จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,575



> ข้าดีใจเหลือเกินที่ได้พบเจ้า!! คึฮ่าฮ่าฮ่า!!


เปลวไฟกำลังแผดเผาอย่างร้อนแรง


ราบกับเป็นกระจกสะท้อนอารมณ์ของราชาภูตไฟ เปลวไฟขยายขนาดพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นเรื่อยๆ


โชคดีที่ราชาภูตน้ำคอยทำหน้าที่เป็นสปริงเกอร์


พุ่มไม้โดยรอบจึงรอดพ้นการกลายเป็นขี้เถ้า


กริดที่ยืนท่ามกลางไฟและน้ำ เริ่มเข้าใจธรรมชาติของราชาภูตมากขึ้น


‘พวกเขาไม่ใช่ประเภททำดีหวังผล’


ตลอดห้าวันที่ผ่านมา


กริดสังเกตพฤติกรรมราชาภูตอย่างใกล้ชิด


ผู้ปกครองแห่งมิติ


ตนหนึ่งชงเหล้าให้โดยไม่ต้องบอกล่วงหน้า ตนหนึ่งปูเสื่ออากาศ และตนหนึ่งสร้างภาชนะจากดินเหนียว


กริดไม่มีทางเลือกนอกจากหวาดระแวงอีกฝ่ายที่เข้ามาทำดีด้วย ทั้งที่พวกตนอาจต้องเสียศักดิ์ศรี


มีดที่ซ่อนอยู่ภายใต้ไมตรี คือมีดที่คมที่สุด


แต่ในวินาทีนี้ ชายหนุ่มมั่นใจ


ราชาภูตไม่ใช่ตัวตนประเภทหน้าไหว้หลังหลอก


ท่าทีการแสดงความสุขอย่างตรงไปตรงมาของราชาภูตไฟขณะเห็นราชาภูตแสงถูกยูร่าลากคอออกมา ได้ขจัดความกังขาไปจนหมด


‘ที่เขาบอกว่าไม่ชอบหน้าราชาภูตแสง นั่นเป็นความจริง’


เมื่อลองนึกย้อนดูให้ดี ราชาภูตเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซื่อสัตย์ต่ออารมณ์ตัวเองมาก


ความเมตตาที่มอบให้เรา ก็น่าจะเป็นของจริงเช่นกัน


เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ได้ถูกต้นไม้โลกบังคับขู่เข็ญ


แต่ถึงอย่างนั้นกลับยังอยู่กับกริดจนถึงที่สุด แม้ว่าสามารถกลับโลกแห่งธาตุได้ทุกเมื่อ


ไม่มีใครกลับไปแม้แต่ตนเดียว


ทั้งสี่ใช้ชีวิตร่วมกับกริดตลอดห้าวันเต็ม


หมายความว่า หลังจากกริดเอาชนะราชาภูตไฟและพิสูจน์คุณสมบัติ ราชาภูตทุกตนต้องการมอบไมตรีด้วยความจริงใจ


> ข้าก็นึกสงสัยว่าพวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่ ที่แท้ก็แค่พวกขี้แพ้รวมกลุ่ม


วาบ!


ราชาภูตแสงเริ่มส่องสว่าง


แสงสว่างอันเจิดจ้าที่ทำให้ทุกคนแสบตา พร้อมกับฉาบทุกสิ่งให้กลายเป็นสีขาว


ขณะกริดและเอลฟ์ต่างขมวดคิ้ว ราชาภูตแสงก็มาจ่ออยู่หน้าจมูกกริดแล้ว


มันสลัดหลุดจากมือยูร่า


เมื่อเห็นยูร่าเผยสีหน้าตื่นตระหนก และเห็นราชาภูตแสงมีท่าทีเย็นชา ชายหนุ่มเลื่อนมือขึ้นมาจับดาบ


พิจารณาจากสถานการณ์ กริดยังไม่ไว้วางใจราชาภูตแสงที่ถูก ‘จับ’ ตัวมา


‘แสง… จะฟันขาดไหมนะ’


คงยากกว่าการฟันไฟ


หลังจากสูดลมหายใจ ราชาภูตแสงกล่าว


> เทพโอเวอร์เกียร์ ข้าจับตามองเจ้ามาตลอด


ราชาภูตแสงแตกต่างจากราชาภูตไฟ


มันทราบว่ากริดเป็นเทพแล้ว


‘เป็นเพราะทำพันธสัญญากับยูร่า ก็เลยแอบมองเราจากมุมของเธอ?’


