จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,574



ในบางครั้ง ชื่อก็มีพลังมหาศาล


เพราะมันคือสัญลักษณ์ของการดำรงอยู่


ราชาโอเวอร์เกียร์ เทพโอเวอร์เกียร์ อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ และกริด


ทุกชื่อของกริดยังคงแผ่อิทธิพลไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน


‘อะไรกัน…’


ชื่อของราชาภูตไฟก็เช่นกัน


แหล่งกำเนิดไฟทั้งหมดบนโลก


ตามคำนิยามของมัน ทุกที่ย่อมมีไฟ และไฟจะไม่มีวันหายไป


ทว่า


‘หมายความว่ายังไง?’


เมื่อสักครู่ ราชาภูตสัมผัสถึงจุดจบของตัวเอง


มันถูกมนุษย์ฟันด้วยดาบที่มิอาจจำแนกวัสดุจนสติเริ่มเลือนราง ทัศนวิสัยมีเพียงเปลวไฟกระจัดกระจาย การดับสูญผุดขึ้นในห้วงความคิด


สายลมที่เกิดพร้อมการควงดาบนั้นน่าพรั่นพรึงอย่างมาก


แทบไม่น่าเชื่อว่าการ ‘แกว่งดาบ’ ของมนุษย์ จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่น่าตกตะลึงได้ถึงเพียงนี้


ยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้น


จึงไม่แปลกที่มันจะตกตะลึงมากกว่าปรกติ


‘เขาเป็น… ผู้วิเศษ?’


ราชาภูตย่อมเคยมีปฏิสัมพันธ์กับโลกมนุษย์


นั่นเพราะผู้มีคุณสมบัติจะทำพันธสัญญา จะถือกำเนิดขึ้นในทุกหนึ่งร้อยปี มันจึงมิได้เพิกเฉยต่อโลกโดยสิ้นเชิง


ราชาภูตไฟทราบดี มนุษย์มักเรียกบุคคลที่แข็งแกร่งเกินกว่าความเข้าใจของตนว่า ‘ผู้วิเศษ’


แต่นั่นก็แค่พลังกระจอกๆ


ราชาภูตไฟที่เคยประจักษ์อำนาจของ ‘มหาเทพ’ ด้วยตัวเอง น้ำหนักของคำว่า ‘ผู้วิเศษ’ จึงแตกต่างออกไป


ผู้วิเศษที่ราชาภูตไฟเข้าใจ กับผู้วิเศษที่มนุษย์เข้าใจ เป็นสองสิ่งที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง


การดำรงอยู่ที่สร้างภัยพิบัติได้ในทุกการเคลื่อนไหว


กริดในปัจจุบันคือ ‘ผู้วิเศษ’ ที่ราชาภูตไฟเข้าใจมาตลอด


“พักก่อน กินคิมบับกันเถอะ”


“เป็นคิมบับแบบไหนหรือ”


“คิมบับทำเอง ฉันซื้อวัตถุดิบมาทำก่อนออกเดินทาง”


> …


หลังจากหมดสติไปสักพัก ราชาภูตไฟค่อยๆ ลืมตาตื่น


มันไม่คุ้นเคยกับฉากที่กำลังปรากฏในการมองเห็นสักเท่าไร


มนุษย์สองคน กำลังใช้ราชาภูตลมเป็นเสื่อรองนั่ง


แก้มก้นถูกอุ้มชูด้วยสายลมพัดเอื่อย ประหนึ่งเซียนกำลังกินลมชมวิวกลางอากาศ


ราชาภูตน้ำด้านข้างมนุษย์ทั้งสอง กลายเป็นบ่อน้ำพุที่คอยกลั่นน้ำบริสุทธิ์สำหรับชงเหล้าสีใส


อาหารที่ไม่คุ้นตาถูกจัดวางอย่างประณีตบนราชาภูตดินที่ทำตัวเป็นโต๊ะ


> …


ราชาภูตไฟตกตะลึงสุดขีด ไม่ว่าจะมองมุมใดก็มิอาจทำความเข้าใจ


ในทางกลับกัน บรรยากาศรอบตัวกริดและยูร่าเต็มไปด้วยความอบอุ่น


กริดที่มักกินแต่ขนมปังชืดๆ ในยามผจญภัย กลับลงทุนออกไปซื้อของมาทำอาหารก่อนออกเดินทาง


ทั้งหมดก็เพื่อยูร่า


กริดวางแผนการเดินทางเป็นอย่างดี อาหารถูกจัดเตรียมอย่างเพียงพอ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่พลาดแม้แต่มื้อเดียว


ยูร่าเกิดความตื้นตัน และกริดรู้สึกได้ว่าความพยายามของตนไม่สูญเปล่า


ทักษะทำอาหารถูกพัฒนาขึ้นอย่างราบรื่น


เนื่องจากมีค่าความชำนาญมือสูงเป็นทุนเดิม ผนวกกับประสาทสัมผัสอันยอดเยี่ยม ทักษะทำอาหารจึงถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดด


