จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,257
จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,257
คลาสลับ <ทูตความตาย> จะมีระบบพิเศษอยู่หนึ่งชนิด
โซลเกจ (Soul Gauge)
หลังจากกลายเป็นคลาสทูตความตาย ไนท์ก็สามารถมองเห็นโซลเกจของทุกสิ่งมีชีวิต
‘นี่น่ะหรือ… ปริมาณวิญญาณของท้องฟ้า’
ไนท์พบว่าโซลเกจของกริดสูงถึง 68 หน่วย
หมายความว่า ต้องใช้เวลานาน 34 นาทีในการผนึกวิญญาณกริด จึงจะสามารถกระชากวิญญาณจนถึงแก่ความตายโดยไม่มีเงื่อนไข
เมื่อพิจารณาว่าผู้เล่นทั่วไปแทบไม่มีใครมากกว่า 10 หน่วย ตัวเลข 68 ของกริดจึงนับว่ามหาศาลในสายตาไนท์
หรือก็คือ ในทางปฏิบัติ ไนท์ไม่มีโอกาสดวลชนะกริดแบบหนึ่งต่อหนึ่ง เพราะนอกจากทักษะการผนึกวิญญาณ คลาสทูตแห่งความตายก็มิได้โดดเด่นด้านต่อสู้อะไรนัก
ถือเป็นน้ำหนักทางวิญญาณอันมหาศาล
‘ตัวตนกริดคงฝังรากลงไปในโลกซาทิสฟายอย่างลึกซึ้ง’
จากประสบการณ์ของไนท์ ค่าปริมาณโซลเกจจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จ และความสำคัญของตัวตนดังกล่าวต่อโลกซาทิสฟาย
แต่ในกรณีของซาลอสนั้นไม่เหมือนกัน โซลเกจของจอมอสูรรายนี้มีค่าเป็นอนันต์ เนื่องจากวิญญาณของมันสามารถเวียนว่ายตายเกิดได้อย่างไร้ขอบเขต
‘เราคงเอาชนะเขาไม่ได้ไปชั่วชีวิต’
แต่ช่างเถอะ ก็ไม่ได้คิดจะเป็นศัตรูอยู่แล้ว
เมื่อไนท์หวนนึกถึงประสบการณ์เมื่อครั้งถูกราชาพ่อค้า เคียร์ จ้างไปเป็นคนคุ้มกัน มันรีบเดินปลีกตัวออกจากฝูงชน
แขกไม่ได้รับเชิญอย่างตน ย่อมไม่มีสิทธิ์ร่วมแสดงความยินดีกับกริดอยู่แล้ว
> ขอบคุณมาก
“…!”
เสียงข้อความส่วนตัวพลันดังแว่ว ไนท์สะดุ้งพร้อมกับรีบหันหลัง
มองกลับไป มันเห็นกริดกำลังมองกลับมา
ราชาโอเวอร์เกียร์กล่าวกับทุกคนโดยรอบ
เป็นสุ้มเสียงก้องกังวานและคมชัด
“นายทำได้ดีมาก ไนท์”
ไนท์อาจไม่ทราบ แต่มันโด่งดังมาก
หลังจากเอาชนะอเล็กซานเดอร์ได้ในการแข่ง PVP ในประเทศรัสเซีย แรงเกอร์หัวแถวหลายคนต่างเคยได้ยินชื่อของไนท์ทั้งสิ้น
ไม่เว้นแม้แต่หน่วยข่าวกรองของโอเวอร์เกียร์
พวกมันสืบทราบแม้กระทั่งว่า ไนท์ต้องหมั่นทำภารกิจ ‘มอบจุดจบอันไร้ความเจ็บปวด’ ให้กับบรรดา NPC ใกล้ตายในซาทิสฟายอย่างสม่ำเสมอ
แต่ในบางครั้งก็รับงานที่ไม่เกี่ยวกับคลาสทูตความตายสักเท่าไร เช่นการถูกจ้างไปเป็นคนคุ้มกันให้กับราชาพ่อค้า เคียร์
ในมุมมองกิลด์โอเวอร์เกียร์ พวกมันต้องการเป็นมิตรกับไนท์มากกว่าศัตรู
คู่ต่อสู้แบบไนท์ถือว่ารับมือได้ยาก และไม่เพียงเท่านั้น ในเมื่ออาณาจักรโอเวอร์เกียร์มี NPC อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก พวกมันย่อมหวังพึ่งพาความสามารถในการสร้าง ‘จุดจบอันไร้ความเจ็บปวด’ ให้กับ NPC ใกล้ตาย
