จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,549
ในระยะหลัง อารมณ์ของกริดค่อนข้างหดหู่
มันพยายามไม่แสดงออกมา แต่เมอร์เซเดสสามารถสังเกตเห็น
แน่นอนว่าเธอตระหนักได้โดยไม่ต้องใช้เนตรมองทะลุ
เพราะบรรยากาศรอบตัวกริดเปลี่ยนไปจากปรกติพอสมควร
‘พระองค์เห็นห้องนอนของเราแล้วหรือ? แม้ว่าจะปิดทับไว้อย่างดีด้วยวอลล์เปเปอร์… แต่นั่นคงมิอาจเล็ดลอดวิสัยทัศน์ของพระองค์ไปได้ ดวงตาอันงดงามของท่านเฉียบแหลมมาแต่ไหนแต่ไร…’
ความกังวลของเมอร์เซเดสกำลังเอ่อล้น
แต่แน่นอน ท่าทีของเธอยังไม่แปรเปลี่ยน
เธอไม่ได้เป็นอัศวินในตำนานเพราะโชคช่วย
หญิงสาวจินตนาการไปไกลถึงเพียงใดกัน?
เมื่อเมอร์เซเดสเริ่มหน้าแดงไปถึงติ่งหู กริดตัดสินใจบางสิ่ง
‘พอใจแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน’
ตลอดสามวันที่ผ่านมา
กริดก้มหน้าก้มตาเปลี่ยนคุณสมบัติทั้งสองช่องของดาบหนักกูเซล
โชคดีที่ชายหนุ่มสามารถทำอย่างอื่นไปพร้อมกันได้ด้วยหัตถ์เทวะและสัตว์อัญเชิญ แต่หากเปลี่ยนเป็นผู้เล่นทั่วไป คงไม่มีอันทำสิ่งใดเลยตลอดสามวันเต็ม
‘หายไปกว่าสามร้อยล้าน’
ค่าคำวิงวอนลดจาก 1.8 พันล้านเหลือ 1.5 พันล้าน
ผลลัพธ์ที่ได้คือคุณสมบัติ ‘เพิ่มความเสียหายคริติคอล 280%’ และ ‘มีโอกาสเล็กน้อยที่จะอำพรางอาวุธ’
ดาบหนักกูเซลไม่ต่างอะไรกับอาวุธนิวเคลียร์
หากโจมตีโดนเพียงครั้งเดียวก็สามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ
แถมยังมีโอกาสอำพรางตัวเอง
หมายความว่ามันคืออาวุธที่ไม่มีทางป้องกัน
ควรค่าแก่การลงทุนด้านเวลา ทรัพย์สิน และพลังใจ
ทว่า กริดกลับยังคงหม่นหมอง
นั่นเพราะคุณสมบัติ ‘มีโอกาสปานกลางที่จะอำพรางอาวุธ’ ปรากฏขึ้นไม่เพียงถึงห้าสิบครั้งขณะสุ่มหาคุณสมบัติช่องที่สอง
เดิมที กริดเข้าใจว่ามันเป็นคุณสมบัติที่หาได้ง่าย จึงพยายามสุ่มใหม่เพื่อหา ‘โอกาสสูง’ แต่กลับกลายเป็นว่า คุณสมบัติ ‘โอกาสปานกลาง’ ไม่ปรากฏขึ้นมาอีกเลยตลอดการสุ่มกว่าหมื่นครั้งให้หลัง โชคดีที่ยังออกมาเป็น ‘โอกาสเล็กน้อย’ ให้พอใช้ทดแทนไปก่อน
สิ่งนี้น่าหงุดหงิดไม่น้อย
‘อันดับแรกคงต้องเพิ่มคุณสมบัติให้ไอเท็มอื่นก่อน… จากนั้นค่อยสุ่มหาคุณสมบัติใหม่ของดาบหนักกูเซล’
มันต้องหาทางปรับอารมณ์
กริดเคร่งเครียดอยู่กับการจ้องคุณสมบัติของอาวุธมานานกว่าสามวันเต็ม สภาพจึงไม่ต่างอะไรกับคนใกล้ตาย
ชายหนุ่มเก็บดาบหนักกูเซลกลับเข้าช่องสัมภาระพร้อมกับมองไปรอบตัว
ส่วนลึกของเทือกเขาเคอัสกำลังถูกเก็บกวาดจนมีสภาพกลายเป็นทุ่งโล่ง
มอนสเตอร์ที่กล่าวกันว่าทรงพลังและน่าสะพรึง ทยอยกลายเป็นแสงสีเทาหลังจากถูกหัตถ์เทวะ แรนดี้ และโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์โจมตี
มอนสเตอร์ที่รวมตัวด้านนอกเพื่อหวังกรูเข้ามาพร้อมกัน ล้วนถูกตรึงไว้ด้วยเวทโลหิตจากเหล่าแวมไพร์ทายาทที่คอยคุมเชิง
หนึ่งในจุดเก็บเลเวลที่ยากที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน กำลังถูกกวาดล้างโดยที่กริดไม่ต้องออกแรง
‘โนเอะชักจะขี้เกียจ’
ราวกับต้องการพิสูจน์ว่ากองทัพสัตว์อัญเชิญของกริดมีพลังล้นเหลือ โนเอะเอาแต่เพลิดเพลินไปกับการนอนหลับตามลำพัง
ภาพของแมวพุงป่องที่กำลังนอนกรนอาจดูน่ารัก แต่ขณะเดียวกันมันก็ดูน่าหงุดหงิด
“ถ้าพวกเราพิชิตนรกได้ พวกเม็มฟิสน่าจะได้รับอิสระ”
โนเอะกระดิกหู
“คงมีตัวเมียสวยๆ อยู่ไม่น้อยทีเดียว… จะมีใครอยากได้แฟนพุ่งป่องไหมนะ?”
