จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,283
กริดสามารถสวมมงกุฎทับหมวกเหล็กได้
หมายความว่า ชายหนุ่มจะมีช่องอุปกรณ์สวมใส่มากกว่าคนอื่น ช่างเหมาะสมกับฉายา ‘ราชาโอเวอร์เกียร์’ เสียเหลือเกิน
ต้องขอบคุณสมญานาม ‘กษัตริย์คนแรก’ ที่มอบความสามารถแสนสะดวกเช่นนี้ให้
‘เอาล่ะ เรียบร้อย’
หลังจากตรวจตราความเรียบร้อยบนกระจกเงา กริดอมยิ้มอย่างมีความสุข
หมวกเขาแพะ
<ความอัปยศของทาลิม่า> หรือที่มีชื่อเล่นว่า ‘ขาดน้ำ’ คือไอเท็มซึ่งควรจะทำให้กริดมีรูปลักษณ์คล้ายคลึงปีศาจ แต่ปัจจุบันได้ถูกมงกุฎสีเงินแวววาวสวมทับปกปิด
“ไปกันเถอะ”
สติกส์ส่งสัญญาณให้กริดและปิอาโร่ที่กำลังเดินเข้าวงแหวนเวท
ซู่ว…
หลังจากชายหนุ่มพยักหน้ารับ คนทั้งสามได้อันตรธานหายไปจากวังหลวงอย่างไร้ร่องรอย
***
แพงเจีย เมืองเริ่มต้นบนทวีปตะวันออก
ย้อนกลับไปในการมาเยือนหนที่สามของกริด แพงเจียเคยตกอยู่ในความควบคุมของกองทัพ
แต่ปัจจุบัน สภาพแวดล้อมรอบเมืองเกือบทั้งหมดได้กลับสู่ภาวะปรกติ
ซากอาคารบ้านเรือนหลายหลังที่เจ้าของเคยทอดทิ้ง ถูกบำรุงรักษาและคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา
“นี่คือเมืองที่ฮานซอกบงเคยปกครอง”
ได้ยินเช่นนั้น ปิอาโร่เผยสีหน้าสนใจ
แทนที่จะตึงเครียดกับสภาพแวดล้อมต่างถิ่น ปิอาโร่กลับตื่นเต้นดุจดังเด็กเล็กได้ของเล่นใหม่
“ธัญพืชที่นี่มีรสชาติเป็นยังไง?”
“…”
ทำไมถึงลงเอยด้วยทุ่งนา…
จริงอยู่ ทุ่งนาของแพงเจียอาจค่อนข้างล้าหลังเมื่อเทียบกับวิทยาการสุดนำสมัยของทุ่งนาภายในกรุงไรนฮาร์ท แต่กริดก็มิได้โอ้อวดออกไป เพียงเบี่ยงประเด็นสนทนา
“ที่นี่เคยเป็นเมืองใหญ่มาก่อน”
เคยมีประชากรหลายหมื่น โรงเหล็กใหญ่สี่แห่งพร้อมด้วยช่างฝีมือยืนเบียดเสียด และบรรยากาศอันเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา
แต่ปัจจุบัน ชาวเมืองเหล่านั้นได้กลายมาเป็นพลเมืองโอเวอร์เกียร์เกือบหมดแล้ว
เคยมีคนต่างถิ่นจำนวนไม่น้อยเดินทางมาเยือนเพราะต้องการหาซื้อเครื่องไม้เครื่องมือจากเหล่าช่างตีเหล็กชั้นยอด แต่ส่วนใหญ่มักถูกหยางเฟยหลอกล่อให้เข้าไปกินอาหารสุดห่วยแตกของภัตตาคารไอดาน
‘…แต่ทุกวันนี้ อาหารของไอดานเริ่มกินได้บ้างแล้ว’
ไอดานพัฒนาขึ้นจากเดิมอีกขั้น (?) จากมือวางยาพิษที่ทำอาหารสุนัขไม่รับประทาน กลายเป็นพ่อครัวที่พอจะทำอาหารได้และมีความสามารถในการวางยาพิษ
กริดพยายามปลุกปั้น ‘เจ้าแห่งพิษ’ ไอดานอย่างสุดฝีมือ และนั่นทำให้เกิดผลลัพธ์ในเชิงบวกอย่างไม่คาดฝัน
ทหารของโอเวอร์เกียร์ที่ต้องฝืนกินอาหารของไอดานอย่างต่อเนื่อง ได้พัฒนาร่างกายจนสามารถต้านทานพิษในระดับหนึ่ง ส่งผลให้ไม่ได้รับอันตรายขณะปฏิบัติภารกิจในเขตปนเปื้อน
เหตุการณ์กองทัพโอเวอร์เกียร์บุกเข้าไปเคลียร์ <วิหารอสรพิษ> หรือที่รู้จักในนาม ‘นรกบนดิน’ ได้สร้างความฮือฮาและตื่นตกใจแก่ผู้เล่นทั่วโลกไปพักหนึ่ง
ในตอนนั้น หนังงูจำนวนมหาศาลถูกส่งไปยังห้องทำงานของอลิซาเบธจนเธอเกือบเป็นลม…
