จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,143
ผู้เล่นคลาสทั่วไปส่วนมาก มักไม่สามารถรักษาตำแหน่งแรงค์หนึ่งของคลาสตัวเองไว้ได้นานนัก เรียกได้ว่ามีจำนวนเพียงหยิบมือเดียว
แต่เซ็ดนอสถือเป็นข้อยกเว้น
หากเทียบกันในเรื่องพื้นฐานและภูมิปัญญาเวทมนตร์ มีผู้เล่นน้อยคนจะทัดเทียมเซ็ดนอสในด้านนี้
แรงเกอร์คลาสจอมเวทมากมายต่างยกย่องให้เซ็ดนอสเป็นแบบอย่างของตัวเอง
‘เขาช่าง… เหนือจินตนาการของเรามาก’
เฉกเช่นสมาชิกทุกคนในกิลด์ เซ็ดนอสเองก็ปรารถนาคลาสลับ
ขณะรอให้เบาะแสของคลาสลับผ่านเข้าหู เซ็ดนอสฆ่าเวลาโดยการศึกษาพื้นฐานและประวัติศาสตร์เวทมนตร์นานาชนิดอย่างละเอียดจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ
แต่ปัจจุบัน มันกลับมิอาจทำความเข้าใจหลักการของเวทมนตร์บราฮัมได้เลย
นับเป็นเวทมนตร์ชนิดพิเศษโดยแท้จริง
‘เคยมีคำกล่าวไว้ว่า สุดยอดอาคมของฮัคเซ่น และเวทมนตร์กังวานของเจสซิก้า ต่างมีระดับเทียบเท่ากับเวทมนตร์พัฒนาของบราฮัม แต่นั่นไม่เป็นความจริงเลยสักนิด’
หลักการของสุดยอดอาคมฮัคเซ่นคือ ขยายระดับการสิ้นเปลืองมานาให้ถึงขีดสุด แลกมากับพลังทำลายมหาศาล ส่วนเวทมนตร์กังวานของเจสซิก้า อาศัยเทคนิคสำแดงเวทมนตร์ชนิดเดิมซ้ำหลายหน จนมีพลังทำลายรุนแรงขึ้นเทียบเท่าจำนวนครั้ง
ผลลัพธ์อาจฟังดูคล้ายคลึง แต่หลักการแตกต่างกันมาก
สุดยอดอาคมฮัคเซ่นจะทำให้เวทมนตร์รุนแรงขึ้นห้าเท่า แต่เวทมนตร์กังวานของเจสซิก้าจะเป็นการร่ายเวทธรรมดาจำนวนห้าครั้งแทน ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับสถานการณ์และวิธีนำไปปรับใช้
เวทมนตร์ทั้งสองประเภทต่างก็มีข้อเสีย
สุดยอดอาคมจะสิ้นเปลืองมานาปริมาณมากในคราวเดียว ส่งผลให้ผู้ร่ายอ่อนเพลียกะทันหันหลังจากใช้งาน ไม่เพียงเท่านั้น การใช้เวทมนตร์ระดับสูงด้วยเทคนิคดังกล่าว อาจมีผลข้างเคียงรุนแรงจนถึงกับต้องสูญเสีย ‘แก่นพลัง’
ใช่แล้ว หลักการของสุดยอดอาคมแห่งฮัคเซ่นนั้นอันตรายมาก หากใช้งานโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง จะเท่ากับการฆ่าตัวตายเลยทีเดียว
สุดยอดอาคมจึงกลายเป็นเพียงหนึ่งในตำนานบนหน้าประวัติศาสตร์ แทบไม่เคยถูกนำออกมาใช้งานจริง
ในทางกลับกัน เวทมนตร์กังวานของอดีตของจอมเวทในตำนาน เจสซิก้า ขึ้นชื่อในด้านเสถียรภาพมั่นคง ไม่ทำร้ายร่างกายผู้ใช้งาน เพราะถึงแม้จะอาศัยเทคนิคการร่ายเวทมนตร์ห้าครั้งพร้อมกัน แต่จะสูญเสียมานาเพียงสองเท่าจากปรกติ
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของเวทมนตร์กังวานคือ มิอาจนำไปใช้งานกับเวทระดับกลางและสูงได้
