จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,585
เซนอนมีวิธีง่ายๆ ในการทวงคืนซากของบิดา
แค่พ่นลมหายใจไปเรื่อยๆ จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
เมื่อพิจารณาจากนิสัยของสภาหอคอยที่ไม่ชอบปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน การสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่คือหนึ่งในวิธีหลีกเลี่ยงอีกฝ่าย
ทว่า เซนอนไม่ได้คิดจะใช้วิธีสุดโต่งเช่นนั้น
การก่อความวุ่นวายอาจช่วยให้หลีกเลี่ยงสภาหอคอยได้ก็จริง แต่นั่นจะไปดึงดูดความสนใจจากมังกรระดับสูงแทน
เมื่อถึงตอนนั้น ตัวมันเสียเองที่จะกลายเป็นเหยื่อ
มังกรเองก็มีข้อจำกัดในแบบของมังกร
เซนอนต้องการสะสางเรื่องราวอย่างเงียบเชียบที่สุดและรีบกลับรัง
มันไม่อยากให้ข่าวลือการปรากฏตัวของมังกรแพร่สะพัดออกไป
นั่นคือเหตุผลที่เมื่อครู่ มันต้องรีบกางห้วงมิติเวทมนตร์ปกคลุมพื้นที่
เซนอนไม่คิดจะปล่อยให้แวมไพร์หนีไป
เมื่อสังเกตเห็นของวิเศษในมือมนุษย์ที่ปรากฏตัวขึ้นมาขัดขวาง มันตัดสินใจสร้างห้วงมิติเวทมนตร์ที่ ‘ห้ามหลบหนี’ ขึ้นมาทันที
เซนอนลงมือฉับไว
นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติ มังกรสามารถดลบันดาลสิ่งต่างๆ ได้ด้วยความคิดเพียงอย่างเดียว
ความคิดดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ของวิเศษจะถูกเปิดใช้งาน
แต่ก็ไม่สำเร็จ
นั่นเพราะสูตรเวทมนตร์ที่สลักอยู่ในของวิเศษ ทรงพลังจนอยู่นอกเหนือความคาดหมาย
ของวิเศษชิ้นดังกล่าวกลายเป็นผุยผงทันทีหลังจากถูกกระตุ้นการทำงาน พร้อมกับทำให้ห้วงมิติเวทมนตร์กลายเป็นหมัน
‘ไม่เลวทีเดียว’
มังกรมีสายตาที่เฉียบแหลมพอจะจำแนกระดับของวิเศษ
จากมุมมองของเซนอน ของวิเศษที่สลายไปเมื่อครู่มีระดับค่อนข้างดี
บางที มันอาจเป็นหนึ่งในสุดยอดสมบัติของมนุษย์ที่หามาทดแทนไม่ได้อีกแล้ว
ยอมสังเวยสิ่งล้ำค่าเช่นนี้เพียงเพื่อให้แวมไพร์หนีรอด?
จะให้มองว่าเป็นความซื่อสัตย์ก็คงจะเกินไปสักหน่อย เห็นได้ชัดว่ามีเป้าหมายบางอย่างแอบแฝง
‘ถ้าจะมีสิ่งใดที่พวกมันทำได้…’
ไม่เรื่องยากที่จะคาดเดา
แวมไพร์มีต้นกำเนิดจากเบริอาเช่
เป็นตระกูลที่อยู่ภายใต้การนำของ ‘ราชินีโลหิต’ แมรีโรส มรดกที่แข็งแกร่งที่สุดของเบริอาเช่
‘แวมไพร์เหล่านี้มีวิธีปลุกแมรีโรส?’
