จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,285
สำหรับปัจจุบัน ยุคสมัยเปลี่ยนไปมากแล้ว
การพบเห็นผู้เล่นบนทวีปตะวันออกไม่ใช่เรื่องยากเหมือนในอดีต
“…”
บูบัตคือหนึ่งในคนที่ย้ายถิ่นฐานมายังทวีปตะวันออก และไม่ใช่แค่มัน แต่ยังรวมถึงเหล่าแรงเกอร์อีกหลายคนที่ถูกภารกิจ ‘เสียงเพรียกจากสวรรค์’ เรียกมาและเกิดติดใจวิถีชีวิตบนทวีปตะวันออก
เรื่องราวคงต่างออกไปหากคนเหล่านี้มีรากฐานที่แน่นแฟ้นบนทวีปตะวันตก แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ จึงแทบไม่มีใครปฏิเสธสภาพแวดล้อมบนทวีปตะวันออกที่อุดมไปด้วยจุดเก็บเลเวลชั้นเลิศ
“…พายุกำลังจะเกิดสินะ”
ในฐานะเจ้าแห่งการดวลผู้เก่งกาจ แทบไม่มีใครหนีรอดจาก CC อันทรงพลังของบูบัตพ้น
ด้วยร่างกายที่ใหญ่มหึมาราวกับกระทิง บูบัตกำลังก้มมองพรมสีแดงบนพื้นด้วยสายตาดุดันไม่ผิดไปจากบุคลิก
แม้นมันจะเป็นหนึ่งในยอดฝีมือของเมืองเฉาจื่อจนได้รับตำแหน่งขุนนางระดับล่าง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากษัตริย์ชิง บูบัตจำต้องก้มศีรษะอย่างนอบน้อม
ภายในท้องพระโรงที่เต็มไปด้วยบรรดาขุนนาง ข้าราชการ และเจ้าเมือง ตำแหน่งยืนของบูบัตอยู่ท้ายสุดของแถว เป็นจุดที่ไกลจากบัลลังก์ราชามากกว่าใคร
“เรากลัวจนบรรทมไม่เต็มตื่นในทุกวัน”
กษัตริย์ชิงที่ปล่อยให้ความเงียบงันปกคลุมท้องพระโรงมาสักพัก เริ่มเปิดปากพูดเป็นหนแรก
ฉลองพระองค์สีทองปักลวดลายเต่าดำดูหมองคล้ำแทนที่จะเจิดจรัส อาจเป็นเพราะกำลังสะท้อนอารมณ์ในปัจจุบันของกษัตริย์ชิง ผู้เกิดความวิตกกังวลภายในใจ
“ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากเหล่ายอดฝีมือ อาณาจักรของเราจึงสามารถคืนชีพเทพโบราณและเป็นอิสระจากอาณาจักรฮวาน… เราเคยให้สัญญาว่าจะลืมเรื่องของอาณาจักรฮวานและทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างความสงบสุขแก่บ้านเมืองต่อไปในอนาคต ทว่า พักหลังกลับมีแขกไม่ได้รับเชิญจากสถานที่ลึกลับ พยายามขุดคุ้ยความทรงจำอันน่าขยะแขยงกลับมาใหม่… เรามั่นใจว่าเจตนาของพวกมันไม่บริสุทธิ์ กลุ่มคนดังกล่าวถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อราชอาณาจักร ในวันนี้ เราจึงเรียกทุกคนมารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการรับมือ”
มันกำลังพูดถึงซีบาลและพรรคพวก
คนกลุ่มดังกล่าวปรากฏตัวในอาณาจักรชิงเมื่อราวหนึ่งเดือนก่อนและเอาแต่ไต่ถามชาวเมืองเกี่ยวกับข้อมูลของอาณาจักรฮวาน ส่งผลให้จิตใจประชาชนเริ่มสั่นคลอน
พวกมันอ้างว่า กลุ่มของตนไม่มีเจตนาร้าย เพียงต้องการถามทางไปยังอาณาจักรฮวานเท่านั้น
