จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,286
“ประหม่าหรือ…”
แกรนมาสเตอร์มีนิสัยเงียบขรึม
นอกเหนือจากการเล่าเรื่องที่ตนเคยพยายามช่วยเหลือมนุษย์แต่ล้มเหลวจนถูกตราหน้าให้เป็นเจ็ดมาร มันแทบไม่เคยเริ่มต้นบทสนทนากับใครมากนัก ซีบาลที่ถูกเอ่ยปากไต่ถามจึงถือเป็นกรณีพิเศษ
มันระงับความตื่นเต้นและตอบอย่างสุภาพ
“ผมไม่เป็นอะไร เพราะเชื่อมั่นว่าอาจารย์จะลงมือในเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น”
สาเหตุที่ซีบาลอ่อนน้อมต่อซิกเฟรคเตอร์มิใช่เพียงเพราะต้องการเพิ่มค่าความสัมพันธ์ แต่ยังเป็นความเคารพต่ออดีตวีรชนผู้เคยพยายามกอบกู้โลกแต่ล้มเหลว และปัจจุบันกำลังวางแผนกระทำเรื่องเดิมอีกครั้ง
“ข้าลังเลเพียงเพราะไม่ต้องการเอาชีวิตผู้คนอย่างสูญเปล่า การต้องสังหารคนบริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับแผนการ เคยทำให้ข้าถึงกับสูญเสียตัวตนไปพักใหญ่ ไม่เพียงเท่านั้น ข้ายังกังวลว่าคำสาปของเทพโสโครกที่อยู่ในร่างจะกำเริบรุนแรงหนักกว่าเก่า”
ระหว่างเดินกลับโรงเตี๊ยม แกรนมาสเตอร์·ซิกเฟรคเตอร์ ผู้กำลังย่างกรายไปตามถนนโดยมีฉากหลังเป็นพระอาทิตย์ตกดิน ก้มศีรษะลงพลางจ้องฝ่ามือสีแดงอันเกิดจากแสงแดดจนดูคล้ายกับชุ่มไปด้วยเลือด
“มือของข้าเคยเปื้อนเลือดมามาก”
ดาบซาฮารัน ศาสตราวุธที่เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งจักรวรรดิ ได้เข่นฆ่าผู้คนไปนับหมื่นนับแสนในเหตุการณ์ดังกล่าว และผู้ที่หยิบยื่นก็มิใช่ใครนอกจากตัวซิกเฟรคเตอร์เอง
เพียงเพราะซิกเฟรคเตอร์ปรารถนาจะข้ามทะเลแดงไปยังทวีปตะวันออก จักรวรรดิได้เปิดฉากทำสงครามเข่นฆ่าหลายครั้งหลายหน
เพียงเพราะต้องการลงโทษราชวงศ์ซาฮารันที่ผิดคำสัญญา ซิกเฟรคเตอร์มอบดาบให้อีธานลงมือก่อกบฏและสังหารมหาจักรพรรดิผู้เป็นบิดา
โลหิตที่ไหลรินในนามภารกิจศักดิ์สิทธิ์ซึ่งซิกเฟรคเตอร์อ้างว่า ทั้งหมดทำไปเพื่อคืนชีพให้เจ็ดมารและลงโทษเหล่าเทพจอมปลอม มีมากมายเกินกว่าจะถอยหลังกลับกลางคัน
“แต่ตอนนี้ ไม่มีเหตุผลให้ต้องลังเลอีกแล้ว”
มันอาจต้องทนฟังเสียงเทพเยาะเย้ยไปอีกนานหลายปี แต่ในเมื่อตัดสินใจข้ามสะพานที่มิอาจหวนกลับ ทางเลือกเดียวคือการก้าวต่อไปข้างหน้า
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แม้นกลายเป็นปีศาจก็ต้องยอม
“ข้าสั่งให้คนอื่นลงมือแล้ว ตอนนี้วังหลวงหยางโจวคงกำลังลุกเป็นไฟ ส่วนพวกเราต้องดักรออยู่ที่นี่เพราะเป็นทางหลบหนีของกษัตริย์ชิง”
“…ครับ”
ซีบาลพยักหน้ารับเมื่อเห็นชื่อภารกิจถูกเปลี่ยนจาก <ข่าวคราวของเทพตกสวรรค์> กลายเป็น <ปณิธานของมารลำดับหก·ซิก>
มันมิได้ผิดหวังที่อีกฝ่ายเลือกสะสางปัญหาคาราคาซังด้วยวิธีการรุนแรง
‘กษัตริย์ชิงเลือกแบบนี้เอง… พวกเราให้โอกาสนานนับเดือนแล้ว แต่กลับไม่ยอมเจรจา’
เฮ้อ…
สีหน้าของซีบาลที่ยืนถอนหายใจ กำลังเผยความตึงเครียดอย่างมิอาจเก็บซ่อน
กลุ่มองครักษ์หลวงระดับแถวหน้าล้วนมีเลเวลสูงเกินกว่า 360 ถึงฝ่ายตนจะมีซิกเฟรคเตอร์หนุนหลัง แต่ก็อาจพ่ายแพ้ได้เช่นกันถ้าหากประมาท
***
“ไม่ได้ยินที่ถามรึไง?”
