จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,280
องค์ชายลำดับ 4 อีธาน
กบฏแผ่นดินที่มิอาจบรรลุความปรารถนา
มันมิได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ แถมยังรักษาชีวิตมารดาเอาไว้ไม่ได้ อีธานต้องจ่ายราคาของการก่อกบฏด้วยความตาย
บุคคลที่บังอาจหันคมดาบใส่จักรพรรดิซึ่งบิดาบังเกิดเกล้าของตน ไม่สมควรถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์อันสูงส่งของจักรวรรดิซาฮารัน
ไม่แม้แต่ในฐานะกบฏโฉด
ถือเป็นความอับอายครั้งใหญ่หลวงเมื่อจักรวรรดิซาฮารันต้องจารึกลงไปว่า หนึ่งในทายาทของพวกตนได้กระทำในสิ่งโง่เขลาและยากแก่การให้อภัย
อย่างไรก็ตาม ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย จักรวรรดิซาฮารันจำต้องบันทึกชื่อและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นลงไป
หลังจากนี้ องค์ชายอีธานจะถูกชนรุ่นหลังวิพากษ์วิจารณ์และตราหน้าในแง่ลบอย่างรุนแรง
เนื่องจากผลข้างเคียงของการก่อกบฏได้เปลี่ยนแปลงในหลายสิ่งไปโดยสิ้นเชิง
องค์จักรพรรดิสิ้นพระชนม์ เกิดเป็นแรงกระเพื่อมอย่างใหญ่หลวงออกไปทั่วทั้งจักรวรรดิและทวีปตะวันตก
ถูกต้อง ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่า มหาจักรพรรดิฮวนเดอร์ถูกปลงพระชนม์โดยอีธาน บุตรชายที่แบกดาบปฐมจักรพรรดิซาฮารันเข้าไปในท้องพระโรง
แต่ในความเป็นจริง กริดซึ่งถูกฮวนเดอร์ช่วยพาหลบหนีเข้าห้องลับ มิได้ประจักษ์จุดจบของอีกฝ่ายด้วยตาตัวเอง
มันเพียงทราบข่าวเศร้าผ่านข้อความระบบ
และเมื่อออกจากช่องลับ ท้องพระโรงที่เจิ่งนองไปด้วยเลือดก็เหลืองอีธานเพียงผู้เดียวแล้ว
แต่เฟคเกอร์กลับบอกว่า ฮวนเดอร์ยังไม่ตาย?
‘…อาจเป็นไปได้’
ย้อนกลับไปขณะที่ตนต่อสู้กับแอ็กนัสซึ่งถูกบาเอลสิงร่าง
กริดได้พบแกรนมาสเตอร์ และเริ่มฉุกคิดว่าบางที อดีตจักรพรรดิฮวนเดอร์อาจยังมีชีวิตอยู่
อย่างไรก็ตาม หากจะให้ฟันธงในตอนนั้นก็คงจะขาดหลักฐานเกินไปสักหน่อย
แต่เมื่อลองไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง มันพบว่าข้างกายฮวนเดอร์ มีเกราะอสูร ‘ชานสเลอร์’ คอยอารักขาไม่ห่างเสมอ
ชานสเลอร์เจ้าของฉายา ‘ผู้เป็นอมตะ’
บางที ชายคนนั้นอาจปกป้องฮวนเดอร์สำเร็จ
‘…การที่เขาจะยังมีชีวิตอยู่ก็คงไม่แปลกอะไร’
แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็น่าเสียดาย
หากนับเฉพาะตัวบุคคลโดยไม่คำนึงถึงอำนาจในตำแหน่งองค์จักรพรรดิ ฮวนเดอร์จะถือเป็นหนึ่งใน ‘ขุมพลัง’ ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปตะวันตกอย่างไร้ข้อกังขา