แต่ในมุมมองของกษัตริย์ชิง มันมิอาจยอมรับให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปได้
ณ ปัจจุบัน เทพเต่าดำได้สร้างข่ายเวทมนตร์สำหรับคัดกรองมิให้เทพเทียม (ยังบัน) ผ่านเข้าออกอาณาจักร แต่การจะรักษาข่ายเวทมนตร์ดังกล่าวให้มีเสถียรภาพ พวกตนต้องบรรลุเงื่อนไขหนึ่งข้ออย่างเคร่งครัด :
ลบความทรงจำเกี่ยวกับเทพเทียมให้หมด
ประชาชนชาวชิงต้องไม่พูดถึงเทพเทียม และต้องไม่ถูกทำให้นึกถึง
เฉกเช่นที่เทพเต่าดำถูกหลงลืมเป็นเวลานานจนพลังอำนาจเสื่อมถอย การลบความทรงจำเกี่ยวกับยังบันก็จะทำให้พวกมันอ่อนแอลงเช่นกัน อีกทั้งยังช่วยให้เต่าดำทรงพลังมากขึ้น
“เรากังวลว่า นามของอาณาจักรฮวานและยังบันจะแพร่กระจายออกไปในหมู่ราษฎรด้วยฝีมือของแขกไม่ได้รับเชิญ จนเป็นเหตุให้ท่านเต่าดำอ่อนกำลังลง พวกเจ้ามีวิธีแก้ปัญหาในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง”
“เอ่อ…”
บรรดาขุนนางและเจ้าเมืองต่างพากันหน้าดำคล้ำเครียด ไม่มีใครกล้าเสนอทางออก ภาพดังกล่าวทำให้ท้องของบูบัตกำลังร้อนผ่าว
‘ยากตรงไหน… ก็แค่ส่งคนไปกำจัดให้สิ้นซากก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?’
บูบัตมีลางสังหรณ์ว่าพายุกำลังจะเกิดเพราะมันเชื่อว่า ฝ่ายอาณาจักรชิงกับกลุ่มซีบาลคงปะทะจนเกิดการนองเลือดในอีกไม่ช้า
แต่คาดไม่ถึงว่ากษัตริย์ชิงและเหล่าขุนนางจะหวาดกลัวกลุ่มซีบาลที่มีจำนวนเพียงไม่ถึงยี่สิบ
แค่กำจัดทิ้งมันยากตรงไหน?
บูบัตหงุดหงิดปนกระสับกระส่าย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรอดูสถานการณ์
ผ่านไป 5 นาที
10 นาที
เมื่อเห็นว่าการประชุมไม่มีความคืบหน้า บูบัตทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงกล่าวต่อหน้าทุกคน
“ฝ่าบาท กระหม่อมขอเรียนถาม เหตุใดพระองค์ถึงไม่แก้ปัญหานี้ด้วยวิธีเรียบง่ายอย่างการกำจัดทิ้งหรือขับไล่พวกมันออกไป”
“เฮ่อะ!”
“สามหาว! ไอ้หมอนี่เป็นใคร! ข้าไม่เคยเห็นหน้ามันมาก่อน!”
เมื่อตำแหน่งบ๊วยสุดริอ่านเสนอความคิดเห็น บรรดาขุนนางชั้นสูงเริ่มแสดงพฤติกรรมเหยียดหยัน ส่วนขุนนางในตำแหน่งใกล้เคียงทำได้เพียงสะกิดแผ่วเบาและส่ายหน้า
แต่บูบัตยังไม่หยุด ตรงกันข้าม มันเงยหน้าขึ้นและกล่าวกับกษัตริย์ชิงด้วยเสียงขึงขัง
“หากพวกมันไม่ยอมออกไปแต่โดยดี พวกเรามีสิทธิ์ใช้กำลังเข้าปราบปรามตามกฎหมาย”
ในเมื่อบูบัตตัดสินใจลงหลักปักฐานในอาณาจักรชิง มันย่อมทำทุกวิถีทางเพื่อให้บ้านใหม่ของตนน่าอยู่และปลอดภัย
บูบัตไม่ต้องการให้สภาขุนนางเต็มไปด้วยความวุ่นวายและปอดแหก จึงเงยหน้าประสานสายตากับกษัตริย์อย่างไม่สั่นคลอน
“เจ้าคงไม่เคยพบยังบันสินะ จึงขาดวิสัยทัศน์และประเมินพวกมันด้วยความไร้เดียงสาเช่นนี้”
“…?”