คล้ายกับเวทกังวานยังไม่ถูกพัฒนาอย่างสมบูรณ์ จวบจนปัจจุบัน มีเวทมนตร์กังวานถูกดัดแปลงไว้เพียง 67 ชนิดเท่านั้น ทั้งหมดเป็นเวทมนตร์ระดับล่างและระดับพื้นฐาน
แต่กระนั้น อานุภาพของมันก็มากพอจะสร้างความฉิบหายให้แก่ศัตรู เจสซิก้าใช้สิ่งนี้สร้างชื่อจนกลายเป็นมหาจอมเวทในตำนานได้สำเร็จ
‘ในทางกลับกัน เวทพัฒนาของบราฮัมนั้น…’
ดัดแปลงให้เวทมนตร์มีพลังโจมตีเพิ่มขึ้นจากเดิมสิบเท่า สิ้นเปลืองมานาในปริมาณยอมรับได้ และไม่ได้ใช้เล่ห์กลตุกติกอย่าง ‘ร่ายเวทซ้ำ’
หลักการแตกต่างจากเวทกังวานโดยสิ้นเชิง และไม่ถูกต้องนักหากจะบอกว่าเป็นการดัดแปลงมาจากสุดยอดอาคมฮัคเซ่น เพราะปริมาณการใช้มานาน้อยกว่าหลายเท่าตัว แถมยังไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
‘ถือเป็นเวทมนตร์ในอุดมคติ เหนือกว่าทฤษฎีเวทมนตร์ของยุคปัจจุบันไปไกล… หรือบราฮัมจะนำเวทโลหิตของแวมไพร์มาผสานเข้าด้วยกัน?’
เราเคยได้ยินมาว่า เวทโลหิตจะใช้เลือดในร่างกายมาเป็นตัวจุดระเบิดร่วมกับมานา
เมื่อนำทรัพยากรสองชนิดผสานกัน ก็อาจหาคำอธิบายได้ว่า เหตุใดเวทพัฒนาของบราฮัม ถึงสามารถแหกกฎฟ้าดินได้อย่างสิ้นเชิง
และยังเป็นสาเหตุว่า ทำไมถึงไม่มีศิษย์บราฮัมคนใดเคยเรียนเวทมนตร์พัฒนามาก่อน
บึ้มบึ้มบึ้ม!
พรึ่บ! บึ้มบึ้มบึ้ม!
ขณะการอาละวาดของบราฮัมดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เซ็ดนอสยืนขบคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
มหาจอมเวทกำลังเดินนำหน้าสุดของแถว
เป้าหมายบราฮัมไม่ใช่ห้องบอสใหญ่เฟนเรียร์
ทุกซอกทุกมุมของดันเจี้ยน จะต้องมีแวมไพร์ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ลุกขึ้นจากโลงศพ และกรูเข้าใส่อย่างไร้สมองอยู่เสมอ
เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!
กลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้ง
ช่างน่าแปลก เวทมนตร์อัคคีของบราฮัม ทั้งสะอาดและหมดจดอย่างน่าเหลือเชื่อ
ไม่ทำร้ายพวกเดียวกัน และหลังจากแวมไพร์เสียชีวิต เปลวเพลิงก็ดับสนิททันทีราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
แม้จะไม่มีเอฟเฟครักษาพวกพ้องเหมือนกับเพลิงฟินิกซ์แดง แต่เซ็ดนอสกล้ายกย่องให้เวทอัคคีของบราฮัมอยู่ระดับเดียวกับเพลิงสัตว์เทพ
หลายคนอาจไม่ทันสังเกตเห็น แต่เซ็ดนอสตระหนักเป็นอย่างดีว่า เพลิงอันร้อนแรงของบราฮัมแผดเผาได้แม้กระทั่งภูมิประเทศ
คล้ายกับเปลวเพลิงมีความนึกคิด เลือกเองได้ว่าต้องเผาสิ่งใดและไม่ควรเผ่าสิ่งใด
บราฮัมคอยควบคุมตลอดเวลาหรือ?