แน่นอน กริดและลอเอลยังไม่ลืมความตายของข่านซึ่งเต็มไปด้วยความทรมานและเจ็บปวด
ดังนั้น
“หวังว่าจะได้ทำงานร่วมกันอีกนะ”
กริดแสดงความสนใจในตัวไนท์อย่างเปิดเผย
ไม่ว่าจะด้วยเจตนาใด แต่การกระทำดังกล่าวได้ทำให้ไนท์ ชายผู้เคยถูกเคียร์ว่าจ้างจนไม่กล้ามองหน้ากริด รู้สึกหัวใจพองโตเหนือคำบรรยาย
ไนท์ก้มศีรษะเล็กน้อย
“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
การสนทนาจบลงเพียงเท่านี้
ไนท์ ผู้หวังจะได้เป็นอัศวิน (Knight) เคยเห็นด้วยตาตัวเองมาแล้ว ว่าคนรอบตัวต้องประสบความโชคร้ายมากเพียงใดหากอยู่ใกล้ตน และนั่นยังเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางทูตความตาย
หากไม่เกลียดชังใครสักคนเข้ากระดูกดำ มันจะไม่เข้าใกล้บุคคลดังกล่าวโดยเด็ดขาด
เป็นชะตากรรมซึ่งถูกกำหนดให้ต้องโดดเดี่ยว
กริดจ้องแผ่นหลังของบุรุษผู้เลือกเส้นทางอันโดดเดี่ยวโดยไม่กล่าวคำใด ก่อนจะรีบถอนสายตากลับ มองไปรอบตัว และพบฝูงนักข่าวกำลังรุมตอมหึ่งราวกับผึ้งกลุ่มใหญ่ห้อมล้อมเกสรดอกไม้
ทันใดนั้น กริดอัญเชิญอัศวิน
เป็นฮิวรอย
“ครอบครัวของพวกคุณคงกำลังดูทีวีอยู่… หากไม่ต้องการอับอายต่อหน้าลูกหลาน ก็ช่วยซักถามอย่างมีมารยาทด้วย”
ฮิวรอยทักทายนักข่าวอย่างสุภาพ (?) จากนั้นก็เริ่มให้สัมภาษณ์ในฐานะตัวแทนกริดและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ แน่นอน มีนักข่าวจุดเดือดต่ำบางคนตอบโต้อย่างหัวเสีย แต่ฮิวรอยก็หาได้แยแส
***
แตกต่างจากความคาดหวังของคนทั้งโลก การต่อสู้จบลงอย่างเรียบง่ายจนผิดคาด
จอมอสูรทั้งห้าตนถูกเก็บกวาดจนราบคาบภายในเวลา 2 ชั่วโมงหลังจากเริ่มการปะทะ
คงไม่มีใครคาดเดาผลลัพธ์เช่นนี้มาก่อน
แม้แต่กริดก็ไม่
ระหว่างการต่อสู้ มันเสียชีวิตและถูกหักค่าประสบการณ์ 41.2% อย่างไรก็ตาม กริดมองว่าค่าประสบการณ์ของตนสามารถกู้คืนกลับมาตอนไหนก็ได้ แต่ความปลอดภัยของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ต้องมาก่อน
ถือเป็นผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจ
“ขอคารวะฝ่าบาทมหาจักรพรรดินี”
คลองฮาสพัช
กริด ผู้เข้าเฝ้าบาซาร่า ทำการโน้มตัวคำนับอย่างนอบน้อม เป็นการทักทายด้วยความเคารพจากก้นบึ้ง มิใช่ตามมารยาทหรือเสแสร้งประจบประแจง
เหตุผลสำคัญที่สุด ซึ่งช่วยให้มวลมนุษย์รับมือกับเหล่าจอมอสูรได้อย่างราบรื่น คือแผนการอันสมบูรณ์แบบและรัดกุมของบาซาร่า
เธอมิใช่จักรพรรดินักอุดมคติ ผู้มีดีเพียงการพล่ามลมปาก
ฝีมือของเธอเหนือความคาดหมายทุกคนมาก
“หากจักรพรรดินีมิได้เข้าร่วมสงครามด้วยตนเอง ป่านนี้โลกมนุษย์คงยังไม่หลุดพ้นจากความโกลาหล”