อาจแข็งแกร่งที่สุดด้วยซ้ำ
คงดีไม่น้อยหากมันเลือกปรากฏตัวอีกครั้งในจังหวะที่ตัวเองจะถูกเล่าขานไปตลอดกาล
แต่โอกาสดังกล่าวได้ผ่านไปแล้ว
ย้อนกลับไปในขณะที่จอมอสูร 5 ตนบุกรุกโลกกึ่งกลางอย่างพร้อมเพรียง
หลังจากกริดเสียท่าให้กับจอมอสูรลำดับ 13 บีเลธ และกำลังจะตาย หากฮวนเดอร์ปรากฏตัวพร้อมกับพูดต่อหน้าคนทั้งโลกว่า ‘โลกใบนี้ เราจะปกป้องไว้เอง’ คงฟังดูเท่ระเบิดเหนือคำบรรยาย
แต่ในความเป็นจริง ข่าวการยังมีชีวิตอยู่ของฮวนเดอร์กลับถึงหูกริดอย่างไม่น่าจดจำนัก
ชายหนุ่มถอนหายใจยาวโดยไม่เก็บซ่อนความผิดหวัง
“ฮวนเดอร์ยังมีชีวิตอยู่สินะ… นายรู้ได้ยังไง”
“ขณะกำลังทำภารกิจประจำคลาส ฉันไล่ตามลันเทียร์คนปัจจุบันและพบเขาโดยบังเอิญ”
วิชาลับลันเทียร์จะทิ้ง ‘แผล’ ไว้ในเงาเสมอ
เป็นร่องรอยแสนเจือจาง มีเพียงผู้เชี่ยวชาญเทคนิคแบบเดียวกันเท่านั้นจึงจะตรวจพบ
“ลันเทียร์คนปัจจุบัน?”
“ถูกต้อง”
“นายบุกถึงรังลับของอุปราคาแล้ว?”
“ใช่”
“…!”
อุปราคา ครั้งหนึ่งพวกมันเคยถูกขนานนามว่าเป็นกลุ่มนักลอบสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
แต่นั่นเป็นเรื่องในอดีต สำหรับปัจจุบัน ชื่อของอุปราคาเลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์มานานแล้ว
เมื่อผู้คนไม่พูดถึงอุปราคา ชื่อดังกล่าวจึงเลือนหายไปจากจิตใต้สำนึกของกริด
แต่แน่นอน กริดย่อมทราบว่ากลุ่มอุปราคายังมีตัวตนอยู่ อย่างน้อยก็ในรุ่นของโดรันและคาซิม
แต่เมื่อประเมินจากคำบอกเล่าของคาซิม ไม่ใช่เรื่องแปลกที่กริดจะเข้าใจว่า กลุ่มอุปราคากำลังอยู่ในภาวะเสื่อมถอยและใกล้ล่มสลายเต็มที
ทว่า… ไม่เพียงจะมีลันเทียร์คนปัจจุบัน พวกมันยังแข็งแกร่งพอจะชิงตัวจักรพรรดิฮวนเดอร์ไปกักขังในรังลับ?
ขณะกริดกำลังขมวดคิ้ว เฟคเกอร์เสริม
“เบอินคือลันเทียร์”
“…!!”
เพียงคำตอบเดียว ข้อสงสัยทั้งหมดในใจกริดพลันคลี่คลาย
กริดที่นึกทบทวนพฤติกรรมของเบอินผู้คอยรับใช้เคียงกายฮวนเดอร์ประหนึ่งเงา เลื่อนมือขึ้นมาจับหน้าผาก
“ฉันเคยเห็นเบอินต่อสู้มาบ้าง แต่เขาไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาลับของลันเทียร์เลยสักครั้ง… หมอนั่นปกปิดตัวตนมาตลอด?”
“ถูกต้อง แม้แต่ฮวนเดอร์เองก็ไม่เคยทราบ”
เบอินที่ลอบเข้าใกล้ฮวนเดอร์ด้วยเหตุผลบางประการ ใช้เวลานานหลายสิบปีเพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ จนกระทั่งฮวนเดอร์ยอมรับมันในฐานะเงาแห่งจักรพรรดิ
“เพื่ออะไร… มันหวังอะไรจากวังหลวง?”
“ตัวฮวนเดอร์”
“…?”
