จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,577
“สุดยอด…”
“งดงามมาก…”
ณ ใจกลางป่าต้นไม้โลก
คลื่นพลังงานสีส้มโปร่งใส กำลังรายล้อมด้วยประกายระยิบระยับ
ดูราวกับเป็นภาพการรวมตัวของกลุ่มดาวจำนวนมาก
ประหนึ่งจักรวาลร่อนลงมายังเบื้องล่างและโคจรรอบเทพโอเวอร์เกียร์กริด
วิถีการเคลื่อนไหวที่ยังหลงเหลือเป็นภาพตกค้าง ช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงที่มาที่ไปของความสำเร็จ
“ฟุดฟิด”
ไฟโวล์ฟแกะรอยวิถีดาบของกริดด้วยการฟุดฟิดจมูกซึ่งไม่มีอยู่จริง
การทำเช่นนี้ช่วยให้มันได้กลิ่นโลหะที่ตนเคยหลงใหลสมัยยังมีชีวิต
ทุกครั้งที่กริดแกว่งดาบ มันจะได้กลิ่นเหล็กจากคลื่นที่แผ่กระจายออกไป
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ราชาภูตแสงจะถูกฟันกระจายทุกครั้งที่กริดแกว่งดาบ
ร่างของมันแตกตัวและส่องสะท้อนคล้ายแสงแดดกระทบเหล็กกล้า
ไฟโวล์ฟตระหนักได้ในทันที
คุณสมบัติของพลังเทพในตัวกริดเกิดการเปลี่ยนแปลง
‘ไม่สิ… คุณสมบัติของเทพไม่ใช่สิ่งที่เปลี่ยนกันได้ง่าย’
การเปลี่ยนแปลงของพลังเทพ หมายถึงการทรยศและหลอกลวง
ยกตัวอย่างให้เป็นรีเบคก้า
ผู้คนศรัทธาและนับถือเธอ เพราะเธอคือเทพธิดาแห่งแสง
หากเธอถือครองพลังเทพอื่นนอกจากแสงสว่าง นั่นจะหมายถึงการหลวงลวงและทรยศต่อเหล่าผู้ศรัทธาทั่วโลก
‘หรือว่า… เราเพิ่งตระหนักถึงคุณสมบัติที่แท้จริงของเขา?’
มีเหตุผลไม่ซับซ้อนที่คนยักษ์โบราณถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของปัญญา
พวกมันรอบรู้
แม้จะพิการด้านรสนิยม แต่ไฟโวล์ฟก็เปี่ยมไปด้วยความรู้เชิงเทววิทยา
มันสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันของกริดได้แม่นยำ
ไฟโวล์ฟสัมผัสได้ว่า เทพแรกเกิดรายนี้เพิ่งตระหนักถึงเนื้อแท้ในพลังเทพของตัวเอง
“แฮ่ก… แฮ่ก…”
ลมหายใจของไฟโวล์ฟเริ่มสั่นกระเส่า
นั่นเพราะมันรู้สึกหลงใหลราชาภูตแห่งความว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูก
ภูตไร้แห่งความว่างเปล่ากำลังลอยเข้าหายูร่า
ว่างเปล่า
แม้ชื่อจะสื่อถือการ ‘ไม่มีอะไรเลย’ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่
ภูตแห่งความว่างเปล่าจะทิ้งร่องรอยในทุกการเคลื่อนที่
เศษโลหะที่โปรยปราย
ไฟโวล์ฟพบว่าคุณสมบัติของมันใกล้เคียงกับ ‘ละโมบ’ ของกริด
โลหะบริสุทธิ์ที่สามารถเป็นได้ทุกสิ่ง
และเนื่องจากเป็นได้ทุกสิ่ง มันจึงไม่เป็นสิ่งใด
‘เมื่อไม่เป็นสิ่งใด มันจึงว่างเปล่า’
กำลังจะบอกว่า ราชาภูตตนนี้ถือกำเนิดภายใต้อิทธิพลของกริด?
จริงอยู่ที่แนวคิดของความว่างเปล่าสามารถตีความได้หลากหลาย แต่เรากลับมองว่าสิ่งนี้สมควรถูกเรียกว่า ‘ราชาภูตทอง’ มากกว่าราชาภูตแห่งความว่างเปล่า…
‘แต่ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นอะไร’
การรับรู้เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล
ขณะมองวัตถุเดียวกัน สิ่งมีชีวิตทั้งโลกอาจเห็นไม่เหมือนกัน
หรือต่อให้ภูตแห่งความว่างเปล่าเรียกตัวเองว่าภูตทอง และจำแนกตนเป็นธาตุทอง นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าตัว
หากสิ่งนี้เป็นปัญหา ภูตแห่งความว่างเปล่าคงไม่ถือกำเนิดมาตั้งแต่แรก
> ท่านยูร่า ข้าต้องการทำพันธสัญญากับท่าน
“…?”
