จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,260
จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,260
“แพ็กม่า เจ้าไม่ละอายใจบ้างเลยรึไง!!”
“กลับมาที่นี่เพื่อให้ข้ากระทืบสินะ!!”
‘สงสัยแพ็กม่าจะดังพอตัว…’
คนแคระมีชื่อเสียงในการความหลงใหลและจดจ่ออยู่กับงาน โดยกล่าวกันว่า ต่อให้มีคนบ้าเปลือยกายเดินโทงเทงและนั่งยองอึตรงหน้า พวกมันก็จะมุ่งมั่นทำงานอย่างไม่แยแส
แต่ดูเหมือนจะมีข้อยกเว้นพิเศษอยู่หนึ่งกรณี
นั่นคือเมื่อชื่อของแพ็กม่าปรากฏขึ้น
“ทุกคนถอยออกมา! ข้าจะบีบคอไอ้ระยำแพ็กม่าด้วยมือคู่นี้เอง!!”
“อย่าเพิ่งฆ่ามัน! ทรมานสักสิบปีก่อน!”
“ข้าจะโยนค้อนทับนิ้วเท้าของมัน!”
“…”
คนแคระหน้าใหม่เพิ่มจำนวนขึ้นตลอดเวลา ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งไม่มีช่องว่างให้ขยับเขยื้อน กริดถูกดันจนหลังติดเคาน์เตอร์อย่างไม่มีทางเลือก
‘ควรหนีไปก่อนดีไหม?’
แล้วทำไมพวกเขาถึงโกรธแพ็กม่านัก…
กริดมีประสบการณ์มากเกินกว่าจะประหลาดใจกับคำถามข้างต้น พิจารณาจากอุปนิสัยส่วนตัวของแพ็กม่า คุณธรรมอันสุดโต่งของชายคนนั้นคงเผลอไปทำร้ายใครเข้าเหมือนทุกที
‘เฮ่อ…’
แต่ก็ไม่คิดว่าจะสร้างปัญหามาไกลถึงทาลิม่า เมืองซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแดนสวรรค์ของช่างตีเหล็ก เดิมที กริดมีแผนจะอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างตนกับแพ็กม่าและมิเลเพียว (ช่างฝีมือคนแคระ) เพื่อสานสัมพันธ์กับเผ่าคนแคระ
‘คงต้องทำให้พวกเขาสงบลง จากนั้นค่อยเริ่มตีสนิทอย่างใจเย็นด้วยวิธีอื่น’
ขณะกริดถอนหายใจยาวพลางเตรียมชักดาบเพื่อใช้งานท่ารำดาบ ‘หน่วง’
“ทุกคนเงียบก่อน!”
โมลิน เจ้าของร้านตีเหล็ก คนแคระรายแรกที่จดจำกริดได้ รวมถึงเป็นคนตะโกนสร้างความวุ่นวายโกลาหล
“ชีวิตประจำวันอันเฉื่อยชาทำให้ดวงตาของพวกเจ้าเน่าเปื่อยกันหมดแล้วรึไง! ลองพิจารณาใบหน้าของชายคนนี้ให้ดี! เขามิได้หล่อเหลาขนาดนั้นสักหน่อย!”
“…!”
“จริงด้วย…”
กลุ่มคนแคระใกล้ตัวกริด ต่างพากันสงบสติพลางแหงนหน้าจ้องอย่างตั้งใจ
“เมื่อเทียบกับแพ็กม่า… เขามีเสน่ห์น้อยกว่า”
“ถึงแพ็กม่าจะเป็นขยะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าใบหน้าของมันหล่อเหลาเอาการ ส่วนชายคนนี้เพียงแฝงเสน่ห์พิสดารอันเป็นเอกลักษณ์”
“กระดูกใหญ่กว่าพอสมควร ดวงตาคมกริบดุจดังนกเหยี่ยว… เหมือนกับพวกกินหนู”
“…”
กริดหรี่ตาลง
คำวิจารณ์ของเหล่าคนแคระ ฟังดูค่อนข้างกำกวมว่าเป็นคำชมหรือด่ากันแน่
‘เหยี่ยวกินแต่หนูรึไง…?’
แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ดีใจเมื่อถูกชมเชยว่าตนมีเสน่ห์ ถึงจะพิสดาร แต่เสน่ห์ก็คือเสน่ห์
ยิ่งเมื่อถูกนำไปเทียบกับแพ็กม่า การถูกชมว่ามีเสน่ห์จึงถือเป็นผลลัพธ์ในเชิงบวก
กริดเคยเห็นใบหน้าของแพ็กม่าตามภาพจิตรกรรมฝาผนัง อีกฝ่ายคือบุรุษรูปงามจนดูคล้ายคลึงกับครอเกล
เมื่อตระหนักว่าบรรดาคนแคระเริ่มเห็นใบหน้าของกริดอย่างชัดเจน โมลินประกาศเสียงดังฟังชัด
“ฉันบอกพวกเจ้าแต่แรกแล้ว ชายคนนี้ไม่ใช่แพ็กม่า แต่เป็นผู้สืบทอดแพ็กม่า!”
“ผู้สืบทอดแพ็กม่า…”
กลุ่มคนแคระซึ่งเดินตามเข้ามาทีหลังเนื่องจากได้ยินบางสิ่งเกี่ยวกับแพ็กม่า เริ่มสงบสติอารมณ์อย่างพร้อมเพรียง
“นั่นสินะ มีข่าวลือว่า แพ็กม่าเสียชีวิตบนหมู่เกาะเบเฮ็นเมื่อนานมาแล้ว”
“แพ็กม่าตายไปแล้วแน่นอน ไม่สมควรมีตัวตนบนโลกมนุษย์ ถึงจะมีสันดานชั่วช้าเหมือนกับปีศาจ แต่เจ้านั่นปืนขึ้นจากขุมนรกไม่ได้แน่”
เหล่าคนแคระเริ่มเผยสีหน้าห่อเหี่ยว
‘หรือความจริงแล้ว… ถึงพวกเขาจะเกลียดชังแพ็กม่า แต่อีกใจหนึ่งก็โหยหาในเวลาเดียวกัน?”
ขณะกริดกำลังครุ่นคิด
“ชิ…! ข้าอยากบีบคอมันให้แหลกคามือ!!”
“มันจะตายแบบสบายรึเปล่า… ยอมไม่ได้เด็ดขาด! คนอย่างมันต้องตายอย่างทารุณเท่านั้น!!”
“…”
เดาได้ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด
คนแคระจำนวนหลายร้อยซึ่งกรูเข้ามาจนเต็มร้านตีเหล็กขนาดเล็ก จนบางส่วนต้องยืนมองเข้ามาจากหน้าต่าง ทุกคนพากันถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
แน่นอน พวกมันย่อมทราบว่ากริดคือช่างตีเหล็กในตำนาน
สายตาอันเฉียบแหลมสามารถจำแนกได้อย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเห็น
“ถึงจะเป็นผู้สืบทอดของไอ้ชาติชั่วแพ็กม่า แต่ทักษะการตีเหล็กก็นับว่าไม่เลว ลองดูดาบตรงเอวนั่นสิ ติดหนึ่งในสิบสุดยอดดาบเท่าที่ข้าเคยเห็นเลยทีเดียว”
“สมดุลระหว่างเกราะไหล่และเกราะกางเกงเข้าขั้นสมบูรณ์แบบ หืม… คล้ายกับมีกลิ่นอายของเทพ… ของทราวก้าหรือ?”
“เก่งกว่าแพ็กม่าอีกไม่ใช่รึไง?”
“ข้าอยากชำแหละรองเท้าคู่นี้!”
จอกแจก. จอแจ.