“ในรังลับของอุปราคา ปราณสีชาดของฮวนเดอร์กำลังถูกรีดเร้นเพื่อนำไปใช้ประโยชน์”
“…!!”
ปราณสีชาดคือสัญลักษณ์ของสายเลือดตระกูลซาฮารัน
กริดทราบมาว่า ปราณสีชาดจะส่งต่อภายในเลือดแท้ของซาฮารันเท่านั้น อีกทั้ง ฮวนเดอร์ยังถูกจัดให้เป็นหนึ่งในผู้ที่มีปราณสีชาดทรงพลังมากที่สุดในประวัติศาสตร์
คลื่นพลังท่วมท้นดุจดังมหาสมุทร ร้อนแรงดุจดังดวงตะวันแผดเผา และยังมีอำนาจในการกุมชะตาสรรพชีวิตรอบตัว
อำนาจบารมีและความน่าเกรงขามของปราณสีชาดที่ฮวนเดอร์เคยสำแดง ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำกริดอย่างแจ่มชัด
แต่พลังระดับนั้นกลับถูกกลุ่มอุปราคานำไปหาผลประโยชน์?
“พวกมันใช้ปราณสีชาดทำสิ่งใด”
“เบอินไม่ใช่ผู้สืบทอดอย่างถูกต้อง มันเป็นเพียงอดีตมือขวาของลันเทียร์รุ่นก่อน จึงไม่ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาลับ”
หลังจากก่อกบฏและพยายามสังหารลันเทียร์รุ่นก่อน เบอินพยายามศึกษาเคล็ดวิชาลันเทียร์จากบันทึกของเหล่าลันเทียร์ในอดีต
หรือก็คือ มันเรียนแบบครูพักลักจำ และมีโอกาสสูงที่จะไม่บรรลุเงื่อนไขบางข้อของเคล็ดวิชาลับ จึงต้องพึ่งพาพลังจากภายนอกเข้าช่วย
“…พลังดังกล่าวคือปราณสีชาด?”
“น่าจะใช่ เพราะแก่นแท้ของวิชาลับลันเทียร์คือการเปลี่ยนเงาให้เป็นวัตถุและควบคุมมัน”
“???”
“หมายความว่า พลังในการควบคุมวัตถุของปราณสีชาด สามารถนำมาปรับใช้กับเคล็ดวิชาลับลันเทียร์ได้ด้วย เบอินจึงพยายามตีสนิทฮวนเดอร์เพื่อให้ตนบรรลุวิชาดังกล่าว …มันรอคอยโอกาสช่วงชิงปราณสีชาดมานานแล้ว”
“อา…”
ชายหนุ่มเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว
กริดพยักหน้ารับพร้อมกับเริ่มก้าวเดิน
“นำทางฉันไปยังรังลับของอุปราคา เราจะทำลายไอ้พวกระยำนั่นให้ราบคาบและช่วยฮวนเดอร์ออกมา”
“…”
“…?”
กริดที่เดินนำหน้าไปเล็กน้อย มีอันต้องเอียงคอกลับมามองอย่างสงสัย
เฟคเกอร์เพียงมองตอบโดยไม่ขยับร่างกาย
มันกล่าวกับกริดที่แสดงสีหน้างุนงง
“นายไม่จำเป็นต้องออกโรง”
“…??”
