จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,548



< (ข่าวด่วน) ความจริงของนรกถูกเปิดเผย>


<นรกในตอนนี้ไม่ใช่นรกตั้งเดิม>


<โลกที่คนตายไม่ได้หลับพักผ่อน… นั่นคือความจริงของโลกซาทิสฟาย>


<นี่คือเกมที่เล่นได้ทุกวัยจริงหรือ? คณะกรรมการมาตรฐานสื่อของเกาหลีซึ่งเคยวิพากษ์วิจารณ์ในกรณีที่ซาทิสฟายมีอิสระมากเกินไป ตอนนี้เริ่มวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรตติ้งของเกม โดยให้ความเห็นว่า ‘พวกเราต้องปกป้องเยาวชนเกาหลีจากเกมที่สื่อถึงความรุนแรง การปลุกปั่น และก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้า>


<พูดถึงการจัดเรตติ้งเกม… ตอนนี้คณะกรรมการจัดเรตติ้งเกมกำลังคุกเข่าเผชิญรับกระแสวิพากษ์จากทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงศึกษาธิการหรือคณะกรรมการมาตรฐานสื่อเกาหลี>


<ความเห็นของสาธารณชนปะทุขึ้นทันทีหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว พวกเขาอ้างว่านี่คือศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด และสงสัยว่าประเทศของเราจะยึดหลักคำสอนของขงจื๊อไปถึงเมื่อไร? โดยกังวลว่าเรื่องนี้อาจกลายประเด็นที่ทำให้ถูกนานาชาติเย้ยหยัน>


< ‘โลกซาทิสฟายพยายามโน้มน้าวให้ผู้เล่นเดินไปบนเส้นทางวีรบุรุษ’ นักวิจารณ์เกมทั้งในและต่างประเทศแสดงความไม่เห็นด้วยต่อคณะกรรมการมาตรฐานสื่อของเกาหลี>


สิบวันที่ผ่านมาคือสิบวันที่วุ่นวายที่สุดในชีวิตฮิวรอย


มันเดินทางข้ามทวีปด้วยไวเวิร์นเพื่อตระเวนตีแผ่ความจริงของนรก และเมื่อต้องออฟไลน์ มันยังคอยกระจายข่าวบนโลกความจริง


ฮิวรอยทำงานอย่างหนักเพื่อโน้มน้าวใจของ NPC และผู้เล่น


ระหว่างนี้ ความช่วยเหลือจากวิหารยาธานคือเรื่องที่น่าประหลาดใจ


ทั้งที่โบสถ์โดมิเนี่ยนและยูดาห์ปฏิเสธความจริง แต่วิหารยาธานกลับยอมรับว่าสิ่งที่ฮิวรอยพูดนั้นถูกต้อง


แม้พวกมันจะเพิ่งค้นพบความจริงเช่นเดียวกันคนอื่น แต่ในเมื่อตัวศาสนากราบไหว้บูชาเทพยาธาน และต้องการให้ยาธานเสด็จเยือน จึงฉวยโอกาสตรงหน้าในการสร้างความชอบธรรม


การตัดสินใจดังกล่าวส่งผลให้พลังอำนาจของพวกมันลดลงอย่างมาก


สมาชิกเดิมหลายคนตั้งคำถามว่า เหตุใดพวกตนถึงต้องนับถือยาธานต่อไป ในเมื่อนี่ไม่ใช่ศาสนาแห่งความชั่วร้าย


กว่าครึ่งของข้ารับใช้ยาธานหันหลังให้ศาสนา และมีสาวกติดสอยห้อยตามพวกมันไปเป็นจำนวนมาก


วิหารยาธานที่เปลี่ยนมาขับเคลื่อนโดยผู้เล่นอย่างแท้จริง ถือเป็นข่าวดีสำหรับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


เพราะผู้เล่นมิอาจละเลยอิทธิพลของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เหตุการณ์ดำเนินมาถึงจุดที่วิหารยาธานกลายเป็นพันธมิตรของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เต็มตัว