หรือแอบมองจากทัศนวิสัยของภูตแสงของเรา?


ขณะนึกถึงภูตแสง สีหน้ากริดพลันดำมืด


นั่นเพราะภูตแสง กำลังถูกแสงของราชาภูตแสงกลืนกิน


ตัวตนของมันค่อยๆ จางลง ราวกับกำลังจะหายไปในอีกไม่ช้า


“…”


ภูตแสงสัมผัสได้ถึงสายตาจากกริด


ตาและปากที่เป็นแสงกับเงา


คล้ายกับมันพยายามสื่อสารกับกริด เงาดำบนใบหน้ากลายเป็นพระจันทร์เสี้ยวประหนึ่งกำลังยิ้ม


“ภูตแสง…”


กริดรีบเอื้อมมือคว้า


แต่ก็สายเกินไป


> เหตุใดเจ้าจึงทรยศท่านแม่? ไม่ใช่เพราะความกรุณาของท่านแม่หรอกหรือ เจ้าถึงแข็งแกร่งเฉกเช่นทุกวันนี้ได้


ซ่า—


ภูตแสงแตกตัวและเลือนหายไปโดยสมบูรณ์


มันถูกแบ่งออกเป็นจุดแสงเล็กๆ และดูดซับโดยราชาภูตแสง


[ภูตแสงที่ทำพันธสัญญากับท่านหายไป]


[ทักษะ <ดาบแห่งแสง> จากภูตแสงหายไป]


สีหน้ากริดแข็งกระด้างทันที


ก่อนที่อีกฝ่ายจะหายไป ชายหนุ่มเห็นรอยยิ้มที่คล้ายกับกำลังร้องไห้เต็มสองตา


> ไอ้… ไอ้… ไอ้ชั่ว…!!


ราชาภูตไฟแผดเสียงด้วยความโกรธ


> อา… เจ้าหนูที่น่าสงสาร


ราชาภูตน้ำถอนหายใจ


ราชาภูตดินและราชาภูตลมปิดปากเงียบ


อย่างไรก็ดี การสั่นสะเทือนของแผ่นดินและสายลม แสดงออกอย่างชัดเจนว่าพวกมันกำลังโกรธ


แต่ราชาภูตแสงมิได้แยแส


ราวกับไม่สนใจว่าอีกสี่ราชาจะเป็นศัตรูกับตนหรือไม่


ท่านแม่


นั่นคือสิ่งที่ภูตแสงเรียกรีเบคก้า


แหล่งที่มาของความโอหังก็คือ การได้เป็นทายาทโดยตรงของรีเบคก้า


แตกต่างจากราชาภูตตนอื่น ดูเหมือนว่าราชาภูตแสงจะคิดว่าตัวเองพิเศษกว่าใคร เป็นท่าทีที่ชวนให้นึกถึงยังบัน


> ส่วนใดที่ไม่จริงให้โต้แย้งมา ข้าจะตัดสินโทษตามคำตอบของเจ้า


ราชาภูตแสงที่เร่งเร้า ขยายขนาดตัวอย่างรวดเร็ว


คมมีดแสงหลายร้อยหลายพันกำลังส่องประกาย


แต่กริดดูสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด


มันพยายามวิเคราะห์สถานการณ์ แม้ความโกรธจากการสูญเสียภูตแสงยังคุกรุ่นอยู่ในใจ


‘ทำไมมันถึงเพิ่งปรากฏตัวเอาป่านนี้?’