ขาดวิสัยทัศน์ต่อยังบัน? เราเนี่ยนะ!?
ขณะบูบัตส่ายหน้า ราชาอธิบายต่อ
“ในบรรดาแขกไม่ได้รับเชิญ มีคนหนึ่งแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ กองทัพชิงคงถึงคราวจบสิ้นหากลงมือกับเขา คงไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย”
กษัตริย์ชิงและเหล่าขุนนางต่างถูกยังบันปกครองด้วยความหวาดกลัวนานหลายสิบปี ส่งผลให้ตัวราชาพัฒนา ‘สัมผัสพิเศษ’ สำหรับหยั่งถึงพลังของเป้าหมาย
กษัตริย์ชิงไม่มีทางลืมเลือนออร่าอันน่าสะพรึงกลัวของชายผู้มีใบหน้าเบื่อโลก ที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดในกลุ่มพรรคพวกซีบาล
สัตว์ประหลาดเดินดินที่ทรงพลังยิ่งกว่ายังบันหลายตน เพียงมองปราดเดียว กษัตริย์ชิงก็รู้สึกราวกับตนกำลังจ้องเข้าไปในดวงตาเทพสงคราม
“ง…งั้นหรือขอรับ”
เมื่อเข้าใจสถานการณ์แจ่มแจ้ง บูบัตทำได้เพียงปิดปากเงียบอย่างเจียมตัว
ในกลุ่มซีบาลมีคนที่แข็งแกร่งจนทำให้ราชาของทวีปตะวันออกขี้หดตดหายถึงเพียงนี้เชียว?
กษัตริย์ชิง ผู้มีพลังอำนาจเทียบเท่าราชาของอาณาจักรทวีปตะวันตกหลายคนรวมกันเนี่ยนะ?
‘หรือว่าซีบาลจะมีพวกพ้องเป็นบุคคลระดับตำนาน เหมือนกับที่กริดมีบราฮัม?’
ไม่แปลกที่บูบัตจะคิดเช่นนี้ เพราะมีผู้เล่นเพียงหยิบมือที่ทราบถึงตัวตนของแกรนมาสเตอร์
***
‘แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ… เราคงพ่ายแพ้อย่างหมดรูปหากเธอมีเลเวลเท่ากัน’
ตามธรรมชาติของซาทิสฟาย คลาสสายประชิดจะมีสกิล ‘สตัน’ มาให้อย่างน้อยหนึ่งชนิดเสมอ หากเข้าใกล้เป้าหมายสำเร็จ ก็มีโอกาสสูงมากที่จะสร้างอาการผิดปรกติ ‘มึนงง’
ภายในระยะเวลา CC ดังกล่าว นักสู้ที่ชำนาญจะสามารถส่งให้อีกฝ่ายถึงแก่ความตาย
แต่มีเงื่อนไขก็คือ ต้องใช้สกิลสตันให้โดน
อริยศรจิสึกะ
ฟุ่บ! วืด!