หัวใจของเหล่าคนแคระเริ่มพองโต
ผลงานฝีมือกริด สามารถดึงดูดความสนใจของพวกมันได้อย่างท่วมท้น
คนแคระเหล่านี้ดำรงชีวิตอยู่ท่ามกลางงานฝีมือชั้นยอดมานานกว่าร้อยปี แต่ถึงอย่างนั้นกลับยังออกปากชมกริดไม่ขาดสาย
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น
ไอเท็มสวมใส่บางชิ้นมีเกรดสูงถึงมิธ
ผลงานกริดย่อมเทียบเท่ากับ ‘ผลงานชิ้นเอก’ ในความหมายของคนแคระ
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่คนแคระทั้งหมดที่ชื่นชม
บางคนพ่นลมหายใจเหยียดหยัน
“ก็แค่วัตถุไร้ชีวิต เหมือนกับขยะที่แพ็กม่าสร้างขึ้น ปราศจากวิญญาณ สวยงามเพียงเปลือกนอก”
“สมแล้วที่เป็นผู้สืบทอดแพ็กม่า ฝีมืออ่อนหัดเหมือนกันไม่มีผิด”
ปึด.
กริดพลันขมวดคิ้วหลังจากได้ยินคำวิจารณ์ของคนแคระบางส่วน
ไม่แปลกที่จะไม่พอใจ เพราะทุกชิ้นคืองานที่เกิดจากความรักและความพากเพียร เป็นงานที่ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและความยากลำบาก จนกระทั่งได้รับคำชมเชยจากเทพแห่งการตีเหล็ก
ไร้ชีวิต ปราศจากวิญญาณ
แม้กริดจะทราบว่า พวกมันกำลังกล่าวถึงแนวคิดของ ‘อีโก้’ แต่ชายหนุ่มก็หาได้แยแส
“ผมไม่สนใจว่าพวกคุณจะว่าร้ายแพ็กม่า… แต่อย่าได้ดูถูกผลงานของผมเด็ดขาด!”
ในสถานการณ์แบบนี้ มันไม่มีเหตุผลให้ต้องลดศักดิ์ศรีของตัวเองลง
หากละทิ้งความภาคภูมิใจ นั่นจะเท่ากับเป็นการยอมรับว่า ความยากลำบากตลอดหลายปีที่ผ่านมาเป็นเพียงเรื่องตลก
“…มีสิทธิ์อะไรถึงตัดสินงานของคนอื่นด้วยถ้อยคำดูแคลน”
เมื่อกริดสลัดมาดผ่อนคลาย บรรยากาศรอบตัวพลันหนักหน่วงกะทันหัน
พลังอำนาจของเหนือมนุษย์เริ่มแผ่ปกคลุมพื้นที่รอบร้านตีเหล็ก คนแคระส่วนใหญ่ออกอาการผงะพร้อมกับก้าวถอยหลัง แต่ก็มีบางส่วนที่ยังไม่ถูกคุกคาม
พวกมันคือกลุ่มที่วิจารณ์ผลงานของกริด
และยังเป็นกลุ่มที่เคยผ่านประสบการณ์ ‘หลงใหลและจดจ่อจนก้าวข้ามความตาย’
“เจ้าเองก็ตัดสินผลงานของพวกเราเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
กลุ่มคนแคระจ้องถุงมือที่กริดกำลังถือ
“จากสิ่งของมากมายที่วางขายบนแผง เหตุใดถึงให้ความสนใจเฉพาะถุงมือคู่นี้? เพราะเจ้าเองก็ตัดสินงานของพวกเรา เลือกสนใจเฉพาะงานที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น… เจ้าหนุ่ม หากทนกับคำวิจารณ์ไม่ได้ จงเลิกเป็นช่างตีเหล็กเสีย”
“แต่อย่างน้อย ผมก็ไม่คิดจะตั้งราคาสินค้าอย่างไร้สามัญสำนึกแบบพวกคุณ!”
“อะไรนะ? ไร้สามัญสำนึก?”
ฟุบ!