แสงคือธาตุที่แตกต่างออกไป เป็นเรื่องยากที่จะสร้างอิทธิพลทางกายภาพต่อแสง


ยูร่าจับตัวราชาภูตแสงมาได้… นั่นอาจไม่เป็นความจริง การอัญเชิญคงสำเร็จได้ด้วยเจตจำนงของราชาภูตแสงมากกว่า


หลักฐานพิสูจน์ก็คือ ราชาภูตแสงหลบหนีจากเงื้อมมือยูร่าได้อย่างง่ายดาย


สมองกริดได้คำตอบอย่างรวดเร็วหลังจากประมวลผลอย่างหนัก


‘มันวิเคราะห์เสร็จแล้ว’


ราชาภูตแสงสามารถเฝ้าจับตามองกริดผ่านยูร่าและภูตแสง


เป็นธรรมดาที่จะวิเคราะห์พลังของกริดอย่างทะลุปรุโปร่ง


บางที หลังจากวิเคราะห์โดยละเอียด มันมั่นใจว่าสามารถเอาชนะเราได้?


กล่าวคือ


‘ต้องตึงมือแน่’


หลังจากวิเคราะห์พลังของกริดอย่างถี่ถ้วน ราชาภูตยังคงแสงมั่นใจว่าตัวเองเหนือกว่า


แน่นอน นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีสำหรับกริด


ไม่ควรประศึกส่งเดชเหมือนกับตอนที่วัดพลังกับราชาภูตไฟ


เมื่อเห็นกริดเผยสีหน้าเคร่งเครียด ราชาภูตแสงเย้ยหยัน


> คงเข้าใจสถานการณ์ดีแล้วสินะ แต่อย่าเพิ่งสิ้นหวังไป เจ้ายังมีโอกาสหลุดพ้นจากมลทิน… เอาล่ะ เทพโอเวอร์เกียร์เอ๋ย จงอธิบายว่าเหตุใดถึงทรยศต่อท่านแม่ จงสารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่าเจ้าก่อบาปไปเพราะความโลภ และจงร้องขอการอภัย… เจ้ารู้อะไรไหม ท่านแม่น่ะใจดีมาก จะต้องมอบโอกาสให้เจ้าอีกครั้งแน่นอน


สารภาพบาปและขอการอภัย


ราชาภูตแสงมีเป้าหมายที่ชัดเจน


กริดเริ่มอ่านแผนการของทวยเทพออก


กล่าวคือ พวกมันต้องการให้กริดยอมรับว่า พฤติกรรมการกวาดล้างและทอนลดคุณค่าของศาสนารีเบคก้า เกิดจากคำกล่าวอ้างที่โกหกและทำไปเพียงเพราะความโลภ


หากกริดยอมรับว่าสิ่งที่ตนทำมาจนถึงปัจจุบันเป็น ‘บาป’ ข้อเท็จจริงที่อุตส่าห์เปิดเผยอย่างลำบากลำบนจะกลายเป็นคำโกหกไปทันที และถ้าชายหนุ่มร้องรอการอภัยโทษ บารมีเทพที่ลดทอนลงของพวกมันจะถูกฟื้นฟูกลับมา


> อย่าประมาท บรรยากาศรอบตัวราชาภูตแสงแตกต่างไปจากเดิม


ราชาภูตลมกระซิบ


เป็นการตักเตือนว่า ราชาภูตแสงที่แข็งแกร่งที่สุดในเหล่าราชา บัดนี้แข็งแกร่งยิ่งไปกว่าเดิม


> ราชาภูตแสงติดต่อกับแอสการ์ดตลอดเวลา เจ้านั่นมีแผนจะยกโลกแห่งธาตุให้เหล่าทวยเทพ จึงมีโอกาสสูงที่จะถูกหนุนหลังโดยเทพสักตน


กริดกระจ่างทันที


เหตุใดเหล่าราชาภูตถึงทำดีกับตน?