เธอสามารถหลบหลีกทุกการโจมตีของซีบาลด้วยท่วงท่าการเคลื่อนไหวที่ราวกับร่างกายไร้น้ำหนัก ขณะเดียวกันยังรักษาระยะห่างที่เธอต้องการไว้ได้ตลอดเวลา
และคงธรรมดาเกินไปหากเธอเอาแต่หลบหนี
ทุกครั้งที่จิสึกะสร้างระยะห่าง ศรหนึ่งถึงสองดอกจะถูกปล่อยออกมาใส่เป้าหมายอย่างแม่นยำ ส่งผลให้ซีบาลได้รับบาดเจ็บต่อเนื่อง
นักธนู
คลาสที่ถูกตีตราว่าอ่อนแอในการต่อสู้ระยะประชิดเกือบที่สุด ได้พัฒนาจนกลายเป็นคลาสที่สามารถ ‘ชนะทาง’ สายประชิดที่สุด
ถึงจะถูกยิงพรุนไม่ต่างจากเม่น แต่ซีบาลก็มีฝีมือการต่อสู้ในระดับสูง มันสามารถไล่ต้อนหญิงสาวให้จนมุมและชี้ปลายดาบไปยังคางอีกฝ่าย
ทว่า ซีบาลกลับลดดาบลงและกล่าว
“เฮ้อ… ฉันยอมแพ้”
ถึงเลเวลของจิสึกะจะถูกรีเซต แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ศรของเธอกลับสร้างความเจ็บปวดในระดับที่น่าตกตะลึง ซีบาลเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า หากเลเวลของอีกฝ่ายเท่ากับตน ชัยชนะจะตกเป็นของเธอแน่นอน
“ขอเพียงเลเวลของเธอสูงกว่า 300… ฉันคงเสียชีวิตก่อนจะได้ต้อนเข้ามุม”
“แต่ถ้านายอัญเชิญจักรกลเวทมนตร์ เรื่องราวคงไม่จบลงแบบนั้น”
“หืม… มีมุมใจดีกับเค้าด้วยหรือ”
หากไม่นับแอ็กนัส จิสึกะคืออีกหนึ่งคนที่มักถูกเรียกขานว่า ‘หมาบ้า’ บ่อยครั้ง
นิสัยใจคอของเธอเหี้ยมโหดถึงเพียงนั้น
จิสึกะห่างไกลจากความใจดีมาก ซีบาลยังไม่ลืมเรื่องราวในวันวาน สมัยที่มันและจิสึกะแห่งเซดากาห์ปะทะกันในจุดเก็บเลเวลหลายหน
“นิสัยของฉันเปลี่ยนไปเพราะกริด”
“เพราะผู้ชายสินะ…”
“นายเองก็เปลี่ยนไปเพราะกริดไม่ใช่รึไง”
“…”
ในอดีต ซีบาลมีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีนักด้วยอุปนิสัยเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจ จนถึงขั้นได้รับสมญานาม ‘เจ้าชายแห่งสหรัฐอเมริกา’ ขณะถือครองพลังอำนาจมหาศาลในฐานะหัวกิลด์สเน็กและผู้เล่นอันดับสองของโลก
แต่อดีตก็คืออดีต เมื่อซีบาลตระหนักถึงความบกพร่องของตนและอุทิศกายใจให้กับการฝึกฝนอย่างหนัก มันเกิดความละอายในสิ่งที่ตนเคยเป็น
ซีบาลดึงศรที่ปักลงบนผิวชุดเกราะพลางเหยียดแขนไปหาจิสึกะ
“…ขอแสดงความยินดีที่เธอได้เป็นตำนาน”
“ขอบใจ”
ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เริ่มต้นไม่ค่อยดีนัก ส่วนใหญ่เป็นการทะเลาะเบาะแว้ง ถึงขั้นเคยปะทะคารมผ่านหน้าสื่อหลายครั้ง แต่ผ่านมาแล้วหกปี ประสบการณ์ได้หล่อหลอมให้อุปนิสัยของคนเปลี่ยนไป
ทั้งสองเติบโตขึ้นมาก
“ถ้าอย่างนั้น… ฉันขอตัว กำลังติดภารกิจ”
“ตกลง ขอให้ราบรื่น”
จิสึกะหันหลังกลับ ส่วนซีบาลทำเพียงยืนมอง
ทว่า แกรนมาสเตอร์พลันปรากฏตัวขวางหน้าหญิงสาว สิ่งนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของซีบาลโดยสิ้นเชิง
“…?!”
ดวงจิสึกะเบิกโพลงทันทีหลังจากหันหลังไปพบกับชายรูปร่างสูงใหญ่
แน่นอน เธอย่อมรู้จักคนที่มีชื่อตัวละครเหนือศีรษะว่า <ซิกเฟรคเตอร์> เจ้าของร่างกายผอมบางแต่ไหล่กว้างใกล้เคียงกับกริด
“แกรนมาสเตอร์…!”