มองผิวเผินเหมือนกับแผงคอสิงโต
เพลล็อต เจ้าของทรงผมที่ช่วยส่งเสริมศีรษะขนาดใหญ่ให้โดดเด่น ทำการขว้างค้อนใส่กริดประหนึ่งฉุนขาด
ชายหนุ่มมิได้แยแส
นั่นเพราะ ทักษะการขว้างค้อนของเพลล็อตเพิ่งอยู่ในขั้นต้นเท่านั้น มิได้ใกล้เคียงกับคำว่าภัยคุกคาม วิถีการขว้างซื่อตรงและไม่ซับซ้อน อย่างมากก็ทำให้หัวไหล่กริดเป็นรอยถลอก
‘ปวกเปียกเกินกว่าจะใช้ข่มขู่เรา’
กริดพ่นลมหายใจ
พร้อมกันนั้น หัตถ์เทวะได้พุ่งออกจากช่องสัมภาระพร้อมกับคว้าค้อนที่กำลังตรงมาทำร้าย
“นี่มัน…!”
เมื่อได้เห็นดวงตาของเหล่าคนแคระเบิกกว้าง มุมปากของชายหนุ่มเริ่มยกสูง
‘เราเองก็มีไอเท็มอีโก้เหมือนกัน’
หัตถ์เทวะรุ่นปัจจุบันคือผลพวงจากการยกระดับแร่พาเฟรเนี่ยม มรดกที่ดีที่สุดของแพ็กม่าในสายตากริด
ความภาคภูมิใจในหัตถ์เทวะของมันย่อมสูงเสียดฟ้า จึงพึงพอใจอย่างมากเมื่อเห็นท่าทีตอบสนองของเหล่าคนแคระ
…แต่ปฏิกิริยาเช่นนี้มิได้เกิดจากความชื่นชม
“ไอ้… เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!!”
“แกมาที่นี่เพื่อเยาะเย้ยพวกเรารึไง!!”
“ต่ำทรามไม่ต่างจากแพ็กม่าเลยสักนิด!!”
บรรยากาศที่เคยสงบลงไปแล้ว เริ่มกลับมาร้อนระอุอีกระลอก
สายตาแฝงความเคียดแค้นและเกลียดชังที่เหล่าคนแคระกำลังจ้องกริด ไม่ต่างจากเมื่อครั้งยังเข้าใจผิดว่าชายหนุ่มคือแพ็กม่า
‘…เอ๋?’
แน่นอน กริดประหลาดใจ
ท่าทีตอบสนองของคนแคระทำให้มันตื่นตัว
‘อย่าบอกนะว่า…’
หลังจากคำถามมากมายผุดขึ้นในหัว ใบหน้าของกริดเริ่มซีดลงทีละนิด
เป็นความจริงแน่หรือ ที่อีโก้ในพาเฟรเนี่ยมเกิดจากเวทมนตร์ของบราฮัมเพียงอย่างเดียว?
เมื่อพิจารณาโดยใช้โกเล็มที่รุกรานอาณาจักรอีเทอนัลเป็นข้อเปรียบเทียบ ชายหนุ่มพบว่ายังมีบางจุดแตกต่างจากพาเฟรเนี่ยม
อีโก้ในพาเฟรเนี่ยมพิเศษกว่าเล็กน้อย
แพ็กม่าทำอะไรให้คนแคระโกรธแค้น?
แพ็กม่าใช้ทักษะ <บรรจุอีโก้> ที่ไหน?
วาบ!
ชายหนุ่มพลันเย็นสันหลัง พร้อมกับความหวาดกลัวที่เริ่มกัดกินจิตใจ
กริดไม่อยากให้ทฤษฎีในหัวตนเป็นความจริง
แต่น่าเสียดาย
เพลล็อต ผู้เอาแต่ยืนจ้องหัตถ์เทวะมาสักพัก เริ่มระเบิดอารมณ์ทั้งน้ำตา
“สมกับที่เป็น… ทายาทของแพ็กม่า… เมล็ดพันธุ์แห่งความชั่วร้ายที่มิเลเพียวหว่านไว้!!”