ก่อนเซนอนจะหลับไป
แมรีโรสถูกอดีตสันตะปาปาเครย์เชอร์ผนึกไว้
แต่ในความเป็นจริง สามารถพูดได้ว่าแมรีโรส ‘อนุญาต’ ให้อีกฝ่ายผนึก เธอสามารถหลบหนีออกมาได้เองทุกเมื่อ
อย่างไรก็ดี คำสาปเกียจคร้านนั้นแตกต่าง
คำสาปเกียจคร้านคือหนึ่งในคำสาปที่ทรงอานุภาพที่สุดของเทพต้นกำเนิด การขจัดทิ้งไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่เซนอนเล็งเห็นศักยภาพในตัวแมรีโรส
ต้องไม่ลืมว่า แมรีโรสคือทายาทที่เบริอาเช่ หนึ่งในสามอสูรต้นกำเนิด สร้างขึ้นให้เหนือกว่าตัวเอง
พิจารณาจากระยะเวลาที่ผ่านมา มีโอกาสสูงที่แมรีโรสจะเอาชนะคำสาปเกียจคร้านได้แล้ว หรืออย่างน้อยก็เป็นอิสระได้ชั่วคราว
‘ถ้าต้องเป็นศัตรูกับหล่อน สถานการณ์จะลำบากขึ้นหลายเท่า เราต้องรีบถอนตัว’
จริงอยู่ ในหมู่มนุษย์และแวมไพร์ บุคคลที่เซนอนหวาดระแวงที่สุดก็คือ ‘นักล่ามังกร’ ฮายาเตะ
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่กล้าดูแคลนแมรีโรส
ต่อให้อีกฝ่ายยังคงติดคำสาป แต่เซนอนก็ไม่คิดปะทะโดยตรง
โอกาสชนะมีต่ำมาก และมีโอกาสสูงที่จะถูกสภาหอคอยล้อมจับขณะต่อสู้
บึ้มมมม!!
ขณะเซนอนเตรียมหันหลังกลับ ก้อนพลังเวทที่หมุนวนรอบตัวได้พุ่งเข้าใส่อาสึกะ
แม้จะคิดหนี แต่มันก็ต้องการลงโทษผู้ที่บังอาจมาขัดขวาง
เซนอนไม่คิดจะปล่อยให้มนุษย์เบื้องหน้ามีชีวิตรอดกลับไป
แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตาย
ดาบยางลบ
นั่นเพราะดาบเกรดยูนีคที่มีคุณสมบัติ ‘สุ่มทำลายเวทมนตร์’ สามารถฟันก้อนพลังทิ้งด้วยความบังเอิญ
เป็นที่เชื่อกันว่า ดาบยางลบคือผลงานของกริดในช่วงเมื่อสามปีก่อน แม้จะผ่านมานาน แต่จากบรรดาไอเท็มของกริดที่มีวางขายในตลาด ดาบเล่มนี้ยังถือว่าเป็นผลงานที่ค่อนข้างใหม่ หากไม่นับชื่อสุดเห่ย คุณสมบัติพิเศษของมันนับว่าพึ่งพาได้มากทีเดียว
แน่นอน นั่นคือในกรณีที่คุณสมบัติ ‘สุ่มทำลายเวทมนตร์’ แสดงผล โอกาสเกิดขึ้นเพียง 9% และศักยภาพในการโจมตีของตัวดาบก็ไม่ได้สูงนัก
เป็นไอเท็มที่กิลด์โอเวอร์เกียร์มองว่ายังดีไม่พอ
“ฮะฮะ! โชคเข้าข้างฉัน!”
หลังจากใจหายใจคว่ำ อาสึกะรีบซัดฉมวกมังกรเข้าใส่
ไอเท็มที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือมอนสเตอร์ขนาดใหญ่
ในช่วงไม่กี่ปีหลัง ฉมวกมังกรรุ่นใหม่ได้ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในกองทัพโอเวอร์เกียร์ และด้วยเหตุผลดังกล่าว ฉมวกมังกรรุ่นเก่าจึงหาซื้อตามท้องตลาดได้ง่าย
แกร่ก!
ฉมวกมังกรที่ยิงออกไปเต็มแรง กระทบเข้ากับเกล็ดสีเทาและหล่นลงพื้นทันที ไม่แม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนบนเกล็ด
เป็นผลลัพธ์ที่น่าผิดหวังสำหรับอาสึกะ ผู้สูญเสียพลังชีวิตไปหลายส่วนจากแรงระเบิดต่อเนื่องที่เซนอนสร้างขึ้น
‘ทั้งที่พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 43% แต่ก็ยังไร้ผล?’
อาสึกะตระหนักถึง ‘การป้องกันสัมบูรณ์’ ของมังกรได้เป็นอย่างดี
แต่ต้องไม่ลืมว่า กริดเคยสร้างรอยขีดข่วนบนเกล็ดมังกรในงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติครั้งที่สาม
แม้จะเป็นแค่รอยข่วนเท่าขนแมว แต่เลเวลของแรงเกอร์ในช่วงเวลานั้นยังอยู่แค่ระดับสามร้อยเท่านั้น
กล่าวคือ อาสึกะในปัจจุบันแข็งแกร่งกว่ากริดตอนนั้นมาก
แต่ทั้งที่ใช้ฉมวกมังกร เธอกลับยังมิอาจสร้างรอยขีดข่วนบนเกล็ด?