“อย่าชมกันเกินจริงนักเลย เป็นเพราะความปรีชาของท่านราชาโอเวอร์เกียร์ต่างหาก ถ้าไม่มีท่านสักคน แผนการของข้าพเจ้าคงไม่ราบรื่นเช่นนี้แน่”
ด้วยสองมือเล็ก ๆ ของเธอ บาซาร่ากุมมือกริดแนบแน่น ใบหน้ากำลังแดงก่ำ
“ร…เรา… จักรวรรดิซาฮารันของเรารู้สึกซาบซึ้งในความช่วยเหลือจากราชาโอเวอร์เกียร์ การมีอยู่ของท่านคือความภาคภูมิใจของมนุษยชาติ หวังว่าท่านจะเลือกเคียงข้างมนุษย์ไปอีกตราบนานเท่านาน”
นับตั้งแต่กริดมีรูปปั้นบนหมู่เกาะเบเฮ็น ชื่อเสียงของชายหนุ่มก็พัฒนาเกินกว่ามนุษย์ปรกติไปมาก
แต่ว่า เหตุการณ์ล่าสุดได้เปลี่ยนให้กริดกลายเป็น <ดวงประทีปแห่งมวลมนุษย์> และส่งผลให้ชื่อเสียงถูกเปลี่ยนเป็นความศรัทธา โดยสายตาที่ทุกคนจ้องมองมายังกริด เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับสายตาที่กำลังจ้องมอง ‘เทพ’
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนมองกริดเป็นเพศตรงข้ามที่น่าหลงใหล เช่นบาซาร่า
“ข้าพเจ้ามีอีกหลายเรื่องราวต้องการแบ่งปันกับท่าน คืนนี้แวะพักในค่ายทหารของจักรวรรดิสักหน่อยไหม? แค่เรากับท่านเพียงสองคน”
“ฮะฮะ… ด้วยความสัตย์จริง กระหม่อมก็ปรารถนาเช่นนั้น แต่ฝ่าบาทควรรีบเดินทางกลับจักรวรรดิไปดูแลผู้คนคงจะเหมาะสมกว่า”
กริดปล่อยมือจากบาซาร่าอย่างอ่อนโยน ขณะเดียวกันก็เริ่มตระหนักถึง :
จิสึกะกำลังเผยสีหน้าหงุดหงิด ยูร่ามองไปยังภูเขาอันห่างไกลพลางกำหมัดแน่น และสายตาอันเย็นชาจนผิดปรกติของเมอร์เซเดส
การเกี้ยวพาราสีของบาซาร่า ถือเป็นภาระทางจิตใจอันหนักหน่วงสำหรับกริด ผู้ไม่มีทั้งเวลาและโอกาสจะมอบให้เธอ
ได้สมรสและเป็นพระสวามีของจักรพรรดินี
แน่นอน ผลลัพธ์ข้างต้นจะเป็นคุณประโยชน์อย่างมหาศาลแก่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ แต่กริดไม่มีความคิดจะใช้ความรักเป็นเครื่องมือ
หากไม่นับไอรีน ชายหนุ่มยังมียูร่า จิสึกะ และเมอร์เซเดส คอยเติมเต็มความสัมพันธ์
‘แต่เราดีใจ…’
การมีใครสักคนมารักชอบ นั่นเป็นเรื่องดีเสมอ
โลกอาจเคยหม่นหมองและน่ารังเกียจสำหรับกริดมานาน แต่ไม่ใช่กับปัจจุบันซึ่งเต็มไปด้วยความรักและความงดงาม
ดังนั้น มันจึงปรารถนาที่จะปกป้อง
กริด ผู้ลั่นวาจาหนักแน่น หันไปมองพวกพ้อง
“กลับกันเถอะ”
“อื้อ”
“ตกลง”
กริด สิบวีรชน และเหล่าอัศวิน เดินไปรวมตัวกันรอบจอมปราชญ์สติกส์
เราเป็นใคร มาที่นี่ทำไม…
สติกส์ ผู้ใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติไปจนทั่วอาณาจักรอาร์คกว่าสิบครั้งภายในระยะเวลาเพียงสองชั่วโมง กำลังตัดพ้อด้วยความเหนื่อยใจ
“เริ่มออกเดินทาง”
ซู่ว—!