“มีพุงหรือไม่ นั่นไม่สำคัญ”
เมอร์เซเดสแทรกขึ้นมา
หญิงสาวจ้องกริดด้วยดวงตาลุ่มลึก
ฝ่าบาทของเธอดูดีในทุกแง่มุม ดูดีอย่างไม่มีเงื่อนไข ดูดีอย่างไม่บันยะบันยัง
เมอร์เซเดสต้องการระบายความในใจเหล่านั้นออกจากปาก
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ผ่านไปแล้วหลายปีหลังจากที่กริดสารภาพกับเธอ (?)
ทว่า ความสัมพันธ์กลับแทบไม่คืบหน้า เมอร์เซเดสจึงกังวลว่ากริดอาจเปลี่ยนใจไปแล้ว
จึงไม่มีทางเลือกนอกจากเจียมตัว
บางที นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เมอร์เซเดสมีงานอดิเรกพิสดาร
สายตากริดยังคงจดจ้องโนเอะ
จากนั้นก็โบกมือไปด้านหลังทำทีว่ากำลังพูดกับเมอร์เซเดส
“ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ โนเอะของฉันคงได้เป็นหนุ่มซิงไปจนตาย”
“ไม่มีทางเด็ดขาด!”
โนเอะคำรามพร้อมกับลุกพรวดจากท่านอน
มันแปลงกายเป็นแมวตัวโตเต็มวัยที่สง่างามราวกับพยัคฆ์
โนเอะพัฒนามาถึงจุดที่สามารถใช้พลังสายฟ้าซึ่งดูดกลืนมาจากศิลาอสนีได้อย่างอิสระไม่เว้นแม้กระทั่งบนโลกกึ่งกลาง
เป็นเช่นนี้ได้เพราะเลเวลของมันเพิ่มขึ้นตามความก้าวหน้าของกริด
“จะมีหญิงใดกล้าปฏิเสธโนเอะ สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในขุมนรก!?”
“แต่นายอ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเรา แค่นี้ก็เกิดข้อเปรียบเทียบแล้ว”
“แง่ง! ข้าไม่ได้อ่อนแอที่สุด! ข้าเหนือกว่าพวกมัน!!”
กรงเล็บแหลมคมของโนเอะยื่นไปทางโอเวอร์เกียร์คอร์นและเหล่าแวมไพร์ทายาท
ถูกต้อง
แม้แต่สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในนรกซึ่งแม้แต่จอมอสูรยังชื่นชอบ ก็มิอาจรับมือกับหัตถ์เทวะและแรนดี้ที่สืบทอดค่าสถานะบางส่วนจากกริด
ไม่ต้องเอ่ยถึงโครงกระดูกหนึ่งซึ่งสืบทอดพลังจากแกรนมาสเตอร์ และโครงกระดูกสองที่มีเวทห้วงมิติ
“ต่อความยาวสาวความยืด… แค่รับปากว่าจะขยันจนกว่าน้ำหนักลดก็สิ้นเรื่องแล้ว”
“ข้าขอโทษ… เมี๊ยว”
ความภักดีก็ส่วนความภักดี สาเหตุที่โนเอะขยับตัวไม่ได้เป็นเพราะค่าความน่าเกรงขามของกริด
นี่คือพลังแห่งค่าสถานะ
ชิ้ง! ฟ้าว—!!