‘ต้องโจมตีแบบพิเศษเท่านั้นจึงจะทำให้มังกรบาดเจ็บได้?’
อาสึกะเป็นพวกกล้าได้กล้าเสีย
ทันทีที่ผุดข้อสันนิษฐานใหม่ เธอรีบนำอาวุธชิ้นใหม่ออกมาโดยไม่มัวยึดติดกับดาบของกริด คราวนี้เป็นเคียวที่ได้มาจากการล่าบอส จุดประสงค์คือการเล็งเจาะเข้าไปในช่องว่างระหว่างเกล็ด
ไม่มีความคิดที่จะหนีเอาตัวรอดแม้แต่น้อย
เธอทราบดีว่าตนจะไม่รอดชีวิตกลับไป จึงสู้ด้วยความคิดที่จะตายมาตั้งแต่ต้น
หลังจากบรรลุเป้าหมายในการช่วยพาแวมไพร์หลบหนี เธอก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องห่วงอีก จึงทุ่มสมาธิไปกับการคิดหาวิธีโจมตีมังกร
ทว่า เซนอนไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น
> ไร้มารยาท
เป็นครั้งแรกที่เซนอนใช้เวทมนตร์อย่างจริงจัง
ก้อนพลังเวททรงกลมที่ทำลายกองกำลังป้องกันเรย์ดันและกดดันให้โนลล์กับแวมไพร์ตกที่นั่งลำบาก เป็นเพียงการรวมตัวของ ‘ละอองเวทมนตร์’ ที่ประกอบกันจากมานา
“…!”
ฝ่าเท้าทั้งสองข้างของอาสึกะจมลงทันที ฉากที่ร่างกายผอมบางของหญิงสาวกำลังถูกพื้นดินสูบ ดูราวกับเธอกำลังตกลงไปในรังมด
เป็นการผสานเวทมนตร์ ‘แรงโน้มถ่วง’ และ ‘หลุมดูด’ เข้าด้วยกัน
เป็นทักษะที่ทำให้คุณสมบัติ ‘ยิ่งเลือดน้อยยิ่งเก่ง’ สูญเปล่า
‘ฉลาดขนาดนี้เชียว?’
อาสึกะขำแห้งอย่างจนปัญญา
เมื่อพื้นดินที่คอยค้ำจุนหายไป แรงโน้มถ่วงก็กดทับร่างกายทันที
พฤติกรรมเกือบทั้งหมดถูกพันธนาการ
แม้แต่การสลับไอเท็มจากช่องสัมภาระก็ยังทำไม่ได้
กล่าวคือ เซนอนปิดกั้นตัวแปรทั้งหมดที่สามารถพลิกผันสถานการณ์
ทั้งที่ตัวเองแข็งแกร่งกว่าอย่างเทียบไม่ติด
แทนที่จะใช้กำลังกำราบ เซนอนเลือกใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดโดยไม่ต้องสำแดงพลัง
มันทำเช่นนี้เพราะมีเหตุผล
‘ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาสู้’
นักรบคลั่งไม่มีทางตายในทันที ไม่ว่าอย่างไรก็จะทนรับความเสียหายได้ระยะหนึ่งเสมอ
เซนอนกังวลว่า ‘โชค’ ของอีกฝ่ายอาจบังเกิดขึ้นอีก
และนั่นอาจเป็นภัยคุกคามกับตนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
‘ยิ่งไปกว่านั้น อาวุธของหล่อนมีระดับไม่ธรรมดา’
ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ทั่วไปจะสร้างขึ้นได้
นึกทบทวนอาวุธที่อาสึกะใช้งานสักพัก เซนอนโยนเปลวไฟลงไปในรูที่ดูดกลืนอาสึกะ
ผ่านไปไม่นาน
พื้นดินโดยรอบเริ่มกลายเป็นสีแดง ควันสีดำพวยพุ่งขึ้น
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
การระเบิดดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
โลกสั่นสะเทือนไปถึงแกนกลาง แสงสีเทาพุ่งออกจากใจกลางการระเบิด
แสงที่สื่อถึงความตายของอาสึกะ