“…ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าทหารที่ประจำการภายในเมืองมีจำนวนน้อยเกินไป นั่นอาจส่งผลในแง่ลบต่อระดับความปลอดภัยของเมือง”
“แค่นี้ก็คงพอแล้ว… ดินแดนตอนใต้อยู่ในการปกครองดูแลของเทพฟินิกซ์แดง หากมีบุคคลชั่วร้ายย่างกรายเข้ามาในเขต พวกมันคงถูกฆ่าทิ้งก่อนจะได้เข้าเมือง”
สมมติฐานของกริดฟังดูสมเหตุสมผล
แต่นั่นไม่เป็นความจริง
แพงเจียคือประตูบานแรกที่ชาวทวีปตะวันตกต้องผ่านเข้าออก
ในมุมมองของอาณาจักรโช ที่นี่คือชายแดนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญซึ่งควรปกป้องเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
หากแพงเจียมีกำลังพลประจำการน้อย สิ่งนี้หมายความว่า มีบางสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นกับอาณาจักรโช
ในความเป็นจริง สาเหตุที่กำลังทหารของแพงเจียลดลงจากระดับปรกติมาก เป็นเพราะส่วนใหญ่ถูกโยกย้ายไปสนับสนุนเมืองหลวง
อย่างไรก็ตาม กษัตริย์โชมิต้องการให้ชาวเมืองแตกตื่น จึงบิดเบือนเหตุผลของการโยกย้ายกำลังพลด้วยข้ออ้างที่ว่า ‘กำลังเตรียมจัดงานเทศกาลครั้งใหญ่’
ด้วยเหตุนี้ ชาวเมืองแพงเจียจึงไม่ทราบสถานการณ์อันย่ำแย่ภายในเมืองหลวง
กริดเองก็เช่นกัน มันกำลังตื่นเต้นที่ได้เห็นเมืองซึ่งเคยเป็นซากปรักหักพัง กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง จนหลงลืมความผิดปรกติรอบตัว
“แต่อย่างน้อย… พละกำลังของทหารก็ยังอยู่ในเกณฑ์สูงมาก”
ปิอาโร่มองเห็นทะลุปรุโปร่ง
ด้วยพลังพิเศษของชาวนาในตำนาน มันสามารถประเมินสัญญาณชีพของอีกฝ่ายได้แม่นยำ และพบว่าแม้ทหารแพงเจียจะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ก็ยังด้อยกว่าทหารโอเวอร์เกียร์ที่ถือเป็นระดับท็อปของทวีปตะวันตก
“ทางนั้นคือป่าต้นฟอสฟอรัสขาว”
กริดหาทางดึงความสนใจของปิอาโร่ออกจากทุ่งนา
“นายปลูกพวกมันในวังหลวงได้ไหม”
เดิมที จุดประสงค์หลักในการเดินทางมายังทวีปตะวันออกของปิอาโร่คือวอลนัทสีทอง
แต่สำหรับกริด ปัญหาเร่งด่วนสำหรับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์คือฟืนฟอสฟอรัสขาว
ทุกครั้งที่ฟืนสุดหายากหมดลง ชายหนุ่มต้องบากหน้ามายังทวีปตะวันออกด้วยตัวเองเสมอ ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องรบกวนจิตใจพอสมควร
และเหนือสิ่งอื่นใด กริดยังไม่มีข้อมูลว่า ต้นวอลนัทสีทองถูกปลูกแถบใดบนทวีปตะวันออก
ดังนั้น ต้นฟอสฟอรัสขาวต้องมาก่อน
“หืม…”
ผิวของเปลือกไม้มีลักษณะขาวเนียนประหนึ่งเกล็ดหิมะโปรยปราย
ปิอาโร่ที่ประทับใจในความงดงามของต้นฟอสฟอรัสขาว ตัดสินใจเดินเข้าไปเชยชมในระยะใกล้ชิด
“เปลือกไม้อันขาวเนียนและบริสุทธิ์… เหมือนกับจิตใจของภรรยากระหม่อม”
“…”
“ผิวไม้อันแข็งแกร่ง… ช่างละม้ายคล้ายคลึงความเข้มแข็งของเธอเหลือเกิน”
“…”
“ด้านในแฝงไว้ด้วยเปลวไฟอันร้อนแรง… เหมือนกับเธอในตอนที่เห็นความอยุติธรรม”
“แฮ่ม… สำรวมหน่อย”
เมื่อไม่นานมานี้ กริดได้ยินว่าเบเนียลูเพิ่งตั้งครรภ์
แน่นอน ชายหนุ่มย่อมยินดีกับข่าวดังกล่าว แต่ท่าทีเมื่อครู่ของปิอาโร่ ไม่เป็นการพร่ำเพ้อเกินพอดีไปหน่อยหรือ?