หลังจากกดดันให้โนเอะเข้าร่วมการต่อสู้
กริดลงมือทดสอบอีกหนึ่งพลังใหม่
ไอเท็มหลายร้อยชิ้นที่ถูกทิ้งไว้บนสนามรบ
บรรดาไอเท็มดรอปจากมอนสเตอร์กำลังก่อตัวกลายเป็นดาบเล่มยักษ์
หลังจากตัดผ่านอากาศสองสามหน พวกมันแยกตัวและแปรสภาพกลายเป็น ‘พายุ’
พายุโลหะ
‘ใช้งานได้หลากหลายจนเกือบจะไร้ขีดจำกัด’
พลังชนิดนี้มาจากหลักการที่ว่า เทพโอเวอร์เกียร์คือผู้ปกครองวัตถุ
เป็นทักษะ <ผสานไอเท็ม> แขนงหนึ่งซึ่งถูกยกระดับ
แตกต่างจากผสานไอเท็ม ทักษะชนิดนี้จะไม่สืบทอดค่าสถานะมาจากไอเท็มเป้าหมาย แต่ก็จะไม่จำกัดจำนวนไอเท็มที่ใช้ผสาน
สามารถรวบรวมไอเท็มจำนวนมากเพื่อสร้างวัตถุหรือปรากฏการณ์
พลังอำนาจของทักษะจะแปรผันตาม ‘ค่าความคงทน’ ของไอเท็มทุกชนิดรวมกัน และด้วยเหตุผลข้างต้น ไอเท็มที่มีค่าความคงทนเป็นอนันต์จึงไม่สามารถถูกกำหนดให้เป็นเป้าหมาย
‘การใช้ละโมบไม่ได้ถือเป็นข้อเสียร้ายแรง… แต่ก็ช่างเถอะ’
เพียงเท่านี้ก็มีศักยภาพมหาศาลจนใกล้เคียงคำว่า ‘โกง’ แล้ว
หากใช้ร่วมกับ <สายฝนยุทธภัณฑ์> ล่ะก็…
“…?”
กริดที่กำลังครุ่นคิดอย่างเยือกเย็น เริ่มเกิดอาการประหม่า
นั่นเพราะสีหน้าของเมอร์เซเดสที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังหม่นหมอง
แตกต่างจากในยามปรกติที่เมอร์เซเดสมักจัดการกับสีหน้าตัวเองได้ดี จนดูราวกับเป็นคนไร้อารมณ์
เป็นครั้งแรกที่เธอทำให้สมญานาม ‘ราชาอัศวิน’ ต้องมัวหมอง
“ฉัน…”
เมอร์เซเดสที่ประสานสายตากับกริด พยายามพะงาบปาก
ขนตาที่ยาวงอนกำลังสั่นระริก
“…ฉันไม่สนใจว่าฝ่าบาทจะมีรูปลักษณ์เป็นเช่นไร ท่านดีที่สุดสำหรับดิฉันเสมอ”
หลังจากสลัดความลังเลได้หมดจด คำพูดจากใจถูกพรั่งพรูออกมา
ดวงตากริดพลันเบิกกว้าง น้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย มุมปากกระตุกอย่างมีความสุข
“เมี๊ยว”
ภาพของชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่กำลังขยับเข้าหากัน ถูกพุงอ้วนกลมของโนเอะบังมุมกล้องเอาไว้
เส้นผมสีฟ้ายาวสลวยถูกหย่อนลงบนหน้าท้องกริด
กรรรรร!