เซนอนหนีออกจากจุดเกิดเหตุทันที
อาคารที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเรย์ดัน
ไม่สิ เนื่องจากปราสาทเรย์ดันกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว อาคารที่ใหญ่ที่สุดของเมืองจึงกลายเป็นโรงแปรธาตุ เซนอนบินไปเกาะบนหลังคาเพื่อสำรวจวิวทิวทัศน์โดยรอบ
เป็นความเงียบสงัดอันน่าพรั่นพรึง
โรงงานเกือบทั้งหมดที่คอยผลิตสินค้าอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันพังทลายโดยไม่พบผู้รอดชีวิต
ทว่า เซนอนยังคงพบสัญญาณชีพจำนวนมากใต้อาคารที่มันกำลังเกาะอยู่
‘ในเมื่อปล่อยให้แวมไพร์หนีไปได้แล้ว…’
การฆ่าพยานที่เหลือทิ้งคงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก
แต่ถึงอย่างนั้น เซนอนตัดสินใจทำลายหลังคา
มันพังเพดานของอาคารและมองเข้าไปในช่องว่าง
มนุษย์ที่เห็นดวงตาขนาดยักษ์ต่างพากันส่งเสียงกรีดร้อง
เหล่านักแปรธาตุ
กลุ่มคนที่ถูกเลี้ยงด้วยข้าวสุกมานานกว่าสิบปี และเพิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าข้าวที่กินไปไม่สูญเปล่า
พวกมันเพิกเฉยต่อคำสั่งของการิสซ่าเพราะรู้สึกหวงแหนที่นี่
พวกมันมิอาจละทิ้งโรงงานที่พัฒนามาไกลจนถึงระดับปัจจุบัน
การทิ้งโรงงานและหนีไป ชะตากรรมเดียวของพวกตนคือการกลับไปเป็นคนไร้ค่า
“ลงมือสร้างสิ่งที่ท่านอัครสาวกเมอร์เซเดสไหว้วานต่อไป…!”
เป็นเสียงตะโกนของผู้อำนวยการ
วัสดุที่ผลิตขึ้นเพื่อกันน้ำโดยเฉพาะ
เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เมอร์เซเดสได้ไหว้วานให้โรงแปรธาตุสร้างแผ่นฟิล์มที่บางและโปร่งใส ซึ่งมิอาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแม้จะนำไปติดไว้บนภาพวาด
หกอัครสาวก
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนึ่งในหกตัวตนที่ยิ่งใหญ่เป็นรองเพียงมหาจักรพรรดิ กลับมาเยือนเรย์ดันและพบว่าสิ่งที่ตนไหว้วานยังไม่เสร็จ?
ผู้อำนวยการพยายามเร่งมือสร้างให้เสร็จโดยไม่สนใจสถานการณ์แวดล้อม
ไม่สนว่าเป็นมังกรหรือไม่
มันไม่อยากให้กำหนดการคลาดเคลื่อนเพียงเพราะมอนสเตอร์ตัวเดียว
เซนอนพลันฉงนเมื่ออ่านความเคียดแค้นภายในดวงตาอีกฝ่าย
‘พักนี้พวกมังกรไม่ค่อยออกอาละวาด?’
ด้วยเหตุผลบางประการ ดูเหมือนว่ามนุษย์จะมิได้เกรงกลัวมังกรอย่างที่ควร
ซู่ว!
เปลวไฟลุกโชนใต้ฝ่าเท้าเซนอน
โรงงานแห่งนี้มีส่วนสำคัญอย่างมากกับอารยธรรมมนุษย์
เพื่อที่จะได้นอนหลับอย่างสบายใจในอนาคต มันต้องถอนรากถอนโคนให้เรียบร้อย
> เลือดของเจ้าจะไม่เปรอะเปื้อนตัวข้า
เซนอนที่เตรียมปลดปล่อยเปลวไฟผ่านรอยแยกบนหลังคา เปิดปากพูดขึ้นกะทันหัน
วาจามังกร
ถ้อยคำที่เปี่ยมไปด้วยพลัง เปลี่ยนสิ่งที่พูดให้กลายเป็นความจริง
ซู่ว—!