“ฉันจะจัดการกับเบอินด้วยตัวเอง เพื่อให้ความสัมพันธ์กับกลุ่มอุปราคาเป็นไปในเชิงบวก ฉันมาหานายเพียงเพราะต้องการปรึกษาเกี่ยวกับอนาคตของฮวนเดอร์ มิได้ขอความช่วยเหลือ”
“อา…”
เมื่อลองนึกย้อนกลับไปในอดีต เฟคเกอร์ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากกริดเลยสักครั้ง ออกจะตรงกันข้าม มีเพียงกริดฝ่ายเดียวที่ขอให้เฟคเกอร์ช่วยสะสางปัญหาของตน
ไม่สิ ไม่ใช่แค่เฟคเกอร์
เฉกเช่นจิสึกะที่เพิ่งกลายเป็นอริยศร เหล่าสิบวีรชนแทบไม่เคยขอความช่วยเหลือจากกริด
‘นั่นสินะ… เฟคเกอร์ไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดให้เราต้องช่วย อีกทั้ง นี่ยังเป็นถึงภารกิจเปลี่ยนคลาส คงเสียศักดิ์ศรีไม่น้อยหากเราช่วยทำภารกิจสำคัญแบบนี้’
แต่ในทางกลับกัน กริดมักเรียกหาทุกคนด้วยทักษะอัญเชิญอัศวินเมื่อตนเผชิญปัญหา
ขณะที่ชายหนุ่มเริ่มเผยท่าทีกระอักกระอ่วน เฟคเกอร์ตั้งคำถาม
“นายอยากให้ฉันช่วยฮวนเดอร์ออกมาไหม”
ไม่ว่าจะมองมุมใด ฮวนเดอร์ก็เป็นศัตรูของพวกตนอย่างแน่นอน
ต่อให้ไม่นับเรื่องที่เคยเป็นศัตรูกับกริดและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ แต่ฮวนเดอร์เคยทำให้ทวีปตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด ด้วยการปฏิบัติต่อสหเผ่าพันธุ์อย่างเลวร้าย
อย่างไรก็ตาม ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง นั่นมิใช่นโยบายที่ฮวนเดอร์คิดค้นขึ้น หากแต่เป็นอดีตจักรพรรดิทุกพระองค์ของราชวงศ์ซาฮารัน
ถูกต้อง จักรพรรดิก่อนบาซาร่าทุกคนล้วนเป็นเช่นเดียวกันหมด ไม่มีข้อยกเว้น
แต่สำหรับกริด
“ฉันอยากให้ไว้ชีวิต เขาจะได้ติดหนี้บุญคุณ”
“แต่ถ้าคาซิมกับปิอาโร่รู้เข้า พวกเขาอาจไม่พอใจ”
“คงไม่… ฮวนเดอร์คือชายผู้สำนึกผิดในบาปของตนและตัดสินใจตายไปแล้วหนหนึ่ง ปิอาโร่กับคาซิมคงไม่ตามจองเวรคนที่ยอมขอโทษและสละชีวิตตัวเองเพื่อความเปลี่ยนแปลงแน่”
“ผิดแล้ว”
ใครบางคนแทรกบทสนทนา
คาซิม
ดวงตาที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เริ่มเปล่งแสง
“กระหม่อมจะยังคงเคียดแค้นชายคนนั้น แม้นมันได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว”
“…คาซิม”
เราคิดง่ายไปเกินหรือ…
ขณะกริดกำลังพูดไม่ออก คาซิมกล่าว
“ดังนั้น กระหม่อมต้องการให้มันมีชีวิตรอดต่อไป จะได้ประจักษ์ด้วยตาตนเองว่า โลกในอุดมคติของมันผิดเพี้ยนและเต็มไปด้วยบาปเพียงใด และโลกที่ถูกต้องตามครรลองของท่านบาซาร่ายอดเยี่ยมมากเพียงใด”
“…”
ไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใดเพิ่ม
ถึงแม้เหตุผลจะต่างกัน แต่ในเมื่อบทสรุปของกริดและคาซิมตรงกัน เฟคเกอร์ย่อมปราศจากความลังเลสุดท้ายในภารกิจของตน
“ฉันจะช่วยฮวนเดอร์ออกมาเอง”
“ด…เดี๋ยวก่อน…!”
ขณะเฟคเกอร์เตรียมเลือนหาย กริดรีบเรียกให้หยุดด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
เฟคเกอร์เคยล้มเหลวจนจบลงด้วยความตายมาแล้วหนหนึ่ง…
การทำภารกิจคนเดียวเป็นเรื่องดีจริงหรือ?