เสียงร้องครวญครางของโอเวอร์เกียร์คอร์นดังระงมท่ามกลางคืนจันทร์อันงดงาม
***
‘ส่งผู้เล่นลงไปในนรก’
นรกซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสามสิบสามเขตหลัก ทุกเขตต้องแก่งแย่งชิงดีกัน
แต่ในระยะหลัง มีข่าวลือว่าหลายเขตกำลังร่วมมือกันอย่างสันติ บางที นี่คงเป็นเพราะกองทัพนรกต้องเผชิญวิกฤติหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความพ่ายแพ้ในมหาสงครามกับมนุษย์ และการสูญเสียดินแดนจำนวนมากให้เลอราเฆ่
จึงเป็นธรรมดาที่นรกจะต้องตื่นตัวตลอดเวลา
กล่าวคือ ทันทีที่กริดเปิดฉากรุกรานนรก การต่อต้านครั้งใหญ่จากเจ้าถิ่นจะอุบัติขึ้น
มีความเป็นไปได้มากที่กองทัพมนุษย์จะถูก ‘ต้อนรับ’ ด้วยขุมพลังซึ่งแตกต่างราวฟ้ากับเขตจนแม้แต่กริดก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก
ดังนั้น ลอเอลจึงเสนอวิธี ‘เปิดนรกถาวร’
ด้วยการชักชวนให้ผู้เล่นลงไปเที่ยวนรกประหนึ่งจุดเก็บเลเวลทั่วไป
‘เป็นการกระจายศัตรูไปพร้อมกับป้องกันไม่ให้สัตว์อสูรสั่งสมกองกำลัง’
การทำเช่นนี้จะส่งผลให้ข้อได้เปรียบด้านจำนวนของศัตรูกลายเป็นหมัน
หากผู้เล่นทั่วไปบุกรุกนรกจนเป็นกิจวัตร แถมยังขยายพื้นที่ออกไปจนทั่วนรก บรรดาอสูรคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องตอบสนอง
กองทัพพิเศษที่รวมตัวกันเพื่อรอ ‘ล้อมจับ’ กริดก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องกระจัดกระจายไปทั่วนรก
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ดังกล่าวสร้างขึ้นไม่ง่าย
ในการจะโน้มน้าวผู้เล่นให้ลงไปเก็บเลเวลในนรก ลอเอลต้องบรรลุเงื่อนไขสองข้อ
ข้อแรก ผลข้างเคียงในนรกต้องบรรเทาลง
หากบทลงโทษยังร้ายแรงเช่นนี้ คงมีน้อยคนที่ต้องการลงไปท้าทาย
โชคดีที่ปัญหาดังกล่าวมีทางออก
นั่นคือการส่งคนไปเข้าร่วมทีมล่าเฮลกาโอ
โครงการดังกล่าวเริ่มมาได้สักพักแล้ว
ลอเอลประกาศยกย่องผู้เล่นทุกคนในฐานะกำลังสำคัญที่ช่วยให้ฝ่ายมนุษย์ได้รับชัยชนะเหนือสงคราม และประกาศเปิด ‘เขตผูกขาด’ หลายแห่งในอำนาจปกครองของกิลด์โอเวอร์เกียร์เพื่อเป็นของขวัญ
มันประกาศว่าจะแบ่งสิทธิ์การผูกขาดบอสที่กิลด์โอเวอร์เกียร์ถือครองให้กับภาคเอกชน และยินดีเป็นคนกลางที่ช่วยจัดสรรส่วนแบ่งของแต่ละปาร์ตี้อย่างเท่าเทียม
อีกทั้งยังประกาศว่าจะช่วยสนับสนุนปาร์ตี้เพื่อรับประกันความสำเร็จ
ทั่วโลกลุกเป็นไฟทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสนใจส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปยังหมู่เกาะคอร์ก
เฮลกาโอ
แม้จะสูญเสียร่างเนื้อ แต่มันก็ยังเป็นจอมอสูรหลักเดียว
มีข่าวลือมากมายระบุว่า ไอเท็มดรอปของเฮลกาโอนั้นอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม
เช่นเดียวกันกับข่าวลือที่ว่า เมื่อ ‘เข้าร่วม’ ทีมล่าเฮลกาโอครบสองครั้ง ผลข้างเคียงในนรกจะหายไป
นั่นเป็นข่าวลือที่ลอเอลจงใจปล่อย
“เจ้าพวกอสูรเอ๋ย จงตั้งตารอให้ดี นับแต่นี้เป็นต้นไป พวกแกจะได้ลิ้มรสนรกที่แท้จริง คึฮ่าฮ่าฮ่า!”
เหตุใดกิลด์ใหญ่ถึงพยายามผูกขาดจุดเก็บเลเวล?