กริดและพรรคพวกหายไปจากการมองเห็นของทุกคน
แม้จุดดังกล่าวจะยังเต็มไปด้วยกองทัพของจักรวรรดิและพันธมิตร แต่ปัจจุบันกลับมอบบรรยากาศอ้างว้างและว่างเปล่า
การมีอยู่ของกริดสำคัญถึงเพียงนั้น
***
“คุคุคุคุ… ดวงประทีปของกระหม่อม ยามนี้ถือกำเนิดใหม่กลายเป็นดวงประทีปของมวลมนุษย์แล้วสินะ ช่างเป็นโลกที่น่าสมเพช เหตุใดพวกมันถึงเพิ่งมองเห็นคุณค่าของฝ่าบาท? แต่นั่นอยู่นอกเหนือความสามารถของข้า มนุษย์ธรรมดาย่อมต้องตื้นเขินเป็นปรกติอยู่แล้ว คุคุ”
ลอเอลเดินมาทักทายปาร์ตี้กริดด้วยการใช้มือปิดครึ่งหน้า
อย่างไรก็ตาม ถึงจะกำลังหัวเราะไหล่สั่น แต่กริดก็สังเกตได้ว่า ชายคนนี้พยายามปกปิดความหนักอกหนักใจในบางเรื่อง
“ริดสีดวงนายกำเริบหรือ”
“…กระหม่อมไม่เคยเป็นริดสีดวง แค่เคยผมร่วงเท่านั้น”
“ไม่ต้องอาย ริดสีดวงทวารถูกพบได้บ่อยในคนวัยทำงานยุคใหม่ เกิดจากการนั่งเป็นเวลานานและภาวะเคร่งเครียด หากไม่กินอาหารให้ครบห้าหมู่ การนั่งอึเป็นเวลานานจะทำให้เกิดอาการดังกล่าว”
เมื่อไม่กี่วันก่อน กริดบังเอิญเห็นนามบัตรศัลยแพทย์ทวารหนักตกจากกระเป๋าสตางค์ของลอเอลขณะนัดกินข้าว
ได้ยินเช่นนั้น ลอเอลหมดคำจะปฏิเสธ เพียงมองเข้าไปในดวงตาจิสึกะผู้กำลังยิ้มเยาะเย้ย จากนั้นก็มองไปทางรูบี้อย่างเขินอาย
“นายจงใจแกล้งฉันใช่ไหม”
“แกล้ง?”
ทันใดนั้น
“ฝ่าบาทของฉันกลายเป็นฝ่าบาทของทุกคนไปแล้วหรือ แย่จังเลยน้า~”
“…?”
ทุกคนต่างหันหลังกลับไปมอง
เจ้าของเสียงคือสันตะปาปาดาเมี่ยน
ดาเมี่ยนฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับทักทาย
“ไม่ได้พบกันนานแล้วสินะ สวัสดีทุกคน!”
