ้า
‘แต่ฉันกล้า’
> ก็นายไม่ใช่จอมเวท
ฉึบ—!
กริดทะยานเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง
เมอร์เซเดสพุ่งตามติดไม่ห่าง
เมื่อทั้งสองเริ่มเข้าใกล้ หน่วยเท็มพล่าซึ่งสวมหน้ากากและชุดเกราะ ต่างกวัดแกว่งดาบโจมตีสวนกลับโดยไม่กล่าวสิ่งใด
เป็นการโจมตีหลากหลายประเภท ราวกับสุดยอดค่ายกลสำหรับรับมือบุคคลทรงพลังโดยเฉพาะ
มีทั้งฟันกวาดเป็นวงพัด รวมถึงการเล็งแทงด้วยวิถีโค้งพลิกแพลง ทั้งหมดล้วนเป็นเชิงดาบระดับสูง
คมดาบพวกมันทุกเล่มลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าครามน่าหวั่นเกรง กริดพอจะทราบว่า เพลิงชนิดดังกล่าวจะลดประสิทธิภาพการฮีลของเป้าหมายลง และยังสร้างดีบัฟได้บางชนิด
อย่างไรก็ตาม ราชาโอเวอร์เกียร์และอัศวินประจำกายต่างตอบโต้อย่างสมบูรณ์แบบ
เปรี้ยง—!
เมื่อดาบเสือขาวของเมอร์เซเดสปะทะเข้ากับดาบเท็มพล่า เสาหินพลันพุ่งทะลวงจากปฐพี กระแทกร่างพวกมันหนึ่งคนลอยกระเด็น กริดรีบฉวยโอกาสดังกล่าวแหกค่ายกลอันแน่นหนา
เปรี้ยง!
เท็มพล่าสามคนถูกซัดกระเด็นพร้อมเพรียงพลางเซถอยหลังอย่างเสียท่า
แต่สีหน้ากริดกลับยังอึมครึม
ไม่มีเลือดสักหยด…?
พลังโจมตีของกริดเข้าขั้นเหนือมนุษย์
ต่อให้เป็น NPC สุดพิเศษอย่างดยุคแห่งดาบ ลิมิต รวมถึงจอมอสูรเฟย์ริส แต่พวกมันก็ยังต้องหลั่งเลือด หากได้รับความเสียหายอย่างจังจากราชาโอเวอร์เกียร์
ทว่า กลุ่มเท็มพล่าเหล่านี้กลับได้รับความเสียหายไม่เกิน 10,000 หน่วยด้วยซ้ำ
เหนือสิ่งอื่นใด ผิวหนังทุกคนเรียบเนียนปราศจากบาดแผล
ระหว่างกำลังตกตะลึง กริดถูกลอบโจมตีจังหวะทีเผลอ เมอร์เซเดสรีบพุ่งตัวเข้าใกล้และใช้โล่เป็นกำบัง จากนั้น หญิงสาวชี้นิ้วไปยังบุคคลผู้หนึ่งด้านหลังสุดของหน่วยเท็มพล่า
“คนผู้นั้นคอยฮีลอยู่”
“…!”
เป็นดังคำของเธอ
บุคคลปริศนาผู้สวมชุดคลุมยาวสีขาวโพลน ทำการเสกแสงเขียวโอบล้อมร่างกายเท็มพล่าทุกคนเป็นระยะ คอยสมานบาดแผลและฟื้นฟูพลังชีวิตให้เต็มหลอดตลอดเวลา
เวทฮีลหมู่ของรูบี้ดูด้อยค่าลงทันที
> นั่นคือเทวทูต
‘ให้ตายสิ!’
ใบหน้ากริดบิดเบี้ยวราวกับกระดาษขยำ
มันกำลังโกรธเคืองโชคชะตา เหตุไฉนถึงต้องส่งตัวตนทรงพลังเกินเอื้อมเข้ามาขัดขวาง ขณะตนกำลังจะชุบชีวิตบราฮัมด้วย
“พี่!”
“ให้พวกเราช่วยอีกแรง!”
รูบี้และสมาชิกโอเวอร์เกียร์ตามมาสมทบ
นักบุญหญิงคอยฟื้นฟูและบัฟให้กับกริดและเมอร์เซเดสเป็นพิเศษ ส่วนสมาชิกกิลด์คนอื่นพยายามสร้างจังหวะให้กริดโจมตีอย่างสุดฝีมือ
ต้องขอบคุณทีมเวิร์คของสมาชิกระดับหัวกะทิกว่า 40 ชีวิต กริดเริ่มใจเย็นลง จนกระทั่งหาช่องทะลวงผ่านกลุ่มเท็มพล่าเข้าไปพร้อมกับเมอร์เซเดส ระหว่างทาง ชายหนุ่มไม่ได้ฆ่าใครแม้แต่คนเดียว เป้าหมายหลักคือการเล็งจัดการฮีลเลอร์ระดับเทวทูตให้ได้ก่อน
‘เสมือนเทพ!’