คงเพราะพวกมันอยากรอดพ้นจากเงื้อมมือสัตว์ร้ายนามว่าแอสการ์ด


‘ไม่มีทางที่ราชาภูตจะไม่รู้สันดานเทพ’


เทพแอสการ์ดไม่ได้ทำดีกับมนุษย์เพราะอยากทำ


เช่นนั้นก็คงไม่มีเหตุผลให้เหล่าภูตธาตุถูกดูแลเป็นพิเศษ


ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าเทพต้นกำเนิดมักทำลายโลกและสร้างขึ้นมาใหม่อย่างต่อเนื่อง


แม้ภายนอกราชาภูตจะแสดงความจงรักภักดีต่อเทพ แต่ภายในใจก็คงหวาดหวั่นไม่น้อย


การทำลายล้างที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม คงไม่ใช่นิสัยที่น่าคบหาสักเท่าใด


‘พวกเขาต้องการพึ่งเรา’


อุบัติเหตุที่กริดเข้ามาพัวพันโดยบังเอิญ ยิ่งสาวลึกก็ยิ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่


ในการรับรู้ของกริด การดำรงอยู่ของโลกแห่งธาตุถูกเพิ่มเข้ามาในสารบบ ‘โลกซาทิสฟาย’ โดยปริยาย


‘นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ผูกมิตรกับภูตธาตุ’


กริดทราบดีว่าพลังของภูตธาตุจำเป็นเพียงใด


ภูตธาตุหลายร้อยตนที่ทำพันธสัญญากับชาวโอเวอร์เกียร์ และภูตเทียมที่ขโมยมาจากรังทราวก้า ล้วนพิสูจน์ศักยภาพของภูตธาตุได้เป็นอย่างดี


จะเกิดอะไรขึ้นหากได้สนทนาโดยตรงกับเหล่าราชาภูตและร่วมมือกัน?


ยกตัวอย่างเช่น หากมีหนทางทำให้คนนอกกิลด์โอเวอร์เกียร์มีโอกาสทำพันธสัญญากับภูตธาตุ ความแข็งแกร่งของมนุษยชาติก็จะเพิ่มขึ้น


‘การมีตัวช่วยเพิ่มขึ้น ย่อมต้องเกิดประโยชน์ในทุกทาง’


หลังจากตัดสินใจบางสิ่งได้เด็ดขาด ดวงตากริดเปลี่ยนไปทันที


จิตสังหารค่อยๆ แผ่ออกจากดวงตาสีดำที่จดจ้องไปยังราชาภูตแสง


> ช่างโง่เขลา… คิดจะทิ้งโอกาสที่ไม่มีวันได้รับเป็นหนที่สอง?


เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายตัดสินใจได้ ราชาภูตแสงพยายามโน้มน้าวอีกครั้ง


> จงเลือกให้ฉลาด หากเจ้าสารภาพบาปอย่างจริงใจและร้องขอการอภัย ท่านแม่จะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี… นี่คือโอกาสสำคัญที่เจ้าจะได้เถลิงขึ้นสู่แอสการ์ด โอกาสในการเป็นเทพแท้จริงและดำรงสถานะนั้นไปตลอดกาล!


“นั่นคือความปรารถนาของแก?”


> อะไรนะ?


“ดูเหมือนว่า หากโน้มน้าวฉันสำเร็จ แกจะได้รับรางวัลเป็นการขึ้นไปอยู่บนแอสการ์ดสินะ… ช่างน่าขันที่แกเรียกรีเบคก้าว่าแม่ มีแม่ที่ไหนให้ลูกทำงานพิสูจน์คุณค่า เพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันด้วยหรือ?”


> กำลังพล่ามอะไรออกมา! พวกสิ่งมีชีวิตมีจมูกมักโง่เขลาเสมอ!


“ตอนนี้รีเบคก้าอาจจะเอียงคอสงสัยอยู่ก็ได้… ไอ้งั่งนั่นเป็นลูกเราตั้งแต่เมื่อไร?”