“เหนื่อยหน่อยนะ”


กรุงไรน์ฮาร์ท อาณาจักรโอเวอร์เกียร์


ลอเอลทักทายฮิวรอยอย่างอบอุ่น


พิจารณาจากปฏิกิริยาของสื่อทั่วโลก ความจริงของนรกที่กริดเปิดเผย ปัจจุบันได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง


เป็นหลักฐานยืนยันว่าผู้คนเชื่อใจกริดมากเพียงใด แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องชื่นชมคือความเหน็ดเหนื่อยของฮิวรอย


นรกที่เคยเข้าใจว่าเป็นรังแห่งความชั่วร้าย แท้จริงแล้วเป็นโลกที่สร้างขึ้นเพื่อคนตาย


สามัญสำนึกพลิกกลับด้านโดยสิ้นเชิง


หากไม่ได้การถ่ายทอดที่คล่องแคล่วและฉะฉานของฮิวรอย คงมีผู้คนอีกมากที่ยังไม่ปักใจเชื่อไม่ว่าหลักฐานจะครบถ้วนสมบูรณ์เพียงใด


ลอเอลยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ฝ่ายตนมีสุดยอดกระบอกเสียงอย่างฮิวรอย


“ข้าไม่เหนื่อยเลยสักนิด ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างราบรื่นด้วยฝีมือพระองค์ สงครามครั้งนี้จบลงแล้ว”


ฮิวรอยฉีกยิ้มกว้างขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง


ไรน์ฮาร์ทมีชีวิตชีวาขึ้นมากเนื่องจากทหารทยอยกลับจากสงคราม


ใบหน้าของผู้คนที่ได้กลับมาพบครอบครัวอีกครั้งหลังจากผ่านช่วงเวลาความเป็นความตาย ปัจจุบันกำลังเปี่ยมไปด้วยความเบิกบาน บางคนกุมมือพ่อแม่ บางคนโอบกอดสัตว์เลี้ยง บางคนสังสรรค์กับเพื่อนฝูง


ผับและร้านอาหารเต็มไปด้วยลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มหรือครอบครัว


เป็นภาพที่ทุกคนร่วมมือกันต่อสู้เพื่อให้ได้มา


และไม่ใช่แค่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ แต่ภาพเช่นนี้ยังเกิดกับชาติพันธมิตรทั้งหมด จักรวรรดิ และวัลฮัลล่า รวมไปถึงเหล่าคนพเนจรที่ไม่ได้สังกัดอาณาจักร และพวกอันธพาลที่มักสร้างปัญหาไปวันๆ


สันติสุขในปัจจุบันเกิดขึ้นได้เพราะทุกคนช่วยกันปกป้อง


แต่มันยังไม่จบ


ถัดไป ทุกคนต้องต่อสู้เพื่ออนาคต


“…”


สีหน้าฮิวรอยกลายเป็นดำมืด


ห่างไกลออกไป นอกปราสาทชั้นนอก


กลุ่มคนจำนวนมากทยอยเดินไปยังจุดที่เคยเป็นภูเขา


“หรือว่าคนพวกนั้น…”


“ใช่ ญาติของผู้ตาย… โชคดีที่บราฮัมถล่มภูเขาแถวนั้นจนยับเยิน เราจึงมีสถานที่สำหรับสร้างสุสานเพิ่ม”


“มีคนตายไปประมาณห้าหมื่นใช่ไหม…”


“เมื่อเทียบกับอาณาจักรอื่น ของเราน้อยกว่ามาก”


ในกรณีของจักรวรรดิซาฮารัน จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่หลักสิบล้าน


เป็นการนับรวมเหตุการณ์ที่ ‘ครึ่งอสูร’ ออกอาละวาดก่อนมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร จนกระทั่งกรุงไททันกลายเป็นเวทีหลักของสงครามไปโดยปริยาย


เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดความเสียหายหนักหน่วง


หากนับรวมพลเรือที่เสียชีวิตเข้าไปด้วย จักรวรรดิอาจมีคนตายมากถึงหลักร้อยล้าน


ฮิวรอยตกอยู่ในภวังค์ทันที


ฉากของสนามรบที่เต็มไปด้วยกลิ่นเลือดและดินปืนถูกฉายในความคิด


ใบหน้าและเสียงร้องของทหารที่เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา กำลังฉายในความทรงจำอย่างชัดเจน


ฮิวรอยไม่กลับนับจำนวนทหารที่มันปกป้องไม่ได้


เมื่อการเสียสละของคนเหล่านั้นกลายเป็นรูปธรรมชัดเจน มันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด


ลอเอลซึ่งไม่ได้เข้าร่วมสนามรบ ย่อมเข้าไม่ถึงอารมณ์ดังกล่าว


“ในท้ายที่สุด ทุกสิ่งผ่านไปได้ด้วยดี สงครามครั้งนี้ทำให้อำนาจของจักรวรรดิสั่นคลอนสถานหนัก คงเป็นการยากที่พวกเขาจะผงาดค้ำทวีปนี้ได้ตามลำพัง และเมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่สาธารณชนยอมรับในพลังของกริด จักรวรรดิคงหาทางเจรจาผนึกรวมกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ในอนาคตอันใกล้ หรือกล่าวได้ว่า จักรวรรดิในอนาคตจะไม่ใช่ซาฮารัน แต่เป็นเรา”


“…ขอถามสักเรื่องได้ไหม”


“เชิญ”


“นายอยู่เบื้องหลังเรื่องที่พระองค์แทบไม่ได้แทรกแซงสงครามด้วยตัวเองใช่ไหม”


เป็นคำถามที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


แต่ดวงตาฮิวรอยเกิดประกายความหวาดหวั่นเล็กๆ


มันหวังว่าลอเอลจะตอบปฏิเสธ


แต่น่าเสียดาย ลอเอลพยักหน้า


แถมยังยิ้ม


“แน่นอน”


กริดแทบไม่มีเหตุผลให้ต้องเข้าร่วมสงคราม


ประการแรก สถานการณ์ภาพรวมยังคงไปได้ดีแม้ไม่มีกริด


ประการที่สอง การแทรกแซงของกริดจะช่วงชิงโอกาสในการเติบโตของผู้เล่นและทหารอีกมาก


ประการที่สาม พลังการตีเหล็กของกริดเหมาะแก่การสนับสนุนจากเบื้องหลัง และลำพังการสนับสนุนจากเบื้องหลังก็นับว่าเพียงพอแล้ว


ประการที่สี่ กริดเพิ่งรวบรวมวัสดุสำหรับผลิตศาสตรามังกร คงเป็นการดีกว่าหากจะให้กริดทุ่มสมาธิไปกับศาสตรามังกร เพื่อคอยรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น


และอีกมากมาย


ลอเอลโน้มน้าวกริดด้วยเหตุผลหลายประการ


มันคอยย้ำเตือนว่ากริดไม่จำเป็นต้องออกหน้าในสนามรบด้วยตัวเอง เว้นแต่จะเป็นกรณีพิเศษอย่างเศษชิ้นส่วนอีโก้ของบาเอลปรากฏตัว


การทำเช่นนี้ไม่มีสิ่งใดที่ผิด ไม่ว่าจะมองมุมใดก็สมเหตุสมผล


ลงเอยด้วย กริดยอมเชื่อใจและฝากฝังให้พวกพ้องคอยจัดการสงครามแทน


แต่ในความเป็นจริง ภายในใจลอเอลกลับคิดอีกแบบ


นับตั้งแต่เริ่ม มันมองว่ามหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรคือโอกาส


โอกาสที่จะทำให้จักรวรรดิอ่อนแอและฮุบกลืน


แน่นอนว่าลอเอลไม่มีวันเปิดเผยความคิดนี้กับใคร


เพราะถ้าอธิบายไป กริดจะต้องโกรธอย่างแน่นอน


“อย่างนั้นหรือ… ฉันดีใจ… ที่ฝ่ายเรามีคนแบบนาย”


ฮิวรอยฝืนข่มใจไม่ให้อาเจียนออกมา


มันเกลียดตัวเองที่ชื่นชมกลอุบายของลอเอล แทนที่จะตำหนิและวิจารณ์ตามสามัญสำนึก


สีหน้าของมันกำลังดำมืด


ลอเอลยักไหล่


“กลุ่มคนที่ซื่อตรง… มักไปได้ไม่ค่อยไกล”


กิลด์โอเวอร์เกียร์เป็นองค์กรที่มีลักษณะเฉพาะตัว


ไม่มีใครรับบทผู้ร้าย


ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่แสดงความทะเยอทะยานในเชิงอำนาจ


ไม่เกินจริงไปนักหากจะกล่าวว่า นี่เป็นกลุ่มของเด็กไร้เดียงสา ใครหลายคนอาจปรารถนาความแข็งแกร่ง แต่อย่างมากก็แค่พัฒนาตัวละคร


‘ดังนั้น เราต้องยิ่ง…’


ต้องยิ่งเยือกเย็นกว่าใคร…


ลอเอลเผยสีหน้าขื่นขมขณะส่งฮิวรอยผู้มีสีหน้าดำมืดกลับไป น้ำตาสีเลือดที่ไหลรินอาบแก้มแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของนักสร้างสกิน


***


อาจเป็นเพราะมันต้องการชะล้างสิ่งสกปรกที่ยังติดค้างภายในหัวใจ


ฝนตกกระหน่ำตกอย่างต่อเนื่อง


“ฉันรู้สึกดีเสมอที่ได้เห็นคนเฒ่าคนแก่จุดบุหรี่”


สุสานที่ฝังของที่ระลึกของผู้เสียชีวิต


เป็นสุสานสำหรับครอบครัวของเหยื่อที่ไม่เหลือแม้แต่ศพ


ป็อนกำลังยืนข้างเรกัสซึ่งเฝ้ามองเหล่าครอบครัวของผู้ที่ต้องทนทุกข์ในนรกไปชั่วนิรันดร์


“การได้เห็นคนอายุเจ็บสิบแปดสิบสูบบุหรี่ หัวใจของฉันรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก”


ป็อนที่เพิ่งกลับมาออนไลน์หลังจากล็อกเอาต์ไปสักพัก รำพันหลังจากได้กลิ่นบุหรี่


แน่นอน มันกล่าวเช่นนี้เพราะอารมณ์ของบรรยากาศ


เรกัสส่ายหน้า


“พวกเขาอาจจะอายุแค่หกสิบก็ได้ แค่หน้าแก่เพราะบุหรี่”


“น…นั่นไม่ทำร้ายจิตใจคนสูบบุหรี่ไปหน่อยหรือ ฟังดูยังกับคำสาป”


“บุหรี่เป็นอันตรายและไม่มีประโยชน์ นายเองก็ควรเลิกได้แล้ว”


“เข้าใจแล้วน่า…”


เสียงของป็อนแหบแห้งขณะเฝ้ามองทิวทัศน์รอบสุสานที่ปกคลุมด้วยหมอกหนา


มันนึกทบทวนบุหรี่มวนสุดท้ายที่เพิ่งสูบ


ย้อนกลับไปเมื่อประมาณแปดปีก่อน


เมื่อได้ยินว่าเกมเสมือนจริงเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ป็อนตัดสินใจเลิกบุหรี่ทันที


นั่นเพราะมันไม่ต้องการเสียเวลาเข้าออกแคปซูลเพียงเพื่อสูบบุหรี่ นี่คือจิตวิญญาณของนักเล่นเกมมืออาชีพ