หากเป็นเช่นนั้นจริง จะหมายความว่า บราฮัมสามารถควบคุมเวทมนตร์ซึ่งถูกปล่อยออกไปจากมือแล้ว ได้ประหนึ่งแขนขาของตัวเอง
แบบนี้ไม่ปรกติอีกแล้ว
ต่อให้เป็นมหาจอมเวท แต่หากปล่อยเวทมนตร์ออกไป ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์กลางคันได้
‘ขี้โกงชะมัด…’
เซ็ดนอสเริ่มมั่นใจ เวทพัฒนาของบราฮัมไม่ได้เกี่ยวข้องกับเวทโลหิต
ไม่ใช่เวทมนตร์พิเศษจากสายพันธุ์ แต่เป็นเวทมนตร์ซึ่งเกิดจากความเข้าใจในหลักการและทฤษฎีอย่างถ่องแท้
‘หรือบราฮัมจะเป็นจอมเวทอันดับหนึ่งตลอดกาลของโลก…?’
วาบ.
เมื่อเริ่มมองเห็นปริศนาของเวทมนตร์พัฒนา เซ็ดนอสรู้สึกเย็นเฉียบเข้ากระดูก ขณะเดียวกันก็ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของบราฮัม
อย่างไรก็ตาม เคยมีคำกล่าวไว้ว่า หากวัดเฉพาะพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว มูมัดได้แซงหน้าบราฮัมไปหนึ่งก้าวแล้ว
‘เข้าใจได้เลย… ว่าทำไมบราฮัมถึงริษยานัก’
เซ็ดนอสยืนจ้องมองมหาจอมเวทในตำนานอย่างเงียบงัน สมองของมันกำลังตีความคำว่า ‘อัจฉริยะ’ ใหม่ทั้งหมด
‘ถ้าอย่างนั้น ในอนาคต ยูเฟอมิน่าจะกลายเป็นอันดับหนึ่งของโลก…?’
ยูเฟอมิน่าเป็นผู้สืบทอดเวทมนตร์มูมัด
หากลิชของแอ็กนัสถูกจำกัดด้วยฝีมือโอเวอร์เกียร์เมื่อใด ยูเฟอมิน่าจะได้รับพลังทั้งหมดของจอมเวทอัจฉริยะมูมัดมาครอง
ยูเฟอมิน่าจะกลายเป็นท้องฟ้าแทนกริด?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เซ็ดนอสหันมาจ้องกริด
ราชาโอเวอร์เกียร์กำลังยืนหาวขณะเพ่งมองบราฮัมเข่นฝูงฆ่าแวมไพร์อย่างไร้ความปรานี
ในเมื่อไม่ใช่จอมเวท เซ็ดนอสเข้าใจได้ว่า กริดคงเบื่อหน่ายเพราะมิอาจตระหนักถึงความลึกล้ำของเวทมนตร์บราฮัม
“…!”
ทันใดนั้น เซ็ดนอสกะพริบตาถี่
ฝูงค้างคาวพุ่งจู่โจมจากเงามืดกะทันหัน พวกมันบินรวมตัวกันและกลายร่างเป็นแวมไพร์สาวงามหนึ่งตน
ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แถมยังมาจากมุมอับสายตากริด
ทว่า.
กึก.
กริดโยกตัวหลบโดยไม่ต้องมอง ตามด้วยการหันกลับไปคว้าคอแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ผู้หิวกระหาย และโยนหล่อนลอยเคว้งไปในอากาศ
“…!”
แวมไพร์สาวสวยใบหน้าแดงก่ำถูกโยนลงด้านหลังบราฮัมในสภาพก้นจ้ำเบ้า
“ตรงเผง~”
กริดเปล่งเสียงแผ่ว
บึ้มบึ้มบึ้ม!!