ยูร่าที่เฝ้าดูสถานการณ์อย่างเงียบงันมาตลอด ถึงกับอ้าปากค้าง


นั่นเพราะเธอเห็นเงาฮิวรอยซ้อนทับกับกริด


แต่ในความเป็นจริง กริดได้รับคำแนะนำจากฮิวรอยตามเวลาจริง


กริดส่งข้อความเสียงไปอธิบายสถานการณ์ และทางนั้นก็ส่งบทพูดกลับมา


ชายหนุ่มรังเกียจราชาภูตแสงถึงเพียงนั้น


สิ่งมีชีวิตอวดดีที่เพิ่งโผล่หน้าหลังจากมองเห็นโอกาสชนะ สิ่งมีชีวิตไร้ยางอายที่เอาแต่ประจบสอพลอแอสการ์ด และสิ่งมีชีวิตเลือดเย็นที่กลืนกินภูตแสงเข้าไปทั้งเป็น


โดยเฉพาะเหตุผลข้อสุดท้ายที่อภัยให้ไม่ได้


การฆ่าราชาภูตแสงอาจทำให้ยูร่าเสียผลประโยชน์ แต่ถึงอย่างนั้นกริดก็ต้องการกำจัดมัน


เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากเมื่อครั้งอยากเอาชนะราชาภูตไฟเพื่อข่มขวัญ หนนี้เปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร


ในเวลาเดียวกัน ราชาภูตแสงเองก็รู้สึกแบบเดียวกับกริด


วาบ


ค่อนข้างชัดเจนว่ามันเป็นทายาทของรีเบคก้า


แต่ถึงอย่างนั้นกลับยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเถลิงขึ้นสู่แอสการ์ด


มันคงรู้สึกราวกับตนถูกปฏิบัติเหมือนกับแสงสว่างอันดาษดื่นในทุกมุมโลก


มันเกิดลางสังหรณ์ว่า ตนอาจไม่ได้พิเศษอย่างที่เข้าใจ และมีศักดิ์ศรีเทียบเท่าราชาภูตที่เหลือ


แต่มันก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นมาตลอด


กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริง


แต่ในวินาทีนี้ ขณะเผชิญหน้ากับกริด


ความหงุดหงิด ความกดดัน ความกังวล ความต่ำต้อย และอารมณ์ด้านลบต่างๆ ที่มันกดเอาไว้มานานถึงคราวระเบิดออก


> อย่างที่คิด คนอย่างเจ้าควรตายๆ ไปเสียดีกว่า… กับมนุษย์ที่เคยทรยศพระกรุณาของพระองค์มาแล้วหนหนึ่ง ในอนาคตก็คงก่อบาปแบบเดียวกันซ้ำสอง เช่นนั้นแล้วจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร?


“เทพธิดารีเบคก้าช่างน่าสงสาร พระองค์คงพยายามนึกทบทวนความทรงจำกว่าหมื่นปีเพื่อค้นหาว่า พระองค์เคยให้กำเนิดแกเมื่อไรกัน? แต่เป็นเพราะนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก พระองค์คงละอายใจที่จะพูดออกมา”


> ไอ้ระยำ!!


ผลลัพธ์ของการโต้เถียงฮิวรอยที่ยืมปากกริดพูด มีแต่แพ้กับแพ้


ราชาภูตแสงไม่สนทนาอีกต่อไป มันเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นลำแสงและยิงทะลวงร่างกริด


และต้องจ่ายด้วยราคาแสนแพง


ทันทีที่ทะลุผ่านตัวกริด ราชาภูตแสงก็ติดอยู่ในความมืดมิดอันน่าหวาดหวั่นทันที การดำรงอยู่ของมันเลือนรางลงในทุกวินาที


ตัวตนของสิ่งมีชีวิตที่กำราบและคุมขังมันไว้ในความมืดก็คือ มหาจอมเวทบราฮัม และหนึ่งในเจ็ดมารซิก


“แกจะต้องตาย”


กริดที่กระอักเลือด กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก


คนส่วนใหญ่อาจไม่ทราบ แต่กริดไม่ใช่พวกหมกมุ่นอยู่กับการดวลหนึ่งต่อหนึ่ง


หากกริดรักในการต่อสู้ที่บริสุทธิ์ยุติธรรม มันคงก้าวมาไม่ถึงจุดนี้


“โลกจะบันทึกว่านี่เป็นวันตายของแก”