ใบหน้าอันกำลังยิ้มแย้มแสดงถึงอารมณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
ขณะข้ามกำแพงเข้ามาในวังหลวง ซูซานกำลังยินดีปรีดาประหนึ่งได้โบยบินไปบนท้องฟ้า
ดูเหมือนความอัดอั้นตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมากำลังถูกปลดปล่อย
“พวกเรามิได้รีดไถเงินทองเยี่ยงโจร เพียงต้องการทราบถึงตำแหน่งของอาณาจักรฮวาน เหตุใดพวกแกถึงทำเหมือนเป็นเรื่องร้ายแรงและไม่ยอมร่วมมือแต่โดยดี? ชาวทวีปตะวันออกเป็นเช่นนี้กันหมดเลยหรือ”
หมวกเหล็กของทหารยามเฝ้าประตูคนสุดท้ายถูกด้ามดาบทุบจนบุบเสียทรง
อย่างไรก็ตาม ทั้งที่เพิ่งจัดการทหารองครักษ์ไปกว่าร้อยศพ แต่หญิงสาวกลับยังเผยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า
‘…พูดอะไรไปก็คงไม่ยอมฟังแน่’
เมื่อประเมินว่าวิธีเจรจาคงใช้กับหญิงสาวไม่ได้ผล หัวหน้าองครักษ์หันไปไปกระซิบกับราชา
“ดูเหมือนว่ายอดฝีมือคนนั้นจะไม่ได้มาด้วย ทางออกที่ดีที่สุดของเราคือ รีบหลบหนีก่อนที่เขาจะมาถึงและทำให้สถานการณ์แย่ลง”
“ไม่ใช่ว่าเขากำลังดักรอที่ทางหนีหรอกหรือ”
“กระหม่อมไม่คิดว่าจะมีใครค้นพบเส้นทางลับที่ราชวงศ์เก็บงำมานานหลายร้อยปี”
“เข้าใจแล้ว”
หัวหน้าองครักษ์มีหน้าที่อารักขาความปลอดภัยของราชา จึงไม่ควรมีผู้ใดเคลือบแคลงการตัดสินใจของบุคคลในตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ แม้กระทั่งตัวราชาเองก็ตาม
เมื่อเห็นกษัตริย์ชิงลุกออกจากบัลลังก์ ซูซานแหกปากตะโกนโหวกเหวก
“คิดจะหนีไปไหน!? รีบบอกที่ตั้งของอาณาจักรฮวานมาก่อน!”
แกรนมาสเตอร์ ซิกเฟรคเตอร์ มิใช่บุรุษผู้มีอายุยืนยาวหลายร้อยปีเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นบุคคลที่ดำรงตนอยู่ก่อนโลกเก่าจะถูกทำลายจากการเห็นชอบร่วมกันของเทพทุกองค์
หรือก็คือ มันถือเป็นบรรพบุรุษของบรรพบุรุษมนุษยชาติในปัจจุบัน
สำหรับซูซาน มุมมองต่อโลกของซิกเฟรคเตอร์เต็มไปด้วยความเที่ยงแท้จนมนุษย์ยุคนี้ไม่มีวันเข้าใจ และเธอได้เรียนรู้มากมายภายใต้การบัญชาของมัน
ราวกับตอบสนองต่อโทสะของหญิงสาว อักขระโบราณจำนวนมากพลันปรากฏขึ้นรอบตัวซูซานในลักษณะคล้ายใบมีด
“เฮย์โร่!”
พลังปริศนาพุ่งกระจายออกไปทุกทิศทาง มองผิวเผินจะคล้ายกับเวทมนตร์เชน·ไลท์นิ่ง (Chain Lightning) แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและขอบเขตกว้างกว่า
ท้องพระโรงหยางโจวถูกอำนาจลึกลับครอบงำในพริบตา ร่างกายของราชาและราชองครักษ์ต่างกลายเป็นอัมพาตชั่วขณะ
ดวงตาหัวหน้าองครักษ์พลันเบิกโพลง
‘ยันต์สะกดเวทใช่ไม่ได้ผล…?’