ป็อนเลิกบุหรี่ได้ภายในเวลาไม่นาน


มันนำเวลาที่ใช้สูบบุหรี่อย่างเปล่าประโยชน์ มาเก็บเลเวลและกลายเป็นไฮแรงเกอร์


แต่แล้ววันหนึ่ง ป็อนเริ่มคิดถึงบุหรี่อีกครั้ง


นั่นเพราะความที่สนิทสนมกับ NPC มากเกินไป


มันต้องการวิธีบรรเทาความหดหู่หลังจากได้เห็นเหล่าผู้สละชีพในสงครามใหญ่


แต่ป็อนก็อดทนมาได้โดยตลอด จนกระทั่งมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรเป็นตัวจุดชนวน


ในวันแรกของสงคราม ป็อนที่ทนไม่ไหวได้นำบุหรี่เข้าปากอีกครั้ง


“ฉันรู้สึกผิดต่อคนตาย… แต่ก็คิดว่ากริดไม่ได้ทำอะไรผิด”


หากกริดเข้าร่วมแนวหน้า


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะน้อยกว่านี้มาก


แต่กริดก็จงใจหลีกเลี่ยงสงคราม โดยนั่นช่วยให้เลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นและทหารเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด


เป็นเพราะกริดมีบทบาทน้อยลง ผู้คนจึงได้เผชิญความท้าทายมากขึ้น ได้คิดหาวิธีก้าวข้ามขีดจำกัด เอาชนะอุปสรรค และพัฒนาตัวเอง


“ในอนาคตมนุษย์ต้องต่อสู้กับนรก ก่อนจะถึงเวลานั้น พวกเราต้องหาโอกาสพัฒนาตัวเองให้เพียงพอ”


“ฉันรู้น่า คิดว่าฉันจะไม่พอใจกริดหรือไง? ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ฉันจะไม่เกลียดกริดอย่างแน่นอน… ป็อน นายเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?”


“ใช่… ทุกคนก็คงคิดแบบเดียวกัน”


เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างรู้จักนิสัยใจคอกริดเป็นอย่างดี


ชายคนนั้นไม่ได้หลีกเลี่ยงสงครามเพียงเพราะความโลภส่วนตัว


คงติดงานสำคัญบางอย่าง หรือไม่ก็เป็นการโน้มน้าวจากลอเอล หรือไม่ก็เป็นเพราะกริดต้องการให้ผู้คนเติบโต


ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ล้วนเกิดจากเจตนาที่ดี


หากกริดออกหน้าในสนามรบ


จำนวนคนตายอาจน้อยกว่าที่เป็นหลายสิบเท่า แต่อนาคตของผู้ที่รอดชีวิตก็คงไม่สดใสสักเท่าไร


ความจริงของนรกถูกเปิดโปง ผู้คนจำนวนมากสูญเสียศรัทธาในตัวรีเบคก้า


ในอนาคต ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงยิ่งกว่ามหาสงครามระหว่างมนุษย์กับอสูร


ผู้คนที่ยังไม่พัฒนาตัวเอง จะรับมือกับโลกใบนั้นได้จริงหรือ?


แน่นอนว่าไม่


อาจฟังดูโหดร้ายสำหรับผู้สูญเสีย แต่การเสียสละของพวกมันจำเป็นสำหรับอนาคต


และอันที่จริง การเอาแต่พึ่งพากริดในทุกสถานการณ์นั้นไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด


พวกพ้องทุกคนต้องช่วยเหลือกันและกันให้ได้


“แล้ว… นายจะอยู่แบบนี้ไปถึงเมื่อไร”


ครอบครัวผู้เสียชีวิตกำลังโอบกอดป้ายหลุมศพที่เปียกฝนพลางร่ำไห้


เรกัสถอนสายตากลับและลุกขึ้นยืน


“ช่วงเวลาไว้ทุกข์จบลงแล้ว”