กริดเคยเล่าให้ฟังว่า แกรนมาสเตอร์คือร่างเกิดใหม่ของหนึ่งใน ‘เจ็ดมาร’ ผู้คอยชักใยวางแผนชั่วร้ายอยู่เบื้องหลังจักรวรรดิ และยังเป็น NPC ที่ลิมชอลโฮยกย่องว่าแข็งแกร่งที่สุด
หรือก็คือ พลังที่แท้จริงของแกรนมาสเตอร์สูงส่งยิ่งกว่าบราฮัมและปิอาโร่ ผู้เคยสร้างปาฏิหาริย์ให้เธอประจักษ์มาแล้วหลายหน
จิสึกะย่อมต้องตกตะลึงเมื่อบุคคลระดับนี้ปรากฎตัวต่อหน้าอย่างกะทันหัน
“…น่าสนใจมาก”
ใบหน้าของแกรนมาสเตอร์ที่ดูคล้ายคนง่วงนอนตลอดเวลาและพร้อมหลับทุกเมื่อ พลันสดชื่นกระปรี้กระเปร่าราวกับคนเพิ่งตื่น
มันจดจ้องด้วยสายตาคุกคามชัดเจนจนจิสึกะกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
จากนั้น แกรนมาสเตอร์พึมพำ
“มนุษย์ผู้โอบกอดศรปราบมารสินะ…”
“…!”
จิสึกะตกตะลึงหนักยิ่งกว่าเก่า
ในความเป็นจริง ศรที่เธอได้รับจากศาลเจ้ามีลักษณะแตกต่างจากที่คิดไว้พอสมควร
ศรปราบมารไม่มีรูปทรงในทางกายภาพ แต่เป็น ‘ทรัพยากร’ ชนิดหนึ่ง คล้ายกับปราณต่อสู้ของราชาวีรบุรุษ และปราณดาบของอริยดาบ
หญิงสาวไม่คาดคิดว่าแกรนมาสเตอร์จะมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งในทันที
แกรนมาสเตอร์ยังคงจ้องสำรวจหญิงสาว ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงบางเบา
“ระวังเทพสงครามไว้ให้ดี”
***
ด้านนอกประตูเมืองหยางโจว
จ้อกแจ้กจอแจ
ผู้คนต่างพากันกระซิบกระซาบ
ด้วยผมสีเงินและผิวพรรณขาวผ่องราวกับไม่เคยโดนแสงแดดมาก่อน รูปโฉมภายนอกตรงตามคำบรรยายของเจ้าหญิงในนิทานปรัมปราทุกประการ
ความงดงามอันแปลกตาได้ดึงดูดสายตาผู้คนโดยรอบอย่างถ้วนหน้า
เอวบางร่างเล็กจนแทบไม่มีกล้ามเนื้อ คล้ายกับพร้อมเป็นลมได้ทุกเมื่อ ไม่ต้องพูดถึงการถือดาบฟาดฟัน
“นาย…”
ดวงตาสีฟ้าครามที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น
สตรีผมสีเงินแวววาว แผดเสียงเกรี้ยวกราดใส่ชายวัยกลางคนที่ยืนด้านข้างอย่างโกรธเคือง
“นายคิดจะสู้ไปถึงเมื่อไร!! บ้าจริง! คิดจะฆ่าฉันให้ตายเลยรึไง!”
“…”
ตรงข้ามกับรูปโฉมอันเลอค่า กิริยาวาจาค่อนไปทางหยาบโลน
แน่นอน สตรีผมเงินผู้ทำให้คนมุงเกิดความฉงนในสิ่งที่ได้ยิน ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกริดผู้กำลังปลอดตัวเป็นไอรีน
ตลอดการเดินทางจากแพงเจียถึงหยางโจว มันต้องดวลกับปิอาโร่มากถึง 19 หนภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ส่งผลให้สติของกริดเริ่มกระเจิดกระเจิง
“ไม่รู้จักความพอดีเลยรึไง! เรี่ยวแรงของฉันใกล้หมดจนแทบไม่เหลือไว้ทำอะไรแล้ว!”