ที่นี่คือสถานที่พำนักของกษัตริย์ ย่อมต้องถูกอารักขาด้วยความปลอดภัยระดับสูงสุด
เมื่อมีภัยคุกคามจากต่างถิ่นมาเยือน งบประมาณแผ่นดินจำนวนมากจึงถูกทุ่มไปกับยันต์สะกดเวทที่ติดตั้งทั่ววังหลวง
แต่พวกมันกลับไร้ประโยชน์?
“คึ่ก!”
หลังจากตกอยู่ในอาการอัมพาตเพียงชั่วครู่ หัวหน้าองค์รักหลวงกระแอมแห้งพร้อมกับขว้างง้าวศึกในมือใส่ซูซานด้วยความเร็วสูง
หญิงสาวเห็นดังนั้นจึงแผดเสียงตะโกน
“ฤทธิ์เยอะนักนะ!!”
สำหรับเธอที่เป็นอดีตอัศวินสีชาดยุคใหม่และสาวกแกรนมาสเตอร์ การถูกโจมตีแม้เพียงหนเดียวก็ถือเป็นเรื่องน่าอับอาย
รอยแผลเป็นบนหน้าผากซูซานพลันส่องแสงสีแดงสว่างพร้อมกับการปรากฏกายของบาเรียเวทมนตร์ด้านหน้า แต่ด้วยสมดุลร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ลำตัวอันบอบบางจึงถูกแรงมหาศาลผลักให้กระเด็นไปข้างหลังหลายเมตร
อาศัยช่องว่างดังกล่าว หัวหน้าองครักษ์โก่งคันศรไปด้านหลัง
‘หล่อนไม่ต้องการเสียหน้า…?’
ซูซานเคยแสดงให้เห็นแล้วว่าเธอคล่องแคล่วมากเพียงใด หัวหน้าองครักษ์มั่นใจว่าอีกฝ่ายสามารถหลบง้าวศึกของตนได้ไม่ยาก แต่เธอกลับใช้วิธียุ่งยากอย่างการรับด้วยม่านบาเรียจนเผยช่องว่างแทน
หยิ่งทะนงจนโง่…
เมื่อหญิงสาวพยุงตัวลุกขึ้นยืน ปลายศรพุ่งเสียบปักหัวไหล่อย่างจัง
“อั่ก!”
ซูซานขมวดคิ้วพร้อมกับกระเด็นถอยหลังไปอีกหน หัวหน้าองครักษ์ฉวยโอกาสทองรีบพาตัวกษัตริย์ชิงหลบหนี
“จ…จับพวกมันให้ได้!!”
ซูซานโหวกเหวกด้วยดวงตาเดือดดาล แต่กลับไม่มีใครขยับตัวแม้แต่คนเดียว
พรรคพวกของเธอล้วนกำลังถูกตรึงด้วยฝีมือขององครักษ์หลวงที่หวังเอาชีวิตเข้าแลก
และเหนือสิ่งอื่นใด แผนการในตอนแรกไม่ใช่แบบนี้เลยสักนิด
“ซูซาน! เธอต้องจัดการด้วยตัวเอง! พวกเราแค่ตรึงองครักษ์ไว้ก็เต็มกลืนแล้ว!”
แกรนมาสเตอร์กำชับหนักแน่น ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเค้นสถานที่ตั้งของอาณาจักรฮวานให้ได้
“เฮย์โร่!”
อักขระโบราณรอบท้องพระโรงพลันหลั่งไหลมารวมกันที่ขาของซูซาน จากนั้น หญิงสาวพุ่งตัวไปยังทางออกลับที่อยู่ห่างออกไปไกลถึง 80 เมตรภายในหนึ่งวินาที
เมื่อเข้าใกล้หัวหน้าองครักษ์และราชา ซูซานตวัดดาบฟาดใส่โดยปราศจากความลังเล
“ได้ยังไง…?!”