ฉันจะช่วยสมาชิกครอบครัวพวกคุณให้พ้นจากนรก


พวกเขาจะได้เพลิดเพลินไปกับการกลับชาติมาเกิด มีชีวิตใหม่อีกครั้ง และได้กลับมารวมตัวกันในที่สุด


ดวงตาเรกัสเผยความแน่วแน่ขณะลั่นวาจาสาบาน


รอยยิ้มของมันคมกริบราวกับมีด


แต่ไหนแต่ไร นอกเหนือจากการเก็บเลเวล เรกัสมักคิดค้นวิธีการฝึกฝนตัวเองหลากหลายรูปแบบ


ยกตัวอย่างเช่น มันจะฝึกจิตโดยการยืนนิ่งๆ ใต้น้ำตกเป็นวันหรือหลายวันโดยไม่ทำอะไรเลย


นี่คือธรรมชาติของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้


อาจฟังดูไร้ประโยชน์สำหรับคนอื่น แต่สมาธิของเรกัสนั้นจดจ่อเหนือกว่าคนทั่วไป


ขณะกำลังต่อสู้ มันสามารถตัดสินใจและตอบสนองอย่างชาญฉลาดเพราะมีสมาธิที่แน่วแน่


เมื่อสมาธิและความเอาจริงเอาจังถูกผนวกรวมเข้าด้วยกัน อัจฉริยะเหนืออัจฉริยะจึงถือกำเนิด


บางที สิ่งนี้อาจเป็นผลมาจากการฝึกฝนด้านจิตใจอย่างหนักมาตลอดหลายปี


ป็อนมักถามตัวเองตลอดว่า เรกัสจะเติบโตไปได้ไกลเพียงใดหากสมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับการเก็บเลเวล


‘เดี๋ยวคงได้รู้กันแล้ว… ถึงเวลาที่เราต้องเลิกบุหรี่อีกครั้งสินะ’


***


เวิร์ลเควสต์


เป็นภารกิจที่มีบทลงโทษรุนแรงที่สุด มีรางวัลตอบแทนมากที่สุด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีระดับความยากสูงสุด


กริดก้าวข้ามอุปสรรคแรกมาแล้ว


ด้วยการยืมปากของฮิวรอย ชายหนุ่มประสบความสำเร็จในการเผยแผ่ความจริงไปทั่วโลกอย่างไม่ยากเย็น


ความคืบหน้าภารกิจกลายเป็น 20% และค่าบารมีเทพเพิ่มขึ้นยี่สิบหน่วย


มากกว่าค่าบารมีเทพ ‘สิบแปดหน่วย’ ที่กริดสั่งสมมาตลอดชีวิต


มันหอมหวาน


พลังสองชนิดใหม่ถูกเปิดใช้งาน


กริดลงมือตรวจสอบพลังแรก


[ระบบทำการเพิ่มพลังที่เหมาะสมกับผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง นับแต่นี้เป็นต้นไป ช่องคุณสมบัติสองช่องจะถูกเพิ่มลงบนไอเท็มทุกชิ้นที่ท่านสร้างขึ้น คุณสมบัติจะเป็นแบบสุ่ม แต่ท่านสามารถแก้ไขได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ดี ทุกการเปลี่ยนคุณสมบัติจะต้องใช้ ‘คำวิงวอน’ สองพันแต้ม]


[ค่าสถานะ <คำวิงวอน> ถูกเปิดใช้งาน]


<คำวิงวอน>

จำนวนคำวิงวอนที่ผู้คนส่งมาถึงท่าน

คำวิงวอนในปัจจุบัน: 1,839,874,511


“…!”


กริดนำดาบหนักกูเซลขึ้นมาอ่านรายละเอียด


มีช่องคุณสมบัติว่างๆ เพิ่มขึ้นสองช่องในหมวดหมู่คุณสมบัติ


กริดทำการทดสอบทันที


[ท่านต้องการใช้คำวิงวอน 2,000 แต้มเพื่อเพิ่มคุณสมบัติใช่หรือไม่?]