“…ดาเมี่ยน นายมาที่นี่ทำไม”
จริงอยู่ดาเมี่ยนอาจเป็นคนของโอเวอร์เกียร์
แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสันตะปาปา ผู้นำสูงสุดของโบสถ์รีเบคก้า
หลังจากจบสงคราม สถานที่ซึ่งควรเดินทางกลับไปทันทีคือวาติกัน มิใช่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ความสำคัญอันดับหนึ่งคือการคอยดูแลและฟื้นฟูสภาพร่างกายสาวกรีเบคก้า
ท่ามกลางสายตาตำหนิจากกริด ดาเมี่ยนสวมสีหน้าชื่นชม
“ทางเรามีคนเจ็บมากเกินไป”
ดาเมี่ยนมองไปยังห้องการแพทย์ภายในปราสาทโอเวอร์เกียร์
ในนั้นกำลังเต็มไปด้วยคนเจ็บ
เกือบทั้งหมดคือสาวกรีเบคก้า
“อย่างนี้นี่เอง…”
ไม่ใช่ทุกคนที่มีความสุข
กริดส่งสายตาไปหารูบี้ เมื่อเห็นดังนั้น เธอรีบวิ่งไปยังห้องการแพทย์ทันทีราวกับรอคำสั่งอยู่นานแล้ว
กริดปลอบใจดาเมี่ยน
“คงเจ็บปวดไม่น้อยสินะ…”
การได้เห็นสมาชิกของโบสถ์ต้องสละชีวิตต่อหน้าต่อตา กริดไม่อยากจินตนาการความเจ็บปวดของดาเมี่ยน
ชายหนุ่มเป็นห่วงความรู้สึกอีกฝ่าย เพราะเห็นได้ชัดว่าดาเมี่ยนกำลังแบกรักความทุกข์ด้วยสีหน้ารู้สึกผิดเสียเต็มประดา
แต่ในฐานะโอตาคุที่โดนบูลลี่มาทั้งชีวิต จิตใจดาเมี่ยนเข้มแข็งไม่เป็นสองรองใคร
“ถ้าเทียบกับกริด ภาระของฉันเล็กนิดเดียว”
ดาเมี่ยนเผยรอยยิ้มสดใส เตรียมบอกลากริดและปาร์ตี้เพื่อเดินกลับไปยังห้องการแพทย์
“ขอกลับไปดูอาการพวกเขาก่อน”
ทันทีที่สงครามจบลง ดาเมี่ยนออกคำสั่งให้กองทัพเคลื่อนพลมายังอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ เพื่อเตรียมเยียวยาสาวกรีเบคก้าด้วยการรักษาคุณภาพสูง
หากไม่นับกรุงไททัน ไรน์ฮาร์ทจะมีความเจริญก้าวหน้ามากเป็นอันดับหนึ่งของทวีป นอกจากเทคโนโลยีทางการแพทย์อันล้ำสมัย ยังมีนักบุญหญิงรูบี้ และวิหารรีเบคก้านอกวาติกันที่ใหญ่ที่สุดของทวีป หากต้องการรักษาคนเจ็บเป็นจำนวนมากในคราวเดียว ไม่มีสถานที่ใดเหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว
เมื่อดาเมี่ยนเตรียมเดินกลับไปดูอาการเหล่าสาวกอีกครั้ง กริดเรียกให้หยุดและซักถาม
“นายได้รางวัลอันดับเท่าไร”
“สอง”
แน่นอน รางวัลอันดับหนึ่งตกเป็นของยูร่า
กริดยื่นมือออกไปหาดาเมี่ยนผู้มอบคำตอบอย่างซื่อตรง
“ส่งรางวัลมา”
“…!?”
เป็นข้อเรียกร้องที่น่าตกใจ
ด้วยความสัตย์จริง ดาเมี่ยนรู้สึกราวกับตนกำลังถูกปล้น แต่มันก็ไม่คิดตั้งคำถามหรือตอบปฏิเสธ เพราะบุญคุณของกริดมากมายเกินกว่าจะมัวคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนี้
รางวัลคือ <เล็บสตริโอ้> และ <เซลล์ของเทพอสูร>
“นอกจากนี้ยังมีสมญานามและพลังอักขระ แต่มันผสานกับร่างกายฉันแล้ว…”
กริดออกคำสั่งกับดาเมี่ยน
“นายกลับไปดูอาการของสาวกก่อน ถ้ามีอะไรรีบบอกฉันได้ทันที”
“ตกลง…”
“และก่อนเดินทางกลับ อย่าลืมแวะโรงเหล็ก ฉันจะสร้างไอเท็มให้นายด้วยสิ่งเหล่านี้”
“…!”
ดาเมี่ยนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
มันเกิดความซาบซึ้งทุกครั้งเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากกริด ผู้มีบุญคุณกับตนมากมายจนยากจะใช้คืนได้หมด
แต่ดาเมี่ยนไม่ทราบ
ว่าโบสถ์รีเบคก้ามีความสำคัญกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์มากเพียงใด
มิตรภาพระหว่างกริดและดาเมี่ยน โอเวอร์เกียร์และรีเบคก้า จะยังคงดำเนินต่อไปอีกตราบนานเท่านาน
ชื่นใจจ
ReplyDelete