เมื่อได้ยินคำตักเตือน ปิอาโร่ที่เพิ่งตระหนักว่าตนเผลอตัวเผลอใจ รีบกระแอมแห้งพร้อมกับกล่าวคำขอโทษ
“กระหม่อมผิดไปแล้ว”
“ช่างมันเถอะ…”
อย่างไรก็ตาม ปิอาโร่ยังคงไม่ลืม
พฤติกรรมสุดไร้ยางอายของกริดที่มักพลอดรักกับไอรีนอย่างดูดดื่ม โดยไม่เคยแยแสว่าข้าราชบริพารและทหารจะเห็นเข้าหรือไม่
ไม่ใช่เพียงหนหรือสองหน แต่มีวันหนึ่ง กริดกล่าวสรรเสริญเยินยอความงดงามของไอรีนนานสามชั่วโมงเต็มต่อหน้าบริวารจำนวนมาก
…และนั่นเพิ่งผ่านมาสองวัน
อย่างไรก็ตาม ในเมื่ออีกฝ่ายคือกษัตริย์ ตนสามารถโต้เถียงได้ด้วยหรือ?
ปิอาโร่ไม่มีวันพ่นคำเช่นนั้นใส่ราชาของตน
‘อีกอย่าง… ฝ่าบาทกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เราควรสำรวมให้มากกว่านี้’
คงตื่นเต้นเกินไปหน่อย…
ปิอาโร่นั่งยองลงพร้อมกับตรวจสอบรายละเอียดของดินในป่าฟอสฟอรัสขาว
“ฝ่าบาท… เม็ดทรายมีขนาดใหญ่มาก”
“หือ…?”
จนกระทั่งเมื่อครู่ ความสนใจทั้งหมดของกริดเพ่งไปยัง ‘ต้นไม้’ หาใช่ ‘ผืนป่า’
เนื่องจากเป้าหมายคือการ ‘รวบรวมฟืน’ สมาธิจึงจดจ่ออยู่เพียงหนึ่งสิ่ง
เมื่อได้ยินคำอธิบายจากปากปิอาโร่ ชายหนุ่มเริ่มมองกว้างไปถึงภาพรวม
‘มาซาโตะ…’
เป็นศัพท์เฉพาะที่กริดเคยได้ยินเมื่อครั้งทำงานในไซต์ก่อสร้าง
มาซาโตะหมายถึงดินหยาบที่พบมากในลานฝึกทหาร เมื่อนำไปทำให้บริสุทธิ์จะได้ทรายหยาบ เป็นคำศัพท์ที่ยืมมาจากภาษาเพื่อนบ้าน
“ฝ่าบาท ทรายชนิดนี้เกิดจากการผุกร่อนของหินแกรนิต ส่งผลให้ดูดซับน้ำได้น้อยกว่าทรายหรือดินปรกติพอสมควร… และพวกมันมิได้อยู่บนผิวดินเพียงอย่างเดียว แต่ยังแทรกซึมลึกลงไปถึงชั้นรากแก้วของต้นฟอสฟอรัสขาว”
“…”
เมื่อเห็นกริดไม่ตอบสนอง ปิอาโร่สรุปให้ฟัง
“กล่าวโดยสั้น มีความเป็นไปได้มากว่า ต้นฟอสฟอรัสขาวจะเติบโตได้ดีในสภาพน้ำน้อย”
“…สมเหตุสมผล”
ต้นฟอสฟอรัสขาว เนื่องด้วยเปลือกไม้สีขาวเนียนราวกับหิมะ ภายนอกจึงดูคล้ายกับมีอุณหภูมิเย็นเฉียบ
แต่ในความเป็นจริง ต้นฟอสฟอรัสขาวมีความร้อนแฝงสูงมาก
ร้อนจนสามารถสร้างแรงระเบิดหากถูกบางสิ่งพุ่งเข้ามากระทบอย่างแรง
“บางที สาเหตุที่เปลือกไม้มีสีขาว อาจเพราะทำปฏิกิริยากับเกลือที่แฝงมากับลมทะเล…”
“ไม่น่าใช่… ต้นฟอสฟอรัสขาวยังพบได้มากในเขตห่างไกลน้ำทะเล”
“งั้นหรอกหรือ…”
ปิอาโร่ก้มหน้าครุ่นคิดเงียบงัน
จากนั้น มันเริ่มลงมือสำรวจสภาพแวดล้อมรอบป่าฟอสฟอรัสขาวอย่างละเอียด
กริดพึงพอใจเมื่อได้เห็นปิอาโร่คุยกับตัวเอง ถามเองตอบเองเสร็จสรรพ และพยักหน้าคล้ายกับเข้าใจในบางสิ่ง
สิ่งนี้หมายความว่า อีกฝ่ายมีโอกาสเพาะปลูกฟืนหายากสำเร็จ
ใช่แล้ว… ต้องสำเร็จแน่…