[ทักษะ <การปรุงอาหารขั้นสูง> ถูกเปิดใช้งาน]


ความชำนาญมือของกริด เปลี่ยนให้อาหารที่ชื่อคิมบับกลายเป็นงานศิลป์


สาหร่ายถูกห่อข้าวอย่างประณีตราวกับวัดด้วยไม้บรรทัด ผิวของมันแวววาวประหนึ่งผ้าไหม ผนวกสีสันของวัตถุดิบอื่นที่เรียงตัวกันเป็นองค์ประกอบ เกิดเป็นจานอาหารอันงดงามจนไม่กล้าจะหยิบใส่ปาก


พลังแห่งค่าความชำนาญมือ


ทักษะการเล็มสาหร่ายอย่างแม่นยำ เหนือกว่าพ่อครัวระดับมิชลินสามดาวไปแล้ว


ยิ่งไปกว่านั้น กริดคือผู้ครอบครองประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ และนั่นรวมไปถึงการรับรส


ต่อมรับรสของกริดทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ แทบไม่ด้อยไปกว่าพ่อครัวระดับโลกที่เป็นอาจารย์ของอาจารย์


นี่คือเหตุผลว่าทำไมทักษะการทำอาหาร ถึงกลายเป็น <การปรุงอาหารขั้นสูง> ทันทีหลังจากทำคิมบับเป็นครั้งแรก


“ใช้สาหร่ายอะไร? นุ่มละลายเหมือนกับสาหร่ายน้ำ”


“เป็นสาหร่ายที่ดีที่สุด พีคซอร์ดเป็นคนแนะนำมา ว่ากันว่านำมาตากแห้งด้วยลมทะเลของเมืองกัลเลสในวันที่พระอาทิตย์ขึ้นสุด… ดูเหมือนว่าจะคุ้มค่ากับกรรมวิธีอันซับซ้อน”


“ทันทีที่อาหารสัมผัสกับฟัน เมล็ดข้าวกับส่วนผสมจะแตกตัวและกระจายไปทั่วลิ้น เหมือนกับวงดุริยางค์แห่งรสชาติที่แผ่ซ่านปกคลุมช่องปาก เป็นคิมบับที่ถูกยกระดับรสชาติให้ถึงขีดสุด”


“ข…ขนาดนั้นเลยหรือ…”


กริดไม่ใช่นักกิน


เป็นเพราะเติบโตในครอบครัวที่ไม่ได้มีอันจะกินมากนัก จึงไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสชาติที่หลากหลาย ต่อมรับรสเคยชินกับเครื่องปรุงเสียมากกว่า


ซุปราเมง ดันอร่อยกว่าซุปราคาแพงที่เคี่ยวจากส่วนผสมหลายสิบชนิด


อย่างไรก็ดี รสนิยมการกินของกริดค่อยๆ เปลี่ยนไปจากอิทธิพลของยูร่าและจิสึกะ


ตลอดหลายปีหลัง ยิ่งได้ออกไปกินอาหารนอกบ้านกับสองสาวบ่อยครั้ง ชายหนุ่มก็ยิ่งได้พบเจอรสชาติแปลกใหม่ จนกระทั่งการแสวงหาความหลากหลายกลายเป็นงานอดิเรก


ราวกับประสบการณ์อันล้ำค่าเหล่านั้นถูกสะท้อนลงบนทักษะการปรุงอาหาร


ถึงขั้นสามารถสร้างคิมบับ ได้ด้วยวัตถุดิบเท่าที่มีอยู่ในซาทิสฟาย


‘เข้าใจแล้วว่าทำไม ซาทิสฟายถึงเป็นแดนสวรรค์ของคนรักอาหาร’


เนื่องจากงานยุ่งและมีเวลาน้อย กริดจึงไม่ค่อยได้กินอาหารในซาทิสฟายมากนัก


มีหลายสิ่งให้ต้องทำ การกินอาหารจึงกลายเป็นเรื่องเสียเวลา


แต่ตอนนี้ มันเปลี่ยนความคิด


ในอนาคต มันสาบานกับตัวเองว่า จะใช้เวลาบนโต๊ะอาหารร่วมกับคนสำคัญให้มากที่สุด


ทั้งหมดเกิดจากการได้กินอาหารอย่างสนุกสนานในหอแห่งปัญญา


กริดรับรู้ถึงความห่วงใยที่แสนอบอุ่นจากเบ็ตตี้ สตรีผู้มีความสุขเมื่อได้เห็นลูกหลานกินอาหารอย่างอิ่มหนำ และอีกหนึ่งส่วนสำคัญไม่แพ้กันก็คือรสชาติอันยอดเยี่ยมจากฝีมือการวาดของอเบลลิโอ้