“…ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง กระหม่อมตื่นเต้นกับอาวุธใหม่ของฝ่าบาทเกินไปหน่อย”
“เฮ้อ…”
แต่ไหนแต่ไร ปิอาโร่ชื่นชอบการดวลกับคนเก่งเสมอ เรียกได้ว่าคลั่งไคล้การต่อสู้เป็นอันมาก
ถูกต้อง คลั่งไคล้
ปิอาโร่หลงใหลการดวลกับกริดผู้เป็นเจ้าของดาบมังกรเพลิง—ดาบบินที่สติปัญญาระดับอัจฉริยะ หมวกปลดอาวุธ และหัตถ์เทวะชิ้นใหม่
ในครั้งแรก กริดย่อมยินดีรับคำท้าอย่างเต็มใจ เนื่องจากมันเองก็ปรารถนาจะประเมินความแข็งแกร่งปัจจุบันของตน รวมไปถึงการทดสอบประสิทธิภาพของอาวุธใหม่ทุกซอกมุม
แต่นั่นคือความผิดพลาดร้ายแรง
ปิอาโร่เสพติดประสบการณ์ที่มันไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิต จนสมองขาวโพลนและนึกถึงแต่การดวลกับกริดทุกลมหายใจ
เมื่อครั้งเดียวมิอาจเติมเต็มความสุข ปิอาโร่ท้ากริดสู้หนแล้วหนเล่าจนชายหนุ่มแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง เป็นความเจ็บปวดและเหนื่อยล้ายิ่งกว่าเมื่อครั้งได้ดวลกับการัมเสียอีก
ไม่เพียงเท่านั้น ยิ่งได้ดวล ปิอาโร่ก็ยิ่งเก่งกาจและจับจุดอ่อนกริดได้เกือบทั้งหมด ส่งผลให้ชายหนุ่มยิ่งทวีความอ่อนเพลีย
แต่ใช่ว่าจะไม่มีข้อดี ช่วงเวลาดังกล่าวช่วยให้กริดค้นพบวิธีใช้งาน ‘ขาดน้ำ’ และดาบมังกรเพลิงอย่างเหมาะสม เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์อันคุ้มค่าที่หาจากไหนไม่ได้อีกแล้ว
แต่ถ้าเลือกได้ มันขอห่างเหินอีกไปสักพัก
“หลายวันก่อนเคยเฉียดตายเพราะเสี่ยงขุดแร่จากรังมังกร แต่ตอนนี้กลับต้องเฉียดตายด้วยฝีมือคนใกล้ตัว… เฮ้อ… ชีวิตหนอชีวิต”
กริดนั่งลงพลางเหยียดขากางออกเนื่องจากเหนื่อยล้าเสียเต็มประดา
ปิอาโร่หันไปถาม
“ฝ่าบาทจะเข้าเฝ้ากษัตริย์ด้วยรูปลักษณ์นี้จริงหรือ”
“ใช่… เคยบอกไปแล้วนี่ ฉันจะเพิ่มบารมีเทพให้ไอรีนด้วยการสร้างชื่อเสียงภายใต้ใบหน้าของเธอ”
อาศัยความสัมพันธ์ทางการทูต ด้วยตำแหน่ง ‘ราชินีโอเวอร์เกียร์’ ของไอรีน การเข้าเฝ้ากษัตริย์ชิงแทนกริดก็คงไม่เป็นปัญหา
ปิอาโร่มอบคำแนะนำ
“แต่ก่อนอื่น ฝ่าบาทควรเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสียก่อน”
“หือ… น… นั่นสินะ”
การสวมเดรสไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด นอกจากจะรู้สึกเย็นวาบแถวหว่างขาแล้ว อิสระของร่างกายยังถูกลดทอนลงหลายส่วน
เมื่อเงยหน้าขึ้นและพบบุรุษจำนวนมากกำลังจ้องมองตนราวกับปรารถนาจะกลืนกิน กริดรีบหุบขาชิดตามสัญชาตญาณ
______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,705
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
Comments
Post a Comment