น้ำตกเลือดที่พุ่งเข้าใส่ แตกกระเด็นไปทุกทิศทางโดยไม่เปื้อนร่างกายเซนอน
แต่พวกมันยังไม่หายไปไหน
ละอองเลือดแตกตัวเป็นนับสิบล้านหยดและปกคลุมท้องฟ้าโดยไม่สูญเสียพลัง กลิ่นเลือดอันคละคลุ้งทั่วพื้นที่โดยรอบทันที
> ข้าจะไม่ได้กลิ่นเลือด
เซนอนใช้วาจามังกรอีกครั้ง
มันสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดบริเวณหว่างคิ้ว
การใช้วาจามังกรหลายครั้งติดต่อกันนำมาซึ่งปัญหาจุกจิก
แต่มันจำเป็นต้องกัดฟันทน
“เพิ่งโตเต็มวัยสินะ เจ้าน่ะ”
ราชินีโลหิต
ภาพผิวพรรณอันขาวนวลท่ามกลางพลังเวทสีดำและกระแสโลหิตสีแดงเข้ม ทำเอาหัวใจเซนอนสั่นระรัว
รอยยิ้มที่งดงามที่สุดในโลก แต่ขณะเดียวกันก็อันตรายที่สุด
เพื่อป้องกันการถูกสั่นคลอน เซนอนตัดสินใจใช้วาจามังกรอีกครั้ง
> ข้าจะไม่หลงใหล
ประหนึ่งลมหายใจกลับมาไหลคล่องอีกครั้ง
เซนอนที่พองหน้าอกพลางสูดลมหายใจยาว กล่าวกับอีกฝ่าย
> อายุของเจ้ายังน้อยกว่าข้ามาก จะให้เรียกเจ้าว่าทารกก็ยังได้
เซนอนกล้ากระตุกหนวดเสือโดยไม่กลัวเกรง
เพราะมันหวังให้แมรีโรสมองข้าม ‘สถานการณ์’ ปัจจุบัน
หลังจากชักนำบทสนทนาไปยังเรื่องที่ชวนให้อีกฝ่ายหัวเสีย มันเตรียมฉวยโอกาสดังกล่าวเพื่อหลบหนี
แต่แมรีโรสไม่ได้โง่
เฉลี่ยแล้วสิบปีครั้ง
แต่ละครั้งเธอจะตื่นขึ้นมาเพียงไม่กี่นาที และนั่นทำให้หญิงสาวตระหนักถึงคุณค่าของเวลามากกว่าใคร
“ความแข็งแกร่งต่างหากที่เป็นตัวกำหนดลำดับชั้น”
บุตรคนสุดท้องของเบริอาเช่
ทว่า เธอกลับเหนือกว่าพี่น้องคนอื่นทั้งหมด และถูกกำหนดให้เป็นผู้สืบทอดของเบริอาเช่โดยตรง
“เลือดของ ‘ข้า’ … มิอาจเปรอะเปื้อนตัวเจ้าได้สินะ…”
ซู่วววว—!!
เงาดำรอบเมืองเกิดการสั่นไหวตลอดเวลา
เลือดจากทั่วทุกมุมเมือง กำลังพุ่งขึ้นฟ้าในคราวเดียว
“เช่นนั้นแล้ว… ถ้าเป็นเลือดจากคนของข้าล่ะ?”
> …!
เซนอนที่ดวงตากำลังเบิกกว้าง รีบยิงลมหายใจเข้าใส่
เป็นการป้องกันมิให้คลื่นโลหิตถาโถมเข้าใส่ ขณะเดียวกันก็เพื่อเปิดทางให้ตัวเองหนี
บึ้ม—!!
การปะทะกันของสองขั้วอำนาจที่ทรงพลัง สร้างคลื่นกระแทกอันหนักหน่วงแผ่ไปยังทุกทิศทาง
เฉกเช่นแมรีโรสที่เคยหลับอยู่ใต้ทะเลทรายเรย์ดัน ลืมตาตื่นเพราะสัมผัสถึงความผันผวนของพลังเวทแปลกปลอม เหล่ามังกรจากทั่วทวีปเองก็ค่อยๆ ลืมตา และหอแห่งปัญญาก็เริ่มตระหนักถึงความผิดปรกติได้เช่นกัน
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059 ★ ★ จบบริบูรณ์ ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
Comments
Post a Comment