ชายหนุ่มต้องการแบ่งปันความสุขนั้นกับคนสำคัญคนอื่น และเปลี่ยนช่วงเวลาดังกล่าวให้เป็นความทรงจำ


“กินกับไวน์ขาวน่าจะเหมาะ”


“งั้นหรือ? ราชาภูตน้ำ”


> เตรียมไว้ให้แล้ว


จ๊อกจ๊อกจ๊อก—


ราชาภูตน้ำรินไวน์สีใสลงในแก้วที่เกิดจากฝีมือราชาภูตดิน


สายลมสดชื่นที่พัดไปรอบๆ กิ่งก้านของต้นไม้โลก เป็นการสร้างบรรยากาศโดยราชาภูตลม


นี่คือประสบการณ์การกินอันล้ำค่า ที่หาซื้อไม่ได้แม้จะมีเงินหลายร้อยล้านเหรียญ


“มานี่สิ”


หลังจากดื่มไวน์พลางลูบหลังมือยูร่า กริดเรียกราชาภูตไฟ


ชายหนุ่มอยากเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายลืมเรื่องราวการวิวาทเมื่อครู่ และสนิทสนมกันไว้ในอนาคต


การเป็นมิตรกับราชาภูตไม่ใช่เรื่องเสียหาย


> ตกลง! เจ้าชอบเนื้อย่างความสุกระดับไหน?


“…”


ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นต้องโน้มน้าว


กริดได้แต่ปิดปากเงียบขณะนั่งมองราชาภูตไฟปรี่เข้ามาหา


***


[ราชาภูตแสงเพิกเฉยการอัญเชิญของท่าน]


คณะเดินทางพักอยู่ในป่าต้นไม้โลกมาแล้วสามวัน


แม้การได้ใช้เวลาร่วมกับกริดผู้หลงใหลงานอดิเรกใหม่อย่างการทำอาหารจะเปี่ยมไปด้วยความสุข อีกทั้งเอลฟ์และต้นไม้โลกก็ยังทำตัวเป็นมิตรอย่างมาก แต่หัวใจยูร่ากลับยิ่งดำดิ่งเมื่อเวลาผ่านไป


ราชาภูตแสงปฏิเสธการสื่อสารทุกชนิด


แถมยังทำตัวเย็นชายิ่งกว่าปรกติ


กระทั่งทักษะติดตัวทุกชนิดที่มาจากพันธสัญญา ล้วนถูกปิดใช้งานชั่วคราว


“ไม่เป็นไร ผ่อนคลายเข้าไว้ ถ้าได้อยู่กับเธอ จะให้อยู่ต่ออีกสักสามก็ยังได้”


กริดปลอบประโลมยูร่าที่เผยความกังวลอย่างชัดเจน


จากนั้นก็ยื่นเนื้อย่างเสียบไม้ที่เพิ่งปรุงขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากราชาภูตไฟ


> ราชาภูตแสงมิได้เพิ่งเย่อหยิ่ง แต่เป็นเช่นนี้มานานแล้ว นั่นเพราะโลกแห่งธาตุของพวกเราล้วนนับถือเทพธิดารีเบคก้า และราชาภูตแสงอวดอ้างว่าตนคือทายาทโดยตรงของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว จึงชอบทำตัวตามอำเภอใจจนทะเลาะกับพวกเราบ่อยครั้ง คงจะดีถ้าท่านผู้วิเศษช่วยมอบบทเรียนให้เจ้านั่น


ราชาภูตไฟอธิบาย


เป็นการเน้นย้ำว่า สาเหตุที่ยูร่าอัญเชิญล้มเหลว ไม่ได้เกี่ยวกับตัวยูร่าเอง


ยูร่ารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเหล่าราชาภูต


เพราะทุกตนรับปากว่าจะรอจนถึงที่สุด โดยไม่กลับโลกแห่งธาตุไปก่อน


“กลิ่นเนื้อย่างหอมมาก!”


“ผลลัพธ์ออกมาดีทีเดียว ฉันเตรียมส่วนแบ่งของทุกคนไว้แล้ว พวกเธอกินได้เต็มที่”


“ขอบคุณมาก ไม่เกรงใจละนะ!”


เหล่าเอลฟ์ต่างเฝ้ารออาหารที่กริดปรุง


เดิมที พวกเธอลังเลที่จะกินเนื้อสัตว์ แต่ในระยะหลัง ดูเหมือนว่าพวกเธอจะชอบมันมาก


สิ่งนี้เกิดจากคำถามอันไร้เดียงสาของกริด ชายหนุ่มสงสัยว่า ในเมื่อเอลฟ์ ‘ปกป้อง’ ธรรมชาติ ก็ควรจะกินเนื้อสัตว์โดยละเว้นพืชไม่ใช่หรือ?