หัวหน้าองครักษ์เผยสีหน้าตกตะลึงหลังจากถูกฟันจนเกิดบาดแผลลึกบนแผ่นหลัง มันไม่อยากเชื่อว่า อีกฝ่ายจะก้าวข้ามขีดจำกัดความเร็วของมนุษย์ได้อย่างกะทันหัน
“แฮ่ก… แฮ่ก… ตอบฉันมา”
ซูซานเติบโตมาจากครอบครัวสาขาย่อยของตระกูลแวนซ์ หนึ่งในตระกูลดาบอันโด่งดังของจักรวรรดิซาฮารัน ตรงข้ามกับเมอร์เซเดสที่ได้รับสืบทอดเคล็ดวิชาลับ ซูซานได้รับการฝึกฝนเพียงขั้นพื้นฐาน แต่นั่นก็มากพอจะทำให้มีเชิงดาบเหนือกว่าเด็กรุ่นเดียวกันชนิดเทียบไม่ติด
วิชาดาบของเธอทั้งดุดันและแข็งกร้าวราวกับเหล็กกล้า อีกทั้งยังอาศัยพลังของอักขระโบราณที่แกรนมาสเตอร์สอน ช่วยฟื้นฟูร่างกายจากผลข้างเคียงของการก้าวข้ามขีดจำกัดมนุษย์ในชั่วพริบตา
หญิงสาวจ่อปลายดาบไปยังกษัตริย์ชิง
“ตอบฉันมา อาณาจักรฮวานอยู่ที่ไหน”
เหตุใดถึงต้องทำให้สถานการณ์บานปลายแทนที่จะตอบคำถามสั้น ๆ เพียงไม่กี่คำ?
ซูซานรู้สึกฉุนเฉียวเพราะเธอมิอาจหาเหตุผลมารองรับพฤติกรรมโง่เขลาของอีกฝ่าย
เมื่อได้เผชิญสายตาอันดุร้ายและเกรี้ยวกราด กษัตริย์ชิงตัดสินใจอธิบาย
“เราบอกไม่ได้… หากที่ข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยออกไป ข่ายเวทมนตร์ของเทพเต่าดำจะพังครืนและเปลี่ยนให้อาณาจักรชิงกลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง”
การบอกข้อมูลของอาณาจักรฮวานและยังบันให้คนนอกได้ทราบ ถือเป็นการช่วยส่งเสริมชื่อเสียงและค่าบารมีเทพของพวกมันทางอ้อม ซึ่งนั่นตรงข้ามกับ ‘เงื่อนไข’ ที่ต้องลบข้อมูลของเทพเทียมออกจากความทรงจำ
แน่นอนว่าซูซานไม่เข้าใจ หรือต่อให้เข้าใจ เธอก็ไม่คิดแยแสความฉิบหายของผู้อื่นอยู่แล้ว
“…พวกแกจะอดทนได้สักแค่ไหนเชียว”
ซูซานแสยะยิ้มชั่วร้ายพลางเล็งดาบแทงใส่หน้าอกกษัตริย์ชิง เธอเจตนาเลี่ยงจุดตาย เพราะไม่ต้องการให้ตัวประกันล้ำค่าถึงแก่ชีวิตก่อนจะคายความจริง
“…!?”
แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ ซูซานรีบกระโดดถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าประหลาดใจ เนื่องจากกษัตริย์ชิงแอบตวัดข้อมือซัดมีดสั้นใส่หัวใจของเธออย่างแม่นยำ หากตอบสนองช้ากว่านี้เพียงครึ่งก้าว เกรงว่าฝ่ายที่สาหัสอาจเป็นตัวเธอเอง
“เราเคยฝึกศิลปะป้องกันตัวมาบ้าง คงไม่ปล่อยให้ทำตามใจชอบได้ง่ายนัก”
เทคนิคที่กษัตริย์ชิงใช้มีลักษณะค่อนข้างพิสดาร อย่างน้อยซูซานก็ไม่เคยพบเห็นบนทวีปตะวันตก เธอจึงค่อนข้างกังวล
‘…หรือว่าชายคนนี้จะแข็งแกร่ง?’