“…”
“ยังมีหน้ามากล่าวหาว่าพวกเราไร้จิตสำนึกอีกหรือ ในเมื่อพวกเจ้าเคยกระทำสิ่งที่ต่ำทรามอย่างการนำดวงวิญญาณขององค์ราชินีไปกักขัง!!”
“…!!”
สิ่งที่กลัวกลายเป็นความจริง
เรี่ยวแรงหดหายไปจากร่างกายชายหนุ่มทันที
ในสภาพทรุดตัวนั่ง กริดแหงนหน้าจ้องหัตถ์เทวะซึ่งกำลังลอยวนเวียนรอบตัว
“แพ็กม่า… ทำไมแพ็กม่าถึง...”
บราฮัมเกลียดชังยังบันการัมอย่างมาก
โดยให้เหตุผลประกอบว่า การัมคือต้นตอที่ทำให้แพ็กม่าหนีมายังทวีปตะวันตก จนชีวิตของตนต้องพินาศย่อยยับ
แต่ไหนแต่ไร กริดมองว่าความคิดเช่นนี้ออกจะสุดโต่งไปสักหน่อย
ทว่า
“ทำไมถึง… ต่ำทรามได้ขนาดนี้…”
ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจ
แน่นอน แพ็กม่าตระหนักถึงบาปและความชั่วร้ายทั้งหมดที่ตนเคยก่อ แถมยังอ้าแขนรับไว้ตามลำพังโดยไม่เคยกล่าวโทษผู้ใด ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า แพ็กม่าคือผู้ปกป้องโลกจากการรุกรานของกองทัพจอมอสูร
แต่เราสมควรเรียกเขาว่าวีรบุรุษจริงหรือ?
อาจเป็นอย่างที่บราฮัมพูดไว้
โลกจะสงบสุขกว่านี้หากแพ็กม่าไม่ถูกขับไล่จากทวีปตะวันออกตั้งแต่แรก
“ไปตายซะ!! ผู้สืบทอดแพ็กม่า!!”
“พวกเราขอสาปแช่งเจ้า!!”
เหล่าคนแคระเริ่มเดือดดาลจนคุมสติไม่อยู่ เกือบทั้งหมดควักค้อนออกมาถือ
ในวินาทีนี้ ค้อนตีเหล็กมิใช่อุปกรณ์ประกอบสัมมาอาชีพ แต่เป็นอาวุธที่แฝงเจตนาเข่นฆ่า
อย่างไรก็ตาม คนแคระเหล่านี้มิใช่นักสู้
จริงอยู่ ในหมู่คนแคระอาจมีนักรบอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดจะรับหน้าที่เป็นองครักษ์ปกป้องปราสาท
หรือก็คือ คนแคระในร้านตีเหล็กเป็นเพียงพลเรือนไร้พิษภัย
ถึงจะรวมตัวกันนับร้อย แต่หากกริดต้องการ มันสามารถเชือดทิ้งทั้งหมดได้ในพริบตา
แน่นอน กริดไม่มีเจตนาเช่นนั้น
ความคิดในหัวชายหนุ่มมีเพียงเรื่องเดียว
“ผมขอโทษ!!”
ตุ้บ!
เมื่อกริดคุกเข่าพลางก้มหัวขอโทษจากก้นบึ้ง บรรดาคนแคระต่างพากันยืนมึนงง
[ภารกิจประจำคลาสถูกสร้างขึ้น <เส้นทางที่แตกต่างจากแพ็กม่า>]
[ท่านจะรับภารกิจหรือไม่? กรุณายืนยัน]
[★ภารกิจนี้มี 2 ทางเลือก★]
[หากท่านตอบปฏิเสธ เนื้อหาของภารกิจประจำคลาสจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล]
มุมสายตากริดปรากฏข้อความแจ้งเตือน
‘รับภารกิจ’
แน่นอน ชายหนุ่มเลือกทางเดินที่แตกต่างจากแพ็กม่าโดยปราศจากความลังเล
เป็นเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว
กริดถึงกับจิตตกเลยพอรู้ควมจริงของพราเฟรเนี่ยม
ReplyDelete