อาจเป็นเพราะเปลี่ยนลักษณะการกิน กล้ามเนื้อจึงเริ่มพัฒนาขึ้นบนร่างกายอันผอมเพรียวของเอลฟ์สาว


อาจไม่ถึงกับนักกล้าม แต่ต้นขาผอมกะหร่องเริ่มแน่นกระชับ หน้าท้องคล้ายกับคนที่เริ่มซิตอัปได้สิบวัน มอบบรรยากาศของนักรบหญิงที่ปราดเปรียว


และในความเป็นจริง สมรรถภาพทางร่างกายโดยรวมก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย


บางที พวกเอลฟ์อาจเป็นเหมือนกับนักพรตบำเพ็ญตบะ ที่ผนึกพละกำลังของตัวเองไว้ด้วยการตีกรอบการกิน


‘เหล่าผู้มีพระคุณของเรา’


เมื่อมองดูเอลฟ์และภูตมารวมตัวกันหน้าโต๊ะอาหารที่กริดจัดเตรียม ยูร่าผ่อนคลายใบหน้าอันหม่นหมอง


งั่ม


เธอกัดลงบนเนื้อย่างเสียบไม้


อาจไม่อร่อยเท่าอาหารที่กินกับกริดในชีวิตจริงเมื่อคืน แต่ก็นับว่ารสชาติดีมาก


หัวใจของหญิงสาวพองโตทันที


อาจเป็นเพราะรอยยิ้มร่าเริงของเอลฟ์ที่กวักมือเรียกให้ไปกินด้วยกัน หรืออาจเป็นเพราะความเห็นอกเห็นใจที่ราชาภูตมอบให้


‘นั่นสินะ ไม่ต้องเครียดไป ทุกสิ่งจะออกมาราบรื่น’


คนอื่นเชื่อในตัวเรา


ถ้าเราไม่เชื่อในตัวเอง ก็คงถือเป็นการทรยศต่อความไว้วางใจที่อีกฝ่ายมอบให้


ดวงตาของยูร่าส่องประกาย


ราวกับดวงดาวที่สุกสว่างที่สุดซึ่งเคยหายไป ได้กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม


ยูร่าที่เคยเสียความมั่นใจหลังจากฟังคำเสี้ยมของไฟโวล์ฟ เริ่มฟื้นฟูตัวเองกลับเป็นปรกติอีกครั้ง


เธอสัมผัสได้ถึงฝ่ามือของกริดที่โอบมายังหัวไหล่ฝั่งตรงข้าม


***


“ข้าคิดว่าอาจเป็นเพราะเจ้า”


“อย่างนั้นเองหรือ…”


มีความเป็นไปได้สูง ที่การทำตัวแปลกๆ ของราชาภูตแสงจะมีสาเหตุมาจากกริด


กริดเป็นศัตรูกับแอสการ์ด


ย่อมเป็นธรรมดาที่ราชาภูตแสงซึ่งอ้างตัวว่าเป็นทายาทโดยตรงของรีเบคก้า จะมองกริดเป็นศัตรู


“หากเป็นแบบนี้ต่อไป มีโอกาสที่ราชาภูตแสงจะยกเลิกพันธสัญญากับยูร่า”


ผ่านมาแล้วห้าวัน


ไฟโวล์ฟที่คอยเฝ้าสังเกตแนวโน้มอย่างเงียบงัน ตัดสินใจอธิบายข้อสันนิษฐานของตน


กริดที่นั่งไม่ติด หันไปขอคำปรึกษาจากต้นไม้โลก


“ไม่มีทางแก้เลยหรือ?”


> เจ้าสามารถเข้าไปในโลกแห่งธาตุและโน้มน้าวราชาภูตแสงด้วยตัวเอง


“เข้าไปในโลกแห่งธาตุด้วยตัวเอง…”


> หากราชาภูตที่เหลือร่วมมือ พวกเขาช่วยเปิดทางให้เจ้าเข้าไปในโลกแห่งธาตุได้


“แล้วต้องเกลี้ยกล่อมราชาภูตแสงด้วยวิธีใด?”


> วิธีเดียวกับราชาภูตไฟ ตามความเห็นของข้า วิธีดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากที่สุด


“…”


เหล่าราชาภูตนิยมความรุนแรงมากกว่าเจรจาอย่างสันติ?


ขณะกริดกำลังครุ่นคิดขึงขังพลางพยักหน้ารับ


“ฉันอัญเชิญสำเร็จแล้วล่ะ”


เสียงของยูร่าดังขึ้น


กริดที่ประหลาดใจรีบหันไปมอง และได้พบกับยูร่าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยแผล


มือข้างหนึ่งกำลังบีบคอราชาภูตแสงอยู่


‘อัญเชิญ… แน่นะ?’


______________

ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ


Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00