ทุกก้าวเดินของบราฮัมจะสร้างเปลวไฟตกค้างเสมอ และเมื่อมีเหยื่อตกลงไป เพลิงแดงพลันเลื้อยรัดรอบตัวประหนึ่งอสรพิษ ก่อนระเบิดเสียงดังสนั่นอย่างโหดเหี้ยม
“…!”
เซ็ดนอสยืนอ้าปากค้าง
เมื่อไม่กี่ปีก่อน กว่าจะเอาชนะแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ได้สักตน ยังหืดขึ้นคออยู่เลยไม่ใช่หรือ
แน่นอน การเปรียบเทียบกริดปัจจุบันกับกริดหนึ่งปีก่อน คงไม่ใช่เรื่องถูกต้องนัก เพราะราชาโอเวอร์เกียร์ได้ผ่านประสบการณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถานเทพสงคราม จอมอสูรลำดับ 22 การขึ้นศักราชใหม่ของจักรวรรดิซาฮารัน หรือการสร้างแร่ชนิดใหม่
แต่ถึงอย่างนั้น กริดก็ไม่ควรทำเหมือนกับแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ในเมืองเฟนเรียร์เป็นเด็กอมมือเช่นนี้
เซ็ดนอสเคยได้ยินว่า สมญานามผู้จะกลายเป็นราชาโลหิต มีเอฟเฟคทำให้แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์อ่อนแอลง
แต่ระดับความต่างของเลเวลตัวละครยังมีมากเกินไป ห่างกันราวท้องฟ้ากับหุบเหวก็มิปาน
“…”
“…”
ไม่เฉพาะเซ็ดนอส แต่สมาชิกกิลด์ทุกคนต่างมีอากัปกิริยาแบบเดียวกัน
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น
หลังจากปราบเทรูชานได้ กริดก็พบก้าวกระโดดครั้งสำคัญของชีวิต พานพบกับอดีตอริยดาบบีบัน ได้รับยามังกร จนเผชิญกับโชคชะตาไม่คาดฝันหลังจากทนดูดซึมยามังกรเข้าไปจนหมดเกลี้ยง เขียนบทกวีมหากาพย์ลำดับสาม ยกระดับตัวตนเหนือมนุษย์ขึ้นอีกขั้นจนมองเห็นรายละเอียดของชุนโป
แถมยังสร้างเซตบราฮัมอีก 3 ชิ้นพร้อมกับได้รับแต้มสถานะทุกชนิด +75 แต้ม
กริดแข็งแกร่งขึ้นมาก จนแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ตระหนักถึงเรื่องนั้น
หากใครยังมัวจดจำฝีมือกริดสมัยดวลกับออร์คเทรูชาน จงลืมภาพนั้นไปเสีย
สำหรับกริด ระดับการพัฒนาตัวละครของเขาไม่เคยอยู่ในสามัญสำนึกผู้คนมานานแล้ว
“พวกนายเป็นอะไรไป? หน้าฉันมีอะไรติดอยู่งั้นหรือ?”