แสง


ไพ่ที่กริดดึงออกมาต่อกรกับราชาภูตแสง ถูกคัดเลือกอย่างชาญฉลาด


สำหรับบราฮัมที่ชำนาญเวทมนตร์ทุกธาตุ แสงสว่างเป็นเพียงหนึ่งในหลักการที่สามารถกำราบด้วยความมืด และสำหรับซิกที่เคยวางแผนทำสงครามล้มล้างสวรรค์ มันย่อมคิดหาวิธีต่อกรกับแสงสว่างมาทั้งชีวิต


เมื่อตระหนักว่าตนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ราชาภูตแสงเปิดประตูมิติเพื่อเตรียมกลับโลกแห่งธาตุทันที


ทว่า ราชาภูตที่เหลือปิดมันกลับไป


> ราชาแห่งแสง พวกเราไม่ยินยอมให้เจ้ากลับ


> เจ้าพวกโง่! ไม่รู้หรือว่าการเป็นศัตรูกับข้า เทียบเท่าการเป็นศัตรูของแอสการ์ด!!


> ป่านนี้แล้วยังจะพูดเรื่องทรยศแอสการ์ดอีกหรือ? หากเรารับใช้แอสการ์ดจริง จะแอบติดต่อกับเซียนไปทำไม?


> นี่พวกเจ้า…!


ราชาภูตแสงที่ตกเป็นฝ่ายตั้งรับ เริ่มขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว


กรงความมืดที่บราฮัมถักสานถูกขจัด อักขระโบราณของซิกถูกผลักกระเด็น ส่งผลให้ผืนป่าสว่างไสวไปทุกซอกมุม


โลกที่ปราศจากความมืด


อย่างไรก็ดี ทิวทัศน์ของโลกอันขาวโพลน กลับไม่น่าพิสมัยอย่างที่คิด


“ดูเหมือนตาแก่เลยนะ”


บราฮัมเข้ามาใกล้กริดพร้อมกับกล่าว


“ถึงเวลาทำลายกรอบให้นายแล้ว”


“หา?”


กรอบ?


ในตัวเรามีกรอบอะไร?


บราฮัมบอกใบ้กริดที่กำลังฉงน


“ดาเมี่ยนบอกกับข้าว่า พลังเทพของเทพโอเวอร์เกียร์เป็นพลังกายภาพ เมื่อลองมาคิดดูก็จริง”


“…?”


“และถ้าพูดกันถึงธาตุของพลังกายภาพ… คำตอบคือไม่มี”


“…อะ!”


กริดนึกขึ้นได้


ถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เวทมนตร์ของบราฮัมที่ติดมากับท่ารำดาบ ล้วนแฝงไว้ด้วยคุณสมบัติธาตุ


เปรี้ยะ!


ทันทีที่บราฮัมวางมือลงบนหน้าผากกริด


วงแหวนเวทหลายสิบวงที่ถูกดึงออกจากหน้าผากกริด พลันแตกกระจายในพริบตาประหนึ่งเศษแก้ว


เกิดเป็นวิวัฒนาการครั้งใหม่


[<ท่ารำดาบกริด> ถูกยกระดับเป็น <ท่ารำดาบเทพโอเวอร์เกียร์>]


[ท่านสามารถผสานท่ารำดาบหกชนิดเป็นหนึ่ง ปัจจุบันสามารถผสานได้ครั้งเดียว]


[ทุกค่าบารมีเทพ 20 แต้ม จำนวนครั้งในการผสานท่ารำดาบหกชนิดจะเพิ่มขึ้นทีละหนึ่ง]


หลังจากกลายเป็นเทพ ค่าบารมีเทพของกริดก็ไม่เพิ่มขึ้นอีกเลย


ในที่สุด กริดที่เกิดคำถามมาเนิ่นนานก็ได้คำตอบที่สมบูรณ์แบบ


คำกล่าวของดาเมี่ยน ศาสดาแห่งศาสนาโอเวอร์เกียร์ที่ระบุว่า เทพโอเวอร์เกียร์มีพลังเทพเป็นพลังกายภาพนั้นถูกต้อง


______________

ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ


Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00