กริดยกระดับตัวเองให้ใกล้เคียงเทพ ทักษะช่างเหล็กทั้งหมดถูกล้างระยะหน่วงและใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องร่าย ราชาโอเวอร์เกียร์รีบผสานไอเท็ม <ดาบอัสนีฯ + ดาบใหญ่กริด> ในพริบตา
ทันใดนั้น
“น่าทึ่งมาก”
ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นเทวทูตกล่าวชมเชยกริด
พรึบ—!
ตามด้วยการลอยขึ้นท้องฟ้าพร้อมกับถอดชุดคลุมสีขาวออก แผ่นหลังสยายปีกสีขาวหนึ่งคู่
“อะ…”
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนพลันอ้าปากค้าง
ปีกสีขาวบริสุทธิ์และออร่าสีทองรอบตัว…
บุคคลศักดิ์สิทธิ์จ้องมองลงมาด้านล่างอย่างเงียบขรึม ภาพลักษณ์ตรงตามคำอธิบายของเทวทูตทุกประการ บรรยากาศโดยรอบพลันเกิดมวลจิตสะกดข่มรุนแรง
ในทางกลับกัน แววตากริดกำลังเย็นชา
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น จะให้มันตกตะลึงกับตัวตนของผู้รับใช้เทพได้อย่างไร ในเมื่อตนเคยแข่งตีเหล็กกับเทพอย่างใกล้ชิดมาแล้ว
‘และเมื่อลองพิจารณาให้ดี… เทวทูตคือตัวตนระดับเดียวกับจอมอสูร…’
ชายหนุ่มตั้งสติประเมินสถานการณ์
… เรามีเมอร์เซเดส บราฮัม และพวกพ้อง
รวมถึงเหล่าอัศวินทรงพลังซึ่งพร้อมตอบรับคำอัญเชิญตลอดเวลา…
ขณะแววตากริดเริ่มแผ่จิตสังหาร เทวทูตปริศนาทำการเรียกตัวกลุ่มเท็มพล่ากลับ
“ดูเหมือนตัวตนของเจ้าจะตรงตามข่าวลือทุกประการ กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และเปี่ยมด้วยพลัง ข้าเคยนึกสงสัยว่า เจ้าอาจถูกมารปั่นหัวจนพยายามคืนชีพบราฮัมเพื่อต่อต้านเทพ แต่ดูเหมือนจะเข้าใจผิดถนัด บราฮัมในปัจจุบันมิได้แข็งแกร่งขนาดนั้น และเจ้าไม่ได้กำลังถูกมารควบคุม”
> หลังจากฉันต่อสู้กับมูมัดและออกจากร่างนายกะทันหัน ดวงวิญญาณบางส่วนได้ถูกทำลายไปอย่างถาวร… เขามองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่ง
“ในเมื่อเทพธิดาแห่งแสงมอบพรแด่เจ้า ข้าก็ขอร่วมภาวนาให้เจ้าโชคดีกับเส้นทางของตัวเอง หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในฐานะมิตร… ขอตัว”
[ท่านได้รับพรจากอัครเทวทูต ซาลิเอล]
[ขณะพรยังคงอยู่ อัตราการดรอปไอเท็มทุกชนิดจากมอนสเตอร์จะเพิ่มขึ้น 500% แต่จะแสดงผลเพียงครั้งเดียวเท่านั้น]
“…!”
กริดเคยคิดว่า ความซวยของตนได้เปลี่ยนให้เหตุการณ์ดำเนินไปในทิศทางเลวร้าย แต่ความจริงแล้วกลับเป็นเรื่องดี
ขณะชายหนุ่มกำลังจ้องมองซาลิเอลและหน่วยเท็มพล่าถอนตัวกลับ เสียงของฟรานซ์ดังแว่วจากด้านหลัง
> โฮ่ ทำได้ไม่เลว
“รีบลงไปหาร่างเนื้อบราฮัมกันเถอะ ถึงเวลาจบเรื่องราวอันยืดเยื้อนี้สักที”
…!
และในวันนี้
[มหาจอมเวทในตำนาน บราฮัม ได้คืนชีพกลับมาอีกครั้ง!!]
เพียงข้อความโลกประโยคเดียว มวลชนทั่วโลกพลันถูกความตกตะลึงเข้าครอบงำ
สื่อเจ้าใหญ่ทั้งหมดต่างพาดหัวข่าวไปในแนวทางเดียวกันว่า :
<นับตั้งแต่ซาทิสฟายเปิดตัว ไม่มีเหตุการณ์ใดน่าตกตะลึงเท่ากับคราวนี้อีกแล้ว>
สุดมากกกก แต่ในเนื้อเรื่องยังกักความสามารถต่างๆ ไว้อีกเยอะ แถมกริดยังไม่ได้ใช้พลังเต็มสูบด้วย
ReplyDeleteขอบคุณมากๆครับ
ReplyDelete