ยูร่าที่เฝ้ามองอย่างเงียบงันมาตลอด เผยความตกตะลึงบนใบหน้า
ภูตแห่งความว่างเปล่าที่ถือกำเนิดจากการดูดซับราชาภูตแสงซึ่งเคยกลืนกินตัวเองเข้าไป
เดิมที มันเป็นภูตธาตุประจำตัวกริด
เป็นเรื่องถูกต้องที่จะกลับไปทำพันธสัญญาใหม่กับกริด
แต่เมื่อครู่กลับบอกว่าอยากทำพันธสัญญากับเรา?
> เป็นเพราะเจตจำนงของท่าน ข้าจึงรอดชีวิตจากการถูกภูตแสงกลืนกิน
“เพราะฉัน…?”
> ถูกต้อง
ยูร่ามองว่าราชาภูตแสงเป็นศัตรู นับตั้งแต่ที่อีกฝ่ายกลืนกินภูตแสงของกริดเข้าไป
เจตจำนงของเธอช่วยภูตแสงตนนั้นได้มาก
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอคือผู้ทำพันธสัญญากับราชาภูตแสง
แม้ระดับตัวตนของยูร่าจะต่ำกว่าราชาภูตแสงจนไม่สามารถสร้างอิทธิพลได้โดยตรง แต่เมื่อยูร่าแสดงเจตจำนงอันแน่วแน่ที่จะยับยั้งพฤติกรรมของคู่ทำพันธสัญญา ราชาภูตแสงจึงอ่อนแอลงเล็กน้อย
ส่งผลให้ราชาภูตแสงที่ถูกตรึงไว้ด้วยอำนาจของพันธสัญญา มิอาจกลืนกินภูตแสงสำเร็จ
สำหรับภูตแห่งความว่างเปล่า ยูร่าคือผู้มีพระคุณไม่ด้อยไปกว่ากริด
นอกจากนั้น ภูตแห่งความว่างเปล่าได้ดูดซับราชาภูตแสงแบบย้อนกลับ
พันธสัญญาที่อีกฝ่ายเคยทำไว้กับยูร่าจึงยังหลงเหลืออย่างเจือจาง
เป็นไปไม่ได้ที่จะทำพันธสัญญากับผู้อื่นนอกจากยูร่า
จริงอยู่ พันธสัญญาสามารถยกเลิกได้หากสมัครใจทั้งสองฝ่าย แต่ภูตแห่งความว่างเปล่าไม่ต้องการเช่นนั้น มันชื่นชอบยูร่า
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณ ขอบใจมาก… แต่คุณควรอยู่ข้างกริดมากกว่าฉัน”
ยูร่าส่ายศีรษะหลังจากได้ฟังคำอธิบาย
เธอเชื่อว่าภูตแห่งความว่างเปล่าเหมาะสมกับกริดมากกว่าตน
ภูตแห่งความว่างเปล่าทำหน้าเศร้า
> ท่านเกลียดข้าหรือ?