ผ่านไปครึ่งวัน ปิอาโร่เปิดปากพูดเป็นครั้งแรกด้วยสีหน้าร่าเริงแจ่มใส
“ถึงจะยังไม่แน่ใจนัก แต่ในเมื่อที่นี่เต็มไปด้วยต้นอ่อน กระหม่อมขอนำกลับไปลองทดสอบดู”
“เดี๋ยว!”
เมื่อเห็นปิอาโร่หยิบจอบและเสียมสั้นออกมา กริดรีบตะโกนห้าม แต่ความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายรวดเร็วกว่าตนครึ่งก้าว
คำห้ามของกริดไม่เป็นผล และต้นอ่อนของฟอสฟอรัสขาวถูกขุดขึ้นมาพร้อมกับดินหยาบ
…โดยไม่มีการระเบิด
ต้นฟอสฟอรัสขาวที่กริดเชื่อว่าไม่มีใครสามารถตัดได้นอกจากตน ถูกปิอาโร่ใช้เสียมสั้นขุดขึ้นมาในสภาพไร้รอยขีดข่วน
“…!”
“มีอะไรหรือ ฝ่าบาท?”
“ป…เปล่า… ชาวนาในตำนานเจ๋งชะมัด…”
ความรู้สึกเสียดายเล็ก ๆ ในตอนที่ปิอาโร่เลือกเส้นทางชาวนาในตำนานเหนืออริยดาบ พลันมลายหายเป็นปลิดทิ้งในวินาทีเมื่อครู่
ตรงกันข้าม ชายหนุ่มกำลังรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ปิอาโร่ตัดสินใจเลือกเส้นทางชาวนา
การจะดำรงชีวิตให้อยู่รอดบนโลกแสนโหดร้ายใบนี้ ‘พลัง’ ไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่ง
นับว่าเป็นโชคดีของลอร์ด ที่ในอนาคตจะมีชาวนาทรงพลังคอยรับใช้ข้างกาย
“ลูกที่ใกล้ลืมตาดูโลก… นายจะเลี้ยงให้เป็นชาวนาเหมือนกับพ่อไหม”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทายาทของปิอาโร่จะต้องเป็นอัจฉริยะในระดับใกล้เคียงลอร์ด
กริดหวังว่าเด็กคนนั้นจะคอยช่วยเหลือและเคียงข้างในยามที่ลอร์ดประสบปัญหา
หากเป็นเพศชาย พวกเขาจะเป็นสหายรัก
หากเป็นเพศหญิง เธอต้องกลายมาเป็นสะใภ้
เมื่อได้ยินคำถามแฝงความเคร่งขรึมของกริด ปิอาโร่ส่ายหน้าแผ่วเบาพร้อมกับยิ้ม
“คงไม่ กระหม่อมจะให้เด็กคนนั้นเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง”
ปิอาโร่ ชายผู้เกิดมาในตระกูลยอดนักดาบ มีบิดาเป็นหนึ่งในนักดาบที่เก่งที่สุดของจักรวรรดิ สภาพแวดล้อมดังกล่าวได้หล่อหลอมให้มันใฝ่ฝันจะเป็นอริยดาบตั้งแต่ยังเด็ก
แต่ท้ายที่สุด ปิอาโร่กลับเลือกเส้นทางชาวนา
โดยมิได้นึกเสียดายแม้แต่น้อย
ความจริงดังกล่าวทำให้ปิอาโร่ตระหนักได้
พ่อแม่ไม่ควรกำหนดความฝันให้ลูก
“นั่นสินะ…”
กริดย่อมเข้าใจหัวอกปิอาโร่
มันเองก็เป็นผู้บุกเบิกเส้นทางใหม่ และไม่คิดเข้าไปแทรกแซงเป้าหมายชีวิตของลอร์ดเช่นกัน
แต่ในวินาทีนี้ กริดเกิดความปรารถนาหนึ่งข้อ
“ถ้าเป็นลูกสาว… ต้องสมรสกับลอร์ด”
ชายหนุ่มปรารถนาจะเกี่ยวดองสองตระกูลเข้าด้วยกัน และมันคงสบายใจอย่างมากหากบุตรสาวของมือขวากลายมาเป็นภรรยาบุตรชาย
แต่ผิดคาด ปิอาโร่ปฏิเสธทันควัน
“เรื่องนั้น… คงมิได้ขอรับ”
“…?”