คล้ายกับอ่านความคิดกริดออก เฟคเกอร์เผยรอยยิ้มอันหาพบได้ยาก
“ฉันตายเพราะมัวแต่ลังเลเกี่ยวกับฮวนเดอร์ จึงเปิดช่องว่างให้มัน ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง”
เบอินแข็งแกร่ง ไม่มีใครโต้แย้งเรื่องนี้ได้
นอกจากจะดำรงตำแหน่งลันเทียร์ มันคือหนึ่งในห้าเสาหลักที่ฮวนเดอร์ไว้วางใจอย่างยาวนาน
ฝีมือที่แท้จริงของเบอินผู้มีเลเวลสูงกว่า 400 ย่อมใกล้เคียงกับตำนานอย่างมาก
อีกทั้ง มันยังมีลูกน้องนับร้อยคน
แต่เฟคเกอร์หาได้เคลือบแคลงในชัยชนะ
เพราะมันคือผู้บรรลุวิชาลับของลันเทียร์ทั้งสายคาซิมและโดรัน ซึ่งแม้แต่อาจารย์โดยตรงอย่างคาซิมก็ยังเอื้อมไปไม่ถึงจุดนั้น
ซู่ว…
เฟคเกอร์หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเงาและเลือนหายไปอย่างสมบูรณ์
คาซิมกล่าวกับกริดที่ยืนถอนหายใจด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วง ทั่วทั้งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ มีเพียง 4 คนเท่านั้นที่แข็งแกร่งกว่าเฟคเกอร์ เบอินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน”
ในอนาคตอันใกล้ ตำแหน่งลันเทียร์ที่แท้จริงจะตกเป็นของเฟคเกอร์ หาใช่เบอิน
และเฟคเกอร์จะกลายเป็นลันเทียร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์
คาซิมมั่นใจในเรื่องมาก
“ฝ่าบาทกำลังจะมีเงาคุ้มกายเป็นนักลอบสังหารในตำนานคนที่สอง”
***
สามวันหลังจากนั้น
[ลันเทียร์คนใหม่ถือกำเนิดแล้ว!]
[ตำนานบทใหม่ของนักลอบสังหาร!]
[คมมีดที่กวัดแกว่งในเงามืด จักปลิดชีพเหยื่อโดยปราศจากเสียงกรีดร้อง]
ลันเทียร์คนใหม่คือเฟคเกอร์ มิใช่เบอิน
***
รุ่งสางวันถัดมา
“…เจ้าช่วยเราไว้อีกครั้ง”
ฮวนเดอร์และชานสเลอร์ที่อยู่ในสภาพอิดโรย ถูกนำตัวมาพบกริด
กริด ผู้ได้เห็นเฟคเกอร์เดินนำคนทั้งสองเข้ามาในท้องพระโรง พลันขนลุกไปทั่วร่าง
ฝ่าบาทกำลังจะมีเงาคุ้มกายเป็นนักลอบสังหารในตำนานคนที่สอง…
คำประกาศของคาซิมเป็นจริงภายในไม่กี่วัน
“ผมไม่เคยรู้ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่”
กริดลุกขึ้นจากบัลลังก์ ความตื่นเต้นภายในใจยังคงคุกรุ่น เนื่องจากสัมผัสเหนือมนุษย์ของตนมิอาจตระหนักถึงเฟคเกอร์ได้เลย ทั้งที่อีกฝ่ายกำลังยืนข้างกาย
ชายหนุ่มเดินมาหยุดหน้าฮวนเดอร์
“จะกลับจักรวรรดิไหม”
ได้โปรดตอบว่าไม่…
แล้วก็เป็นเช่นนั้น
“ไม่… เราตายไปแล้ว คนตายจะไม่กลับไปยังจักรวรรดิเป็นอันขาด”
“ผมช่วยหาที่พักให้ไหม”
“ไม่จำเป็น เราไม่ต้องการ”
ฮวนเดอร์ปฏิเสธทุกความหวังดีจากกริด
ผมของมันซีดลงจากเดิม บางจุดเริ่มมีสีขาวโผล่แซม ร่างกายผอมบางจนเรียกได้ว่าซูบ
ฮวนเดอร์ผู้ไม่หลงเหลือมาดของอดีตมหาจักรพรรดิแห่งซาฮารัน มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยแววตาคลุมเครือ
“ในอนาคต เราจะตระเวนไปยังทุกซอกมุมของทวีปพร้อมกับชานสเลอร์ ใช้วาระสุดท้ายของชีวิตเพื่อเฝ้ามองความเจริญรุ่งเรืองที่จักรพรรดิองค์ใหม่นำพา”
“…”
ตรงตามความต้องการของคาซิมทุกประการ
และยังเป็นการตัดสินใจทำเพื่อโลก
ท่ามกลางยุคสมัยใหม่ที่มีการเปลี่ยนผันตลอดเวลา คนตายอย่างฮวนเดอร์ไม่มีที่ยืนอีกต่อไป
กริดครุ่นคิดหลายสิ่ง
มันตระหนักว่า แม้แต่คนที่เคยกุมอำนาจมากที่สุดในโลก ก็มีสภาพน่าสังเวชเช่นนี้ได้หากเลือกทางเดินผิดพลาด
มันสาบานกับตัวเองว่าจะไม่เป็นเหมือนกับฮวนเดอร์เด็ดขาด
“เชิญ”
กริดผายมือเพื่อสั่งเปิดประตู จากนั้นก็โค้งศีรษะคำนับให้ฮวนเดอร์
มิใช่ความเคารพต่ออดีตจักรพรรดิ หากแต่เป็นความเคารพต่ออดีตผู้มีพระคุณ
“…”
ฮวนเดอร์คำนับตอบ ตามด้วยการเดินออกจากท้องพระโรง
สายตาของมันกวาดมองไปรอบตัว ภายในใจหวังจะได้พบหน้าสหายเก่าเป็นหนสุดท้าย
แม้สิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้น แต่ฮวนเดอร์ก็ก้าวเดินออกจากวังหลวงโดยปราศจากความเสียใจ
แผ่นหลังของมันไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว
สหายใหม่นามว่าชานสเลอร์ จะคอยปกป้องดูแลอยู่เคียงข้าง
ขณะกริดกำลังยืนจ้องคนทั้งสองเดินจากไป เฟคเกอร์ยื่นเกราะตัวหนึ่งให้
“ชุดเกราะของชานสเลอร์ เขายกให้นาย”
เกราะอสูรที่ถูกขนานนามว่า สามารถทำให้ผู้สวมใส่ ‘ไม่มีวันตาย’
หลังจากอ่านรายละเอียดไอเท็มด้วยเนตรของแพ็กม่า กริดเผยรอยยิ้มพร้อมกับนำดาบมังกรเพลิงออกมาเผาชุดเกราะทิ้ง
เกราะอสูรเป็นเพียงภาพลวงตาที่เกิดขึ้นจากความจงรักภักดีอย่างไร้ก้นบึ้งของชานสเลอร์
ตราบใดที่ฮวนเดอร์ยังมีชีวิตอยู่ ชานสเลอร์จะเป็นอมตะโดยไม่ต้องพึ่งพาชุดเกราะ
ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้เรื่องนี้…
กริดฉีกยิ้ม หันไปกล่าวกับเฟคเกอร์
“นายเองก็เหลือเลเวล 1 สินะ ฉันเป็นคนขับรถบัสให้เอาไหม?”
“ขอบใจมาก แต่ไม่เป็นไร ฉันสามารถฟื้นฟูเลเวลผ่านระบบภารกิจได้”
“หือ…?”
“…”
“…ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”
“อือ”
“…”
เกมหัวค*ย...
คำสบถสุดหยาบคายของกริด ดังก้องไปทั่วบรมมหาราชวังไรนฮาร์ทในยามรุ่งสาง
และในวันนี้
ผู้เล่นจำนวนมากที่ประสบปัญหาขณะเก็บเลเวล ได้พร้อมใจกันเขียนบรรยายเรื่องราวสุดพิสดารลงบนโลกอินเทอร์เน็ต เนื้อหาเกี่ยวกับการที่ตนได้รับความช่วยเหลือจากชายแก่และชายวัยกลางคนลึกลับจำนวนสองคน
______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,696
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
ตอนเลเวลของกริด..มันพึ่ง80 กว่าเอง ...ทำเป็นโวยวาย 5555+
ReplyDelete