แน่นอนว่าใช่


[ค่าพละกำลัง +53 หน่วยถูกเพิ่มลงในช่องคุณสมบัติที่ 1 ของ <ดาบหนักกูเซล>]


“เห…”


หากต้องการเพิ่มค่าสถานะให้กับไอเท็ม กริดต้องบรรลุเงื่อนไขบางประการ เช่นการใช้วัสดุเฉพาะตัว


แต่ตอนนี้กลับทำได้โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย ไม่สิ ทำได้โดยการสละคำวิงวอนสองพันแต้ม


อย่างไรก็ดี คุณสมบัติดังกล่าวยังดูด้อยเกินไปเมื่อพิจารณาว่าดาบเล่มนี้มีเกรดมิธ


กริดลองอีกครั้ง


[ท่านต้องการใช้คำวิงวอน 2,000 แต้มเพื่อเพิ่มคุณสมบัติใช่หรือไม่? คุณสมบัติเดิมจะถูกลบออกและแทนที่ด้วยคุณสมบัติใหม่]


[ช่องคุณสมบัติที่ 1 ของ <ดาบหนักกูเซล> เปลี่ยนเป็น ดูดเลือด +5%]


[ช่องคุณสมบัติที่ 1 ของ <ดาบหนักกูเซล> เปลี่ยนเป็น ค่าความว่องไว +90 หน่วย]


[ช่องคุณสมบัติที่ 1 ของ <ดาบหนักกูเซล> เปลี่ยนเป็น ค่าต้านทานอาการผิดปรกติ +5%]


[ช่องคุณสมบัติที่ 1 ของ <ดาบหนักกูเซล> เปลี่ยนเป็น ค่าความน่าเกรงขาม +101 หน่วย]


[ช่องคุณสมบัติที่ 1 ของ <ดาบหนักกูเซล> เปลี่ยนเป็น ค่าต้านทานความเสียหาย +3%]


“ค*ย”


ช่วงของคุณสมบัติกว้างเกินไป


ดูเหมือนว่าค่าสถานะทุกชนิดในซาทิสฟายจะถูกนำมาสุ่ม กระทั่งตัวเลขก็ยังสุ่ม


กริดลองไปทั้งสิ้นสามสิบเอ็ดครั้ง จากบรรดาทั้งหมด คุณสมบัติที่เพิ่มค่าพละกำลังเกิดขึ้นสามครั้ง โดยแต่ละครั้งแตกต่างกันมาก ประกอบด้วย 50, 53 และ 120


เป็นเรื่องยากมากที่จะคำนวณหาว่า ต้องสุ่มกี่ครั้งจึงจะได้ค่าสถานะที่ต้องการและมีตัวเลขสูงที่สุด


ถัดไปเป็นการทดสอบช่องคุณสมบัติที่สอง


และผลลัพธ์ไม่ต่างกัน


“ให้ตายสิ…”


กริดรู้สึกเบื่อหน่ายกับความชั่วร้ายของ SA กรุป


แต่ในขณะเดียวกัน มันมีความสุข


ชายหนุ่มคาดการณ์ว่า หากทุกไอเท็มที่ตนสร้างถูกสุ่มใหม่จนได้คุณสมบัติที่ดีที่สุดสองชนิด ความแข็งแกร่งภาพรวมของตนจะเพิ่มขึ้นมาก


การได้แข็งแกร่งขึ้นถือเป็นเรื่องดีเสมอ


แม้ว่าจะต้องพึ่งดวงไม่น้อย


แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรค่าแก่การยินดี


กริดมีค่าคำวิงวอนกว่า 1.8 พันล้านแต้ม


อีกทั้งยังเพิ่มขึ้นตลอดเวลา


ไม่ต่างอะไรกับการเปลี่ยนคุณสมบัติฟรี ซึ่งนั่นทำให้กริดมีความสุขมาก


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00