แตกต่างจากราชาภูตแสงที่เป็นเพียงกลุ่มก้อนแสง ภูตแห่งความว่างเปล่าสามารถแสดงอารมณ์
ลักษณะคล้ายเมฆละอองปรอท
มีสองดวงตาและหนึ่งปากถูกวาดบนกึ่งกลาง ‘ใบหน้า’
ตลอดการสนทนากับยูร่า ปากโค้งงอเหมือนพระจันทร์เสี้ยวประหนึ่งกำลังยิ้ม เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดู
แต่ในวินาทีนี้ สีหน้าของมันดูคล้ายกับกำลังจะหลั่งน้ำตา
ภูตแห่งความว่างเปล่าอธิบายกับยูร่าที่กำลังลนลาน
> ข้าเป็นประโยชน์ต่อท่านกริดได้ไม่มาก ท่านกริดมีละโมบอยู่แล้ว
“งั้นหรือ…”
ยูร่าเริ่มคล้อยตาม
อีกฝ่ายมอบความรู้สึกคล้ายละโมบจริงๆ
โลหะที่คิดและเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง
> ข้าคล้ายละโมบ แต่ยังแตกต่าง ข้าอ่อนแอกว่า และไม่สามารถหลอมได้
ภูตธาตุคือตัวตนที่ใกล้เคียงกับสิ่งมีชีวิต
เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างไอเท็มด้วยภูตแห่งความว่างเปล่า
และถึงจะมีชีวิต ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะยอดเยี่ยมกว่าละโมบ เป็นเหตุให้ภูตแห่งความว่างเปล่าประเมินว่าตนคงไม่มีประโยชน์กับกริดมากนัก
กริดเองก็ตระหนักได้
‘ภูตแห่งความว่างเปล่าเป็นเหมือนกับโลหะที่เปลี่ยนตัวเองได้’
สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย
แต่กริดมีทักษะสำหรับเปลี่ยนรูปไอเท็มอยู่แล้ว
แถมยังมีละโมบ
ต่อให้ภูตแห่งความว่างเปล่าสำแดงพลังอย่างสุดฝีมือ แต่ประสิทธิภาพก็ยังด้อยกว่าไอเท็มชิ้นอื่นที่ผลิตโดยกริด
‘ยูร่าจะใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเรา’
และต้องไม่ลืมว่า กริดทำร้ายคู่ทำพันธสัญญาของยูร่า
ย่อมเกิดความรู้สึกผิดอย่างมิอาจเลี่ยง
แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าภูตแห่งความว่างเปล่าทำหน้าที่แทนราชาภูตแสง?
ความรู้สึกผิดย่อมบรรเทาลง
ยิ่งไปกว่านั้น ยูร่าจะแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต
ประสิทธิภาพย่อมสูงกว่าเมื่อครั้งทำพันธสัญญากับราชาภูตแสงที่เห็นแก่ตัวและไม่คิดจะสื่อสาร
“ยูร่า ได้โปรดทำพันธสัญญากับภูตแห่งความว่างเปล่า”
“…แบบนี้ดีแล้วหรือ?”
“แน่นอน”
กริดตบหลังยูร่าแผ่วเบาพร้อมกับเผยสีหน้ายิ้มแย้ม สัมผัสอันอ่อนโยนจากฝ่ามือชายหนุ่มช่วยขจัดความลังเลในใจยูร่าโดยสิ้นเชิง
> ท่านจะทำพันธสัญญากับข้าไหม?
“ตกลง… ฉันจะทำ”
> ข้ามีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
ภูตแห่งความว่างเปล่ากลับมายิ้มสดใสอีกครั้ง
กริดสัมผัสถึงอารมณ์ที่กำลังเอ่อล้น
เด็กที่พยายามจะสื่อสารกับตนมาตลอด
ชายหนุ่มเสียใจที่ไม่เคยทราบมาก่อนว่าเด็กคนนั้นสดใสร่าเริง จนกระทั่งเสียอีกฝ่ายไป
‘ภูตแห่งความว่างเปล่า… หลังจากนี้ขอให้นายพบเจอแต่ความสุข’
***
> แบบนี้หรือ?
“ถูกต้อง! สมบูรณ์แบบ!”
> แหะแหะ
ยูร่าที่ทำพันธสัญญากับภูตแห่งความว่างเปล่า
และภูตแห่งความว่างเปล่าที่ทำพันธสัญญากับยูร่า
ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนกันภายในเวลาเพียงสิบนาที
เป็นการจับคู่ที่ลงตัวมาก
เนื่องจากภูตแห่งความว่างเปล่าสามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งใดก็ได้ที่ยูร่าต้องการ กระสุนที่ทรงพลังจึงถือกำเนิด
และเนื่องจากปราศจากธาตุ จึงไม่เกิดการต่อต้านพลังเวทเฉพาะตัวของนักล่าอสูร
ยิ่งมันปกคลุมร่างกายยูร่ามากเพียงใด พลังต่อสู้ของยูร่าก็ยิ่งเพิ่มพูน อาจเรียกได้ว่ายูร่ากำลัง ‘สวม’ ราชาภูตแห่งความว่างเปล่า
‘เข้ากันได้ดีแบบนี้ ค่อยโล่งใจหน่อย’