เมื่อสัมผัสว่าบรรยากาศของพวกพ้องเริ่มไม่ปรกติ กริดขมวดคิ้วพลางเอียงคอสงสัย
ปัจจุบัน ชายหนุ่มยกระดับตัวตนขึ้นจนมองเห็นแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ มีระดับเทียบเท่าแวมไพร์ทั่วไปไร้ชื่อ มันจึงไม่เข้าใจสายตาตกตะลึงของสมาชิกโอเวอร์เกียร์
เซ็ดนอสส่ายหัว
‘ท้องฟ้าไม่มีทางเปลี่ยน’
***
เลเวลของบราฮัมกลายเป็น 406 ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งวัน
เป็นผลลัพธ์อันน่าทึ่งจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แวมไพร์และสัตว์รับใช้จนเกลี้ยงเมืองเฟนเรียร์
บราฮัมทำลายทิ้งทั้งหมดโดยไม่กะพริบตาหรืออาวรณ์ มิได้มองว่าแวมไพร์เหล่านี้เป็นพวกพ้องสายพันธุ์เดียวกันแต่อย่างใด
อีกฝ่ายเป็นแค่สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ไร้สมอง
แต่ในทางกลับกัน โนลล์ผู้สืบทอดคุณลักษณะ ‘ความห่วงใย’ จากเบริอาเช่ กำลังยืนหลั่งน้ำตาอย่างเงียบงัน
“เตรียมตัวให้พร้อม”
บราฮัมนำทางทุกคนมาถึงทางเข้าห้องบอสใหญ่ของเมือง ก่อนจะหันไปพูดกับกริดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ฟังให้ดี เมื่อฉันเปิดประตูออก รีบโยนเนื้อย่างเสียบไม้ให้ไกลจากห้องเข้าไว้ พอสุนัขตัวปัญหาวิ่งออกมา พวกเราจะรีบปิดประตูและรุมจัดการเฟนเรียร์จากด้านใน”
“ตกลง”
กริดขานตอบขึงขัง
ลำพังกลิ่นอายของเฟนเรียร์ มากพอจะทำให้บราฮัม ผู้สังหารแวมไพร์ไปหลายพันตน เกิดความตึงเครียดชัดเจนบนใบหน้า
ทางด้านปิอาโร่ก็ไม่ต่าง
บราฮัมขยับเข้าใกล้บานประตูและกล่าว
“ฉันจะนับถึงสามและเปิดประตูออก”
ทุกคนพยักหน้าเงียบงันให้กับบราฮัมผู้ยื่นมือออกไปสัมผัสประตู
ขณะกริดเตรียมนำเนื้อย่างเสียบไม้ออกมาถือ
“สาม!”
“…!”
ไหนหนึ่งกับสองวะ!
เมื่อสิ้นเสียงสาม กริดไม่มีทางเลือกนอกจากเตรียมโยนเนื้อย่างเสียบไม้ออกไปสุดแรง
[เลือดในร่างกายเย็นเฉียบกะทันหัน อุณหภูมิร่างกายเริ่มลดลงมหาศาล]
ข้อความระบบปรากฏขึ้นมุมหน้าจอกริดและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคน
บึ้มมมมมมม!!
คลื่นทะเลเลือดสีแดงฉานปริมาณมหาศาล พุ่งทะลักออกจากห้องบอสอย่างท่วมท้น
ด้วยเหตุนี้ บราฮัมซึ่งควรฉวยโอกาสยิงเวทมนตร์โจมตีเข้าไป กลับต้องเปลี่ยนมากางม่านบาเรียคอยปกป้องทุกคนแทน
ครืนนนนนนนน!!