ในอีกไม่ช้า เหล่าอสูรในนรกจะได้รับรู้ว่า เหตุใดมอนสเตอร์ดุร้ายในจุดเก็บเลเวลชื่อดังถึงแทบไม่ได้ผุดได้เกิด
เรื่องที่น่าเสียดายก็คือ ลอเอลจะไม่ได้ลิ้มรสความสิ้นหวังในมุมมองของเหล่าอสูร
หลังจากวางแผนเสร็จสรรพ
“มีอะไรหรือ”
ลอเอลเชิญสติกส์เข้ามาในปราสาท
มหาจอมปราชญ์
สติกส์คือหนึ่งในบุคคลที่มีผลงานโดดเด่นในมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร
ต้องขอบคุณวาร์ปเกตที่อีกฝ่ายสร้าง การส่งกำลังพลและเสบียงระหว่างสงครามจึงดำเนินไปอย่างราบรื่น
ทว่า
“นั่นคงเป็นไปไม่ได้”
ตัวตนอันยิ่งใหญ่เผยสีหน้าลำบากใจต่อคำขอร้องของลอเอล
ปราสาทผลึกที่ตกอยู่ในการครอบครองของนักล่าอสูรยูร่า
คำขอร้องของลอเอลก็คือ มันต้องการให้สติกส์สร้างวาร์ปเกตเชื่อมต่อโลกกึ่งกลางกับป้อมปราการคงกระพันที่อยู่ภายในนรก แต่จากมุมมองของสติกส์ เรื่องนี้ฟังดูเหลวไหลสิ้นดี
“อาจทำได้ถ้ามีใครสักคนทำลายขอบเขตระหว่างสองโลกอีกครั้ง… ในทางกายภาพ การเชื่อมต่อกับโลกที่ขาดการเชื่อมต่อนั้นเป็นไปไม่ได้”
“ใช้หลักการเดียวกับประตูนรกของยูร่าไม่ได้หรือ”
“ประตูนรกเป็นอภิสิทธิ์ของจอมอสูรและนักล่าอสูร เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ลองไปถามนักล่าอสูรดูสิ พนันได้เลยว่าเธอก็คงไม่ทราบหลักการทำงานเช่นกัน”
สรุปคือ เป็นไปไม่ได้
เมื่อได้ยินสติกส์ยืนกรานหนักแน่น ลอเอลเผยสีหน้าตึงเครียด
มันไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขในการทำให้นรกกลายเป็นจุดเก็บเลเวลของผู้เล่น
‘จะรบกวนยูร่าทุกครั้งก็คงไม่ได้’
การทำเช่นนั้นถือเป็นการลิดรอนเสรีภาพของยูร่าโดยสิ้นเชิง
และยังถือเป็นการตัดอนาคตของหนึ่งในขุมพลังสำคัญที่สุดในกิลด์โอเวอร์เกียร์ ไม่ต่างอะไรกับการใช้เกวียนลากม้า
ขณะสีหน้าลอเอลทวีความดำมืด
“ฉันคิดว่ามันอาจเป็นไปได้”
คนที่มันกำลังรอคอยกลับมาถึงแล้ว
ไม่ใช่ใครนอกจากกริด
ฉากตรงหน้าเปรียบดังสุภาพบุรุษในภาพยนตร์รักโรแมนติก กริดบรรจงพยุงเมอร์เซเดสลงจากหลังโอเวอร์เกียร์คอร์นที่ยังคงพ่นลมหายใจด้วยความฉุนเฉียว
แม้จะแตกต่างจากภาพลักษณ์ปรกติของกริดที่ลอเอลเคยชิน แต่ฉากนี้กลับดูลงตัวอย่างน่าประหลาดใจ
คงต้องยอมรับว่า รูปลักษณ์และหน้าตาของกริดเหมาะแก่การแสดงในหลายบทบาท
‘คงต้องแจ้งให้เทศมนตรีแร็บบิตเตรียมจัดงานเฉลิมฉลองในเร็วๆ นี้’
ลอเอลที่ตระหนักถึงสถานการณ์เบื้องหลัง เผยรอยยิ้มอย่างอบอุ่นในทันที โดยมีสติกส์เอียงคอฉงนอยู่ด้านข้าง
กริดไม่ได้ชำนาญหรือมีความรู้เกี่ยวกับวาร์ปเกต
จึงเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจว่า เหตุใดชายคนนี้ถึงโต้แย้งว่าเป็นไปได้
“แตกต่างจากสงครามหรือการเมือง ปัญหาเชิงวิศวกรรมไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยพลังใจ”
กึก กึก
กริดใช้ปลายนิ้วเคาะศีรษะตัวเอง
“ไม่เกี่ยวกับพลังใจ หากแต่เป็นความรู้และประสบการณ์”
“ฮะฮะ…”
สติกส์เข้าใจว่ากริดกำลังเล่นมุกตลกห่วยๆ ยามเช้า
คงเพราะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกระมัง…
แต่ในความเป็นจริง
สติกส์ไม่ทราบว่ากริดมีหนึ่งในคนยักษ์ทรงปัญญาคอยให้คำปรึกษา
Comments
Post a Comment