สีหน้ายูร่ากำลังสดใสสุดขีด เมื่อผนวกเข้ากับผิวพรรณที่สะอาดแวววาวราวกับกระเบื้องเคลือบ บรรยากาศยิ่งทวีความสดชื่น
เป็นความอารมณ์ดีที่จะพบได้เฉพาะตอนที่เธอออกเดตกับกริด
กริดที่ผ่อนคลายภาระทางใจลงหลายส่วน หันมาตรวจสอบรายละเอียดของท่ารำดาบที่ถูกยกระดับ
<ท่ารำดาบเทพโอเวอร์เกียร์> Lv.1
ท่ารำดาบของเทพโอเวอร์เกียร์กริด
พลังเทพของเทพโอเวอร์เกียร์ทำการเพิ่มพลังโจมตีทางกายภาพ 90%, พลังโจมตีเวท 30%, อัตราคริติคอล 70%, ความแรงคริติคอล 150% โดยตัวเลขทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นสามเท่าเมื่อใช้ทักษะคอมโบกับบุคคลที่มีสายสัมพันธ์
* คุณสมบัติจะแสดงผลอย่างเต็มที่ต่อเมื่อสวมใส่อาวุธประเภทดาบ
* หากใช้ไม้เท้าหรือลูกแก้ว พลังโจมตีทางกายภาพจะไม่ถูกปรับใช้
* หากไม่สวมใส่อาวุธ ค่าความเสียหายจะคำนวณตามสัดส่วนพลังจิต
* สามารถปลดปล่อยท่ารำดาบได้โดยไม่ต้องก้าวเท้า แต่เนื่องจากการ ‘บรรลุ’ ที่ท่านได้รับจาก ‘เคล็ดวิชาเทพสงครามที่ว่างเปล่า’ พลังของท่ารำดาบจะเพิ่มขึ้นทุกการย่างก้าว (ทุกก้าวที่เพิ่มขึ้น จะสร้างความเสียหายเพิ่มเติม 50%, 100%, 200% และ 400%)
* สามารถสร้างท่ารำดาบผสานที่แตกต่างกันได้ 20 ทักษะ
* ทุกครั้งที่เลเวลของทักษะเพิ่มขึ้น จำนวนครั้งสูงสุดในการสร้างท่ารำดาบผสานจะเพิ่มขึ้น 5 ทักษะ
★ ท่านสามารถสร้างท่ารำดาบผสาน 6 ชนิดได้ แต่จำนวนครั้งรวมของท่ารำดาบผสาน 5 และ 6 ชนิดจะขึ้นอยู่กับค่าบารมีเทพและพลังเทพ
★ ท่ารำดาบทุกชนิดกลายเป็นไร้ธาตุ สามารถสำแดงพลังได้เต็มประสิทธิภาพกับทุกธาตุที่เผชิญ และยังสามารถตัดผ่านแนวคิดเชิงนามธรรมหรือปรากฏการณ์ได้ทุกชนิด แต่จะไม่มีการชนะทางธาตุใดเป็นพิเศษ
★ เนื่องจากมีการสิ้นเปลืองมานา จึงสามารถเปิด/ปิดการทำงานได้
กำลังเปิดใช้งาน
จุดที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือพลังโจมตีทางกายภาพและความแรงคริติคอล
รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงธาตุ
ไร้ธาตุ
คุณสมบัติไร้ธาตุ จะไม่ถูกนับรวมในระบบการแพ้/ชนะทางของธาตุ
สามารถสำแดงพลังได้ 100% ต่อทุกธาตุ
แม้จะมีจุดอ่อนคือการไม่ชนะธาตุใด แต่จุดแข็งก็ยอดเยี่ยมกว่าจุดอ่อนหลายเท่า
แสดงพลังเต็มประสิทธิภาพต่อทุกธาตุ แถมยังฟันได้แม้กระทั่งแนวคิดเชิงนามธรรมและปรากฏการณ์…
ฟังดูคล้ายกับหลักการของ ‘วิชาดาบบางชนิด’ ที่ถูกยกย่องอย่างมากในโลกซาทิสฟาย
และอันที่จริง กริดยังได้รับอีกหนึ่งสมญานามที่คาดไม่ถึง
<กลิ่นอายอริยดาบ>
ติดตัว
ขณะใช้ท่ารำดาบเทพโอเวอร์เกียร์ จะไม่มีสิ่งใดที่ท่านตัดไม่ขาด
‘…เข้าใจแล้วว่าทำไม ท่าไม้ตายของบราฮัมจึงเป็นเวทอุกกาบาต’
จริงอยู่ คุณสมบัติไร้ธาตุอาจมิได้ครอบจักรวาล
ยกตัวอย่างเช่น ธาตุแสงและมืดจะชนะทางทุกธาตุที่เหลือ
แต่พวกมันก็ยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ เพราะแสงมีจุดอ่อนร้ายแรงเป็นความมืด และความมืดก็มีจุดอ่อนร้ายแรงเป็นแสง
ในทางกลับกัน คุณสมบัติไร้ธาตุไม่มีจุดอ่อนร้ายแรง
เป็นธาตุที่ดีที่สุดสำหรับกริดผู้มีค่าพลังโจมตีพื้นฐานสูงลิบ
‘นั่นคือเหตุผลที่มันถูกเลือกให้เป็นพลังเทพของเทพโอเวอร์เกียร์’
หลังจากตระหนักได้ รอยยิ้มลุ่มลึกแพร่กระจายไปทั่วใบหน้ากริด
สยบมังกรทำลายล้างคลื่นร่ายรำสังหาร
ชายหนุ่มทำการตรวจสอบพรที่ซือโหยวบรรจุลงในท่ารำดาบผสานหกชนิด
★ ทุกครั้งที่ใช้งาน <สยบมังกรทำลายล้างคลื่นร่ายรำสังหาร> ทักษะ <สุดยอดวิชาต่อสู้> จะแสดงผลอย่างแน่นอน
‘คอยเฝ้ามองอยู่ตลอดเลยหรือ?’