กริดเผยสีหน้าประหลาดใจโดยไม่ปิดบัง
เป็นเพราะปิอาโร่ที่ควรจะตอบตกลงด้วยสีหน้ายินดีปรีดา กลับปฏิเสธไมตรีอย่างผิดความคาดหมาย
ว่ากันตามตรง กริดไม่เคยเคลือบแคลงความจงรักภักดีของปิอาโร่
หากจะให้ไล่เรียงจากมากไปน้อย ปิอาโร่คงยืนอยู่หัวแถวในฝั่งจงรักภักดีเป็นล้นพ้น
ไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งเลยสักครั้ง ยอมทำตามแม้กระทั่งเรื่องที่ขัดต่อความรู้สึก เช่นคำสั่ง ‘จงปกป้องฮวนเดอร์’ ที่กริดเคยมอบให้
แต่ชายคนนี้กลับปฏิเสธการเกี่ยวดอง?
ขณะกริดยืนตัวแข็งทื่อ ปิอาโร่เกาหัวด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนพลางมอบคำตอบ
“กระหม่อมคงไม่มีหน้าเรียกตัวเองว่าพ่อ… หากบังคับให้บุตรสาวต้องไปเป็นภรรยาขององค์ชายหลายใจที่มีคนรักอยู่แล้วนับร้อย”
“…”
กริดเพิ่งตระหนักได้เมื่อสาย ตนไม่เคยเข้าใจหัวอกของพ่อแม่คนอื่นมาก่อน ไม่เคยเข้าใจความหวงแหนและปรารถนาดี ที่พ่อแม่คนอื่นย่อมต้องมีต่อลูกเหมือนกับตน
ปิอาโร่พูดปลอบใจกริด ผู้กำลังยืนสงบนิ่งโดยมิอาจหาคำมาโต้แย้ง
“ฝ่าบาทมิต้องกังวล กระหม่อมจะมีบุตรชาย และเขาจะกลายเป็นสหายรักขององค์ชาย”
“นั่นสินะ ต้องเป็นแบบนั้นแน่”
คงดีที่สุดแล้วหากทายาทของปิอาโร่คลอดออกมาเป็นเพศชาย…
ขณะกำลังยิ้มกรุ้มกริ่ม กริดพลันฉุกคิดขึ้นได้
ถ้าประเมินจากความซวยที่ผ่านมาทั้งหมดของตน มีโอกาสมากถึง 99.9% ที่ลูกของปิอาโร่จะออกมาเป็นเพศหญิง
‘…ช่างเถอะ ไม่มีกฎหมายข้อไหนห้ามเด็กต่างเพศเป็นเพื่อนกันสักหน่อย’
เลิกคิดเรื่องไร้สาระดีกว่า
กริดส่ายหน้าพลางเดินไปตัดฟืน ส่วนปิอาโร่บรรจงใช้ผ้าห่อรากแก้วของต้นอ่อนที่ขุดขึ้นมาอย่างทะนุถนอม โดยหลังจากนั้น มันยังทำแบบเดิมอีกราวห้าสิบรอบ
***
วันถัดมา
“ต่อไปก็… ตามหาไร่วอลนัทสีทอง”
กริดและปิอาโร่ที่บรรลุวัตถุประสงค์แรก ได้เวลาเดินทางออกจากแพงเจีย
ระหว่างนั้น คนทั้งสองหวนนึกถึงการเดินทางร่วมกันที่ห่างหายไปนาน
ย้อนกลับไปราวสิบปีก่อน
หลังจากกริดได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองเรย์ดัน มันออกเดินทางด้วยเท้าและเผชิญเรื่องราวมากมายไปพร้อมปิอาโร่
เป็นความทรงจำอันแสนมีค่าสำหรับกริด
และเคยเป็นฝันร้ายสำหรับปิอาโร่
Comments
Post a Comment