ทะเลเลือดปะทะกับม่านพลังของบราฮัมจนเมืองแวมไพร์สนั่นหวั่นไหว
ท่ามกลางเสียงเอะอะโกลาหล มหาจอมเวทในตำนานแสยะยิ้ม
“จิ้งจอกน้อย… ฉันไม่ประมาทหรอกนะ”
เฟนเรียร์ไม่มีทางไม่ทราบตัวตนผู้บุกรุก
บราฮัมจึงคาดเดาว่า เฟนเรียร์ซึ่งตื่นจากคำสาปเกียจคร้านเพราะกริด จะต้องปรากฏตัวในเมืองพร้อมกับกองทัพแวมไพร์จำนวนมากแน่
เพราะนั่นคือวิธีใช้งานคุณลักษณะ ‘ปกครอง’ ของเบริอาเช่ได้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทว่า เฟนเรียร์มิได้ปรากฏตัวในเมือง ปล่อยให้ผู้บุกรุกฆ่าแกงแวมไพร์ของตนอย่างสบายใจ
บราฮัมจึงเปลี่ยนแนวคิดใหม่ มันคาดว่าเฟนเรียร์จงใจดักซุ่มอยู่ภายในห้องบอส คอยสั่งสมพลัง ‘ปกครอง’ ในปริมาณมาก และใช้กับหมาป่าเพียงตัวเดียวเพื่อให้สัตว์ประหลาดทวีความดุร้ายถึงขีดสุด
บราฮัมจึงคิดซ้อนแผน มันจงใจพูดเสียงดังว่าตนจะนับถึงสามก่อนเปิดประตู
แต่ความเป็นจริง มันชิงพูดสามตั้งแต่แรกและรีบเปิดประตูหวังยิ่งเวทมนตร์เข้าไปในทีเผลอ
ถูกต้อง บราฮัมไม่อยากเป็นผู้ถูกโจมตี จึงเตรียมชิงโจมตีเข้าไปก่อน
อย่างไรก็ตาม เฟนเรียร์ไม่หลงกล คลื่นทะเลเลือดถาโถมออกมาด้านนอกทันทีเมื่อประตูถูกเปิดออก
ครืนนนน…
เสียงปะทะของเวทมนตร์โลหิตและม่านบาเรียเริ่มบรรเทาอำนาจคุกคามลงทีละนิด
ทันใดนั้น สภาพอันชวนอาเจียนของห้องบอสซึ่งเต็มไปด้วยคราบเลือดเหนียวข้น เริ่มปรากฏในการมองเห็นของกริดและทุกคน
ท่ามกลางความมืดมิด ชายคนหนึ่งกำลังยืนโดดเดี่ยวลำพัง
เนื่องจากทั้งมืดและไกล จึงยากจะเห็นใบหน้าของบุคคลดังกล่าวได้ชัดเจน
แต่การจะยืนยันตัวตนอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องยาก
[เผชิญหน้าแวมไพร์มาร์ควิส เฟนเรียร์!]
[ความกลัวอันรุนแรงได้ทำให้แก่นมานาของท่านปั่นป่วน จนไม่สามารถใช้เวทมนตร์หรือทักษะได้ชั่วคราว!]
[ดวงตาของสิ่งมีชีวิตสูงส่งอย่างแวมไพร์ทายาท กำลังเพ่งมองสิ่งมีชีวิตระดับต่ำกว่า ร่างกายของท่านปราศจากอิสระชั่วคราว!]
[จิตของเฟนเรียร์กำลัง ‘ปกครอง’ จิตของท่าน บัฟดีทั้งหมดจะถูกสลับขั้ว!]
“นี่มันอะไรกัน…”
สมาชิกกิลด์หลายคนเพิ่งเคยเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก ขณะพวกมันพยายามขยับมือ ปลายเท้าดันเคลื่อนไหวแทน ขณะพยายามขยับแข้งขา สะโพกกลับบิดหมุน ส่งผลให้เกิดความสับสนสุดขีด
เสียงเฟนเรียร์ก้องกังวานอย่างองอาจ
“บราฮัม ยังไม่เลิกใช้ลูกไม้ราคาถูกอีกหรือ ในอดีตสมัยเจ้าบุกรุกเมืองของข้า เจ้าเคยตะโกนว่าจะนับถึงสามแล้วค่อยเปิดประตู แต่พอเอาเข้าจริง กลับนับแค่สองและชิงเปิดทันที... คราวนี้รีบร้อนจนไม่ยอมนับหนึ่งและสองเลยหรือ”
“…!”
สมาชิกปาร์ตี้ต่างพากันขมวดคิ้วและหันมองบราฮัมอย่างพร้อมเพรียง
สีหน้าแววตามหาจอมเวทในตำนานยังคงสง่างามและน่าเกรงขาม
“นั่นไม่ใช่ลูกไม้ เขาเรียกว่ากลยุทธ์”
บราฮัมนักโทรล
ReplyDeleteผ่านไปร้อยปีคนยังจำได้
🤣🤣🤣
Deleteขอบคุณครับ
ReplyDelete