กริดที่กำลังแหงนมองท้องฟ้าสีคราม พยักหน้าแผ่วเบาหนึ่งครั้ง
เป้าหมายที่ควรค่าแก่การเคารพนับถือ
ชายหนุ่มทำความเคารพต่อเอกเทพที่ตนเคยพบพานด้วยความรู้สึกจากก้นบึ้ง
***
ผ่านไปสี่วัน
แตกต่างจากห้าวันแรก ทุกคนงานยุ่งมาก
ประการแรก กริดต้องฝึกฝนท่ารำดาบอย่างหนัก เพื่อชดเชยความแม่นยำที่หายไปพร้อมกับเวทมนตร์ตรวจจับของบราฮัม
‘เป็นเพราะขาดความแม่นยำ เราจึงปิดฉากราชาภูตแสงได้ไม่เด็ดขาด’
เวทมนตร์ล็อกเป้า
เมื่อเวทเสริมของบราฮัมที่แฝงมากับท่ารำดาบหายไป การไล่ตามความเร็วของราชาภูตแสงจึงเป็นเรื่องยาก
‘เน้นอัปค่าความว่องไวให้มากขึ้นดีไหม?’
ขณะกริดกำลังหาทางออกให้ตัวเอง ยูร่าถือโอกาสสร้างความสนิทสนมกับภูตแห่งความว่างเปล่า และไฟโวล์ฟจดจ่ออยู่กับการซ่อมวงแหวนเทพ
วงแหวนเทพ
เป้าหมายหลักของการมาเยือนต้นไม้โลก
ณ ปัจจุบัน ผู้ที่แบกรับความรับผิดชอบสูงสุดคือไฟโวล์ฟ
เหตุใดราชาภูตแสงถึงหายไป และมีราชาภูตตนใหม่ถือกำเนิดขึ้นแทน…
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวดีนักทั้งที่ได้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ไฟโวล์ฟก็สลัดความสงสัยและหันมาจดจ่ออยู่กับงานของตน
“…”
กริดและบราฮัมเฝ้าสังเกตการทำงานของไฟโวล์ฟอย่างใกล้ชิด
นี่คือช่วงเวลาที่คนยักษ์โบราณลงมือสร้างของวิเศษ
ฉากที่เลือนหายไปจากโลกกว่าพันปี การได้เห็นด้วยตาตัวเองย่อมเป็นประสบการณ์แสนล้ำค่า นี่คือคาบเรียนที่ยากจะหาใครเทียบได้
บุคคลที่ได้ศึกษาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมิใช่กริด แต่เป็นบราฮัม
ขณะที่กริดยังขาดความรู้ในหลายประเด็น บราฮัมสำแดงอัจฉริยภาพของ ‘ดยุคแห่งปัญญา’ ได้อย่างเหมาะสม มันสามารถทำความเข้าใจและเรียนรู้วิธีการสร้างของวิเศษแบบใหม่ รวมถึงค้นพบแนวคิดที่คาดไม่ถึงจากกระบวนการของไฟโวล์ฟ
‘…ก้าวข้ามได้แล้ว’
บราฮัมสัมผัสได้ชัดจน
พอลด์ที่มันเคยจำใจยอมรับในฝีมือการสร้างของวิเศษอย่างมิอาจเลี่ยง
ในวินาทีนี้ ตนก้าวข้ามไปเรียบร้อยแล้ว
Comments
Post a Comment