อย่างน้อยก็ระดับอัศวินสีชาดหลักเดียว…
ไม่สิ อาจไปถึงระดับของอดีตเจ็ดดยุค แต่ก็ไม่มากไปกว่านั้นแน่…
“…น่าขัน”
หญิงสาวลังเลเพียงชั่วครู่ ก่อนจะชักดาบอีกเล่มออกมาเตรียมสำแดงฝีมือที่แท้จริง
วิชาดาบแวนซ์รุ่นพัฒนา เทคนิคดาบที่แกรนมาสเตอร์ช่วยปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ผ่านไปเพียงไม่กี่เพลง กษัตริย์ชิงเริ่มเผยสีหน้าสิ้นหวังเมื่อได้เห็นพรรคพวกของซูซานกรูเข้ามาจากประตูลับด้านหลังเธอ
แต่ว่า
“ราชินีโอเวอร์เกียร์เสด็จแล้ว”
เมื่อสิ้นเสียงชายวัยกลางคนที่ดังกังวานไปตามทางเดินลับคับแคบ ตัวละครใหม่ได้ปรากฏกายในมาดสง่างามและน่าเกรงขาม
ผมสีเงินมัดรวบไปด้านหลังเพื่อความคล่องแคล่ว ใต้กระโปรงเดรสมีกางเกงขาสั้นสวมทับอีกชั้น อาจดูคล้ายลักษณะการแต่งกายที่นิยมในหมู่หญิงสาววัยรุ่น แต่นั่นก็มิได้ทำให้ความเลอค่าและสูงสง่าของเธอลดลง
“ข้าคือไอรีน ราชินีแห่งโอเวอร์เกียร์”
“…”
“…”
ทั้งกลุ่มของซูซานและกษัตริย์ชิงต่างพากันไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ทุกคนยืนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ
น้ำเสียงเจือความโอหังและเย่อหยิ่งเกินกว่าจะเป็นราชินีของอาณาจักร…
ไม่ใช่แค่โอหัง แต่ดูเหมือนจงใจยียวนกวนประสาทผู้ฟังทุกคน…
หญิงงามผมเงินฉีกยิ้มและพูดซ้ำ
“ข้าคือองค์ราชินีแห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ยินดีที่ได้พบทุกท่าน”
“จับตัวหล่อนไว้…!”
สำหรับซูซานและพรรคพวก ตัวตนของสตรีผมเงินมิได้สลักสำคัญ เธอจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาขัดขวางแผนการของตนอย่างเด็ดขาด
พวกมันจะมัวเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ก่อนอื่นต้องรีบจับกุมตัวสตรีผมเงินและพาออกไปด้านนอก
สำหรับอัศวินสีชาดยุคใหม่ การจะจัดการหญิงงามร่างเล็กคงใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที
ทว่า ผลลัพธ์กลับออกมาตรงกันข้าม
“…ระวังมือด้วย”
“…!”
ด้วยเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที หญิงสาวผู้เรียกตัวเองว่าราชินีแห่งโอเวอร์เกียร์ จัดการปาดคอหนึ่งในอัศวินสีชาดรุ่นใหม่ที่พยายามวางมือลงบนบ่าของเธอ
“หือ… ยังคิดจะทำอะไรอีก”
ขณะอัศวินสีชาดรุ่นใหม่กำลังนอนกุมคอพลางพ่นฟองน้ำลายสีแดง หญิงสาวผมเงินทำการประเคนเข่าใส่ใบหน้าของมันที่เตรียมใช้พลังอักขระ
การโจมตีดังกล่าวอัดแน่นไปด้วยจิตสังหารปริมาณเข้มข้น
ฉากตรงหน้าค่อนข้างสยดสยอง แต่ภาพที่สลักลงในใจพรรคพวกซูซานและกษัตริย์ชิงกลับเป็นความ ‘งดงาม’
เส้นผมสีเงินยาวสลวยถูกย้อมด้วยเลือดสดสีแดงฉาน ดูคล้ายบุปผากำลังบานสะพรั่งอย่างน่าหลงใหล
“กษัตริย์ชิง… ข้าจะช่วยเจ้าก่อน—อะแฮ่ม… ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
หงึก
กษัตริย์ชิงย่อมไม่ปฏิเสธ
“นังแพศยา! หล่อนเป็นใครกันแน่!!”
ซูซานเบนเป้าหมายทันที ดาบคู่ในมือถูกควงเข้าหาหญิงสาวลึกลับที่กำลังยืนพึมพำ
“แกเรียกเมียใครว่านังแพศยา…? แกต่างหากที่เป็นนังแพศยา”
“…!?”
ขณะกำลังปรี่เข้าใส่สตรีผมเงินโดยมีพวกพ้องตามมาจากหลังเป็นจำนวนมาก ซูซานพลันหรี่ตาลงเมื่อได้เห็นดาบแก้วในมืออีกฝ่ายถูกฉาบด้วยสีแดงสด
สัญชาตญาณของเธอร้องเตือนจากก้นบึ้ง
‘อันตราย…!’
เพียงพริบตา ทางเดินลับหลังท้องพระโรงหยางโจวได้ถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิงร้อนระอุ
จะบอกว่าใสซื่อ หรือกวนตีนดี 555+ คนอื่นกำลังจะฆ่าจะแกงกันยุละ ยังจะมามัวแนะนำตัวอีก 555+
ReplyDelete